Over Man! ตอนที่ 8 ผีที่ขอบโลก

กระทู้สนทนา






A spectre is haunting Europe — the spectre of communism.
All the powers of old Europe have entered into a holy alliance to exorcise this spectre...

Karl Marx




เวโรนิก้าหนีการตามล่าขององครักษ์หญิงไปจนสุดขอบโลก  ที่ซึ่งดารดาษด้วยทุ่งหินรกร้างสุดลูกหูลูกตา  ลมพัดผ่านซอกหินและรอยแยกอันดำมืดราวจะทะลุไปถึงหัวใจอันดิบดำของปฐพีส่งเสียงราวกับมีปีศาจกระซิบกระซาบอยู่ตลอดเวลา

นางหอบหายใจปักดาบแห่งความยุติธรรมกับเพื่อพยุงตัว  กระแสแม่เหล็กที่ก่อตัวรอบ ๆ ดาบดึงเอาแสงออโรร่าสีม่วงอมเทาจากฟากฟ้ามาหมุนวนเป็นเกลียวรอบ ๆ ดาบราวกับว่านางยืนอยู่ใจกลางตาพายุ

ทันใดนั้น  เสียงหัวร่อก็คำรามกระหึ่มเลื่อนลั่น  ราวกับอยู่ใกล้  และราวกับอยู่ห่างไกล  ก่อนจะเงียบลงเหลือแต่เสียงหวีดหวิวของสายลมในทุ่งหินร้าง

เวโรนิก้าเหลียวไปมองรอบ ๆ อย่างหวาดหวั่น  หล่อนไม่ได้กลัวพวกองครักษ์แล้ว  แต่กลัวอำนาจทะมึนอันไม่สามารถมองเห็นตัวได้ที่ค่อย ๆ ครอบงำหัวใจให้หนักอึ้งขึ้นทุกที

เมื่อเงี่ยหูฟังทั้งที่เหงื่อไหลเย็นเยียบอาบหน้า  เสียงหวีดหวิวนั้นก็ดูคล้ายภาษาแปลก ๆ เหมือนคำล่อลวงของปีศาจ  นางก้าวเท้าไปอย่างไม่รู้ทิศพลางลากดาบที่สร้างเกลียวแสงเหนือบนพื้นพิภพไปให้เกิดทิวทัศน์พิสดาร

อา...เสียงนั้น

เหมือนเสียงเต้นตุบ ๆ ของหัวใจ  หรือเสียงหวีดหวิดรบกวนจนฟังไม่ได้ศัพท์ของปีศาจเริงร่า

เวโรนิก้าย่อตัวลงกับพื้นและแนบหูฟังเสียงที่เล็ดรอดออกมาจากรอยแยกดำมืดของพื้นหิน

"แกเป็นใคร"

นางกล่าวแก่เสียงหัวร่อเย้ยหยันที่สะท้อนจากใต้พิภพ

"บอกมาสิว่าแกเป็นใคร  แกต้องการอะไร"

เสียงหวีดหวิวทำให้นางเข้าใจผิดไปครู่หนึ่งว่านั่นคือลม  เสียงกระซิบกระซาบด้วยภาษาโบราณ  ภาษาเก่าแก่ที่ถูกสาปแช่งและไม่ควรอยู่บนพื้นพิภพกล่าวแก่นาง

เวโรนิก้าสั่นเทิ้มทั้งสรรพางค์กายแม้จะไม่เข้าใจความหมาย  

"แกจะนำข้าไปที่ใด  พูด!  ข้าจะไม่ไปไกลกว่านี้"

ภาษาโบราณนั้นหยุดไป  เปลวไอสีดำเย็นเยือกที่ระเหยแทรกซึมขึ้นจากร่องหินจำนวนมากในอาณาบริเวณ  พวยพุ่งระเหยจนบริเวณโดยรอบมืดทะมึนเหมือนกับหลงเข้าไปในเมฆพายุอันโกรธเกรี้ยว

นัยน์ตาเรืองสีแดงจ้องมองเวโรนิก้าจากม่านเงา  คล้ายมีตัวตนแต่ก็ไม่คล้ายมี  แม้แต่เสียงที่กล่าวแก่นางก็ยังเหมือนฝุ่นควันที่พร้อมจะระเหยทันทีที่ต้องแสงอาทิตย์

"จงฟังให้ดี"

นางข่มความกลัวที่สะท้านไปทุกรูขุมขนต่อความยิ่งใหญ่ของการดำรงอยู่อันนางประจักษ์ด้วยเรือนกายและจิตวิญญาณ  แล้วตอบกลับไป  "ข้าฟังอยู่"

"เวลาได้มาถึงจุดเหหัก  เรือนกายข้าอาบด้วยเปลวไฟและกำมะถัน  แต่มันช่างเย็นเยือกเสียจริง"

"ภูตผีที่น่าสมเพช!"

สัตนั้นหัวเราะกังวาน  แต่ตาแดงเรืองยังจับจ้องนางราวกับเป็นเหยื่อตัวน้อย ๆ ในอำนาจ  

"สมเพชข้า?  เฮอ..เฮอ..  จงยืมหูเจ้าให้แก่ข้า  และฟังสิ่งที่ข้าจะคลี่คลาย"

เวโรนิก้ากระชับผ้าคลุมแห่งความดีงามไว้รอบตัว  ผ้าคลุมนี้ช่วยปิดบังนางพ้นจากสายตาของใครก็ตามบนพื้นพิภพ  แต่นางไม่รู้สึกว่ามันช่วยให้นางพ้นจากความกดดันของสัตนั้น

"อา..เจ้าผู้เคียดแค้นอาฆาต  หากเจ้าแสวงหาการจองเวร  จงฟังเรื่องของข้า"

"นามของข้าคืออาดิกอส  เทพแห่งอาสัตย์ผู้ถูกหักหลังอย่างชั่วช้า"

"กายของข้าถูกช่วงชิง  ข้าเหลือเพียงวิญญาณ  ข้าคืบคลานตามเงามืดของโพ้นขอบโลกที่ข้าถูกเนรเทศ"

"ด้วยดาบของเจ้าข้าตื่นจากหลับใหล  หัวใจดวงน้อย ๆ ที่กระหายการจองล้างของเจ้า  เติมเปลวไฟแห่งพยาบาทให้แก่ข้า  อา....เวโรนิก้า  ข้ารู้จักเจ้ามาแล้วนับพันนับหมื่นครั้ง  ทุกครั้งที่เจ้าปรากฎตัวยังคงเหมือนเดิม"

"สองตาแดงฉานดุจดวงเดือนที่ย้อมด้วยเลือด  เสื้อผ้าขาดวิ่นเหมือนสัตว์ที่ถูกไล่ต้อน  อา..เจ้าสั่นเทาดุจลูกกวางตัวน้อย ๆ  แต่หัวใจที่ดำดิบของเจ้ามันช่างงดงามยิ่งกว่างูพิษในสวนอีเดน"

"เวโรนิก้า..เวโรนิก้าที่น่าเวทนา  เจ้าถูกฆ่าอย่างเลือดเย็น  กระดูกของเจ้ากองอยู่ที่พื้น  ร่างเย็นชืดของเจ้างอก่องอขิงในถ้ำสุสาน  ความตายของเจ้าคงเปล่าดายหากนางผู้นั้นไม่ยื่นมือเข้ามายุ่ง  เวโรนิก้า..เวโรนิก้า  เจ้าถูกแทงด้วยกริชอันคม  กรีดไส้ของเจ้าจากมดลูกไปสู่ช่องอก  ด้วยมือของชายหนุ่มที่ฆ่าเจ้าเหมือนกับตบยุงตัวหนึ่ง  เจ้าสิ้นชีพด้วยน้ำมือเขามาแล้วนับพันนับหมื่นครั้ง  และความตายจะติดตามเจ้าต่อไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด"

เวโรนิก้ากรีดร้องกับพื้น  เพราะความทรงจำที่ไหลบ่าท่วมท้นจนสติของนางแทบขาดผึง  ด้วยอำนาจของอาดิกอส  นางเห็นภาพของอดีตชาติที่นางถูกอัลลันฆ่าอย่างทารุณซ้ำแล้วซ้ำเล่านับพันนับหมื่นชาติภพ  ริมฝีปากของเครทอสที่ออกคำสั่งอย่างไร้หัวใจถูกเน้นและฝังลึกราวกับมันเป็นปากมดลูกของนางเอง  นางทอดร่างเป็นซากกับพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า  พลั่วของเดวิดที่ขุดดินกลบปากถ้ำทำลายเสี้ยวแสงสุดท้ายของนางในทุก ๆ ชาติที่เวียนวน  ชาตาของนางมีเพื่อถูกฆ่าและถูกฆ่า  ไม่มีทางที่นางจะหลบหนีไปจากวัฏจักรอันหฤโหดได้

"ความยุติธรรม...ความยุติธรรมอยู่ที่ใด  มีใครจะร่ำไห้คร่ำครวญเหนือร่างอันซีดเซียวของเจ้า  ดาบของดิเก้มิได้มีไว้เพื่อล้างแค้น  นางทำงานใดเล่านอกจากฟาดฟันข้า  กลบฝังข้าไว้ในแดนรกร้าง  เพื่อมิให้ข้ามาหลอกหลอนทวงคืนการจองล้างอันควรแก่บาปมหันต์และฆาตรกรมือเปื้อนเลือดส่งกลิ่นคาวฟุ้ง"

"ข้าคือเสียงเพรียกจากเบื้องล่าง  เพียรทวง  และคอยหลอนอย่างไม่รู้หน่าย  ข้าคือวิญญาณที่เจ้าจะเห็นในยามดึก  ซึ่งผมของเจ้าจะตั้งชี้ชันด้วยระแวงบาปเคราะห์อันก่อไว้  ข้าคืออาดิกอส  ผู้ทวงถามความอยุติธรรม  และบาปผิด  พวกเขาขับไล่ข้า  รวมกำลังเป็นภาคีศักดิ์สิทธิ์อันขี้ขลาดตาขาว  เพื่อฝังเรือนกายของข้า  วิญญาณของข้าให้ตกนรกหมกไหม้  เพื่อเสวยสุขบนกองกระดูกขาวโพลนที่ถูกช่วงชิงไปกระทั่งเสียงร่ำไห้"

"แต่เสียงของข้าไม่อาจถูกช่วงชิง  เสียงของข้าส่งมาถึงเจ้า   เสียงเพรียกที่ข้ากระซิบผ่านโครงกระดูกและซากศพและน้ำหนองอันไหลเยิ้มรวยริน  จะนำความยุติธรรมที่ถูกช่วงชิงกลับคืนสู่โลก..."

เวโรก้านิก้านอนทอดร่างกลางทุ่งหิน  น้ำตาไหลรินจากความสะทกสะท้อนและประสบการณ์อันน่าประหวั่นพรั่นพรึงอย่างที่สุด  อาดิกอสจากไปแล้ว  เหลือเพียงเสียงหวีดหวิวของทุ่งหินและซอกรอยแยกทมิฬของโลกใต้พิภพ  นางมองทวยฟ้าที่ออโรร่าสีม่วงอมเทาบิดเป็นเกลียวเหมือนภูตร้ายสมสู่  ดาบแห่งความยุติธรรมเปลี่ยนจากสีดำสนิทกลายเป็นสีขาวดุจซากกระดูก  คือสีเซียวของความตาย  สีของม้าดุลลาฮานซึ่งจะเก็บเกี่ยววิญญาณจากพื้นพิภพ  และสีของน้ำตา  สีของการคร่ำครวญโหยไห้ของความอยุติธรรม

นางนอนอยู่ที่นั่นเนิ่นนาน  ในดินแดนที่ไม่อาจแยกแยะกลางวันกลางคืน  จากนั้นจึงเดินโซเซหายไปในทุ่งรกร้างอันปราศจากชีวิตใด ๆ




+

+
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่