« ความรักที่มิอาจยืนยาว »
- ยามพระจันทร์เต็มดวง
- เจ้าช่างงดงามดั่งจันทร์ฉายประกาย
- ดั่งดวงดาวพร่างพรายบนนภา
- พลิ้วปลิวมา พัดพาวันวานครั้งมีเจ้าอยู่เคียง
- ไม่มีบุปผาใดเทียบเทียม
- กลิ่นหอมนวลไม่เคยจางหาย
- ดั่งดอกไม้ที่เคยแนบกาย แทนใจ
- เมื่อจำต้องลาจาก วอนให้สายลมช่วยบอกลา
- เมื่อข้าต้องจำจากไป สายลมพัดรำพึง สุดจะแสนคำนึง
- กุหลาบมอญเบ่งบานกลางไฟศึก
- ถนอมกลีบละออแม้รอนราญ
- แม้เปลวเพลิงโหมซัดทุกวันวาร
- ยังคงหอมหวานแฝงฝันกลางควันไฟ
- นักรบเอยปรี่ประจันไม่หวั่นภัย
- และพร้อมสู้จนตัวตายเพื่อใต้หล้า
- เสียงกลองดังสนั่นขย่มขวัญ
- นักรบต่างคร่ำครวญท่ามกลางสนามรบ
- เหล่าทวยเทพทอดพระเนตรลงมา
- เห็นศึกใหญ่เดือดดาลทั่วฟ้าดิน
- ข้าทำศึกตัวตายไม่สะท้าน
- แม้คมดาบประหารมิหวั่นไหว
- แต่แสนเสียดายท่ามกลางสนามรบ
- เลือดของข้าหลั่งรินจนจะสิ้นใจ
- ความคิดถึงก็เบ่งบาน ในห้วงเวลาอันแสนสั้น
- นอกจากคำสาบานมีถ้อยคำอีกมากมายที่ยังไม่ได้บอกกับคนที่รัก
- ว่าเธอคือช่วงเวลาที่ข้ามิอาจลืมเลือน
- และยังเป็นความบ้าคลั่งอย่างสิ้นหวังของข้า
- ดอกกุหลาบมอญชูช่อ แม้ไฟล้อม
- เลือดชะลอมทั่วหล้าราวมลทิน
- แม้เพลิงพัดเผาผลาญจนสิ้นจินต์
- แต่กลิ่นยังคงหอมยั่วเย้าชวนหลง
- ใจข้ายังคงห่วง บางครั้งยังช้ำในทรวง เจ้าไม่อาจรับรู้
- จากไปกายล่วงลับเป็นเถ้าธุลี
- แต่รักนี้ยังถวิล สถิตลงไปสู่พื้นธรณี
- เจ้ากุหลาบมอญ ยังคงเป็นเจ้าเสมอ
- ถึงพสุธาแบ่งเราให้ไกลออกไปพันลี้
- แต่จะกี่แว่นแคว้นก็ไม่อาจขวางกั้นเราได้
- แม้ร่างกายสลาย สิ่งสุดท้ายที่ยังแทนใจ
- คือรักจริงที่ยังเบ่งบานในใจข้าไม่เสื่อมคลาย
- แม้โชคชะตาจะทำให้เราต้องแยกจากกัน
- แต่ชาตินี้ข้าได้พบกับเจ้า ข้าช่างโชคดียิ่งนัก
(รักของเราจะยังคงเบ่งบานเหมือนดั่งกุหลาบมอญ)
- ถ้าชาติหน้ามีจริง ข้าก็หวังว่าเราจะยังได้พบกันอีก "เทพธิดาของข้า"
“ ความรักที่มิอาจยืนยาว ”
(ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ)
“ ความรักที่มิอาจยืนยาว ”
- ยามพระจันทร์เต็มดวง
- เจ้าช่างงดงามดั่งจันทร์ฉายประกาย
- ดั่งดวงดาวพร่างพรายบนนภา
- พลิ้วปลิวมา พัดพาวันวานครั้งมีเจ้าอยู่เคียง
- ไม่มีบุปผาใดเทียบเทียม
- กลิ่นหอมนวลไม่เคยจางหาย
- ดั่งดอกไม้ที่เคยแนบกาย แทนใจ
- เมื่อจำต้องลาจาก วอนให้สายลมช่วยบอกลา
- เมื่อข้าต้องจำจากไป สายลมพัดรำพึง สุดจะแสนคำนึง
- กุหลาบมอญเบ่งบานกลางไฟศึก
- ถนอมกลีบละออแม้รอนราญ
- แม้เปลวเพลิงโหมซัดทุกวันวาร
- ยังคงหอมหวานแฝงฝันกลางควันไฟ
- นักรบเอยปรี่ประจันไม่หวั่นภัย
- และพร้อมสู้จนตัวตายเพื่อใต้หล้า
- เสียงกลองดังสนั่นขย่มขวัญ
- นักรบต่างคร่ำครวญท่ามกลางสนามรบ
- เหล่าทวยเทพทอดพระเนตรลงมา
- เห็นศึกใหญ่เดือดดาลทั่วฟ้าดิน
- ข้าทำศึกตัวตายไม่สะท้าน
- แม้คมดาบประหารมิหวั่นไหว
- แต่แสนเสียดายท่ามกลางสนามรบ
- เลือดของข้าหลั่งรินจนจะสิ้นใจ
- ความคิดถึงก็เบ่งบาน ในห้วงเวลาอันแสนสั้น
- นอกจากคำสาบานมีถ้อยคำอีกมากมายที่ยังไม่ได้บอกกับคนที่รัก
- ว่าเธอคือช่วงเวลาที่ข้ามิอาจลืมเลือน
- และยังเป็นความบ้าคลั่งอย่างสิ้นหวังของข้า
- ดอกกุหลาบมอญชูช่อ แม้ไฟล้อม
- เลือดชะลอมทั่วหล้าราวมลทิน
- แม้เพลิงพัดเผาผลาญจนสิ้นจินต์
- แต่กลิ่นยังคงหอมยั่วเย้าชวนหลง
- ใจข้ายังคงห่วง บางครั้งยังช้ำในทรวง เจ้าไม่อาจรับรู้
- จากไปกายล่วงลับเป็นเถ้าธุลี
- แต่รักนี้ยังถวิล สถิตลงไปสู่พื้นธรณี
- เจ้ากุหลาบมอญ ยังคงเป็นเจ้าเสมอ
- ถึงพสุธาแบ่งเราให้ไกลออกไปพันลี้
- แต่จะกี่แว่นแคว้นก็ไม่อาจขวางกั้นเราได้
- แม้ร่างกายสลาย สิ่งสุดท้ายที่ยังแทนใจ
- คือรักจริงที่ยังเบ่งบานในใจข้าไม่เสื่อมคลาย
- แม้โชคชะตาจะทำให้เราต้องแยกจากกัน
- แต่ชาตินี้ข้าได้พบกับเจ้า ข้าช่างโชคดียิ่งนัก
(รักของเราจะยังคงเบ่งบานเหมือนดั่งกุหลาบมอญ)
- ถ้าชาติหน้ามีจริง ข้าก็หวังว่าเราจะยังได้พบกันอีก "เทพธิดาของข้า"
“ ความรักที่มิอาจยืนยาว ”
(ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ)