บทที่ 12 ร่างนี้เป็นของฉัน
ปีศาจเจ้านางกาลี ในร่างของวรรณพลิกมือลงแล้วเงื้อขึ้นสุดเหยียด แล้วฟาดลงไปที่ร่างของ
นีรนุชเพื่อทำลายร่างของเธอให้แหลกละเอียด แต่ที่แหลกละเอียด เป็นพื้นดินเพราะร่างนั้นเป็นเพียง
ภาพลวงตา วรรณหันมองไปรอบๆ เพราะนั่นหมายถึง มรรคยังแอบซ่อนตัวอยู่ รอที่จะจู่โจม ความ
โกรธของปีศาจเพิ่มขึ้น เพราะนอกจากตนเองแล้ว ยังมีปีศาจที่เจ้าเล่ห์เช่นเดียวกับเธอ ก็คือมรรค
แม้ภายในใจของปีศาจจะตื่นเต้นที่ได้เจอคู่ต่อสู้ ที่มีฝีมือใกล้เคียงแล้ว เล่ห์เหลี่ยมของมรรค ก็ไม่ด้อย
ไปกว่าเธอเท่าไหร่นัก
"ออกมาสิ ไอ้ขี้ขลาด แกมัวไปมุดหัวอยู่ที่ไหน แน่จริงก็ออกมา
สู้กันให้รู้แพ้ รู้ชนะในตอนนี้ ถ้าไม่ออกมา ไอ้คนที่จะตายในตอนนี้ ก็ต้องเป็นไอ้บุญลือ"
ปีศาจสะบัดหางตามาที่ อ.บุญลือ เหล็กเส้นที่ทางผู้รับเหมานำมา เพื่อทำอาคารใหม่ขยับแล้วพุ่งขึ้น
ท้องฟ้า นับหลายสิบเส้นแล้วย้อยลงมา เป้าหมายนั้นคือร่างของ อ.บุญลือ พัฒนะ และสุรเชษฐ ให้ตาย
ในคราเดียว น้อยในร่างพัฒนะนั้นยังพอมีอาคมคุ้มกายจึงยกมือขึ้นเพื่อป้องกันเหล็กเส้นเหล่านั้นจนมัน
เปลี่ยนทิศทางลงไปปักพื้นรอบกายทั้งสาม แล้วทันใดนั้นเอง นีรนุชก็พุ่งตัวออกจากกองฟาง ดาบลำแสง
สีส้ม อยู่ในมือทั้งสองยกขึ้นสุดเหยียดกำลังฟันใส่กลางศีรษะของวรรณที่หันหลังให้ ดาบลำแสงทั้งสอง
เล่มฟันลงแทยงมุมเป็นตัว อักษรตัวเอ็กซ์ มรรคคำรามออกมา
"จบกันสักที นางปีศาจร้าย..."
แต่แล้วร่างของวรรณจู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นท่อนซุง แล้วท่อนซุงก็แตกสลายกลายเป็นผุยผง ส่วนวรรณ
ตัวจริงนั้นหายตัวไปแล้ว มรรคได้ยินเพียงเสียงหัวเราะดังทอดยาวออกมาตามสายลม ปีศาจรอเวลา
ลงมาจัดการศัตรูทั้งหมด มรรคในร่างนีรนุช ร้องถามน้อยในร่างพัฒนะ
"ไอ้น้อย แกยังพอเหลือพลังที่จะสู้มันได้ไหมวะ!!!..."
"พี่มรรค อย่าว่าแต่สู้เลย แค่วิ่งหนีก็ไม่มีแรง ถ้ามันโผล่มาฆ่าเราตอนนี้..."
พัฒนะยังคงนอนแผ่กับพื้นในสภาพหมดเรี่ยวแรง วรรณลอยลงมาจากยอดไม้อย่างช้าๆ ในมือมีดาบแสง
สีแดงเพลิงเสียงหัวเราะในลำคอนั้นเต็มไปด้วยความน่าสะพรึง
"ออกมาก็ดี พวกแกจะได้ตายทั้งหมด...ข้าก็ไม่ต้องระแวงใครอีก..."
แล้ววรรณก็พุ่งเข้าหาทั้งสี่ด้วยดาบแสงที่พร้อมจะสลายร่างทุกคนที่สัมผัสถูกดาบ มรรคพุ่งตัวเข้ารับมือ
ดาบแสงที่ฟาดฟันลงมาอย่างรุนแรง อ.บุญลือได้แต่จ้องมองการต่อสู้ที่ดุเดือดจนแผ่นดินสะเทือน แล้ว
อ.บุญลือก็นึกได้อีกวิธี เขาหลับตาเพ่งกระแสจิต ตรวจค้นหาวิญญาณของฝนที่ถูกทำให้หลับไหลในดวง
จิตของปีศาจ มีดวงจิตมากมายที่หลับไหลในดวงแก้วนั้น แล้วอ.บุญลือก็พบวิญญาณของฝนทิพย์
ที่นอนหลับในดวงแก้วภายในนั้นเหมือนเป็นบ้านทรงไทย อ.บุญลือเข้าไปในบริเวณบ้านไม่ได้ เพราะถูก
ปิดกั้นด้วยเวทย์ เขาทำได้แค่ยืนอยู่นอกรั้ว อ.บุญลือมองเห็นผลมะม่วงที่สุกงอม จวนจะร่วงลงพื้น
อ.บุญลือ ใช้จิตบังคับให้ผลมะม่วงลูกนั้น ถูกปลิดแล้วลอยไปหล่นที่หลังมือของฝนทิพย์ จนเธอ
สะดุ้งตื่นขึ้นมา เธอเดินออกมายืนที่ระเบียงบ้าน มองมายังตำแหน่งที่เขายืนอยู่ แต่แล้วเธอก็หันมองไป
ทางอื่น....มันเป็นเพราะ กำแพงเวทย์มิได้แค่เป็นเกราะป้องกันผู้บุกรุก แต่ยังบังสายตาของดวงจิตที่อยู่
ในดวงแก้วแห่งนี้ ไม่ว่าเขาจะตะโกนร้องเสียงดังเท่าไหร่ เสียงที่ฝนทิพย์ได้ยินก็เป็นเพียงเสียงใบไม้
ไหวเท่านั้น
น้อยในร่างพัฒนะ มิอาจทนเห็นมรรคถูกเล่นงานจนถอยร่นไม่เป็นขบวน ความจริงน้อยยังมีพลังแฝง
ที่เหลืออยู่ แต่เขาต้องเหลือไว้เพื่อปลุกจิตของเจ้าของเดิมที่ถูกทำให้หลับชั่วคราว ตอนนี้น้อยคิดใช้
พลังนี้เพื่อช่วยพี่ชายของเขาคือมรรค น้อยมองไปที่ด้ามดาบที่ตกอยู่ข้างตัว เมื่อจับด้ามดาบมากระชับ
ในมือ มันเหมือนมีพลังบางอย่างไหลมาสู่เขา ปีศาจเจ้านางกาลีมิได้ระวังพัฒนะ เพราะกำลังจะเผด็จศึก
มรรคให้ตายคามือ น้อยในร่างพัฒนะตกตะลึงเมื่อดาบแสงออกมาอย่างง่ายดาย เพราะในตอนที่เขา
จะใช้เวทย์นี้ไม่ว่าจะต้ังจิตใจจนสงบนิ่งอย่างไร ดาบแสงก็ไม่ปรากฎออกมา น้อยไม่รอช้ารีบใช้คาถา
ทะยานเมฆเข้าไปช่วยรับมือปีศาจเจ้านางกาลี จนปีศาจถอยหลังจากการร่วมแรงของทั้งสอง มรรคได้ที
ก็แผดเสียงหัวเราะเยาะเย้ย
"เป็นไงล่ะ!!!...นังปีศาจถอยหลังจนไปเป็นขบวนเลย คราวนี้ จะจับแกย่างไฟ
แล้วเอาไปจิ้มน้ำพริกซะเลย ฮาๆๆๆ...."
"พี่มรรค!!!..อย่าไปยั่วปีศาจตนนี้ ความโกรธ อาจทำให้พลังมันเพิ่ม เราจะรับมือมันยากขึ้น"
น้อยพยายามเตือนสติมรรค ที่มักจะใช้วิธี เยาะเย้ยถากถางให้ปีศาจโกรธ แล้วจัดการปีศาจตนนั้นอย่าง
โหดเหี้ยม แต่ปีศาจตนนี้ไม่เหมือนปีศาจตนไหน เพราะการที่ยั่วให้เธอโกรธ ก็เหมือนโยนถังแก๊สที่มีแก๊ส
บรรจุอยู่เต็มถัง เข้าไปในกองไฟ จนไฟเผาเป็นสีแดง แล้วมรรคก็ใช้ค้อนทุบไปที่ถังแก๊สนั้นโดยไม่มีชุด
ป้องกัน น้อยได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ในขณะที่ปีศาจเจ้านางกาลียืนสงบนิ่ง แล้วนางก็
ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมสลายพลังดาบแสงในมือจนหายไป แล้วตอนนี้เธอก็แสดงใบหน้าของ
เจ้านางกาลีออกมาให้มรรคกับน้อยได้เห็น ผิวของนางเป็นผิวสีน้ำผึ้ง ผมยาวเหยียดตรงสีดำสนิท
ดวงตาคมวาว คิ้วโกร่งดั่งคันศร จมูกโด่งดั่งมิใช่คนในภูมิภาคนี้ ริมฝีปากอิ่มเอิบ รูปร่างสมส่วนแข็งแรง
เล็บของนางแหลมคมสีขาวราวกรงเล็บของสัตว์ป่า นางยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะท่องคาถาเป็นภาษา
ที่ทั้งสองไม่เคยได้ยินมาก่อน ก้อนหินในบริเวณใกล้เคียงลอยขึ้น แล้วถูกดูดจนเข้ามาร่างกายของนาง
จนแน่นขึ้น แน่นขึ้น...เพียงอึดใจเดียว ร่างที่ปรากฎต่อสายตา ก็เป็นตุ๊กตาหินสูงเกือบ10 เมตร
ศาสตรา...มหาเวทย์ ตอนที่ 12
ปีศาจเจ้านางกาลี ในร่างของวรรณพลิกมือลงแล้วเงื้อขึ้นสุดเหยียด แล้วฟาดลงไปที่ร่างของ
นีรนุชเพื่อทำลายร่างของเธอให้แหลกละเอียด แต่ที่แหลกละเอียด เป็นพื้นดินเพราะร่างนั้นเป็นเพียง
ภาพลวงตา วรรณหันมองไปรอบๆ เพราะนั่นหมายถึง มรรคยังแอบซ่อนตัวอยู่ รอที่จะจู่โจม ความ
โกรธของปีศาจเพิ่มขึ้น เพราะนอกจากตนเองแล้ว ยังมีปีศาจที่เจ้าเล่ห์เช่นเดียวกับเธอ ก็คือมรรค
แม้ภายในใจของปีศาจจะตื่นเต้นที่ได้เจอคู่ต่อสู้ ที่มีฝีมือใกล้เคียงแล้ว เล่ห์เหลี่ยมของมรรค ก็ไม่ด้อย
ไปกว่าเธอเท่าไหร่นัก
"ออกมาสิ ไอ้ขี้ขลาด แกมัวไปมุดหัวอยู่ที่ไหน แน่จริงก็ออกมา
สู้กันให้รู้แพ้ รู้ชนะในตอนนี้ ถ้าไม่ออกมา ไอ้คนที่จะตายในตอนนี้ ก็ต้องเป็นไอ้บุญลือ"
ปีศาจสะบัดหางตามาที่ อ.บุญลือ เหล็กเส้นที่ทางผู้รับเหมานำมา เพื่อทำอาคารใหม่ขยับแล้วพุ่งขึ้น
ท้องฟ้า นับหลายสิบเส้นแล้วย้อยลงมา เป้าหมายนั้นคือร่างของ อ.บุญลือ พัฒนะ และสุรเชษฐ ให้ตาย
ในคราเดียว น้อยในร่างพัฒนะนั้นยังพอมีอาคมคุ้มกายจึงยกมือขึ้นเพื่อป้องกันเหล็กเส้นเหล่านั้นจนมัน
เปลี่ยนทิศทางลงไปปักพื้นรอบกายทั้งสาม แล้วทันใดนั้นเอง นีรนุชก็พุ่งตัวออกจากกองฟาง ดาบลำแสง
สีส้ม อยู่ในมือทั้งสองยกขึ้นสุดเหยียดกำลังฟันใส่กลางศีรษะของวรรณที่หันหลังให้ ดาบลำแสงทั้งสอง
เล่มฟันลงแทยงมุมเป็นตัว อักษรตัวเอ็กซ์ มรรคคำรามออกมา
"จบกันสักที นางปีศาจร้าย..."
แต่แล้วร่างของวรรณจู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นท่อนซุง แล้วท่อนซุงก็แตกสลายกลายเป็นผุยผง ส่วนวรรณ
ตัวจริงนั้นหายตัวไปแล้ว มรรคได้ยินเพียงเสียงหัวเราะดังทอดยาวออกมาตามสายลม ปีศาจรอเวลา
ลงมาจัดการศัตรูทั้งหมด มรรคในร่างนีรนุช ร้องถามน้อยในร่างพัฒนะ
"ไอ้น้อย แกยังพอเหลือพลังที่จะสู้มันได้ไหมวะ!!!..."
"พี่มรรค อย่าว่าแต่สู้เลย แค่วิ่งหนีก็ไม่มีแรง ถ้ามันโผล่มาฆ่าเราตอนนี้..."
พัฒนะยังคงนอนแผ่กับพื้นในสภาพหมดเรี่ยวแรง วรรณลอยลงมาจากยอดไม้อย่างช้าๆ ในมือมีดาบแสง
สีแดงเพลิงเสียงหัวเราะในลำคอนั้นเต็มไปด้วยความน่าสะพรึง
"ออกมาก็ดี พวกแกจะได้ตายทั้งหมด...ข้าก็ไม่ต้องระแวงใครอีก..."
แล้ววรรณก็พุ่งเข้าหาทั้งสี่ด้วยดาบแสงที่พร้อมจะสลายร่างทุกคนที่สัมผัสถูกดาบ มรรคพุ่งตัวเข้ารับมือ
ดาบแสงที่ฟาดฟันลงมาอย่างรุนแรง อ.บุญลือได้แต่จ้องมองการต่อสู้ที่ดุเดือดจนแผ่นดินสะเทือน แล้ว
อ.บุญลือก็นึกได้อีกวิธี เขาหลับตาเพ่งกระแสจิต ตรวจค้นหาวิญญาณของฝนที่ถูกทำให้หลับไหลในดวง
จิตของปีศาจ มีดวงจิตมากมายที่หลับไหลในดวงแก้วนั้น แล้วอ.บุญลือก็พบวิญญาณของฝนทิพย์
ที่นอนหลับในดวงแก้วภายในนั้นเหมือนเป็นบ้านทรงไทย อ.บุญลือเข้าไปในบริเวณบ้านไม่ได้ เพราะถูก
ปิดกั้นด้วยเวทย์ เขาทำได้แค่ยืนอยู่นอกรั้ว อ.บุญลือมองเห็นผลมะม่วงที่สุกงอม จวนจะร่วงลงพื้น
อ.บุญลือ ใช้จิตบังคับให้ผลมะม่วงลูกนั้น ถูกปลิดแล้วลอยไปหล่นที่หลังมือของฝนทิพย์ จนเธอ
สะดุ้งตื่นขึ้นมา เธอเดินออกมายืนที่ระเบียงบ้าน มองมายังตำแหน่งที่เขายืนอยู่ แต่แล้วเธอก็หันมองไป
ทางอื่น....มันเป็นเพราะ กำแพงเวทย์มิได้แค่เป็นเกราะป้องกันผู้บุกรุก แต่ยังบังสายตาของดวงจิตที่อยู่
ในดวงแก้วแห่งนี้ ไม่ว่าเขาจะตะโกนร้องเสียงดังเท่าไหร่ เสียงที่ฝนทิพย์ได้ยินก็เป็นเพียงเสียงใบไม้
ไหวเท่านั้น
น้อยในร่างพัฒนะ มิอาจทนเห็นมรรคถูกเล่นงานจนถอยร่นไม่เป็นขบวน ความจริงน้อยยังมีพลังแฝง
ที่เหลืออยู่ แต่เขาต้องเหลือไว้เพื่อปลุกจิตของเจ้าของเดิมที่ถูกทำให้หลับชั่วคราว ตอนนี้น้อยคิดใช้
พลังนี้เพื่อช่วยพี่ชายของเขาคือมรรค น้อยมองไปที่ด้ามดาบที่ตกอยู่ข้างตัว เมื่อจับด้ามดาบมากระชับ
ในมือ มันเหมือนมีพลังบางอย่างไหลมาสู่เขา ปีศาจเจ้านางกาลีมิได้ระวังพัฒนะ เพราะกำลังจะเผด็จศึก
มรรคให้ตายคามือ น้อยในร่างพัฒนะตกตะลึงเมื่อดาบแสงออกมาอย่างง่ายดาย เพราะในตอนที่เขา
จะใช้เวทย์นี้ไม่ว่าจะต้ังจิตใจจนสงบนิ่งอย่างไร ดาบแสงก็ไม่ปรากฎออกมา น้อยไม่รอช้ารีบใช้คาถา
ทะยานเมฆเข้าไปช่วยรับมือปีศาจเจ้านางกาลี จนปีศาจถอยหลังจากการร่วมแรงของทั้งสอง มรรคได้ที
ก็แผดเสียงหัวเราะเยาะเย้ย
"เป็นไงล่ะ!!!...นังปีศาจถอยหลังจนไปเป็นขบวนเลย คราวนี้ จะจับแกย่างไฟ
แล้วเอาไปจิ้มน้ำพริกซะเลย ฮาๆๆๆ...."
"พี่มรรค!!!..อย่าไปยั่วปีศาจตนนี้ ความโกรธ อาจทำให้พลังมันเพิ่ม เราจะรับมือมันยากขึ้น"
น้อยพยายามเตือนสติมรรค ที่มักจะใช้วิธี เยาะเย้ยถากถางให้ปีศาจโกรธ แล้วจัดการปีศาจตนนั้นอย่าง
โหดเหี้ยม แต่ปีศาจตนนี้ไม่เหมือนปีศาจตนไหน เพราะการที่ยั่วให้เธอโกรธ ก็เหมือนโยนถังแก๊สที่มีแก๊ส
บรรจุอยู่เต็มถัง เข้าไปในกองไฟ จนไฟเผาเป็นสีแดง แล้วมรรคก็ใช้ค้อนทุบไปที่ถังแก๊สนั้นโดยไม่มีชุด
ป้องกัน น้อยได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ในขณะที่ปีศาจเจ้านางกาลียืนสงบนิ่ง แล้วนางก็
ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมสลายพลังดาบแสงในมือจนหายไป แล้วตอนนี้เธอก็แสดงใบหน้าของ
เจ้านางกาลีออกมาให้มรรคกับน้อยได้เห็น ผิวของนางเป็นผิวสีน้ำผึ้ง ผมยาวเหยียดตรงสีดำสนิท
ดวงตาคมวาว คิ้วโกร่งดั่งคันศร จมูกโด่งดั่งมิใช่คนในภูมิภาคนี้ ริมฝีปากอิ่มเอิบ รูปร่างสมส่วนแข็งแรง
เล็บของนางแหลมคมสีขาวราวกรงเล็บของสัตว์ป่า นางยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะท่องคาถาเป็นภาษา
ที่ทั้งสองไม่เคยได้ยินมาก่อน ก้อนหินในบริเวณใกล้เคียงลอยขึ้น แล้วถูกดูดจนเข้ามาร่างกายของนาง
จนแน่นขึ้น แน่นขึ้น...เพียงอึดใจเดียว ร่างที่ปรากฎต่อสายตา ก็เป็นตุ๊กตาหินสูงเกือบ10 เมตร