ตอนที่ 13 ความจริงคือ...
เจ้านางกาลีหันหน้ามามองต้นเสียง ที่เห็นเป็นกายทิพย์ของวรรณ นีรนุชและฝนทิพย์ ที่ลอยห่าง
ไม่เกิน 10 เมตร ถึงจะตื่นตระหนก แต่ปีศาจกลับกลบเกลื่อนด้วยการตวาดไปยังทั้งสาม ด้วยเสียงดัง
เพื่อขู่ให้ทั้งสามเกรงกลัว
"...ตอนนี้ร่างแก...มันเป็นของข้า...แกไม่มีทางได้ร่างนี้กลับไปอีกแล้ว
ถ้ายังเป็นห่วงร่างของแก อย่าเข้ามายุ่ง....ไม่งั้น...ข้าจะทำลายร่างของแกซะ!!..
แล้วคนที่เสียใจก็เป็น...พ่อของแก..."
กายทิพย์ของวรรณจ้องมองมา ด้วยสายตาปราศจากความรู้สึก มือของเธอจับมือกายทิพย์ของนีรนุช
มันเหมือนความสัมพันธ์ที่แนบแน่นของทั้งสอง ก่อนจะกล่าวออกมา
"แต่ถ้าร่างของหนู ต้องไปทำความเดือดร้อนให้ใครๆ หรือมีใครต้องตาย
ร่างของหนู ก็ควรต้องถูกทำลายไปพร้อมวิญญาณของคนที่เกี่ยวข้อง...ทั้งหมด"
เจ้านางกาลีถึงกับ ตกตะลึงในคำตอบของวรรณ นั้นหมายถึงเธอพร้อมจะสลายไปพร้อมปัญหาทั้งหมด
นั่นคือการตาย พร้อมกับเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้น แล้วเจ้านางกาลีก็เหยียดยิ้มออกมา
"ดี...งั้นพวกแกทั้งหมด ต้องตายพร้อมกัน...หึๆๆ...
เพราะเมื่อทั้งหมดตาย...อย่างมาก ข้าก็แค่หาร่างใหม่...แล้วแผนการของข้า
ก็กลับมาเส้นทางเดิม พวกแกก็แค่ตายไป...ก็เท่านั้น...หึๆๆ..."
วรรณยืนนิ่ง นัยน์ดวงตานั้นเศร้าหมอง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเดิม
"น้า...ก็แค่หลอกตนเอง...หนูรู้มาว่า ถ้าร่างหนูสลายไป วิญญาณของน้า
ก็ดับสิ้นไปด้วย เพราะในตอนนี้ร่างของหนู...วิญญาณของหนู ได้เชื่อมติดกันจนแยกไม่ได้
ถ้าวิญญาณของหนูต้องสลายไป ร่างของหนูก็จะตาย...แล้วสุดท้าย
วิญญาณของน้า ก็ดับสูญไปด้วย แต่ถ้าน้าดับสิ้นเพียงตนเดียว พวกหนู ก็ไม่มีใครต้อง
ดับสิ้นไป....หรืออีกอย่างที่หนูคิดได้...น้าไม่มีทางสู้หนูได้"
เจ้านางกาลีตกใจจนใบหน้าซีดเผือด เพราะที่วรรณกล่าวมานั้น มันถูกต้องทุกอย่าง แต่นางก็ยังคงไม่
ยอมพ่ายแพ้แบบนี้ เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งจึงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"ฮาๆๆๆ...ในเมื่อ...แกรู้เรื่องนี้...ถ้าข้าต้องดับสิ้นไป...พวกแกทุกคน
ก็ต้องตามข้าไป...ให้หมด...ถ้าข้าไม่ได้สิ่งที่ข้าต้องการ
พวกแกทุกคน...ก็อย่าหวัง...ที่จะมีความสุข...ทุกคนที่เกี่ยวข้องต้องทุกข์ทรมาน
เหมือนที่ข้าต้องทุกข์ทนอยู่ใน...นรก..."
เจ้านางกาลี สะดุ้งสุดตัว เมื่อดาบแสงทะลุหน้าอกออกมา เป็นลำแสงสีส้มจัด เพราะนั่นเป็นดาบแสงของ
มรรคในร่างนีรนุชที่พุ่งตัวออกจาก น้อยที่อยู่ในร่างพัฒนะ เข้าแทงร่างวรรณที่กำลังจะกลายเป็น
เจ้านางกาลีโดยสมบูรณ์ ปีศาจร้ายยังคงมีฤทธานุภาพ ยิ่งยามโกรธ ยิ่งทวีความรุนแรง มรรคนั้นทราบ
เรื่องนี้เป็นอย่างดี ถ้าต้องแลกกับปีศาจร้าย เขายอมแลกด้วยวิญญาณของเขา เพียงผู้เดียว เพราะมรรค
คิดว่า ถึงอย่างไรก็ต้องคืนร่างนี้ให้กับเจ้าของอยู่ดี เจ้านางกาลีใช้มือจับดาบแสงที่แทงทะลุอกของนาง
ดึงออกมาทางด้านหน้า อย่างแรง จนดาบแสงหลุดจากมือของมรรค เมื่อดาบแสงทะลุผ่านออกไป
ลำแสงก็สลายหายไป ในทันที เจ้านางกาลีบิดศีรษะกลับมาเผชิญหน้ากับมรรค รวมทั้งบิดแขนทั้งสอง
ของตนกลับมาอย่างสยดสยอง ฟาดฝ่ามือเข้าที่กลางหน้าผากของมรรคในร่างนีรนุชอย่างแรง
ร่างน้อยๆ นั้นลอยละลิ่วลงมายังน้อย ที่ยืนตกตะลึง แต่ก็ยังมีสติ เขารับร่างของนีรนุชไม่ให้บอบช้ำ
มากไปกว่านี้ แต่แรงส่งจากปีศาจนั้น ทำให้ร่างพัฒนะกระเด็นจากจุดเดิมถึง 10 เมตร วิญญาณ
ฝนทิพย์นั้นรับรู้ได้จากสัญชาตญาณว่า กำลังสูญเสียลูกชายอีกครั้ง เธอพุ่งตัวลงไปหามรรคที่กำลัง
จะวิญญาณสลาย มรรคปรือตามอง แล้วเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา
"รีบ...ให้...ยัยเด็กนั่น...มาเข้า...ร่าง...ก่อน...ก่อน...ที่...จะ..."
มรรคในร่างนีรนุชก็หลับตา โลหิตไหลออกมาจากจมูก หู ตา และปาก ฝนมองเห็นวิญญาณของมรรค
แตกสลายกลายเป็นไอน้ำ ปลิวออกจากร่างของนีรนุช ส่วนนีรนุชร่างอ่อนระทวยในวงแขนของน้อย
ที่ยังอยู่ในร่างของพัฒนะ ที่ตื่นตะลึงกับการสูญเสียของส่วนหนึ่งในชีวิต ที่น้อยจำความได้ก็มีมรรค
เป็นเพื่อน เป็นพี่ชาย เป็นน้องชาย หรือเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง ตอนนี้สติของน้อยไม่เหลืออีกแล้ว ความโกรธ
แค้นพุ่งขึ้นถึงขีดสุด ดาบลำแสงของน้อย แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม เมื่อประครองร่างของนีรนุชนอน
ลงพื้น สายตาที่น้อยจ้องมองไปยังเจ้านางกาลี ที่บาดเจ็บ แต่พลังยังมีเหลือล้น แล้วเหมือนจะเพิ่มมากขึ้น
เพราะเพิ่งสังหารวิญญาณของมรรค แต่ก็บาดเจ็บจากการโจมตีของมรรค พลังกายอาจลด แต่พลังจิต
กลับเพิ่มขึ้นอย่างมาก น้อยตะโกนออกมา พุ่งตัวใช้ดาบแสงสีแดงฟันใส่เจ้านางกาลี ที่เตรียมรับมือตั้งแต่
แรก เป็นการฟันที่รวดเร็วปานสายฟ้าฟาด เจ้านางกาลีเองต้องถอยร่นอย่างทุลักทุเล เพราะไม่คิดว่า
คู่ต่อสู้คนนี้ จะมีพลังเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ จนนางแทบไม่เห็นช่องโหว่ที่จะตีโต้ ทันใด...น้อยก็หยุดโจมตี
แล้วร่างของพัฒนะก็ร่วงลงกระแทกพื้น วิญญาณของน้อย แตกสลายอย่างกระทันหัน มันเป็นเพราะ
น้อยใช้พลังโจมตี จนวิญญาณตน แตกสลายไปเอง วิญญาณฝนทิพย์ มิอาจทนเห็นภาพการสูญเสีย
ของบุตรชาย ที่ต้องวิญญาณแตกสลาย แล้ววิญญาณของฝนทิพย์ก็แตกสลายไปเช่นเดียวกัน ตอนนี้
เหลือเพียงกายทิพย์ของวรรณ กับนีรนุชเท่านั้นที่ต้องเผชิญหน้ากับปีศาจร้าย แล้วกายทิพย์ของนีรนุช
เริ่มเลือนลาง ทันใดเสียงอาจารย์บุญลือก็ดังขึ้น เสียงนั้นอ่อนล้าเป็นอย่างยิ่ง
"หนูต้องตั้งจิตให้มั่น แล้วคิดเพียงอย่างเดียวคือ...เข้าร่างหนูให้ได้
เพราะเป็นทางเดียวที่จะช่วยคนที่เหลือ รวมทั้งเพื่อนรักของหนูด้วย...หนูเป็นผู้เดียว
ที่จะปราบ...ปีศาจตนนั้น...เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว...รีบเร็วเข้า"
"แล้วหนูต้องทำอย่างไร หนูยังไม่รู้วิธีเลย...แล้วหนูจะแย่งชิงร่างของหนู
มาจากน้าคนนั้นได้ยังไง...แล้วยัยนุชจะตายไหม คุณลุงช่วยบอกหนูที ต้องให้หนูทำยังไง!!!"
"จงทำตามที่ลุงบอก...หนูแค่คิดเพียงอย่างเดียวคือ...หนูต้องมีชีวิตต่อไป
หนูต้องอยู่ต่อไป...หนูต้องสู้กับปีศาจตนนั้น...เพื่อคนที่สูญเสีย คนที่พร้อมทำให้หนูอยู่ต่อ
เพื่อ...เพื่อนรักของหนูเอง...หนูต้องสู้กับมัน..."
"ใช่!!!...หนูต้องสู้...ไม่ใช่เพื่อตนเอง...แต่เพื่อคนที่สูญเสีย เพื่อทุกคน เพื่อมิให้ใครต้องเสียใจอีก
เพื่อ...นีรนุช....เพื่อตัวหนูเอง....ใช่เพื่อตัวหนูเอง..."
..................
แล้ววรรณก็ลืมตาขึ้นมา เป็นเพดานห้อง มีสายน้ำเกลือ มีสายไฟติดอยู่ตามร่างกายของเธอ หน้าผาก
สองเส้น ขมับสองเส้น ที่หน้าอกหนึ่ง แขนซ้ายและขวา ติดตั้งต้นแขน ข้อซอก ข้อมือ ที่หน้าท้อง ต้นขา
หัวเข่า ข้อเท้า เธอรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านเข้ามา เป็นจังหวะต่อเนื่อง สายตาเธอมองเห็น ผู้ชาย
ใส่ชุดกาวน์สีขาวมีสายไฟติดที่ขมับทั้งสองข้างเขานั่งเก้าอี้นวม ขนาดพอกับร่างกาย สายไฟที่ต่อจาก
ขมับของเขานั้น ต่อเข้ากับเครื่องมืออีเล็คทรอนิค ชนิดหนึ่ง มีปุ่มมากมาย มีไฟ แอลอีดี วิ่งขึ้นลง เชื่อม
ต่อเข้ากับแล็ปท็อปสีดำ ชายผู้นั้นค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองเธอ นัยน์ดวงตาที่มองมายังเธอนั้น อ่อนโยน
และเป็นมิตรอย่างยิ่ง เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้ม นุ่มนวล พร้อมดึงเอาสายไฟที่ติด ขมับเขาออก
"คุณไอยวรรณ...คุณฟื้นแล้ว...ไม่สิต้องบอกว่า...ขอต้อนรับสู่โลกมนุษย์..."
หญิงสาวอยากจะเอ่ยถาม แต่กลับไม่มีเสียงออกมาจากลำคอ นั้นเป็นเพราะว่าเธอหลับไปนาน จนลำคอ
ของเธอแห้งผาก และไร้กำลังในการเปล่งเสียง ถ้าได้รับการบำบัดอย่างถูกวิธี เธอก็สามารถพูดได้ เช่น
คนปกติ ความทรงจำของเธอ เริ่มพรั่งพรูเข้ามาจนเป็นภาพที่วิ่งเข้ามา เธอหายใจหอบ ชายหนุ่มรีบเข้า
มาลูบศีรษะ ที่ปราศจากเส้นผม เพราะถูกคณะแพทย์โกนออก เพื่อมิให้เส้นผมมาเป็นอุปสรรคในการ
รักษา เขาใช้เสียงทุ้มต่ำ เพื่อปลอบประโลมเธอ
"คุณไอยวรรณ...คุณปลอดภัยแล้ว...เหลือเพียงคุณจะใช้กำลังใจ ปราบปีศาจ
ที่ยึดร่างของคุณ...เพื่อทุกคนที่ยังอยู่...เพื่อทุกคน...ที่รักคุณ...เพื่อชีวิตใหม่...ที่รอคุณอยู่...ชูว์ๆ..."
หญิงสาวค่อยๆ จำเหตการณ์ได้ เพราะทุกอย่างคือเรื่องจริงที่เธอประสบ เธอไม่รู้ว่าผ่านไปกี่วันแล้ว
ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ จนถึงวันที่เธอตื่น เธอมองใบหน้าของชายหนุ่ม อายุของเขาน่าจะประมาณ 40 เศษ
มืออ่อนนุ่มเหมือนมือผู้หญิง แต่ใหญ่โต เธอรู้สึกปลอดภัย เมื่อชายหนุ่มอยู่ใกล้ แล้วเธอก็หลั่งน้ำตา
ออกมา เป็นน้ำตาของทุกสิ่ง ทั้งดีใจที่เธอยังไม่ตาย ยังมีโอกาสได้ใช้ชีวิตอยู่ และโศกเศร้าที่สูญเสีย
.....เพื่อนรักในกลุ่ม....ทั้งหมด....
......................
ในห้องทำงานของนายแพทย์พัชร จิตแพทย์ผู้เปี่ยมความสามารถ ผู้ผ่านการรักษาผู้ป่วย
ทางจิตมากมาย เขาเชี่ยวชาญด้านการสะกดจิต การเจาะเข้าจิตของผู้ป่วยทุกประเภท นอกจาก
เขาเป็นจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้ว เขายังเป็นศัลยแพทย์ทางสมอง แทบไม่มีใครมาเทียบได้ ในขณะนี้
นายแพทย์พัชร อายุได้ 47 ปีแล้ว แต่ครองตัวเป็นโสด มันเป็นเพราะ เขาเคยคิดจะแต่งงานกับคนรัก
แต่เธอกลับเสียชีวิต ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ในขณะที่เขาเป็นนักศักษาแพทย์ เขารอดชีวิต แต่เธอ
กลับเสียชีวิต ทั้งที่ร่างกายของเธอ ไม่มีบาดแผล ในขณะที่เขามีบาดแผลเต็มร่าง จนตอนที่มีคนมา
ช่วยทั้งสอง ออกมาจากซากรถยนต์ ยังไม่คิดว่าเขาจะรอดมาได้ แฟนสาวเขาเดินจับมือเขาจนถึง
โรงพยาบาล จนเมื่อแพทย์พาเธอไปตรวจ จึงค่อยพบว่า เธอมีโลหิตออกที่เส้นประสาท เมื่อเธอหมดสติ
เธอก็กลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา แล้วเมื่อพัชรฟื้น เธอก็จากไปอย่างสงบ...พัชรมิอาจอยู่เมืองไทยได้อีก
เขาใช้ทุนทางบ้าน แล้วไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ใช้ชีวิตที่อังกฤษ จนวิทยา พี่ชายของคนรักที่เป็น
เพื่อนรุ่นพี่ของเขา ขอร้องให้มาช่วยลูกสาวที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ในขณะที่เธอไปเที่ยวกับเพื่อน
ที่ต่างจังหวัด ในรถยนต์มีทั้งหมด 5 คน เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 3 คน มาเสียชีวิตที่โรงพยาบาล อีก 1 คน
คือเพื่อนที่ชื่อ นุชนารถ ซึ่งทุกคนรู้กันว่า นุชนารถคือคนรักของเธอ
ไอยวรรณกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา สมองไม่มีการตอบสนอง เหมือนไม่มีคลื่นไฟฟ้า ทั้งที่อาการบาดเจ็บ
ทางสมองก็หายไปแล้ว ร่างกายเธอก็หายเป็นปกติ วิทยา พยายามให้ลูกสาวเพียงคนเดียวฟื้นขึ้นมาแต่
เหมือนไม่มีการตอบสนอง วิทยาเฝ้าโทษตนเอง เพราะไม่ค่อยให้ความสนใจความเป็นอยู่ของบุตรสาว
เขามอบทุกอย่างที่ลูกสาวต้องการ มีเพียงอย่างเดียวที่มิได้มอบให้อย่างเต็มที่คือ เวลา...เพราะวิทยา
มัวแต่ทำธุรกิจให้ขยายใหญ่โตขึ้น จนเมื่อเขากำลังจะสูญเสีย สิ่งที่เขารักและหวงแหนที่สุด วิทยาจึง
พยายามแก้ไขสิ่งที่เขาเคยทำผิดพลาดไป จนวิทยาถึงกับขายกิจการที่สร้างขึ้น เพื่อนำเวลามาอยู่
กับลูกสาว และภรรยาที่กำลังจะหย่าขาดกัน เนื่องจากปัญหาเรื่องเวลา เขาดูแลไอยวรรณเป็นอย่างดี
จนเมื่อมีนายแพทย์ที่สนิทสนมกัน ได้แนะนำให้ปรึกษา นายแพทย์พัชร ศัลยแพทย์ทางสมองและหัวใจ
รวมทั้งเป็นจิตแพทย์ ผู้มีชื่อเสียง เคยมีเคสศึกษาใกล้เคียงที่ประเทศออสเตรเลีย เขาสามารถรักษา
ให้คนไข้ที่ใกล้เคียงคำว่าเจ้าหญิงนิทรา จนฟื้นขึ้นมา ทำให้ชื่อเสียงของนายแพทย์พัชรโด่งดังไปทั่ว
ยุโรป วิทยาโทรศัพท์ไปเล่าอาการ ของไอยวรรณ ให้พัชรได้รับฟัง นายแพทย์หนุ่ม เคนเซิลงาน
ทั้งหมด แล้วรีบเดินทางกลับประเทศไทยทันที
ศาสตรา...มหาเวทย์ ตอนที่ 13
เจ้านางกาลีหันหน้ามามองต้นเสียง ที่เห็นเป็นกายทิพย์ของวรรณ นีรนุชและฝนทิพย์ ที่ลอยห่าง
ไม่เกิน 10 เมตร ถึงจะตื่นตระหนก แต่ปีศาจกลับกลบเกลื่อนด้วยการตวาดไปยังทั้งสาม ด้วยเสียงดัง
เพื่อขู่ให้ทั้งสามเกรงกลัว
"...ตอนนี้ร่างแก...มันเป็นของข้า...แกไม่มีทางได้ร่างนี้กลับไปอีกแล้ว
ถ้ายังเป็นห่วงร่างของแก อย่าเข้ามายุ่ง....ไม่งั้น...ข้าจะทำลายร่างของแกซะ!!..
แล้วคนที่เสียใจก็เป็น...พ่อของแก..."
กายทิพย์ของวรรณจ้องมองมา ด้วยสายตาปราศจากความรู้สึก มือของเธอจับมือกายทิพย์ของนีรนุช
มันเหมือนความสัมพันธ์ที่แนบแน่นของทั้งสอง ก่อนจะกล่าวออกมา
"แต่ถ้าร่างของหนู ต้องไปทำความเดือดร้อนให้ใครๆ หรือมีใครต้องตาย
ร่างของหนู ก็ควรต้องถูกทำลายไปพร้อมวิญญาณของคนที่เกี่ยวข้อง...ทั้งหมด"
เจ้านางกาลีถึงกับ ตกตะลึงในคำตอบของวรรณ นั้นหมายถึงเธอพร้อมจะสลายไปพร้อมปัญหาทั้งหมด
นั่นคือการตาย พร้อมกับเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้น แล้วเจ้านางกาลีก็เหยียดยิ้มออกมา
"ดี...งั้นพวกแกทั้งหมด ต้องตายพร้อมกัน...หึๆๆ...
เพราะเมื่อทั้งหมดตาย...อย่างมาก ข้าก็แค่หาร่างใหม่...แล้วแผนการของข้า
ก็กลับมาเส้นทางเดิม พวกแกก็แค่ตายไป...ก็เท่านั้น...หึๆๆ..."
วรรณยืนนิ่ง นัยน์ดวงตานั้นเศร้าหมอง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเดิม
"น้า...ก็แค่หลอกตนเอง...หนูรู้มาว่า ถ้าร่างหนูสลายไป วิญญาณของน้า
ก็ดับสิ้นไปด้วย เพราะในตอนนี้ร่างของหนู...วิญญาณของหนู ได้เชื่อมติดกันจนแยกไม่ได้
ถ้าวิญญาณของหนูต้องสลายไป ร่างของหนูก็จะตาย...แล้วสุดท้าย
วิญญาณของน้า ก็ดับสูญไปด้วย แต่ถ้าน้าดับสิ้นเพียงตนเดียว พวกหนู ก็ไม่มีใครต้อง
ดับสิ้นไป....หรืออีกอย่างที่หนูคิดได้...น้าไม่มีทางสู้หนูได้"
เจ้านางกาลีตกใจจนใบหน้าซีดเผือด เพราะที่วรรณกล่าวมานั้น มันถูกต้องทุกอย่าง แต่นางก็ยังคงไม่
ยอมพ่ายแพ้แบบนี้ เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งจึงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"ฮาๆๆๆ...ในเมื่อ...แกรู้เรื่องนี้...ถ้าข้าต้องดับสิ้นไป...พวกแกทุกคน
ก็ต้องตามข้าไป...ให้หมด...ถ้าข้าไม่ได้สิ่งที่ข้าต้องการ
พวกแกทุกคน...ก็อย่าหวัง...ที่จะมีความสุข...ทุกคนที่เกี่ยวข้องต้องทุกข์ทรมาน
เหมือนที่ข้าต้องทุกข์ทนอยู่ใน...นรก..."
เจ้านางกาลี สะดุ้งสุดตัว เมื่อดาบแสงทะลุหน้าอกออกมา เป็นลำแสงสีส้มจัด เพราะนั่นเป็นดาบแสงของ
มรรคในร่างนีรนุชที่พุ่งตัวออกจาก น้อยที่อยู่ในร่างพัฒนะ เข้าแทงร่างวรรณที่กำลังจะกลายเป็น
เจ้านางกาลีโดยสมบูรณ์ ปีศาจร้ายยังคงมีฤทธานุภาพ ยิ่งยามโกรธ ยิ่งทวีความรุนแรง มรรคนั้นทราบ
เรื่องนี้เป็นอย่างดี ถ้าต้องแลกกับปีศาจร้าย เขายอมแลกด้วยวิญญาณของเขา เพียงผู้เดียว เพราะมรรค
คิดว่า ถึงอย่างไรก็ต้องคืนร่างนี้ให้กับเจ้าของอยู่ดี เจ้านางกาลีใช้มือจับดาบแสงที่แทงทะลุอกของนาง
ดึงออกมาทางด้านหน้า อย่างแรง จนดาบแสงหลุดจากมือของมรรค เมื่อดาบแสงทะลุผ่านออกไป
ลำแสงก็สลายหายไป ในทันที เจ้านางกาลีบิดศีรษะกลับมาเผชิญหน้ากับมรรค รวมทั้งบิดแขนทั้งสอง
ของตนกลับมาอย่างสยดสยอง ฟาดฝ่ามือเข้าที่กลางหน้าผากของมรรคในร่างนีรนุชอย่างแรง
ร่างน้อยๆ นั้นลอยละลิ่วลงมายังน้อย ที่ยืนตกตะลึง แต่ก็ยังมีสติ เขารับร่างของนีรนุชไม่ให้บอบช้ำ
มากไปกว่านี้ แต่แรงส่งจากปีศาจนั้น ทำให้ร่างพัฒนะกระเด็นจากจุดเดิมถึง 10 เมตร วิญญาณ
ฝนทิพย์นั้นรับรู้ได้จากสัญชาตญาณว่า กำลังสูญเสียลูกชายอีกครั้ง เธอพุ่งตัวลงไปหามรรคที่กำลัง
จะวิญญาณสลาย มรรคปรือตามอง แล้วเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา
"รีบ...ให้...ยัยเด็กนั่น...มาเข้า...ร่าง...ก่อน...ก่อน...ที่...จะ..."
มรรคในร่างนีรนุชก็หลับตา โลหิตไหลออกมาจากจมูก หู ตา และปาก ฝนมองเห็นวิญญาณของมรรค
แตกสลายกลายเป็นไอน้ำ ปลิวออกจากร่างของนีรนุช ส่วนนีรนุชร่างอ่อนระทวยในวงแขนของน้อย
ที่ยังอยู่ในร่างของพัฒนะ ที่ตื่นตะลึงกับการสูญเสียของส่วนหนึ่งในชีวิต ที่น้อยจำความได้ก็มีมรรค
เป็นเพื่อน เป็นพี่ชาย เป็นน้องชาย หรือเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง ตอนนี้สติของน้อยไม่เหลืออีกแล้ว ความโกรธ
แค้นพุ่งขึ้นถึงขีดสุด ดาบลำแสงของน้อย แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม เมื่อประครองร่างของนีรนุชนอน
ลงพื้น สายตาที่น้อยจ้องมองไปยังเจ้านางกาลี ที่บาดเจ็บ แต่พลังยังมีเหลือล้น แล้วเหมือนจะเพิ่มมากขึ้น
เพราะเพิ่งสังหารวิญญาณของมรรค แต่ก็บาดเจ็บจากการโจมตีของมรรค พลังกายอาจลด แต่พลังจิต
กลับเพิ่มขึ้นอย่างมาก น้อยตะโกนออกมา พุ่งตัวใช้ดาบแสงสีแดงฟันใส่เจ้านางกาลี ที่เตรียมรับมือตั้งแต่
แรก เป็นการฟันที่รวดเร็วปานสายฟ้าฟาด เจ้านางกาลีเองต้องถอยร่นอย่างทุลักทุเล เพราะไม่คิดว่า
คู่ต่อสู้คนนี้ จะมีพลังเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ จนนางแทบไม่เห็นช่องโหว่ที่จะตีโต้ ทันใด...น้อยก็หยุดโจมตี
แล้วร่างของพัฒนะก็ร่วงลงกระแทกพื้น วิญญาณของน้อย แตกสลายอย่างกระทันหัน มันเป็นเพราะ
น้อยใช้พลังโจมตี จนวิญญาณตน แตกสลายไปเอง วิญญาณฝนทิพย์ มิอาจทนเห็นภาพการสูญเสีย
ของบุตรชาย ที่ต้องวิญญาณแตกสลาย แล้ววิญญาณของฝนทิพย์ก็แตกสลายไปเช่นเดียวกัน ตอนนี้
เหลือเพียงกายทิพย์ของวรรณ กับนีรนุชเท่านั้นที่ต้องเผชิญหน้ากับปีศาจร้าย แล้วกายทิพย์ของนีรนุช
เริ่มเลือนลาง ทันใดเสียงอาจารย์บุญลือก็ดังขึ้น เสียงนั้นอ่อนล้าเป็นอย่างยิ่ง
"หนูต้องตั้งจิตให้มั่น แล้วคิดเพียงอย่างเดียวคือ...เข้าร่างหนูให้ได้
เพราะเป็นทางเดียวที่จะช่วยคนที่เหลือ รวมทั้งเพื่อนรักของหนูด้วย...หนูเป็นผู้เดียว
ที่จะปราบ...ปีศาจตนนั้น...เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว...รีบเร็วเข้า"
"แล้วหนูต้องทำอย่างไร หนูยังไม่รู้วิธีเลย...แล้วหนูจะแย่งชิงร่างของหนู
มาจากน้าคนนั้นได้ยังไง...แล้วยัยนุชจะตายไหม คุณลุงช่วยบอกหนูที ต้องให้หนูทำยังไง!!!"
"จงทำตามที่ลุงบอก...หนูแค่คิดเพียงอย่างเดียวคือ...หนูต้องมีชีวิตต่อไป
หนูต้องอยู่ต่อไป...หนูต้องสู้กับปีศาจตนนั้น...เพื่อคนที่สูญเสีย คนที่พร้อมทำให้หนูอยู่ต่อ
เพื่อ...เพื่อนรักของหนูเอง...หนูต้องสู้กับมัน..."
"ใช่!!!...หนูต้องสู้...ไม่ใช่เพื่อตนเอง...แต่เพื่อคนที่สูญเสีย เพื่อทุกคน เพื่อมิให้ใครต้องเสียใจอีก
เพื่อ...นีรนุช....เพื่อตัวหนูเอง....ใช่เพื่อตัวหนูเอง..."
..................
แล้ววรรณก็ลืมตาขึ้นมา เป็นเพดานห้อง มีสายน้ำเกลือ มีสายไฟติดอยู่ตามร่างกายของเธอ หน้าผาก
สองเส้น ขมับสองเส้น ที่หน้าอกหนึ่ง แขนซ้ายและขวา ติดตั้งต้นแขน ข้อซอก ข้อมือ ที่หน้าท้อง ต้นขา
หัวเข่า ข้อเท้า เธอรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านเข้ามา เป็นจังหวะต่อเนื่อง สายตาเธอมองเห็น ผู้ชาย
ใส่ชุดกาวน์สีขาวมีสายไฟติดที่ขมับทั้งสองข้างเขานั่งเก้าอี้นวม ขนาดพอกับร่างกาย สายไฟที่ต่อจาก
ขมับของเขานั้น ต่อเข้ากับเครื่องมืออีเล็คทรอนิค ชนิดหนึ่ง มีปุ่มมากมาย มีไฟ แอลอีดี วิ่งขึ้นลง เชื่อม
ต่อเข้ากับแล็ปท็อปสีดำ ชายผู้นั้นค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองเธอ นัยน์ดวงตาที่มองมายังเธอนั้น อ่อนโยน
และเป็นมิตรอย่างยิ่ง เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้ม นุ่มนวล พร้อมดึงเอาสายไฟที่ติด ขมับเขาออก
"คุณไอยวรรณ...คุณฟื้นแล้ว...ไม่สิต้องบอกว่า...ขอต้อนรับสู่โลกมนุษย์..."
หญิงสาวอยากจะเอ่ยถาม แต่กลับไม่มีเสียงออกมาจากลำคอ นั้นเป็นเพราะว่าเธอหลับไปนาน จนลำคอ
ของเธอแห้งผาก และไร้กำลังในการเปล่งเสียง ถ้าได้รับการบำบัดอย่างถูกวิธี เธอก็สามารถพูดได้ เช่น
คนปกติ ความทรงจำของเธอ เริ่มพรั่งพรูเข้ามาจนเป็นภาพที่วิ่งเข้ามา เธอหายใจหอบ ชายหนุ่มรีบเข้า
มาลูบศีรษะ ที่ปราศจากเส้นผม เพราะถูกคณะแพทย์โกนออก เพื่อมิให้เส้นผมมาเป็นอุปสรรคในการ
รักษา เขาใช้เสียงทุ้มต่ำ เพื่อปลอบประโลมเธอ
"คุณไอยวรรณ...คุณปลอดภัยแล้ว...เหลือเพียงคุณจะใช้กำลังใจ ปราบปีศาจ
ที่ยึดร่างของคุณ...เพื่อทุกคนที่ยังอยู่...เพื่อทุกคน...ที่รักคุณ...เพื่อชีวิตใหม่...ที่รอคุณอยู่...ชูว์ๆ..."
หญิงสาวค่อยๆ จำเหตการณ์ได้ เพราะทุกอย่างคือเรื่องจริงที่เธอประสบ เธอไม่รู้ว่าผ่านไปกี่วันแล้ว
ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ จนถึงวันที่เธอตื่น เธอมองใบหน้าของชายหนุ่ม อายุของเขาน่าจะประมาณ 40 เศษ
มืออ่อนนุ่มเหมือนมือผู้หญิง แต่ใหญ่โต เธอรู้สึกปลอดภัย เมื่อชายหนุ่มอยู่ใกล้ แล้วเธอก็หลั่งน้ำตา
ออกมา เป็นน้ำตาของทุกสิ่ง ทั้งดีใจที่เธอยังไม่ตาย ยังมีโอกาสได้ใช้ชีวิตอยู่ และโศกเศร้าที่สูญเสีย
.....เพื่อนรักในกลุ่ม....ทั้งหมด....
......................
ในห้องทำงานของนายแพทย์พัชร จิตแพทย์ผู้เปี่ยมความสามารถ ผู้ผ่านการรักษาผู้ป่วย
ทางจิตมากมาย เขาเชี่ยวชาญด้านการสะกดจิต การเจาะเข้าจิตของผู้ป่วยทุกประเภท นอกจาก
เขาเป็นจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้ว เขายังเป็นศัลยแพทย์ทางสมอง แทบไม่มีใครมาเทียบได้ ในขณะนี้
นายแพทย์พัชร อายุได้ 47 ปีแล้ว แต่ครองตัวเป็นโสด มันเป็นเพราะ เขาเคยคิดจะแต่งงานกับคนรัก
แต่เธอกลับเสียชีวิต ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ในขณะที่เขาเป็นนักศักษาแพทย์ เขารอดชีวิต แต่เธอ
กลับเสียชีวิต ทั้งที่ร่างกายของเธอ ไม่มีบาดแผล ในขณะที่เขามีบาดแผลเต็มร่าง จนตอนที่มีคนมา
ช่วยทั้งสอง ออกมาจากซากรถยนต์ ยังไม่คิดว่าเขาจะรอดมาได้ แฟนสาวเขาเดินจับมือเขาจนถึง
โรงพยาบาล จนเมื่อแพทย์พาเธอไปตรวจ จึงค่อยพบว่า เธอมีโลหิตออกที่เส้นประสาท เมื่อเธอหมดสติ
เธอก็กลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา แล้วเมื่อพัชรฟื้น เธอก็จากไปอย่างสงบ...พัชรมิอาจอยู่เมืองไทยได้อีก
เขาใช้ทุนทางบ้าน แล้วไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ใช้ชีวิตที่อังกฤษ จนวิทยา พี่ชายของคนรักที่เป็น
เพื่อนรุ่นพี่ของเขา ขอร้องให้มาช่วยลูกสาวที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ในขณะที่เธอไปเที่ยวกับเพื่อน
ที่ต่างจังหวัด ในรถยนต์มีทั้งหมด 5 คน เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 3 คน มาเสียชีวิตที่โรงพยาบาล อีก 1 คน
คือเพื่อนที่ชื่อ นุชนารถ ซึ่งทุกคนรู้กันว่า นุชนารถคือคนรักของเธอ
ไอยวรรณกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา สมองไม่มีการตอบสนอง เหมือนไม่มีคลื่นไฟฟ้า ทั้งที่อาการบาดเจ็บ
ทางสมองก็หายไปแล้ว ร่างกายเธอก็หายเป็นปกติ วิทยา พยายามให้ลูกสาวเพียงคนเดียวฟื้นขึ้นมาแต่
เหมือนไม่มีการตอบสนอง วิทยาเฝ้าโทษตนเอง เพราะไม่ค่อยให้ความสนใจความเป็นอยู่ของบุตรสาว
เขามอบทุกอย่างที่ลูกสาวต้องการ มีเพียงอย่างเดียวที่มิได้มอบให้อย่างเต็มที่คือ เวลา...เพราะวิทยา
มัวแต่ทำธุรกิจให้ขยายใหญ่โตขึ้น จนเมื่อเขากำลังจะสูญเสีย สิ่งที่เขารักและหวงแหนที่สุด วิทยาจึง
พยายามแก้ไขสิ่งที่เขาเคยทำผิดพลาดไป จนวิทยาถึงกับขายกิจการที่สร้างขึ้น เพื่อนำเวลามาอยู่
กับลูกสาว และภรรยาที่กำลังจะหย่าขาดกัน เนื่องจากปัญหาเรื่องเวลา เขาดูแลไอยวรรณเป็นอย่างดี
จนเมื่อมีนายแพทย์ที่สนิทสนมกัน ได้แนะนำให้ปรึกษา นายแพทย์พัชร ศัลยแพทย์ทางสมองและหัวใจ
รวมทั้งเป็นจิตแพทย์ ผู้มีชื่อเสียง เคยมีเคสศึกษาใกล้เคียงที่ประเทศออสเตรเลีย เขาสามารถรักษา
ให้คนไข้ที่ใกล้เคียงคำว่าเจ้าหญิงนิทรา จนฟื้นขึ้นมา ทำให้ชื่อเสียงของนายแพทย์พัชรโด่งดังไปทั่ว
ยุโรป วิทยาโทรศัพท์ไปเล่าอาการ ของไอยวรรณ ให้พัชรได้รับฟัง นายแพทย์หนุ่ม เคนเซิลงาน
ทั้งหมด แล้วรีบเดินทางกลับประเทศไทยทันที