สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
อ่านๆ การตั้งกระทู้ การตอบคำถาม การถกประเด็น
เหมือนไม่ใช่เด็กจบ ม.๖ หมาดๆเลย
แต่กลับมีปัญญาแทงตลอดเรื่อง ทุกข์ ที่ปุถุชนมองไม่เห็น อันนี้ต้องขอชมเชยมากครับ
คนส่วนใหญ่ครับที่มองเรื่องต่างๆ ว่าไม่ใช่ทุกข์ ก็เลยยึดติดมัน เพราะคิดว่ามันให้ความสุข
แต่ลืมคิดไปว่า แม้สุขเวทนา ที่ได้รับมานั้น ก็ล้วนแล้วแต่ต้องดับสลายไปในที่สุด มันไม่มีสุขถาวร มันเป็นอนัตตา เราไม่ควรยึดมัน ถือมั่น แต่คนทั่วไปล้วนยึดติด ยึดมั่น ไม่ยอมปล่อยวาง เมื่อสุขหมดไป ทุกข์ก็ตามมา
อายุขนาดนี้ยังปฏิบัติได้ขนาดนี้ ธรรมสูงๆ ขึ้นไป ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอนครับ
เหมือนไม่ใช่เด็กจบ ม.๖ หมาดๆเลย
แต่กลับมีปัญญาแทงตลอดเรื่อง ทุกข์ ที่ปุถุชนมองไม่เห็น อันนี้ต้องขอชมเชยมากครับ
คนส่วนใหญ่ครับที่มองเรื่องต่างๆ ว่าไม่ใช่ทุกข์ ก็เลยยึดติดมัน เพราะคิดว่ามันให้ความสุข
แต่ลืมคิดไปว่า แม้สุขเวทนา ที่ได้รับมานั้น ก็ล้วนแล้วแต่ต้องดับสลายไปในที่สุด มันไม่มีสุขถาวร มันเป็นอนัตตา เราไม่ควรยึดมัน ถือมั่น แต่คนทั่วไปล้วนยึดติด ยึดมั่น ไม่ยอมปล่อยวาง เมื่อสุขหมดไป ทุกข์ก็ตามมา
อายุขนาดนี้ยังปฏิบัติได้ขนาดนี้ ธรรมสูงๆ ขึ้นไป ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอนครับ
ความคิดเห็นที่ 15
เมื่อก่อนก็ไม่ค่อยศรัทธาพระพุทธเจ้าเหมือนกันครับ เวลาเรียนพระพุทธศาสนาก็ไม่ตั้งใจฟัง นั่งวาดรูปบ้าง ใจลอยบ้าง มันเป็นวิชาที่น่าเบื่อมาก(เคยโดดเรียนวิชานี้ด้วย) แต่พอมีปัญหาชีวิตเยอะๆ เช่น อกหัก สอบตก อยากเอาชนะเพื่อนแล้วทำไม่ได้ และปัญหาเรื่องอื่นๆอีกสารพัด ผมก็เครียดมาก รู้สึกแย่มากๆ จนวันหนึ่งได้หยิบหนังสือธรรมะของคุณย่ามาอ่าน แล้วเจอข้อคิดเยอะแยะมากมาย ที่สามารถเอามาคิด พิจารณาแล้วสามารถแก้ความเครียด ความทุกข์ที่เกิดขึ้นได้ ผมก็เปลี่ยนความคิดเดิมๆ ไปเลย ตอนนี้ผมเอาจริงเอาจังกับทางนี้มาก อยากพ้นทุกข์ ก็เลยฝึกวิปัสสนา ฝึกสมาธิ อยู่ครับ เผื่อมีบุญที่ได้หลุดพ้นจากความทุกข์เหล่านี้ โดยสิ้นเชิง ขอบคุณพระพุทธเจ้าที่ค้นพบทางสว่างในการดับทุกข์ ให้พวกเราชาวพุทธได้มีแนวทางอันล้ำค่าที่ศาสนาอื่นให้ไม่ได้
แสดงความคิดเห็น
เหตุผลที่ผมเชื่อพระพุทธเจ้า
พอเมื่อได้พิจารณาตามแล้ว...
จากที่ผมเป็นเพียงแค่พุทธตามพ่อแม่
ตอนนี้ ผมเชื่อและปฏิบัติอย่างสนิทใจ
กระทู้นี้ของผมอาจใช้ภาษาง่ายๆ อาจไม่มีภาษาบาลี
ก็ขออภัยด้วยนะครับ
สิ่งที่ผมได้พิจารณาตามพระธรรมของพระพุทธเจ้า
-ความเกิดเป็นทุกข์..
ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ เราทุกข์กันตั้งแต่อยู่ในท้องแม่
อยู่ในที่แคบๆ พอคลอดออกมา เราอาจคิดว่าสบายแต่จริงๆเราทุกข์นะครับ
จะถ่ายหนักถ่ายเบา ยามหิวยามกระหาย ก็เรียกร้องใครก็ไม่ได้เพราะเป็นทารก
จะพูดอย่างไร จะพริกตัวนิดหน่อยก็ทำไม่ได้...ทรมานน่าดู
-ความแก่เป็นทุกข์
ความแก่ในที่นี้ไม่ได้แปลว่าอายุ60up นะครับ แต่หมายถึงการเพิ่มขึ้นของอายุ
นั่นหมายถึงเราเริ่มแก่ตั้งแต่วันแรกที่เกิด เราแก่ขึ้นทุกขณะ นั่งๆอ่านอยู่นี่เราก็แก่ขึ้นทุกวินาที
จากทารกขึ้นมาก็เข้าสู่วัยเรียน วัยนี้ก็ทุกข์ ต้องหาวิชาความรู้ไว้ทำงานในวันข้างหน้า
ผมไม่รู้ทุกท่านทุกข์ไหม แต่ผมว่าทุกข์นะครับ ต้องไปเรียน ต้องอดหลับอดนอนเรียนหนังสือ บลาๆ
พอเรียนจบก็หางานทำ ต้องหาเงินหาทองมาบำรุงบำเรอขันธ์5
ถึงวัยหาคู่ครองนี่ก็ทุกข์ กลัวเขาจะไม่รัก พอเขารักแล้วก็กลัวเขาจะรักไม่นาน ไม่พอ กลัวเขาจากไป
วัยต่อมาก็เลี้ยงลูก อันนี้ก็ทุกข์ ต้องเลี้ยงดู คอยห่วงหาอาวรณ์ กลัวเขาไม่มีความสุข
พอแก่ตัวมา ลุกก็โอย นั่งก็โอย นอนก็โอย
-การเจ็บเป็นทุกข์
โรคภัยไข้เจ็บต่างๆนานา มีร่างกายนี้มาแล้วก็ย่อมเป็นของคู่กัน
-การตายเป็นทุกข์
ความตายจะมาเมื่อไรเราก็ไม่ทราบ ไม่รู้ล่วงหน้า วันนี้ไม่ตายพรุ่งนี้ก็อาจจะตาย
พรุ่งนี้ไม่ตายวันข้างหน้าก็ตาย - -
ต้องจากคนที่รัก ห่วงลูกห่วงหลาน อาลัยอาวรณ์ เงินทองหามาทั้งชีวิต
สุดท้ายเอาไปไม่ได้ซักบาท...
สรุป
จน-รวย ... ทุกข์เหมือนกัน
ขี้เหร่-สวย ... ทุกข์เหมือนกัน
ฉลาด-โง่ ... ทุกข์เหมือนกัน
ชาติไหนประเทศไหน ... ทุกข์เหมือนกัน
จากที่ผมเคยเป็นอวดเก่ง เย่อหยิ่ง นิสัยผมก็เปลี่ยน..ก็ทุกคนล้วนทุกข์เหมือนกันนี่นะ
จากที่เคยขี้โกรธ นิสัยนี้ก็บางลง...ถึงจะโกรธไม่โกรธ เขาก็ทุกข์ของเขา เราก็เหมือนกัน
จากที่ฆ่าสัตว์ ตบยุง นี้สัยนี้บางลง...สงสารเขา สงสารตัวเองด้วย
จากที่เกลียดชัง ก็ดีขึ้น...เกลียดไม่เกลียดเขาก็ทุกข์ของเขาอยู่แล้ว จะเกลียดทำไม
เวลาที่อกหัก...ก็ไม่เสียใจมากเหมือนเมื่อก่อน...เพราะวันนึงๆเราก็ต้องจากกันอยู่ดี
และอื่นๆอีกมากมาย
ทุกวันนี้ผมพยายามรักษากรรมบถ10 อยู่ทุกวัน
จะไปเรียนไปเที่ยวกับเพื่อน จะตอนไหนๆ ก็พยายามดูลมหายใจ
(อานาปานุสติกรรมฐาน)ให้มีสติรู้ตัวในทุกขณะ
ก่อนจะนอนก็พยายามคิดฝฝเสมอว่า เราอาจจะตายวันนี้ก็ได้ นึกถึงความายบ่อยๆ
(มรณานุสติกรรมฐาน)
เวลาป่วยไข้ไม่สบาย ก็พยายามพิจารณาความสกปรกของร่สงกายนี้เสมอๆ
(อสุภกรรมฐาน) ร่างกายที่เราคิดว่ามันเป็นของเรา พอวันนึงวันก็เน่าเปื่อย ย่อยสลาย
แม้เราจะสรรหาน้ำหอมฝรั่งเศส หรือเสื้อผ้าแบรนเนมต่างประเทศ
ก็ไม่สามารถปกปิดกลิ่นเน่าเหม็น ปกปิดน้ำเลือด น้ำหนองเวลาที่มันเน่าเปื่อยได้
ความรู้สึกอยากเป็นเจ้าของในสิ่งต่างๆของผมก็เบาบางลง
บางทีเจอคนมากหน้าหลายตา มีที่ที่ทำให้เราทุกข์บ้าง สุขบ้าง
ก็พยายามถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะทุกคนต่างมีนิสัยที่ต่างกัน
(จริต6)
ในตอนที่พบกับความสูญเสีย เงินทองหรือทรพย์สินต่าง ก็พยายามคิดว่ามันเปผ้นของธรรมดา
(โลกธรรม8)
ถึงแม้ผมจะทำไม่ได้ทุกเวลา มีลืมบ้าง มีเผลอผิดศีลบ้าง แต่เมื่อผิดก็พยายามจะเริ่มต้นใหม่
เพราะอยากพ้นทุกข์...ตามแนวทางของพระพุทธองค้
คงเพราะผมพึ่งจบม.6มาหมาดๆ ชีวิตข้างหน้าไม่รู้จะพบกับทุกข์ประเภทไหน
เลยต้องหาที่...ซึ่งจากการพิจารณาไตร่ตรองแล้ว
พระธรรมของพระพุทธองค์เหมะสมกับผม...
ที่นำมาตั้งกระทู้นี้ ไม่ได้มีเจตนาจะยกย่องตัวเองว่าผมเก่งหรือผมดีแล้ว
เพียงแต่นำหลักคิดและแนวทางที่ผมใช้ในปัจจุบันมาแชร์
ผิดถูกอย่างไรก็พร้อมแก้ไขครับ ^^