เมื่อวานนี้ เริ่มตั้งแต่เช้าแบบว่าไม่รู้จะทำอะไรกินดี เจ้านายบอกว่าบ้านเราคนเยอะทำก๋วยเตี๋ยวหมูอย่างง่ายสักหม้อ
กินกันทั้งวันไปเลย ไม่ต้องเสียหัว ทำเป็นก๋วยเตี๋ยวแบบโบราณนั่นแหละ
เราก็นึกภาพไม่ออกว่าโบราณมันเป็นอย่างไร ใจมันนึกถึงก๋วยเตี๋ยวสมัยเป็นเด็กที่อยู่ชนบท นึกภาพก็ไม่ค่อยออกเท่าไหร่
เพราะใช่ว่าจะได้กินบ่อยๆ สมัยก่อนโน้นถ้าไม่ป่วย ไม่สบาย ไม่เจ็บไม่ไข้ อย่าหวังว่าพ่อแม่จะซื้อก๋วยเตี๋ยวให้กิน
นี่ไงครับโฉมหน้าที่เจ้านายมือ 1 เรียกว่าก๋วยเตี๋ยวโบราณ
ความตั้งใจจะโบราณเริ่มตั้งแต่ต้มน้ำซุป ดู ๆ ก็ชักจะไม่โบราณแล้ว กระดูกสันหลัง พริกไทยเม็ด กระเทียมสด กระเทียมดอง
น้ำตาลกรวด เกลือเม็ด รากผักชี แกนสับปะรด เริ่มต้มตั้งแต่เช้ากะกินเที่ยง (ตอนหลังมีเติม หมึกแห้ง กุ้งแห้ง ลำไยอบแห้ง
ลงไปอีก)
ระหว่างต้มน้ำก็จัดการกับอย่างอื่นไปเรื่อย ๆ
ถั่วคั่วเองอย่างใจเย็น
เจียวกระเทียม กากหมู
ทุกอย่างสล่าปู่มีหน้าที่ทำตามคำบอก อย่างเช่นตรงนี้ หมูบดผสมมันเล็กน้อย คลุกผสมกับ น้ำมันหอย
เกลือป่น ซีอิ้วขาว น้ำตาลทราย สามเกลอ แป้งข้าวโพด แป้งกรอบ
ปั้นเป็นก้อน ๆ แล้วทอดน้ำมันไฟกลางค่อนข้างร้อน
หมูสันคอต้มสุกซอยบาง มีหมูยอในตู้เย็นเอามาซอยต้มปนไปด้วย (จะไม่โบราณก็หมูยอนี่แหละ)
พริกแห้งกะเหรี่ยง คั่วไฟอ่อนจนดำ ปนหยาบ
ผักใช้ถั่วฝักยาวกับคะน้า 2 อย่าง
เกือบพร้อม ขาดพริกดองน้ำส้มกับน้ำตาลทรายที่ไม่ได้นำมาวางถ่ายรูป
ผักโรยหน้ามี 2 อย่างคือต้นหอมผักชี กับผักชีฝรั่งซอยฝอย
อย่างใจเย็นเพราะมีเวลาค่อนข้างเยอะ ในที่สุดก็พร้อมกินได้ จัดให้คนทำประเดิมก่อน พอดีเห็นมีถั่วคั่วอย่างหอม
ก็เลยกะทำเป็นเตี๋ยวต้มยำ
เคยสั่งก๋วยเตี๋ยวต้มยำมากิน ตอนที่เขาเอามาเสริฟกลายเป็นเตี๋ยวธรรมดา เกือบจะโวยแล้วแต่พอเอาช้อนคนดูเขาทำอย่างนี้นี่เอง
เคยพูดหลายครั้งแล้ว ทำเองกินเองไม่ต้องเกรงใจใคร หยิบใส่ ๆ เข้าไปให้ดูดีไว้ก่อน (ถ้าไปซื้อกินไม่ได้นะเนี่ย)
เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่มักจะทำกินเองที่บ้านตลอด
น้ำซุปใส ๆ หวาน ๆ ตักใส่ลงไป พร้อมเสริฟ
ดูชัด ๆ ซูม ๆ
คนคลุกแล้ว ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน
ลากันที่ภาพนี้นะครับ ดูไม่สวยเท่าไหร่เพราะเป็นชามเดิมในรอบที่ 2 ก๋วยเตี๋ยวโบราณแบบแห้ง ตกลงกลายเป็นคนประเภท
แห้งชามน้ำชาม ไปเลยเรา
ก๋วยเตี๋ยวหม้อใหญ่กินกันได้ทั้งบ้าน ต้นทุนพอๆ กับเห็ดถอบ 1 ลิตร ณ เวลานี้ คือ 250 บาทครับ ถ้าเป็นท่านจะเลือกอะไรดี
สวัสดีครับ
ก๋วยเตี๋ยวแบบนี้จะเรียกว่าอะไรดี แต่มีคนบอกว่ามันเป็น "ก๋วยเตี๋ยวหมูโบราณ"
กินกันทั้งวันไปเลย ไม่ต้องเสียหัว ทำเป็นก๋วยเตี๋ยวแบบโบราณนั่นแหละ
เราก็นึกภาพไม่ออกว่าโบราณมันเป็นอย่างไร ใจมันนึกถึงก๋วยเตี๋ยวสมัยเป็นเด็กที่อยู่ชนบท นึกภาพก็ไม่ค่อยออกเท่าไหร่
เพราะใช่ว่าจะได้กินบ่อยๆ สมัยก่อนโน้นถ้าไม่ป่วย ไม่สบาย ไม่เจ็บไม่ไข้ อย่าหวังว่าพ่อแม่จะซื้อก๋วยเตี๋ยวให้กิน
นี่ไงครับโฉมหน้าที่เจ้านายมือ 1 เรียกว่าก๋วยเตี๋ยวโบราณ
ความตั้งใจจะโบราณเริ่มตั้งแต่ต้มน้ำซุป ดู ๆ ก็ชักจะไม่โบราณแล้ว กระดูกสันหลัง พริกไทยเม็ด กระเทียมสด กระเทียมดอง
น้ำตาลกรวด เกลือเม็ด รากผักชี แกนสับปะรด เริ่มต้มตั้งแต่เช้ากะกินเที่ยง (ตอนหลังมีเติม หมึกแห้ง กุ้งแห้ง ลำไยอบแห้ง
ลงไปอีก)
ระหว่างต้มน้ำก็จัดการกับอย่างอื่นไปเรื่อย ๆ
ถั่วคั่วเองอย่างใจเย็น
เจียวกระเทียม กากหมู
ทุกอย่างสล่าปู่มีหน้าที่ทำตามคำบอก อย่างเช่นตรงนี้ หมูบดผสมมันเล็กน้อย คลุกผสมกับ น้ำมันหอย
เกลือป่น ซีอิ้วขาว น้ำตาลทราย สามเกลอ แป้งข้าวโพด แป้งกรอบ
ปั้นเป็นก้อน ๆ แล้วทอดน้ำมันไฟกลางค่อนข้างร้อน
หมูสันคอต้มสุกซอยบาง มีหมูยอในตู้เย็นเอามาซอยต้มปนไปด้วย (จะไม่โบราณก็หมูยอนี่แหละ)
พริกแห้งกะเหรี่ยง คั่วไฟอ่อนจนดำ ปนหยาบ
ผักใช้ถั่วฝักยาวกับคะน้า 2 อย่าง
เกือบพร้อม ขาดพริกดองน้ำส้มกับน้ำตาลทรายที่ไม่ได้นำมาวางถ่ายรูป
ผักโรยหน้ามี 2 อย่างคือต้นหอมผักชี กับผักชีฝรั่งซอยฝอย
อย่างใจเย็นเพราะมีเวลาค่อนข้างเยอะ ในที่สุดก็พร้อมกินได้ จัดให้คนทำประเดิมก่อน พอดีเห็นมีถั่วคั่วอย่างหอม
ก็เลยกะทำเป็นเตี๋ยวต้มยำ
เคยสั่งก๋วยเตี๋ยวต้มยำมากิน ตอนที่เขาเอามาเสริฟกลายเป็นเตี๋ยวธรรมดา เกือบจะโวยแล้วแต่พอเอาช้อนคนดูเขาทำอย่างนี้นี่เอง
เคยพูดหลายครั้งแล้ว ทำเองกินเองไม่ต้องเกรงใจใคร หยิบใส่ ๆ เข้าไปให้ดูดีไว้ก่อน (ถ้าไปซื้อกินไม่ได้นะเนี่ย)
เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่มักจะทำกินเองที่บ้านตลอด
น้ำซุปใส ๆ หวาน ๆ ตักใส่ลงไป พร้อมเสริฟ
ดูชัด ๆ ซูม ๆ
คนคลุกแล้ว ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน
ลากันที่ภาพนี้นะครับ ดูไม่สวยเท่าไหร่เพราะเป็นชามเดิมในรอบที่ 2 ก๋วยเตี๋ยวโบราณแบบแห้ง ตกลงกลายเป็นคนประเภท
แห้งชามน้ำชาม ไปเลยเรา
ก๋วยเตี๋ยวหม้อใหญ่กินกันได้ทั้งบ้าน ต้นทุนพอๆ กับเห็ดถอบ 1 ลิตร ณ เวลานี้ คือ 250 บาทครับ ถ้าเป็นท่านจะเลือกอะไรดี
สวัสดีครับ