The guardian-เกมรักพิทักษ์ใจ บทที่ 6

กระทู้สนทนา
สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มอ่าน  ตามได้ที่
บทนำ http://ppantip.com/topic/32046546
บทที่ 1 http://ppantip.com/topic/32102961
บทที่ 2 http://ppantip.com/topic/32333496
บทที่ 3 http://ppantip.com/topic/32342880
บทที่ 4 http://ppantip.com/topic/32944640
บทที่ 5 http://ppantip.com/topic/32956425

***เนื่องจากนิยายเรื่องนี้ผ่านการรีไรท์มา หากเคยอ่านบทนำ-บทที่ 3 ที่ผ่านมาแล้ว กรุณากลับไปอ่านบทนำใหม่เพื่อจูนด้วยค่ะยิ้ม
The guardian-เกมรักพิทักษ์ใจ

โดย พิมพ์สราญ

บทที่ 6


            มือบางวางโทรศัพท์มือถือหลังการเจรจาที่ยาวนานจบลง หญิงสาวมองรายการ ‘สิ่งที่ต้องทำ’ อันยาวเหยียดที่ถูกกำหนดโดยเฉินหย่งเหอ พัชภิชาเพิ่งทำในสิ่งที่เธอรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่บ้าที่สุดตั้งแต่เกิดมาหญิงสาวเอาปากกาขีดที่ข้อที่สี่ซึ่งเธอเพิ่งทำเสร็จสดๆร้อนๆ

           ...ลาออกจากงานซะ

           เงื่อนไขนี้เธอใช้เวลานานมากในการอธิบายความต่อกรุณา เจ้านายโดยตรงของเธอ  แม้ว่าเฉินหย่งเหอได้จัดเตรียมคนที่มีคุณสมบัติพร้อมในการทำงานไปให้กรุณาเลือก พร้อมจ่ายเงินเดือนให้เป็นเวลา 1 ปี หากแต่เจ้านายสาวเธอก็สงสัยอย่างมากว่าทำไมเธอจึงตัดสินใจลาออกอย่างกระทันหัน แม้ว่าเธอจะอ้างว่า เฉินเป่าฮู่ เสนองานวิจัยพร้อมทุนเรียนต่อที่เธอต้องการมากจริงๆ กรุณาก็ไม่มีทีท่าว่าปักใจเชื่อนัก จนเวลาลากยาวกว่าหนึ่งชั่วโมงอดีตนายจ้างสดๆร้อนๆ ของเธอจึงยอมในที่สุด แต่ก็ไม่วายทิ้งท้าย

           ‘ถ้าพายมีอะไรให้พี่ช่วยต้องรีบบอก ที่สำคัญพี่ยังรอการกลับมาของเธอนะ’ คำพูดที่เจอแววแห่งความเป็นห่วงอย่างเต็มเปี่ยมนั้นทำเอาพัชภิชาถึงกับน้ำตารื้นด้วยความซาบซึ้งใจ ไม่เสียแรงจริงๆที่เธอทำงานอย่างขยันขันแข็งตลอดเวลา

             “เสร็จไปอีกหนึ่ง” ‘ผู้คุม’ หน้าหล่อของเธอพูดอย่างพอใจ พัชภิชาใช้ตากลมของตนเองส่งค้อนวงมโหฬารให้ร่างสูงที่เดินมาโอบเก้าอี้หมุนหนังหรูหราพนักสูงซึ่งตั้งอยู่ในห้องทำงานส่วนตัวของเขาทซึ่งตอนนี้พัชภิชาใช้เป็นสถานที่ ’เคลียร์’ เรื่องราวตามที่ชายหนุ่มกำหนดไว้ พัชภิชาเอามือกอดออกและพิงที่พนักลงอย่างแรงแสดงความขัดใจที่มีอย่างเต็มเปี่ยม

             “อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย” ร่างบางกรีดเสียงออกมาอย่างอัดอั้น จริงๆ เธออยากจะเอามือทึ้งหัวตัวเองด้วยซ้ำ แต่นึกขึ้นได้ว่าตัวเองจะเจ็บเลยไม่ เฉินหย่งเหอถึงกับผงะเมื่ออยู่ดีๆ พัชภิชาก็กรี๊ดออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

            “เป็นอะไรไป แค่นี้ทำเครียด” เฉินหย่งเหอพูดกลั้วหัวเราะ    “มาคิดจัดการข้อที่ห้าดีกว่านะอ้วนนะ”

           “ โอ้ย หุบปากนายไปเลย แล้วเลิกเรียกฉันว่าอ้วนซักที ตาน่ะมีไหมหา คำแบบนี้ล่ะพูดชัดเชียว” พัชภิชาแหวกลับอย่างหงุดหงิด เฉินหย่งเหอพูดภาษาไทยได้มากกว่าที่เธอคิด แล้วบางคำก็พูดชัดมาก น่าแปลกที่ความทรงจำของเธอยังไม่กลับมาหากแต่บรรยากาศระหว่างเธอกับเฉินหย่งเหอ ผ่อนคลายมากขึ้นทุกขณะ ความเกรงที่เธอเคยมีต่อเขาในทีแรกๆค่อยๆลดลงเรื่อยๆ

            แต่นั่นย่อมไม่พอสำหรับการที่เธอจะทำทุกอย่างตามใบสั่งของผู้ชายคนนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาถือไพ่เหนือกว่าเธอ เหนือกว่าอย่างมากด้วย


        เมื่อสามชั่วโมงก่อน
            ‘ตื่นแล้วเหรอ ดี ยินดีต้อนรับสู่โลกของเรา’ คำพูดอย่างอารมณ์ดีของเฉินหย่งเหอเล่นเอาพัชภิชาอยากล้มตัวลงไปนอนอีกครั้งให้รู้แล้วรู้รอดไป หญิงสาวตื่นมาในห้องนอนห้องเดิมที่ตอนนี้ถูกจัดการให้สภาพกลับไปเป็นเหมือนเดิมก่อนที่เธอจะเริ่มอาละวาด

           ...อาละวาด จนโดนจูบ

            แก้มของสาวผิวน้ำผึ้งซับสีเลือดขึ้นมา ซึ่งอาการนี้อยู่ในสายตาของเฉินหย่งเหอ ชายหนุ่มมองอาการนั้นอย่างชอบใจ แต่เขินได้ไม่นานพัชภิชาก็เปลี่ยนมาเป็นการมองเขาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อแทน

            ‘ฉวยโอกาส สาระเลว’ คำด่านั้นแทนที่จะทำให้ชายหนุ่มโกรธกลับทำให้เขาหัวเราะออกมาดังลั่น ชายหนุ่มปาดน้ำตาจากความขำที่หางตาก่อนมองแม่สาวตัวดีของเขาอย่างเต็มตา 3 ปีที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่าพัชภิชา เปลี่ยนไปแค่ภายนอกเท่านั้น เมื่อสามปีก่อนเธอเป็นหญิงสาวร่างอวบที่ดูละม้ายคล้ายเด็กผู้ชายหากไม่สังเกตให้ดี สิ่งที่ทำให้เธออยู่ในสายตาของเขา คือ ความคิดแปลกๆของเธอ ที่สำคัญแม้พวกเขามีความแตกต่างกันหลายอย่างแต่กลับดึงดูดเข้าหากันได้มากกว่าที่คิด เรียกได้ว่าเธอเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่เขาคบอย่างจริงใจ ไม่มีผลประโยชน์ใดปนเลย

            ...แต่ดูเหมือนความรู้สึกบางอย่างจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย

              ‘ผมมีข้อเสนอ’ พูดไม่ทันจบร่างบางบนเตียงก็หยุดคำพูดของเขาด้วยหมอนใบโต

            ‘ไม่ตกลง’ พัชภิชาพูดเสียงสูง    ‘ปล่อยฉันกลับไปเดี๋ยวนี้เลย แฟนชั้นเป็นห่วงจะแย่แล้วเนี่ย’ เธออ้างถึงภรต ยังไงซะเธอก็มาที่นี่ด้วยฐานะคู่รักของภรต เขาน่าจะเกรงใจบ้างละน่า

           ริมฝีปากบางเหยียดยิ้ม แต่น่าแปลกที่แววสนุกสนานในแววตากลับหายไป เฉินหย่งเหอเจ้าสำราญถอยไป อยู่หลังกำแพง ส่งเอาบรรยากาศเยียบเย็นมารับมือกับเธอแทน พัชภิชาไม่ชอบความรู้สึกนี้เอาเสียเลย

           ‘งั้นเป็นข้อบังคับ’ เขาพูดแล้วใช้มือเรียวกดรีโมทในมือ โทรทัศน์จอแอลซีดีขนาดใหญ่ปรากฏภาพวีดิโอซึ่งบันทึกภาพการพูดคุยกันระหว่างเฉินหย่งเหอ และพฤกษ์ หญิงสาวเริ่มประติดประต่อเรื่องราวจากบทสนทนาที่เป็นไป และมากระจ่างใจที่ประโยคสุดท้ายนี่เอง

        ‘แล้วในฐานะของพี่ชาย ผมก็คิดว่าการที่น้องสาวลืมเพื่อนไปซักคน มันคงไม่ส่งผลอะไรกับชีวิตนักหรอก’
ที่แท้การที่เธอจำเฉินหย่งเหอไม่ได้เป็นเพราะพฤกษ์ผู้ซึ่งเป็นคนเดียวที่ทราบเรื่องของชายหนุ่มเลือกที่จะปิดบังชายหนุ่มทำให้เขาหายไปจากความทรงจำของเธอ และมันคงจะเป็นอย่างนั้นอย่างถาวรหากชายหนุ่มและเธอไม่ได้พบกันอีกครั้ง เขาก็คงเป็นเพียงความฝันที่หาคำตอบไม่ได้ของเธอนั่นเอง

         ‘เห็นได้ชัดว่าพี่ชายของเธอจงใจซ่อนทั้งเธอ และนี่’ เขาหมายความถึงสร้อยพร้อมจี้ขนาดเล็กรูปสามเหลี่ยมสีเงินแวววาว    ‘ข้างในเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับบริษัทของฉัน เพราะมันเป็นทั้งกุญแจ และข้อมูล และมีข้อมูลอยู่ชุดนึงที่มีรหัสเปิด ซึ่งเธอเป็นคนคิด’

         ‘แต่ฉันจำไม่ได้’ เธอพูดออกมาเสียงแผ่วเบา เห็นทีว่าพี่ชายของเธอได้สร้างความเสียหายของเธอได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

         ‘เขายังพาเธอหนีด้วย คนของฉันกลับไปที่อยู่เดิมของเธอ ทุกคนที่นั่นพูดเป็นเสียงเดียวว่าเธอกลับไปแล้ว ฉันรู้แค่ชื่อของเธอ แล้วรู้ว่าเป็นคนไทย จริงๆแล้วฉันควรส่งคนให้ตามหาเธอให้มากกว่านี้ ถ้าไม่เป็นเพราะฉันรอให้เธอทำตามสัญญา ตอนแรกฉันนึกว่าเธอมาหาฉันแล้ว แต่เหมือนว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ’ เฉินหย่งเล่าด้วยเสียงเรียบเรื่อยทว่าพัชภิชารู้ว่ามันเต็มไปด้วยกระแสอารมณ์ นี่สินะ เพราะว่าเธอติดค้างเขาอยู่จึงรู้สึกผิดทุกครั้งที่เจอเขา ตอนนั้นเธอคิดยังไงจึงรับฝากของสำคัญนี้มา

        ...หรือระหว่างเธอกับเขา ที่เขาเล่าจะเป็นเรื่องจริง

         ‘ฉันจำไม่ได้จริงๆนะหย่งเหอ’ เธอพูดเสียงอ่อน

         ‘ทีนี้เธอพอจะเจรจากับฉันได้หรือยัง’ เขาพูด เห็นแววชนะมาแต่ไกล พัชภิชามองเขาก่อนจะค่อยๆผงกหัวชายหนุ่มจึงพูดต่อ    ‘เธอต้องอยู่กับฉันทุกฝีก้าวจนกว่าจะนึกได้ว่ารหัสเปิดคืออะไร’

         ‘แล้วถ้านึกไม่ออกไปตลอดล่ะ’ พัชภิชาถามถึงกรณีที่เลวร้ายที่สุด

          ‘ก็อยู่กับฉันที่นี่ ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น’ เขาพูดหน้าตาเฉย

          ‘เฮ้ย จะบ้าเหรอ ฉันลางานมาสี่ ไม่สิ ห้าวัน ฉันต้องทำงานนะ กลับไปนึกที่บ้านไม่ได้เหรอ’ เธอต่อรอง เฉินหย่งเหอเหยียดยิ้มตอบทันควัน

            ‘ไม่’

            ‘ฉันไม่เอาหรอก อยู่กับนาย แล้วจะบอกคนอื่นว่ายังไงล่ะทีนี้ งานชั้นอีก’ เธออุธรณ์

             ‘แลกกันดู กับการที่ฉันจะฟ้องร้องพี่ชาย และเธอมูลค่ามหาศาล’ คำพูดนั้นทำให้พัชภิชาถึงกลับกลืนน้ำลายกดังเอื๊อก

          ‘เราจะสู้คดี นี่มันไม่ยุติธรรม’ เธอพูดด้วยเสียงที่พยายามปั้นให้ดูมั่นใจ

         ‘แล้วถ้าเป็นเรื่องความปลอดภัยของปีเตอร์ละ’ คำพูดนี้ของเขาเป็นคำพูดที่คาดไม่ถึง เธอกำลังจะเถียงออกไปแล้วล่ะถ้าไม่นึกขึ้นมาได้ว่าตระกูลของชายหนุ่มตรงหน้าเคยเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่ให้ที่สุดในฮ่องกง แม้ว่าทุกวันนี้ตระกูลเฉินจะชัดเจนในการเป็นนักธุรกิจ หากแต่เธอรู้ดีว่าตระกูลนี้คงยิ่งใหญ่ไม่ได้หากขาดความน่าเกรงขามและอำนาจที่ครอบคลุม

          และเฉินหย่งเหอก็ย้ำความมั่นใจของหญิงสาวด้วยการวางรูปถ่ายจำนวนหนึ่งต่อหน้าหญิงสาว พัชภิชาหยิบภาพถ่ายขึ้นมาดู มันเป็นภาพของพฤกษ์ที่สวนสาธารณะที่เธอคุ้นตา และน่าจะเป็นภาพของวันนี้เพราะหญิงสาวเห็นวันที่ด้านขวาล่างของภาพ

         ‘คงไม่ต้องถึงกลับถ่ายภาพพ่อแม่ของเธอมาให้ดูแก้คิดถึงนะ’ เขาบอกยิ้ม

          ‘ก็ไหนบอกว่าเป็นแฟนกัน ทำไมต้องขู่ขนาดนี้’ หญิงพูดเสียงอ่อย ร่างสูงเคลื่อนตัวเข้ามา ที่นอนด้านข้างเธอยุบลงตามน้ำหนัก พัชภิชากำลังจะถอยห่าง แต่กลับถูกมือใหญ่ล็อกเอาไว้ให้สบตากัน

           ‘ก็ลงโทษที่หนีไปมีชู้น่ะสิ’ เขาพูดออกมาเสียงเย็น พัชภิชาอยากเอามือทึ้งหัวตนเองเป็นอย่างมาก

            ...คราวนี้คงทำได่แค่ตามสำสั่งเท่านั้นแล้วล่ะพายเอ้ย

*******จบตอนที่6********
คุยกันนิดนึง

      บทที่6มาแล้วค่ะ
       ยังไงขอฝากเกมรักพิทักษ์ใจไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ คอมเมนท์ติชมได้ตามสะดวก จะลงต่อเนื่องงดดองเค็มจ๊ะ
            ด้วยรัก
      ตฤณภัทร AKA ชะนีฟรีแลนซ์ คิคิ
อ่านต่อตอนที่ 7 http://ppantip.com/topic/32986942
      [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่