The guardian-เกมรักพิทักษ์ใจ บทที่ 8

กระทู้สนทนา
สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มอ่าน  ตามได้ที่
บทนำ http://ppantip.com/topic/32046546
บทที่ 1 http://ppantip.com/topic/32102961
บทที่ 2 http://ppantip.com/topic/32333496
บทที่ 3 http://ppantip.com/topic/32342880
บทที่ 4 http://ppantip.com/topic/32944640
บทที่ 5 http://ppantip.com/topic/32956425
บทที่ 6 http://ppantip.com/topic/32965746
บทที่ 7 http://ppantip.com/topic/32986942

The guardian-เกมรักพิทักษ์ใจ

โดย พิมพ์สราญ

บทที่ 8


       สภาพห้องที่เคยสะอาดเรียบร้อย ตอนนี้เต็มไปด้วยอดีตภาพถ่ายของชายหนุ่มและหญิงสาวในอริยาบทต่างๆในห้างสรรพสินค้า ที่ต้องเรียกว่าอดีตเพราะตอนนี้ภาพถ่ายเหล่านั้นได้กลายสภาพกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเพราะถูกฉีกและทิ้งเกลื่อนพื้น แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ทำให้ผู้กระทำสิ่งเหล่านี้อารมณ์ดีขึ้นเลย ร่างบอบบางในชุดเสื้อผ้าที่ตัดเย็บด้วยความประณีตมองผลงานซึ่งเกิดจากความหงุดหงิดของตนเองก่อนจะตัดสินใจเด็ดขาด

           ...งานนี้สงสัยต้องลงเล่นเองเพื่อความชัวร์

            เพราะดูเหมือนว่าคนที่รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะจะทำหน้าที่ของตนเองไม่ดีเท่าไหร่ เพราะจนแล้วจนรอดเธอก็ยังเห็นว่าพัชภิชาเป็นก้างชิ้นใหญ่โดยตรงอยู่ดี แถมการมีตัวตนของหญิงสาวนั้นสามารถทำให้แผนที่วาง และละครที่ลงทุนแสดงมานานหลายปีนั้นพังทลายลง ซึ่งคงจะยอมให้มันเป็นเช่นนั้นไม่ได้เด็ดขาด บางครั้งอาจต้องลงสนามเอง ทางหนึ่งเพื่อดูท่าทีอย่างใกล้ชิด ทางหนึ่งเพื่อสังเกตการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองดูว่าแท้จริงแล้วพัชภิชาเป็นเพียงคนที่ไม่เกี่ยวข้องอย่างที่อีกฝ่ายบอก หรือเป็นศัตรูตัวจริง

           มือบางยกหูโทรศัพท์เพื่อต่อสายหากำลังเสริม แต่ก็ต้องแปลกใจที่มีสายเข้าแทรกเสียก่อนซึ่งเป็นคนที่เธอคาดไม่ถึง และเมื่อเธอได้ทราบเหตุผลที่ปลายสายติดต่อมา ถึงแม้ว่ามันจะทำให้หงุดหงิดในใจเพิ่มขึ้น แต่อีกทางนึงก็ถือว่าเป็นประโยชน์ไม่น้อยที่จะอาศัยเรื่องนี้ให้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ก็ได้แต่หวังว่าคนคนนั้นจะรีบจัดการให้เรียบร้อย

          “ฉันจะช่วยเธอเอง ฉันสัญญาจ๊ะ”


            “เออ ไหนละงาน ทำงานกันเถอะ” พัชภิชาพูดเสียงสดใส หญิงสาวพยายามรับมือกับบรรยากาศมาคุที่เกิดขึ้นภายในห้องนั่งเล่นชั้นบนสุดของอาคารที่ทำการบริษัทเฉินเป่าฮู่ ซึ่งเป็นที่พักปัจจุบันของเธอและเฉินหย่งเหอนายใหญ่มาดนิ่งของบริษัทเจ้านายคนปัจจุบันของเธอ

           ...แล้วก็ เอ่อ แฟนเก่า(มั้ง) หรืออะไรทำนองนั้น

            แม้ว่าเธอจะเห็นว่าเฉินหย่งเหอนั้นจะมีท่าทางเป็นปกติระหว่างพูดจากับเธอและภรตที่ร้านชุดชั้นใน แต่ก็เหมือนว่าเธอสัมผัสได้ว่าภายใต้ท่าทีนิ่งเฉยในรถ การก้าวเดินสม่ำเสมอแบบไม่พูดไม่จามันแฝงไปด้วยอารมณ์บางอย่าง เธอคิดว่าเขาคงต้องคิดรับมืออาการกบฏของเธออย่างแน่น อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ส่งผู้ช่วยคนเดียวที่เธอไว้ใจไปไกลถึงเยอรมันแล้ว ว่าแล้วพัชภิชาก็อดกังวลถึงของที่ขอมาจากภรตยังไงซะเธอต้องหาจังหวะเอาเจ้าสิ่งนั้นไปซ่อนให้ดีอย่าให้เจ้านายตัวใหญ่ของเธอเห็นมันเด็ดขาด

            “งาน เฮอะ ใช่สินะ” ร่างสูงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเหยียดตัวตรงขึ้นมองเธอด้วยแววตาเข้ม ดูคุกคามจนพัชภิชาต้องแอบกลืนน้ำลาย แต่เธอก็ใจดีสู้เสือพยักหน้ารับพลางยิ้มแบบที่ตนเองมักใช้เวลาต้องการประนีประนอม

            ...ตานี่อย่างกะคนวัยทอง เธอเดาอารมณ์เขาไม่ถูก

            ไหนจะเรื่องต่างๆเกี่ยวกับสถานะของเขาที่เธอได้รู้เพิ่มเติม ยิ่งมาประกอบกับข้อมูลเก่าๆ ผู้ชายตรงหน้าก็เรียกได้ว่าเป็นผู้มีอิทธิพล ไม่แน่อาจจะเป็นมาเฟียเลยก็ได้ซึ่งมันก็ไม่แปลกที่เศรษฐีอย่างเขาจะพ่วงดีกรีผู้มีอิทธิพลไว้อีกอย่าง ฉะนั้นพัชภิชาจึงตัดสินใจ เธอจะพูดจาไพเราะ ไม่ต่อปากต่อคำ เจรจาด้วยดี ประนีประนอมสุดๆ

            ...เธอจะไม่เหวี่ยงวีนแบบนางเอกละครมาเฟียเด็ดขาด ยัยพวกนั้นโง่ พูดให้ผู้ชายโกรธจนโดนปล้ำ ซึ่งเธอจะไม่ทำเด็ดขาด
        
             “ก็ระลึกความจำไง มาหารหัสเปิดกัน คุณจะได้ได้ที่พักส่วนตัวคืนไง” เธอยิ้มหวาน พูดจาชี้ให้เขาเห็นความกระตือรือร้นของตนที่ต้องการช่วยเหลือเขาให้บรรลุผลสำเร็จ    “ว้าย” เธออุทานอย่างตกใจเพราะเฉินหย่งเหอ เปลี่ยนด้านมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเธอโดยที่หญิงสาวไม่ทันตั้งตัว เมื่อประกอบกับการที่หญิงสาวกำลังขบคิดวิธีการรับมือกับสถานการณ์อย่างหนัก พร้อมชนักที่มีทำให้หญิงสาวเปลี่ยนเป็นคนขวัญอ่อนชั่วคราว พัชภิชาคิดหนัก ถึงแม้ว่าเขาจะดูดุๆ เข้มงวด ดูเอางานเอาการ ดูสนใจผลประโยชน์ แต่ครั้งที่แล้วเธอยังจำได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างทั้งสอง

           ...ล่อแหลม และสุ่มเสี่ยงเป็นที่สุด

            ถึงเขาจะยืนยันว่าอดีตทั้งสองจะเป็นคู่รักวัยใส แต่เธอก็ไม่รู้หรอกว่าเขาพูดจริงหรือเปล่า แล้วถึงใช่ อดีตก็คืออดีต ไม่จำเป็นต้องขุดมันขึ้นมาแล้วทำซ้ำ แถมที่สำคัญเฉินหย่งเหอมีคู่หมั้นที่กำลังจะแต่งงานกัน ถ้าความสัมพันธ์ของเธอและเขาเกินเลยเธอคงหนีไม่พ้นต้องเป็นคนบาปผิดศีลข้อสาม คนบนโลกใบนี้ทุกคนต้องรุมประนามเธอแน่ถ้าเธอไปแย่งแฟนของผู้หญิงแสนดี และน่ารักอย่างเหยียนกุ้ยหลัน แถมยังมีแนวโน้มจะกลายเป็นของเล่นคนรวย ที่จะโดนเขี่ยทิ้งภายหลังอีกด้วย เพราะชายหนุ่มตรงหน้าดูสมบูรณ์เกินไปสำหรับผู้หญิงธรรมดาอย่างเธอ

            “ ดูเหมือนเธอจะอยากกลับไปหาคู่รักใจจะขาด” เขาพูดเสียงหยัน สองมือกอดอกแน่น พัชภิชาอดโล่งใจนิดๆไม่ได้ที่เธอไม่ต้องสบตากับชายหนุ่ม แต่เธอก็มีปัญหาใหญ่ที่ต้องรับมือเช่นกัน

            ...ตอบยังไงให้ถูกใจพ่อคุณดีละ

             “หลักๆคืออยากกลับบ้าน” เธอตัดสินใจบอกเขาอย่างตรงไปตรงมาในเรื่องนี้    “แล้วอีกอย่างฉันก็รู้สึกผิดนะที่ฉัน เอ่อ ลืมคุณแล้วก็ ลืมรหัสนั่น คงเหมือนว่าคุณอุตส่าห์ไว้ใจให้ฉันคิด แต่ฉันดันลืมไปซะได้ พี่พีทเองก็ไม่ได้เล่า ยังดีที่คุณยังไม่เอาเรื่องอะไรมาก” จบประโยค ไม่รู้ว่าเธอคิดมากไปเองหรือเปล่า แต่เหมือนว่าชายหนุ่มที่นั่งข้างเธอจะถอนหอยใจอย่างหนักหน่วง ซึ่งถ้าเธอไม่ได้คิดไปเอง พัชภิชาก็ไม่แน่ใจนักว่าอะไรที่ทำให้เขาทำอย่างนั้น
        
              เฉินหย่งเหอเองก็ต้องขบคิดอย่างหนักไม่แพ้หญิงสาวเช่นเดียวกัน พัชภิชาคงไม่รู้ว่าท่าทีที่อ่อนลงของเธอทำให้เขาลำบากใจ ที่ผ่านมาคนอย่างเขาไม่เคยต้องโกหกใคร แต่ตอนนี้ เขากำลังโกหกเพื่อนที่ดีที่สุดของตนเอง โกหกพัชภิชาคนเดียวกับสาวน้อยในวันวานเจ้าของรอยยิ้มเจื่อนๆที่ไว้ใจเขามากที่สุด พอๆกับที่เขาไว้ใจจนมอบหมายให้เธอเก็บรหัสสำหรับข้อมูลชุดสำคัญ

              ...แต่เขาให้พัชภิชาลงเอยกับภรตไม่ได้เด็ดขาด

             โชคชะตาช่างเล่นตลกและกลั่นแกล้งอย่างน่าประหลาดใจ    การกลับมาเจอกันใหม่ครั้งนี้เหมือนมีอะไรบางอย่างที่มันไม่เหมือนเดิม ตอนแรกเขาแค่เพียงต้องการขู่หญิงสาวให้ว่าง่ายเข้าไว้เพื่อง่ายต่อการทำงานของทั้งคู่และเพื่อให้เธอได้อยู่ในสายตาของเขาเพื่อความปลอดภัย เพราะตอนนี้ตัวเขาเองก็ถูกคุกคามจากเงามืดที่เขาเพียรพยายามกระชากหน้ากากออกมา แต่ก็ทำไม่สำเร็จเป็นเวลาสามปีเต็ม ซึ่งเขาก็ไม่แน่ใจว่าคนพวกนั้นจะใช่คนกลุ่มเดียวกันกับเมื่อสามปีก่อนที่คุกคามจนเขาต้องขู่เข็ญแกมบังคับให้พัชภิชาเป็นคนเก็บทั้งข้อมูลและคิดรหัสเปิดด้วยตนเอง เขาต้องการให้มันเป็นความลับ เพราะภัยคุกคามที่เริ่มเกิดขึ้น ทำให้เขาไม่แน่ใจนักว่าจะรักษาข้อมูลได้ดีขนาดไหน เขาเองก็ไม่แน่ใจว่ากลุ่มคนที่มาทำร้ายเขานั้นหวังผลอะไรกันแน่ ระหว่างชีวิตเขา หรือนวัตกรรมที่เขาคิดค้น เพราะมูลค่ามันก็มีมหาศาล

            แต่เขาก็เผลอล่วงเกินหญิงสาวไปเพียงเพราะเผลอปล่อยอารมณ์ไปหงุดหงิดที่เธอลืมสัญญาระหว่างกันแล้วไปมีคนรักใช้ชีวิตมีความสุขในระหว่างที่เขารอให้เธอทำตามสัญญาถึงสามปี เขาไม่แม้แต่จะส่งคนออกตามหาเพราะเชื่อมั่นว่าพัชภิชาจะต้องกลับมาหาเขาอย่างที่ได้สัญญาไว้ก่อนที่ทั้งคู่จะจากกัน และวันที่เห็นวีดิโอสาธิตการใช้งานอาวุธ เขาเองก็นึกว่าในที่สุดพัชภิชาก็มาหาเขา แต่กลับต้องประหลาดใจเมื่อหญิงสาวไม่มีวี่แววว่าจะจำเขาได้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ความผิดของเธอ เขาจึงค่อนข้างละอายที่จะบังคับเธอให้อยู่ข้างๆ บางครั้งทางออกที่ดีอาจเป็นการบอกเรื่องราวทั้งหมดให้เธอได้รู้ พัชภิชายังไงก็คือพัชภิชาที่ต้องเข้าใจเขาแน่ๆ

           “นี่ จะว่าอะไรมั้ยถ้าฉัน อยากต่อรอง” พัชภิชาเสนอเสียงอ่อย ใช้โอกาสที่เฉินหย่งเหอดูจะรับฟังมากขึ้นให้เป็นประโยชน์    “ถ้าจะเล่าเรื่องนี้ให้ซันฟังบางส่วน แล้วให้ฉันกลับไปอยู่กับซัน เค้าต้องยินดีช่วยแน่ เพราะเค้าทำงานให้คุณไง” หญิงสาวอดชื่นชมตัวเองไม่ได้ เธอเพิ่งนึกขึ้นได้สดๆร้อนๆ ว่าควรจะชี้ให้ชายหนุ่มได้เห็นว่าภรตนั้นไว้ใจได้ในเรื่องนี้ ซึ่งมันจะดีกับตัวเธอที่ไม่ต้องหวาดเสียวกับการเดาอารมณ์ชายหนุ่ม

            ข้อสำคัญเลยเธอรู้สึกผิด ผู้ชายที่นั่งข้างๆเธอเป็นคู่หมั้นของเหยียนกุ้ยหลันผู้เปราะบาง เธอไม่อยากใกล้ชิดชายหนุ่มมาก จนเลยเถิดเหมือนครั้งที่แล้ว เพราะเธอเองก็โกรธตัวเองไม่น้อยที่เมื่อสลัดความหงุดหงิดทั้งมวลจากการเอาเปรียบขโมยจูบแรกของเธอไปเธอก็พบว่าเธอไม่ได้รังเกียจสัมผัสของผู้ชายคนนี้

            ...แต่เธอจะให้ถ่านไฟเก่าคุจนทำร้ายเหยียนกุ้ยหลันไม่ได้เด็ดขาด

             เธอจึงต้องเปลี่ยนใจชายหนุ่มเพื่อให้เขายกเลิกคำสั่งส่งเพื่อนของเธอไปไกลหูไกลตาแล้วเปลี่ยนเป็นดึงเขาเข้าสู่แผนการรำลึกความจำที่คงมีผลต่อผลประโยชน์ของบริษัท
             แต่ดูเหมือนว่าพัชภิชาจะมัวปลาบปลื้มกับแผนการของตนเองจนลืมสังเกตว่าชายหนุ่มที่นั่งข้างๆนั้นกำลังขบกรามแน่น มือที่กอดอกอยู่นั้นกำกล้ามเนื้อแน่นขึ้น

         "ที่แท้ก็อยากกลับไปหามันจนตัวสั่น” เขาเอ่ยเสียงเย็น นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสดๆร้อนๆ ใช่สินะ ผู้หญิงตรงหน้าอาจไม่ใช่พัชภิชาคนเดียวกับเมื่อสามปีก่อน เพราะหญิงสาวคนนี้มีคนรักที่เพิ่งไปสวีทกันในห้องลองชุดชั้นใน
          “หา” พัชภิชารู้สึกเย็นต้นคออย่างประหลาด ค่อยๆถอยห่างจากชายหนุ่มเจ้าของห้องช้าๆ  

          ...แย่แล้ว ของยังอยู่ในตัว

           “ขอไปพักผ่อนนะคุณ” ว่าแล้วก็รีบลุกแล้ววิ่งไปที่ห้องนอนที่ชายหนุ่มจัดไว้ให้ แล้ววางของไว้ใต้หมอนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเธอยังไม่ได้ล็อกห้อง แต่ช้าไปแล้วเพราะขายาวๆของเจ้าของห้องพาเขาเข้ามาในห้องเป็นที่เรียบร้อย พัชภิชาค่อนข้างมั่นใจว่าเขาไม่เห็นว่าเธอซ่อนของใต้หมอนจึงอดโล่งใจไม่ได้
  
          “อยู่ดีๆเดินออกมา เสียมารยาท” เขาค่อนขอดก่อนย่างสามขุมเข้ามาหา พัชภิชาที่เริ่มไม่แน่ใจว่าเขาจะเห็นหรือไม่จึงตัดสินใจจะอยู่ห่างจากเตียงซึ่งเป็นที่ซ่อนมากที่สุด โดยการพุ่งออกที่ประตู แต่ดูเหมือนเหมือนว่าจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดเพราะนอกจากที่ไม่ได้ออกห่างจากเตียงยังถูกมือใหญ่ดึงแล้วเหวี่ยงกลับมาที่เตียงจนหมอนเคลื่อน!

           พัชภิชาจึงพยายามเอาตัวไปบังวัตถุสี่เหลี่ยมรูปทรงบางทันสมัย แต่ยังไม่ทันดำเนินการซ่อนต่อหัวไหล่บางก็ตกอยู่ภายใต้ของมือใหญ่ของเจ้าของห้อง เล่นเอาพัชภิชาที่กำลังจ่อสมาธิไปกับการซ่อนมันให้พ้นสายตาเกิดอาการอยากจะประเคนมือใส่ใบหน้าหล่อเหลาแรงๆซักหลายทีโทษฐานที่มาขัดขวางซ้ำแล้วซ้ำเล่าถ้าไม่ติดว่าสายตาของเธอถูกบังคับให้สบดวงตาที่ขณะนี้ดวงตาสีน้ำตาลเข้มนั้นมีประกายวาวโรจน์

      
*******อ่านต่อ คห 1********
คุยกันนิดนึง

      บทที่8มาแล้วค่ะ  ขอโทษที่เลทอย่างรุนแรง จะยังมีคนอ่านอยู่มั้ย  อย่าเพิ่งงอนเค้าน้า กลับมาก่อน
      พอดีชาเพิ่งพ้นจากการจัดการภารกิจที่รัดตัว และการแปลที่มากมาย และการจดทะเบียนมากมายที่น่าปวดหัว คาดว่าคงได้มีบทความสาระดีๆเร็วๆนี้
     เป็นกำลังใจให้ชา แล้วเด็กๆในนิยายด้วยนะคะ
            ด้วยรักเลิฟๆ ม้วฟ
      ตฤณภัทร AKA ชะนีฟรีแลนซ์ คิคิ

ตอนที่ 9 http://ppantip.com/topic/33101361

      [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่