ศาสตรา... มหาเวทย์ ตอนที่ 10

กระทู้สนทนา
บทที่  10  เลือกเป็น.. หรือเลือก... ตาย...

          นายตำรวจทั้งสอง  ในขณะที่งุนงงกับภาพที่อยู่ข้างหน้า  ถ้าเป็นการถ่ายภาพยนต์ เขาต้องเห็น
ทีมงานของกองถ่าย แต่สิ่งที่ปรากฎข้างหน้า ก็คือ กระทิงยักษ์สูงร่วม 5 เมตร ความยาวน่าจะไม่ต่ำกว่า
8-9 เมตร วิ่งได้ดั่งวัวกระทิงที่เห็นในสารคดี  แต่มันกับแตกสลายราวกับว่า นั่นคือดินเหนียว ที่ถูกตาก
แดดจนแห้ง แล้ว.. ถูกคนใช้ค้อนทุบ จนแตกละเอียด  สุรเชษฐ์ เอ่ยออกมาดั่งคนละเมอ

"ไอ้พัฒ... นี่ข้าไม่ได้หลับอยู่ใช่ไหม?..."

"ถ้าพี่หลับ เราก็น่าจะหลับด้วยกันทั้งคู่  แต่ที่เราเห็น... มันคือเรื่องจริงพี่..."

น้อยในร่างนีรนุช ก็ตกใจไม่แพ้กัน แต่มิได้เกิดจากมีคนมาเห็นเขาทำลาย กระทิงภูต แต่เกิดจาก เศษดิน
ที่แตกออก มันกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง น้อยหันไปมองเศษดินที่กำลังรวมกันเป็นก้อน แล้วค่อยๆ กลาย
ร่างเป็นกระทิงที่สูงเท่าเดิม ลำตัวยาวเท่าเดิม ดวงตาสีแดงวาบ เป็นจังหวะ ขาหลังเขี่ยพื้น เหมือนกระทิง
กำลังโกรธเกรี้ยวจนถึงขีดสุด เสียงคำรามดังอยู่ในลำคอ ครืดคราดๆ.... แต่น้อยในร่างเด็กหญิง พลันยิ้ม
แย้มออกมา เหมือนเด็กหญิง กำลังตื่นเต้น ที่จะได้ของขวัญชิ้นใหญ่

"แกนี่!.. มันอึดดีว่ะ!... แบบนี้ถึงจะเหมาะที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของข้า... เข้ามา!..."

กระทิงภูติคำรามเสียงดัง จนนายตำรวจทั้งสองยกมือขึ้นปิดหู  พร้อมกับพุ่งตัวเข้ามาเพื่อขวิด เป้าหมาย
ให้แหลกละเอียด แต่แทนที่จะสู้ น้อยกลับหันหลังกระโดดข้ามหลังคารถ ไปอยู่ท้ายกระบะรถปิคอัพ ซึ่ง
เป็นจังหวะเดียวกับรถก็ออกตัว ถอยหลังอย่างแรง จนล้อหมุนเสียดสีกับพื้นถนนดังสนั่น กระทิงภูติวิ่ง
ควบด้วยอัตราความเร็วสูงสุด น้อยเริ่มร่ายคาถาม้าสีหมอกอีกครั้ง เพื่อเพิ่มความเร็วให้ กับปิคอัพคันนี้
ความเร็วนั้นเพิ่มขึ้นจนสุรเชษฐก็ตกใจ เพราะความเร็วในการวิ่งถอยหลังเช่นนี้ มีเพียงในภาพยนต์ที่เขา
ชอบดูเท่านั้น ไม่นึกฝันว่า รถที่ขับอยู่ทุกวัน จะมีความเร็ว แรงทะลุนรกเช่นนี้ จนสุรเชษฐอดร้องออกมา
ด้วยความตื่นเต้นไม่ได้

"อีแก่ มันซิ่งได้ขนาดนี้เลยหรือวะ!...."

แต่กระทิงภูตก็วิ่งไล่ตามอย่างไม่ลดละ อะไรที่ขวางทาง มันขวิดแล้วสะบัดจนกระเด็น ปลิวไปไกล
หมวดพัฒนะได้สติ จึงหยิบปืนก๊อก 19 ขนาด 9 มม. ซึ่งเป็นปืนประจำกาย ที่เพิ่งได้มาไม่นาน ออกมา
ขึ้นลำ แล้วเบี่ยงตัวออกนอกหน้าต่างรถ กระหน่ำยิงไปยังร่างกระทิงยักษ์ที่วิ่งกระชั้นใกล้เข้ามาทุกที
จนหมดแม็กกาซีน ลูกกระสุนเจาะเข้าตรงกลางหน้าผากจนเศษดินกระจาย แต่ว่ามันมิได้หยุดชะงัก
แม้แต่น้อย ดูเหมือนจะเพิ่มความโกรธให้กระทิงภูตตนนี้ ให้มากยิ่งขึ้น ผู้กองสุรเชษฐร้องเสียงหลง

"ไอ้พัฒ เอ็งทำมันโกรธใหญ่แล้วเห็นไหม!..."

พัฒนะ เข้ามาในรถ ปลดแม็กกาซีนออก แล้วบรรจุใหม่ ปลดลำกล้องขึ้น สายตาของเขากลับมิได้
แสดงความหวาดกลัว ต่อสิ่งที่เห็นข้างหน้า เขาไม่เชื่อว่ากระสุนปืน จะทำอะไรมันไม่ได้ ถึงแม้ว่า
สิ่งที่เขาเห็น มันเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ เขาคิดภายในใจ

'ไอ้ปีศาจตนนี้ สามารถขวิดสิ่งของที่เป็นวัตถุ จนกระเด็นไปได้ ก็แสดงว่า มันมีมวลสาร
ถึงแม้ไม่มีชีวิต แต่เป็นสะสารมีรูปร่าง เมื่อมันวิ่งโดยใช้ขา... มันก็.... "

พัฒนะคิดได้ดังนั้น ก็เบี่ยงตัวออกนอกหน้าต่างอีกครั้ง คราวนี้เขาเล็งไปที่ข้อเท้าของกระทิงที่วิ่ง จนแทบ
มองไม่เห็นข้อเท้า น้อยท่องคาถาเร็วขึ้น สายตานั้น. จับจ้องไปที่ดวงตาของกระทิงภูตไม่กระพริบ
ในจังหวะที่ กระทิงยักษ์กำลังก้มหัวลง เพื่อใช้เขาโค้งที่แหลมคม ขวิดใต้รถ ให้พลิกคว่ำ ขาหน่าของมัน
หยุดการเคลื่อนไหว สายตาที่คมกริบของพัฒนะเล็งศูนย์หน้าหลัง ไปยังข้อเท้า แล้วลั่นไกแบบฟูลออโต้
กลุ่มกระสุนเจาะทำลายเข้าข้อเท้าของกระทิงภูต อย่างแม่นยำ จนขาดกระเด็น เขามันทิ่มลงกับพื้นถนน
แทงทะลุลงไป เพราะความแรงของการวิ่ง ผสานกับแรงเบรคอย่างกระทันหัน ด้านท้ายของกระทิงยก
สูงขึ้น น้อยทำท่า หมุนควงมือ รถปิคอัพสะบัดท้ายแบบดริฟ เสียงเสียดสีของหน้ายาง กับพื้นยางมะตอย
ดัง เอี๊ยดดด!.... พ้นรัศมีการทับของร่างกระทิงภูตอย่างหวุดหวิด ร่างของกระทิงยักษ์ไถลไปบนพื้นถนน
จนหน้าพื้นถนนยางมะตอยเปลี่ยนเป็นเศษดินเศษหินในบัดดล พัฒนะจ้องไปยังเขาของกระทิงที่หักคา
กับพื้นถนนทั้งสองเขา  มันกระดุกกระดิกเหมือนดั่งมีชีวิต น้อยรีบท่องคาถาต่อ รถปิคอัพ พุ่งไปข้างหน้า
ทันที จุดมุ่งหมายนั้น มิใช่ที่ไหน... แต่เป็น.... สำนักอาจารย์บุญส่ง... นั่นเอง


ดาบฟ้าฟื้น ในมือของอ.บุญลือนั้นอานุภาพรุนแรงเกิน กว่าที่ปีศาจฝนคาดไว้มาก เพียงครู่เดียว ลมพายุ
ทั้งแปดสาย ที่ทำหน้าที่เหมือนขาของแมลงมุมถูกตัดขาดออก จนร่างของปีศาจฝนตกลงมาบนพื้น มนต์
ดาบฟื้นฟ้าที่เธอใช้ กลายเป็นของเด็กเล่น เมื่อเทียบ กับดาบมหาอาคม ปีศาจฝนถอยร่นอย่างไม่เป็น
ขบวน ด้ามดาบในมือของเธอกระเด็นไปตกข้างหน้า อ.บุญลือ ซึ่งตอนนี้ เหมือนจะมีความเหี้ยมโหด
มากขึ้นเรื่อยๆ... เมื่อเห็นด้ามดาบ ที่เขาเป็นคนมอบให้ มรรคน้อย ก่อนออกเดินทาง เพื่อไปปราบปีศาจ
โดยที่เขาไม่ทราบมาก่อนว่า ปีศาจที่มรรคน้อยต้องไปเจอก็คือ เสือเหี้ยม เสือผาด และฝน ญาณของ
อ.บุญลือ เห็นเป็นเพียงปีศาจที่จะมาก่อกวนความสงบของโรงเรียน มันเหมือนตัวเขาเอง ส่งลูกศิษย์
ของเขาไปตาย พร้อมด้วยคนบริสุทธิ์อีกนับไม่ถ้วน ความโกรธที่สะสมก็ระเบิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
อ.บุญลือหยุดใช้อาคมดาบฟ้าฟื้น ประกายแสงลดลง รอยยิ้มที่อำมหิตเหลือประมาณเกิดขึ้นบนใบหน้า
เขาเอ่ยออกมา อย่างราบเรียบ พร้อมหยิบเอาด้ามดาบขึ้นมา.....

"ฝน... พี่อยากบอกให้เธอรู้อีกอย่าง... เพราะพี่อยากให้เธอ จดจำความผิดของเธอ
ก่อนลงนรกภูมิอีกครั้ง..."

"พี่อยากบอกอะไร... ก็บอกมา เพราะไม่มีอะไรที่ทำให้ฝนเสียใจได้เท่ากับพี่หักหลังฝนอีกแล้ว..."

ปีศาจฝนเสียงสั่นด้วยความเคียดแค้น ละคนหวาดกลัว อ.บุญลือมองด้ามดาบ ที่กำลังจะประกอบเข้ากับ
เรือนดาบเหมือนมีแสงไฟที่วิ่งเข้าหากันหรือผลักดันกัน จนผมที่เกล้ามวยของ อ.บุญส่งสบัดจนสยาย

"ความจริงก็คือ... ที่เธอฆ่ามรรคน้อยไป มันก็คือ... ลูกของเรา ที่พี่นำดวงวิญญาณ ของลูก
ไปใส่ในร่างเด็ก ที่กำลังจะเสียชีวิต เพราะถูกนำมาทิ้ง... ร่างของเด็กคนนั้น จึงได้เป็น
ที่พำนักของลูก และพวกเขา ก็ช่วยเหลือกัน พอน้อยอายุได้ 13 ปี ก็มาพบเธอ
เธอต่างหาก ที่เป็นปีศาจฆ่าลูกตนเอง  จำเอาไว้ ด้วย...เธอเป็นคนฆ่าลูกของเรา อีกครั้ง..."

ปีศาจ ซึ่งความจริงเธอยังคงหลงเหลือความเป็นฝนอยู่ เพียงครึ่ง เพราะอีกครึ่งเป็นของปีศาจกาลี
เธอรู้สึกเจ็บปวด เมื่อรู้ว่าตน เป็นคนสังหารลูกของตนเอง เธอพยายามปฏิเสธ

"ไม่จริง... พี่โกหก... พี่อยากให้ฝนเสียใจ เรื่องที่ฝนฆ่าลูกศิษย์พี่ เลยกุเรื่องขึ้นมาให้ฝนเสียใจ
ทำไมพี่... ใจร้ายแบบนี้... ทำไม..."

อ.บุญลือ ตอนนี้เขาไม่รู้ตัวว่า กำลังถูกความมืดเข้าบดบังจิตใจอันดีงาม เขากำลังถูกครอบงำจากอะไร
บางสิ่ง ที่มีฤทธิ์ ชั่วร้าย  ด้ามดาบนั้น เข้าใกล้เรือนดาบทุกขณะ

"หึๆๆ... ฝนพี่จะหลอกเธอทำไม... ในเมื่อเธอกำลังดับสูญอีกครั้ง  ก่อนจะสลายวิญญาณ
พร้อมกับร่างของเด็กคนนี้ พี่จะเล่าให้ฟังถึงวันที่พี่ ผ่าเอาลูกของเราออกจากตัวฝน..."
..........................

          บุญลือร้องไห้คร่ำครวญกอดร่างภรรยา ที่เพิ่งถูกเขาสังหาร แล้วมีคำสั่งให้นำเด็กออกจากร่าง
ทันที เพื่อมิให้วิญญาณกลายเป็นปีศาจตายท้องกลมที่มี ฤทธิ์ร้ายกาจ. เมื่อตั้งสติได้ อาคารที่พังถล่ม
ลงมา จึงบังสายตาของนายตำรวจที่อยู่ข้างนอก บุญลือท่องคาถาบังตาครอบไว้ ก่อนที่เขาจะใช้มีด
ที่ปักกลางอกของฝนออก โลหิตพุ่งฉีดเข้าใบหน้า ที่เต็มไปด้วยน้ำตา ก่อนใช้มีดเล่มนั้นผ่าท้องน้อย
ลงมา ก่อนที่เขาจะนำเด็กออกมาจากช่องท้อง บุญลือตะโกนร้องออกมาด้วยเสียงดัง ซึ่งในขณะนั้น
เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง เกิดฟ้าผ่าลงมาเป็นจำนวนมาก นายตำรวจ ที่กำลังเข้าไปตรวจศพของสองเสือ
ต่างหลบหนี เพราะฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาที่ศพทั้งสองพร้อมกัน จนไหม้เป็นตอตะโก  ไม่มีใครได้ยินเสียงร้อง
คร่ำครวญของบุญลือ

แล้วบุญลือ ก็นำถุงย่าม ที่ตอนแรกเสือเหี้ยม ให้เตรียมมาใส่เงินที่ปล้น แต่ตอนนี้เขานำมาใส่ร่างของ
เด็ก เขาเดินออกจากซากอาคาร โดยนายตำรวจที่กำลังเข้ามาหาร่างของผู้ที่รอดชีวิต มองไม่เห็น
เพราะบุญลือใช้คาถาบังดวงตา เมื่อถึงที่พัก ก็นำร่างเด็กชาย มาทำพิธี สะกดวิญญาณลงในร่าง
ห่อหุ้มด้วยผ้าแพร กำไลเงิน กำไลทองขนาดเล็ก ส่วนศพของฝนนั้น ถูกพบตอนที่เจ้าหน้าที่เข้าเก็บ
หลักฐาน สภาพศพนั้นคล้าย ถูกซากอาคารถล่มใส่ร่าง จนไม่สามารถระบุได้ว่าเสียชีวิตจากอะไร คดี
การเข้าจับกุม แก๊งเสือเหี้ยม ก็ถูกปิดลงด้วยศพสุดท้ายที่พบ คือฝนทิพย์ เสียชีวิตจาก อาคารถล่มทับ
จึงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ......... บุญลือมอง กุมารทองในห่อผ้าสีขาว นัยน์ตานั้น คลอด้วยน้ำตา

"ลูกพ่อ... อยู่ในนี้ก่อนนะ ไว้เจ้ามีวาสนา เจ้าจะได้มีชีวิตอีกครั้ง
พ่อสัญญา...พ่อจะทำให้เจ้าฟื้นขึ้นมาให้ได้"

หลังจากนั้น บุญลือก็ขอลาออกจากการเป็นตำรวจ ถึงแม้ผู้บังคับบัญชาจะขอร้อง ให้ทำงานต่อไป
โดยมีคำสั่งแต่งตั้ง เพิ่มยศเพิ่มตำแหน่งให้จากเดิมมากมาย เพราะเขาเป็นผู้ได้ชื่อว่า. เป็นผู้พิชิต
เสือร้ายคนสุดท้าย แต่ไม่สามารถเปลี่ยนความตั้งใจของบุญลือได้  สิ่งที่เขาร้องขอทางผู้บังคับบัญชา
อีกเรื่องก็คือ ให้เอาชื่อของเขา. ออกจากปฏิบัติการในคดีนี้  ซึ่งก็เป็นไปตามที่เขาร้องขอ......

17 ปีต่อมา บุญลือเดินทางไปทั่วประเทศ เพื่อสั่งสมบุญบารมี จนเขาผ่านไปตรอกแห่งหนึ่ง เขาได้ยิน
เสียงร้องของเด็ก ที่เหมือนว่า กำลังจะสิ้นใจ แล้วได้พบเด็กชาย ที่เพิ่งคลอด ซึ่งน่าจะเกิดจากแม่เด็ก
ที่ไม่พร้อมจะมีบุตร  อ.บุญลือ จึงตัดสินใจ นำดวงวิญญาณของ กุมารทอง ลงในร่างเด็กชายผู้นี้
เพราะทั้งคู่ มีชะตาต้องกันอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ มันเป็นไปได้ที่ชะตาของทั้งสองดวงจิต. จะต้อง
ผูกติดกันตลอดไป... แล้วเมื่อเด็กชายเจริญวัยขึ้น อ.บุญลือจึงตั้งชื่อเด็กชายผู้นี้ว่า... มรรคน้อย......
............................................
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่