บทนำ : http://ppantip.com/topic/33249224
ตอนที่ 1 : http://ppantip.com/topic/33341470
ตอนที่ 2 : http://ppantip.com/topic/33408446
หมายเหตุ: เรื่องนี้ มีลักษณะเป็นนิยายขนาดสั้น หรือ Novella มีความยาวประมาณ 6-7 ตอนเท่านั้นเองค่ะ เลยแท็กทั้งเรื่องสั้นและนิยาย เรื่องนี้อาจไม่เหมาะกับเด็กและเยาวชน เพราะมีเรื่องของความรุนแรงอยู่มากพอสมควรนะคะ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
(3)
ชานเซอรีเลน, ลอนดอน, ปลายเดือนกรกฎาคม 1889
คืนวันในฤดูร้อนที่ควรจะอบอุ่นและสดชื่นกลับกลายเป็นช่วงเวลาที่เราต่างรู้สึกรันทดและหดหู่กับเหตุการณ์ที่ต้องเผชิญอย่างไม่ควรที่ อาหารค่ำมื้อนี้เป็นมื้อที่เงียบงันและหงอยเหงาที่สุดเท่าที่เป็นมา แม้อาหารฝีมือของมิสซิสดาร์ลตัน ผู้เป็นแม่บ้านจะวิเศษเพียงใด แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวันที่ผ่านมาก็ทำให้เราไม่มีอะไรจะพูดกัน ทั้งที่มีเรื่องราวมากมายไปหมด ข้าพเจ้าอดหวังไม่ได้ที่จะให้ มร. อัลเฟรด คอร์ทนีย์ เพื่อนที่เช่าแฟลตหลังนี้คนละครึ่งกับ นพ. โทเบียส ฟอล์กเนอร์ ปรากฏตัวขึ้น แล้วเริ่มต้นบทสนทนาสักอย่าง แต่คงจะเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อเขากำลังวุ่นวายอยู่กับการเจรจาให้นักเขียนมีชื่อตีพิมพ์งานกับทางสำนักพิมพ์ หลังจากพลาดหวังจากออสการ์ ไวล์ด นักประพันธ์เลื่องชื่อชาวไอริช ซึ่งมีผลงานโดดเด่นเป็นที่จับตามองในแวดวงวรรณกรรม ณ เวลานี้ไปแล้วคนหนึ่ง
หลังมื้อค่ำ เราย้ายเข้าไปพูดคุยกันในห้องหนังสือของเขา เมื่อการรับประทานอาหารค่ำเสร็จสิ้น เก้าอี้นวมหน้าเตาผิงยังคงเป็นตำแหน่งที่เราเลือก หากในฤดูนี้ ไม่มีความจำเป็นจะต้องจุดไฟ สิ่งหนึ่งที่ขาดหายไปจึงเป็นกลิ่นควันจากฟืนไม้เชอร์รี่ที่เคยอวลไปทั่วเจือกลิ่นยาสูบลาตาเกียของเจ้าของห้อง ทว่าวันนี้ เขายังไม่มีอารมณ์สุนทรีมากพอที่จะสูบกล้องอย่างเคย
“ในเรื่องที่คุณหมอยังติดใจ ผมคิดว่าผมหาทางออกได้” ข้าพเจ้าเอ่ยขึ้น
อดีตศัลยแพทย์ทหารเลิกคิ้วน้อย ๆ ด้วยความสนใจ หยิบแก้วเหล้าพอร์ตสองใบจากโต๊ะเขียนหนังสือเดินมายังบริเวณที่ข้าพเจ้านั่งอยู่ ข้าพเจ้ารับแก้วทั้งสองใบจากมือเขามาวางบนโต๊ะกลม ในขณะที่เขาหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้นวมอีกตัวหนึ่งช้า ๆ จากท่านั่งที่หย่อนขาได้ตามปกติ แสดงให้เห็นว่าอาการเจ็บเข่าที่เรื้อรังมาแต่ครั้งถูกยิงระหว่างปฏิบัติงานในซูดานซึ่งมักจะกำเริบเมื่ออากาศหนาวหรือชื้นจัด หรือเพราะยืนติดต่อกันเป็นเวลานานบรรเทาลงจนเกือบปกติแล้ว
“พวกแมรี่แอนน์… โสเภณีชายที่ถูกจับพวกนั้น” ข้าพเจ้าบอก “อย่างไรเสีย พวกเขาก็ต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาประพฤติผิดทางเพศอยู่แล้ว ถ้าจะให้เขาสักคนอธิบายเป็นข้อมูลให้คุณหมอก็น่าจะได้ ผมจะลองพูดกับสารวัตรแอบเบอร์ไลน์เรื่องนี้ และตอบแทนพวกเขาด้วยการหาทางช่วยผ่อนปรนโทษให้ เนื่องจากให้ความร่วมมือในทางคดี”
“เพราะคิดหาทางช่วยผมหาข้อมูลเรื่องนี้ สารวัตรถึงได้ไม่พูดอะไรเลยมาตลอดมื้อค่ำอย่างนั้นหรือครับ”
“อา…” คำถามนั้นทำให้ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร เพราะตลอดเวลาที่เขาไม่พูด ข้าพเจ้าก็ไม่อยากรบกวน และในขณะที่ต่างฝ่ายต่างเงียบนั้น ข้าพเจ้าก็พยายามคิดวิธีการที่จะช่วยเขาแก้ข้อขัดข้องที่เขาเผอิญอยู่ไปในเวลาเดียวกัน “ผมเห็นคุณหมอกำลังคิดอะไรอยู่เลยไม่อยากขัดจังหวะ”
“ผมเป็นเจ้าบ้านที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย” เขาพึมพำ แต่หากเป็นคนอื่น อาจไม่มีวันได้ยินคำพูดนี้จากปากของเขา เพราะเขาไม่เคยยินดีต้อนรับผู้ใดที่ไม่คุ้นเคยให้เข้ามาในบ้าน อย่างดีที่สุด ก็ไม่เคยอนุญาตให้พบในห้องอื่น เว้นเสียแต่ห้องรับแขก หากไม่มีธุระเร่งด่วนและจำเป็นอย่างแท้จริง
“หากนับผมเป็นเพื่อนแล้ว ก็อย่าได้กล่าวเช่นนั้น พ่อหนุ่ม” ข้าพเจ้ากล่าว “ผมคิดว่า คุณหมอเองก็ดูจะหาทางออกในเรื่องดังกล่าวได้แล้วเหมือนกันไม่ใช่หรือ”
นพ. ฟอล์กเนอร์ยิ้มออกมาได้เป็นครั้งแรก เมื่อได้ยินข้อสังเกตของข้าพเจ้า “ท่าทีของผมแสดงออกชัดถึงเพียงนั้นเทียวหรือ”
“ผมคาดเดาเอาว่าเป็นเช่นนั้น” ช้าพเจ้าหัวเราะ “คุณหมอถามอย่างนี้ แสดงว่าผมทายถูก”
เขาพยักหน้ารับ “ผมกำลังคิดว่า แอนน์น่าจะหาคนที่ให้คำตอบในเรื่องเหล่านี้กับผมได้”
“หืม” ชื่อที่ถูกเอ่ยออกมาจากปากของเขากระตุ้นความสนใจของข้าพเจ้าอย่างยิ่ง “คุณหมอหมายถึงแอนน์ ฮิกกิ้นส์…”
“ใช่ครับ” เขาตอบ ก่อนที่จะสังเกตเห็นความสงสัยใคร่รู้ที่คงจะปรากฏบนสีหน้าของข้าพเจ้า “ตายละ… ใช่… ผมยังไม่ได้แนะนำให้สารวัตรรู้จักกับหล่อนเลย แย่จริง ขออภัยด้วย”
ปฏิกิริยาของเขาทำให้ข้าพเจ้าอดขำไม่ได้ เพราะการเอ่ยถึงนักแสดงสาวผู้นั้นทำให้เขาทำท่าเหมือนไม่รู้จะเริ่มต้นอธิบายเรื่องของหล่อนกับข้าพเจ้าอย่างไรราวกับกลับไปเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งมิใช่ศัลยแพทย์ตำรวจผู้เงียบขรึมที่เพิ่งจะบรรยายวิธีการผ่าตัดแก่นักศึกษาแพทย์และเพื่อนร่วมวิชาชีพอย่างฉะฉานเมื่อเช้านี้เลยแม้แต่น้อย
หากไม่นับ แคทเธอรีน ‘สกิตเทิลส์’ วอลเตอร์ส
(1) หรือ ลิลลี่ แลงก์ทรี
(2) ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังและอื้อฉาวในสังคมลอนดอน ณ เวลานั้น แอนน์ ฮิกกิ้นส์ก็ถือเป็นหนึ่งในหญิงสาวซึ่งสุภาพบุรุษในวงสังคมชั้นสูง ไม่ว่าเป็นธุรกิจ การเมือง หรือการทหารวาดหวังว่าจะครอบครองหัวใจหรือได้ใช้เวลาร่วมกับหล่อนอย่างน้อยสักคืนหนึ่งด้วยเช่นกัน แต่เท่าที่ข้าพเจ้าได้รับทราบมา ดูเหมือนว่า พวกเขาจะไม่ประสบความสำเร็จง่ายดายขนาดนั้น เพราะหล่อนมิได้สนใจในอำนาจที่มีอยู่ของคนผู้นั้น แต่คนที่มี ‘สมอง’ ต่างหากจึงเป็นตัวเลือกลำดับต้น ๆ ที่หล่อนจะชายตามอง
ถ้าโทเบียส ฟอล์กเนอร์เป็นคนหนึ่งในตัวเลือกของหล่อน นับได้ว่าหล่อนมีสายตาแหลมคมทีเดียว ส่วนเรื่องสติปัญญาของหล่อนนั้น ข้าพเจ้าก็ไม่มีข้อกังขาแต่ประการใด เพราะข้าพเจ้าเชื่อว่า คนที่กล้าเปรียบเทียบศัลยแพทย์หนุ่มรูปงามผู้พึงใจในการทำงานกับร่างไร้วิญญาณยิ่งกว่ามนุษย์ที่มีลมหายใจว่าเป็นเสมือนเพอร์ซีโฟนีในปกรณัมกรีก และเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่อาจหาญไปนั่งอยู่ในโรงสาธิตการผ่าตัดที่เต็มไปด้วยแพทย์ผู้ทรงภูมิที่ล้วนเป็นชายอย่างมาดมั่น ย่อมมิใช่สตรีที่ใช้แต่เสน่ห์หญิงเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินแต่เพียงถ่ายเดียว
พูดกันอย่างตรงไปตรงมา คนที่ทำให้ชายหนุ่มที่ไม่สังคมโลกและไม่ยอมเป็นมิตรกับใครง่าย ๆ เปิดใจยอมรับได้ย่อมต้องมีคุณสมบัติพิเศษที่ทำให้เขาสนใจ และอย่างน้อยที่สุด ก็ต้องตามความคิดของเขาทัน หากหล่อนไม่ใช่คนเฉลียวฉลาดอยู่เป็นทุน หรือใจกว้างพอที่จะรับข้อเสียของเขาได้ การคบหาสมาคมกับเขาไม่ใช่เรื่องง่ายหรือราบรื่นอย่างที่เห็นเป็นแน่
“นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร คุณหมออย่าห่วงเลย” ข้าพเจ้าบอกแก่เขา เมื่อเขาเอ่ยขอโทษเรื่องที่ลืมแนะนำแอนน์ ฮิกกิ้นส์ให้ข้าพเจ้ารู้จัก “แต่การที่คุณหมอสนิทสนมกับนักแสดงสาวซึ่งเป็นที่จับตามองและเป็นที่หมายปองของบรรดาสุภาพบุรุษทั้งหลายในลอนดอน เป็นเรื่องที่ผมคาดไม่ถึงเลยจริง ๆ”
คำสัพยอกของข้าพเจ้าทำให้เขาหัวเราะ “มิได้ครับ สารวัตร… ผมคงเป็นคนในลำดับท้าย ๆ ที่แอนน์จะมองในฐานะบุคคลที่มีคุณสมบัติเพียงพอแก่การเป็นคู่รักของเธออย่างจริงจัง แต่ความสัมพันธ์ของเราค่อนข้างจะซับซ้อนอยู่บ้าง ผมจึงไม่ทราบว่าจะเริ่มต้นอธิบายจากตรงไหน”
“เอาอย่างที่คุณหมอจะอธิบายได้ง่ายที่สุดก็แล้วกัน” ข้าพเจ้าตอบยิ้ม ๆ การที่เขาจะมีความลับและเบื้องหลังมากมาย เริ่มไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดสำหรับข้าพเจ้าอีกต่อไปแล้ว
(มีต่อนะคะ)
-------------------------------------------------------------------
หมายเหตุ
(1) แคทเธอรีน วอลเตอร์ส (สกิตเทิลส์) หรือ Catherine Walters (AKA - Skittles) (1839 – 1920) เป็นชาวลิเวอร์พูล เมื่อโตขึ้นได้ย้ายเข้ามาทำงานที่โรงโบว์ลิ่งในลอนดอน ด้วยความที่เป็นคนสวย มีความสามารถด้านการขี่ม้า และมีความเฉลียวฉลาด สกิตเทิลส์จึงเป็นผู้นำเทรนด์ด้านแฟชั่นต่าง ๆ ของลอนดอน ในฐานะของ courtesan สกิตเทิลส์มีสุภาพบุรุษในวงสังคมชั้นสูงมาติดพันจำนวนมาก
(2) ลิลลี่ แลงก์ทรี (Lillie Langtry) (1853 – 1929) เป็นนักแสดงและผู้อำนวยการจัดละครเวทีชาวอเมริกัน ได้รับการศึกษาที่ดีเป็นพิเศษกว่าเด็กหญิงหลายคนสมัยนั้นเนื่องจากใช้ครูคนเดียวกับพี่ชายของเธอเอง ลิลลี่แต่งงานกับเจ้าของที่ดินชาวไอริช และมีชื่อเสียงในสังคมลอนดอนในฐานะนักแสดง แม้ว่าจะแต่งงานแล้ว ก็มีคนมาติดพันด้วยจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือเจ้าชายอัลเบิร์ต เอ็ดเวิร์ด และเอิร์ลแห่งชรูว์สเบอร์รี่ เชื่อว่าเซอร์อาเธอร์ โคนัน ดอยล์ได้ต้นแบบของไอรีน แอดเลอร์ ผู้หญิงที่เชอร์ล็อก โฮล์มส์ประทับใจมาจากลิลลี่ แลงก์ทรีนี่เอง
https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/236x/dc/c8/4e/dcc84ef805851585b8d7059cf47955c6.jpg
Dark Tales of London: เหตุอื้อฉาวที่ถนนคลีฟแลนด์ (ตอนที่ 3)
ตอนที่ 1 : http://ppantip.com/topic/33341470
ตอนที่ 2 : http://ppantip.com/topic/33408446
หมายเหตุ: เรื่องนี้ มีลักษณะเป็นนิยายขนาดสั้น หรือ Novella มีความยาวประมาณ 6-7 ตอนเท่านั้นเองค่ะ เลยแท็กทั้งเรื่องสั้นและนิยาย เรื่องนี้อาจไม่เหมาะกับเด็กและเยาวชน เพราะมีเรื่องของความรุนแรงอยู่มากพอสมควรนะคะ
(3)
คืนวันในฤดูร้อนที่ควรจะอบอุ่นและสดชื่นกลับกลายเป็นช่วงเวลาที่เราต่างรู้สึกรันทดและหดหู่กับเหตุการณ์ที่ต้องเผชิญอย่างไม่ควรที่ อาหารค่ำมื้อนี้เป็นมื้อที่เงียบงันและหงอยเหงาที่สุดเท่าที่เป็นมา แม้อาหารฝีมือของมิสซิสดาร์ลตัน ผู้เป็นแม่บ้านจะวิเศษเพียงใด แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวันที่ผ่านมาก็ทำให้เราไม่มีอะไรจะพูดกัน ทั้งที่มีเรื่องราวมากมายไปหมด ข้าพเจ้าอดหวังไม่ได้ที่จะให้ มร. อัลเฟรด คอร์ทนีย์ เพื่อนที่เช่าแฟลตหลังนี้คนละครึ่งกับ นพ. โทเบียส ฟอล์กเนอร์ ปรากฏตัวขึ้น แล้วเริ่มต้นบทสนทนาสักอย่าง แต่คงจะเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อเขากำลังวุ่นวายอยู่กับการเจรจาให้นักเขียนมีชื่อตีพิมพ์งานกับทางสำนักพิมพ์ หลังจากพลาดหวังจากออสการ์ ไวล์ด นักประพันธ์เลื่องชื่อชาวไอริช ซึ่งมีผลงานโดดเด่นเป็นที่จับตามองในแวดวงวรรณกรรม ณ เวลานี้ไปแล้วคนหนึ่ง
หลังมื้อค่ำ เราย้ายเข้าไปพูดคุยกันในห้องหนังสือของเขา เมื่อการรับประทานอาหารค่ำเสร็จสิ้น เก้าอี้นวมหน้าเตาผิงยังคงเป็นตำแหน่งที่เราเลือก หากในฤดูนี้ ไม่มีความจำเป็นจะต้องจุดไฟ สิ่งหนึ่งที่ขาดหายไปจึงเป็นกลิ่นควันจากฟืนไม้เชอร์รี่ที่เคยอวลไปทั่วเจือกลิ่นยาสูบลาตาเกียของเจ้าของห้อง ทว่าวันนี้ เขายังไม่มีอารมณ์สุนทรีมากพอที่จะสูบกล้องอย่างเคย
“ในเรื่องที่คุณหมอยังติดใจ ผมคิดว่าผมหาทางออกได้” ข้าพเจ้าเอ่ยขึ้น
อดีตศัลยแพทย์ทหารเลิกคิ้วน้อย ๆ ด้วยความสนใจ หยิบแก้วเหล้าพอร์ตสองใบจากโต๊ะเขียนหนังสือเดินมายังบริเวณที่ข้าพเจ้านั่งอยู่ ข้าพเจ้ารับแก้วทั้งสองใบจากมือเขามาวางบนโต๊ะกลม ในขณะที่เขาหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้นวมอีกตัวหนึ่งช้า ๆ จากท่านั่งที่หย่อนขาได้ตามปกติ แสดงให้เห็นว่าอาการเจ็บเข่าที่เรื้อรังมาแต่ครั้งถูกยิงระหว่างปฏิบัติงานในซูดานซึ่งมักจะกำเริบเมื่ออากาศหนาวหรือชื้นจัด หรือเพราะยืนติดต่อกันเป็นเวลานานบรรเทาลงจนเกือบปกติแล้ว
“พวกแมรี่แอนน์… โสเภณีชายที่ถูกจับพวกนั้น” ข้าพเจ้าบอก “อย่างไรเสีย พวกเขาก็ต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาประพฤติผิดทางเพศอยู่แล้ว ถ้าจะให้เขาสักคนอธิบายเป็นข้อมูลให้คุณหมอก็น่าจะได้ ผมจะลองพูดกับสารวัตรแอบเบอร์ไลน์เรื่องนี้ และตอบแทนพวกเขาด้วยการหาทางช่วยผ่อนปรนโทษให้ เนื่องจากให้ความร่วมมือในทางคดี”
“เพราะคิดหาทางช่วยผมหาข้อมูลเรื่องนี้ สารวัตรถึงได้ไม่พูดอะไรเลยมาตลอดมื้อค่ำอย่างนั้นหรือครับ”
“อา…” คำถามนั้นทำให้ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร เพราะตลอดเวลาที่เขาไม่พูด ข้าพเจ้าก็ไม่อยากรบกวน และในขณะที่ต่างฝ่ายต่างเงียบนั้น ข้าพเจ้าก็พยายามคิดวิธีการที่จะช่วยเขาแก้ข้อขัดข้องที่เขาเผอิญอยู่ไปในเวลาเดียวกัน “ผมเห็นคุณหมอกำลังคิดอะไรอยู่เลยไม่อยากขัดจังหวะ”
“ผมเป็นเจ้าบ้านที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย” เขาพึมพำ แต่หากเป็นคนอื่น อาจไม่มีวันได้ยินคำพูดนี้จากปากของเขา เพราะเขาไม่เคยยินดีต้อนรับผู้ใดที่ไม่คุ้นเคยให้เข้ามาในบ้าน อย่างดีที่สุด ก็ไม่เคยอนุญาตให้พบในห้องอื่น เว้นเสียแต่ห้องรับแขก หากไม่มีธุระเร่งด่วนและจำเป็นอย่างแท้จริง
“หากนับผมเป็นเพื่อนแล้ว ก็อย่าได้กล่าวเช่นนั้น พ่อหนุ่ม” ข้าพเจ้ากล่าว “ผมคิดว่า คุณหมอเองก็ดูจะหาทางออกในเรื่องดังกล่าวได้แล้วเหมือนกันไม่ใช่หรือ”
นพ. ฟอล์กเนอร์ยิ้มออกมาได้เป็นครั้งแรก เมื่อได้ยินข้อสังเกตของข้าพเจ้า “ท่าทีของผมแสดงออกชัดถึงเพียงนั้นเทียวหรือ”
“ผมคาดเดาเอาว่าเป็นเช่นนั้น” ช้าพเจ้าหัวเราะ “คุณหมอถามอย่างนี้ แสดงว่าผมทายถูก”
เขาพยักหน้ารับ “ผมกำลังคิดว่า แอนน์น่าจะหาคนที่ให้คำตอบในเรื่องเหล่านี้กับผมได้”
“หืม” ชื่อที่ถูกเอ่ยออกมาจากปากของเขากระตุ้นความสนใจของข้าพเจ้าอย่างยิ่ง “คุณหมอหมายถึงแอนน์ ฮิกกิ้นส์…”
“ใช่ครับ” เขาตอบ ก่อนที่จะสังเกตเห็นความสงสัยใคร่รู้ที่คงจะปรากฏบนสีหน้าของข้าพเจ้า “ตายละ… ใช่… ผมยังไม่ได้แนะนำให้สารวัตรรู้จักกับหล่อนเลย แย่จริง ขออภัยด้วย”
ปฏิกิริยาของเขาทำให้ข้าพเจ้าอดขำไม่ได้ เพราะการเอ่ยถึงนักแสดงสาวผู้นั้นทำให้เขาทำท่าเหมือนไม่รู้จะเริ่มต้นอธิบายเรื่องของหล่อนกับข้าพเจ้าอย่างไรราวกับกลับไปเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งมิใช่ศัลยแพทย์ตำรวจผู้เงียบขรึมที่เพิ่งจะบรรยายวิธีการผ่าตัดแก่นักศึกษาแพทย์และเพื่อนร่วมวิชาชีพอย่างฉะฉานเมื่อเช้านี้เลยแม้แต่น้อย
หากไม่นับ แคทเธอรีน ‘สกิตเทิลส์’ วอลเตอร์ส (1) หรือ ลิลลี่ แลงก์ทรี (2) ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังและอื้อฉาวในสังคมลอนดอน ณ เวลานั้น แอนน์ ฮิกกิ้นส์ก็ถือเป็นหนึ่งในหญิงสาวซึ่งสุภาพบุรุษในวงสังคมชั้นสูง ไม่ว่าเป็นธุรกิจ การเมือง หรือการทหารวาดหวังว่าจะครอบครองหัวใจหรือได้ใช้เวลาร่วมกับหล่อนอย่างน้อยสักคืนหนึ่งด้วยเช่นกัน แต่เท่าที่ข้าพเจ้าได้รับทราบมา ดูเหมือนว่า พวกเขาจะไม่ประสบความสำเร็จง่ายดายขนาดนั้น เพราะหล่อนมิได้สนใจในอำนาจที่มีอยู่ของคนผู้นั้น แต่คนที่มี ‘สมอง’ ต่างหากจึงเป็นตัวเลือกลำดับต้น ๆ ที่หล่อนจะชายตามอง
ถ้าโทเบียส ฟอล์กเนอร์เป็นคนหนึ่งในตัวเลือกของหล่อน นับได้ว่าหล่อนมีสายตาแหลมคมทีเดียว ส่วนเรื่องสติปัญญาของหล่อนนั้น ข้าพเจ้าก็ไม่มีข้อกังขาแต่ประการใด เพราะข้าพเจ้าเชื่อว่า คนที่กล้าเปรียบเทียบศัลยแพทย์หนุ่มรูปงามผู้พึงใจในการทำงานกับร่างไร้วิญญาณยิ่งกว่ามนุษย์ที่มีลมหายใจว่าเป็นเสมือนเพอร์ซีโฟนีในปกรณัมกรีก และเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่อาจหาญไปนั่งอยู่ในโรงสาธิตการผ่าตัดที่เต็มไปด้วยแพทย์ผู้ทรงภูมิที่ล้วนเป็นชายอย่างมาดมั่น ย่อมมิใช่สตรีที่ใช้แต่เสน่ห์หญิงเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินแต่เพียงถ่ายเดียว
พูดกันอย่างตรงไปตรงมา คนที่ทำให้ชายหนุ่มที่ไม่สังคมโลกและไม่ยอมเป็นมิตรกับใครง่าย ๆ เปิดใจยอมรับได้ย่อมต้องมีคุณสมบัติพิเศษที่ทำให้เขาสนใจ และอย่างน้อยที่สุด ก็ต้องตามความคิดของเขาทัน หากหล่อนไม่ใช่คนเฉลียวฉลาดอยู่เป็นทุน หรือใจกว้างพอที่จะรับข้อเสียของเขาได้ การคบหาสมาคมกับเขาไม่ใช่เรื่องง่ายหรือราบรื่นอย่างที่เห็นเป็นแน่
“นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร คุณหมออย่าห่วงเลย” ข้าพเจ้าบอกแก่เขา เมื่อเขาเอ่ยขอโทษเรื่องที่ลืมแนะนำแอนน์ ฮิกกิ้นส์ให้ข้าพเจ้ารู้จัก “แต่การที่คุณหมอสนิทสนมกับนักแสดงสาวซึ่งเป็นที่จับตามองและเป็นที่หมายปองของบรรดาสุภาพบุรุษทั้งหลายในลอนดอน เป็นเรื่องที่ผมคาดไม่ถึงเลยจริง ๆ”
คำสัพยอกของข้าพเจ้าทำให้เขาหัวเราะ “มิได้ครับ สารวัตร… ผมคงเป็นคนในลำดับท้าย ๆ ที่แอนน์จะมองในฐานะบุคคลที่มีคุณสมบัติเพียงพอแก่การเป็นคู่รักของเธออย่างจริงจัง แต่ความสัมพันธ์ของเราค่อนข้างจะซับซ้อนอยู่บ้าง ผมจึงไม่ทราบว่าจะเริ่มต้นอธิบายจากตรงไหน”
“เอาอย่างที่คุณหมอจะอธิบายได้ง่ายที่สุดก็แล้วกัน” ข้าพเจ้าตอบยิ้ม ๆ การที่เขาจะมีความลับและเบื้องหลังมากมาย เริ่มไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดสำหรับข้าพเจ้าอีกต่อไปแล้ว
(มีต่อนะคะ)
-------------------------------------------------------------------
หมายเหตุ
(1) แคทเธอรีน วอลเตอร์ส (สกิตเทิลส์) หรือ Catherine Walters (AKA - Skittles) (1839 – 1920) เป็นชาวลิเวอร์พูล เมื่อโตขึ้นได้ย้ายเข้ามาทำงานที่โรงโบว์ลิ่งในลอนดอน ด้วยความที่เป็นคนสวย มีความสามารถด้านการขี่ม้า และมีความเฉลียวฉลาด สกิตเทิลส์จึงเป็นผู้นำเทรนด์ด้านแฟชั่นต่าง ๆ ของลอนดอน ในฐานะของ courtesan สกิตเทิลส์มีสุภาพบุรุษในวงสังคมชั้นสูงมาติดพันจำนวนมาก
(2) ลิลลี่ แลงก์ทรี (Lillie Langtry) (1853 – 1929) เป็นนักแสดงและผู้อำนวยการจัดละครเวทีชาวอเมริกัน ได้รับการศึกษาที่ดีเป็นพิเศษกว่าเด็กหญิงหลายคนสมัยนั้นเนื่องจากใช้ครูคนเดียวกับพี่ชายของเธอเอง ลิลลี่แต่งงานกับเจ้าของที่ดินชาวไอริช และมีชื่อเสียงในสังคมลอนดอนในฐานะนักแสดง แม้ว่าจะแต่งงานแล้ว ก็มีคนมาติดพันด้วยจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือเจ้าชายอัลเบิร์ต เอ็ดเวิร์ด และเอิร์ลแห่งชรูว์สเบอร์รี่ เชื่อว่าเซอร์อาเธอร์ โคนัน ดอยล์ได้ต้นแบบของไอรีน แอดเลอร์ ผู้หญิงที่เชอร์ล็อก โฮล์มส์ประทับใจมาจากลิลลี่ แลงก์ทรีนี่เอง
https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/236x/dc/c8/4e/dcc84ef805851585b8d7059cf47955c6.jpg