The guardian-เกมรักพิพักษ์ใจ บทที่ 1

กระทู้สนทนา
สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มอ่าน  ตามบทนำได้ที่
http://ppantip.com/topic/32046546

***บทนี้ผ่านการรีไรท์เรียบร้อยสามารถอ่านต่อจากบทนำได้เลย
The guardian-เกมรักพิทักษ์ใจ โดย พิมพ์สราญ


บทที่ 1    


       “สรุปว่า นายก็เลยทำตัวเป็นคุณชายแอนตี้การคลุมถุงชนว่างั้น” พัชภิชาสรุปเรื่องหลังจากฟังภรตเล่าให้ฟังระหว่างที่รับประทานอาหารกลางวันในร้านอาหารไทยชื่อดังซึ่งมีสาขาอยู่ในห้างสรรพสินค้าที่ตั้งอยู่ตรงกันข้ามของอาคารสำนักงานที่พัชภิชาไปนำเสนองาน

           “คือคุณสิเป็นลูกสาวเพื่อนสนิทป๊า ซึ่งป๊าเราก็ชงให้สุดกำลังเลย” ภรตเล่าด้วยเสียงเคร่งเครียดขัดกับบรรยากาศของร้านที่ตกแต่งอย่างน่าสบาย      ชายหนุ่มเป็นเพื่อนร่วมคณะของพัชภิชาสมัยที่เรียนในระดับปริญญาตรี อันที่จริงทั้งสองเรียนกันอยู่คนละภาควิชา หากก็ได้มาเจอกันเพราะทำงานร่วมกันที่สโมสรของคณะจึงมีโอกาสสนิทสนมกัน ด้วยนิสัยที่คล้ายกันก็ช่วยให้ทั้งคู่ทำงานเข้าขากันได้เป็นอย่างดี ทั้งยังช่วยเหลือเกื้อกูลกันในวิชาเรียนที่ตรงกัน จะพูดให้ถูกต้องเรียกว่าเจ้าของเกียรตินิยมอันดับหนึ่งอย่างภรตเป็นคนทำให้เธอได้คณะแนนดีจนได้เกียรตินิยมอันดับถัดมานั่นเอง

            “แม่เจ้า จบมาจะสองปี บวกอีกสี่ปีในมอ นี่นายยังไม่มีแฟนอีกเหรอ” พัชภิชาเอ่ยอย่างทึ่งๆ ภรตเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีมาตั้งแต่สมัยเรียน จึงทำให้สาวๆ ทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้อง และรุ่นเพื่อนมากมายเข้ามาทอดไมตรีให้อย่างไม่ขาดสาย แต่เพื่อนคุณชายตัวดีของเธอกลับไม่สนใจใครเลย แถมยังสนใจแต่เรื่องเรียน เมินซะเถอะที่จะไปเริ่มจีบใครก่อน แต่นี่ก็ทำงานแล้ว ตามปกติภรตน่าจะมีคนรักเป็นตัวเป็นตนได้เสียที   “เฮ้ย หรือจริงนายเป็นเก้ง บ้า ทำไมเราดูไม่ออก”

            “อ้าวไอนี่พูดจาแบบนี้เดี๋ยวพ่อจับปล้ำ” ภรตขู่เสียงเข้ม แต่ได้รับการตอบโต้เป็นเสียงหัวเราะจากเพื่อนสาว ตลอดเวลาตั้งแต่ที่แยกย้ายกันหลังจบการศึกษาเขาไม่ได้เจอพัชภิชาเลย อาจเห็นภาพบ้างนานๆครั้งในโซเชียลมีเดียเพราะเขามีงานยุ่งมากเกินกว่าจะมีเวลามานั่งอัพเดทข่าวเพื่อนๆได้ทุกวัน ไม่ใช่แต่กับพัชภิชาหรอกที่ห่างเหิน กับเพื่อนคนอื่นๆที่ไม่ได้เกี่ยวข้องในสายงาน ชายหนุ่มก็ไม่ค่อยได้เจอเช่นเดียวกัน แต่ด้วยความเป็นเพื่อนถึงไม่ได้เจอกันนานมิตรภาพก็ยังคงเหนียวแน่น เห็นจากการช่วยรับสมอ้างได้อย่างทันใจของพัชภิชา

           “แหม นี่โมโหกลบเกลื่อนรึเปล่าเนี่ย” พัชภิชาหยอกอีกเล็กน้อยก่อนถามคำถามที่สงสัยตั้งแต่ต้น

           “ว่าแต่ นายมาทำอะไรที่ซีพีเอชทาวเวอร์” เธอหมายถึงอาคารสำนักงานของเฉินเป่าฮู่คอร์ปอเรชันประจำประเทศไทย    “จะว่าทำงานที่นี่ฉันก็มาที่นี่หลายครั้งก็ไม่เคยเจอนายเลย” พูดแล้วก็เหมือนจะจำอะไรบางอย่างได้    “เดี๋ยวนะนามสกุลนายรัชตะกวิน! เหมือนของกรรมการผู้จัดการบริษัทนี้ คุณอรรนพเลย”

           “ ถูกต้องนะคร้าบ” ภรตทำท่าเหมือนเธอตอบคำถามที่ยิ่งใหญ่ได้    “ป๊าเรามีหุ้นที่นี่ สมัยอากงก็เคยทำงานให้บ้านตระกูลเฉินจนถูกส่งมาคุมงานสาขาไทยแล้วแบ่งหุ้นให้น่ะ เอาเป็นว่าเราทำงานที่นี่แทบทั้งตระกูล ตามกตัญญูคอนเซ็ป” เขาเล่าความเป็นมาคร่าวๆให้เธอฟัง ไม่แปลกหรอกที่เธอจะไม่รู้แม้ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทกันพอสมควรเพราะเขาไม่ได้บอกใครเกี่ยวกับครอบครัวตัวเองมากมายนัก ส่วนหนึ่งเพราะอยากได้มิตรภาพที่จริงใจ แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้ บอกพัชภิชาไปคงจะดีกว่า    “แล้วที่พายไม่เคยเจอเราเพราะเราไปฝึกงานที่สาขาใหญ่ที่ฮ่องกงน่ะ”

            “อ๋อ อย่างงี้นี่เอง โวะ ก็พอจะเดาออกนะว่าเป็นลูกคนรวย แต่นี่มันรวยมากเลยนะ” พัชภิชาพูดอย่างทึ่งๆ แล้วยิ่งนิยมเพื่อนขึ้นมาในใจค่าที่ไม่เคยอวดอะไรใครเลยตั้งแต่รู้จักกันมา

           “ว่าแต่พายเถอะ มาทำอะไรที่นี่อะ” เขาถามบ้าง    “แถมรู้จักชื่อป๊าเราด้วย แบบนี้ก็เคยเห็นหน้ากันแล้วสิ”

           “เรามาพรีเซนต์งาน” พัชภิชาบอกและเล่ารายละเอียดความเกี่ยวข้องระหว่างงานที่เธอทำกับบริษัทที่บิดาของภรตถือหุ้นอยู่

           “ป่าเถื่อนชะมัด” ภรตกัดเพื่อนเบาๆ

            “เขาเรียกผู้หญิงดูแลตัวเองได้ย่ะ แล้วก็แค่รู้จักชนิด พรีเซนต์ได้ ใช้เป็น ไม่ใช่จะเอาไปไล่ยิงใครซะหน่อย” พัชภิชาแจง ตอนแรกเธอก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำงานนี้หรอก เธอสมัครงานที่บริษัทในตำแหน่งธุรการประสานงาน แต่ความสามารถพิเศษที่ลงไว้ในประวัติส่วนตัวสำหรับสมัครงานไปเตะตากรุณาเข้าพอดี ตอนนั้นตำแหน่งประสานงานพิเศษกำลังว่างลงเพราะเจ้าของตำแหน่งซึ่งเป็นชาวต่างชาติตัดสินใจเกษียรตัวเองออกไป พัชภิชาเลยเป็นจิ๊กซอว์ที่ลงตัว

           “แต่ไม่นึกเลยว่าพายจะมาทำอะไรอย่างนี้ เราแปลกใจมากนะตอนขึ้นปีสี่ อยู่ดีๆพายก็หันไปเข้าชมรมยิงปืน หายหน้าไปจากสโมพักใหญ่” เขาเท้าความไปถึงเรื่องเก่าตั้งแต่สมัยเรียน

            “อย่าว่าแต่นายแปลกใจ เราก็งงนะว่าอะไรดลใจให้เข้าชมรม แต่ก็ดีนะเลยมีความสามารถพิเศษไง” พัชภิชาบอกอย่างภูมิใจ นอกจากเธอจะได้งานจากความสามารถนี้แล้วยังเป็นงานที่เงินเดือนดีมากอีกด้วยเพราะต้องใช้ทักษะหลายด้านไม่ว่าจะเป็นการเจรจา ภาษา และความรู้ในสินค้าที่ต้องนำเสนอ

            “ก็จริงของพาย จะว่าไปก็ดีเลย ต่อไปถ้าเรามาทำงานที่นี่เต็มตัวเราคงได้เจอกันบ่อยๆ บอกตรงๆ ตั้งแต่ทำงานเนี่ย เหมือนโดนตัดขาดเลย” ภรตพูดอย่างอารมณ์ดี ทั้งคู่คุยกันอีกซักพักก่อนที่ภรตจะเรียกเก็บเงินค่าอาหาร เขาออกปากเลี้ยงเพื่อเป็นการขอบใจ พัชภิชาไม่ขัดน้ำใจเพื่อน ทั้งคู่แยกย้ายและกล่าวลาโดยหวังว่าจะได้พบกันในเร็ววันนี้


          ...แต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะเป็นสองวันให้หลังนี่เอง
           พัชภิชาในชุดเดรสสั้นโชว์ไหล่สีครีมกำลังส่งยิ้มหวานและรับฟังคำชมของบรรดาญาติๆ ของภรตที่มีไม่ขาดสายหลังจากที่เธอได้แนะนำตัว ตอบคำถาม และพูดคุยกับบิดามารดาและญาติสนิทของชายหนุ่ม บรรยากาศวันนี้เป็นไปอย่างอบอุ่นกว่าที่เธอคิด ทางบ้านของภรตไม่ได้แสดงท่ากีดกันอะไรจะมีก็แต่การติติงเรื่องที่ชายหนุ่มเอาคนรักซ่อนไว้จากสายตาผู้ใหญ่เพราะดูเป็นการไม่ให้เกียรติฝ่ายหญิง

           “ซันนะซัน ป๊าเลยเกือบเสียผู้ใหญ่ ได้โดนเพื่อนถอนหงอก” คุณอรรณพต่อว่าลูกชายแบบไม่รุนแรงนัก ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นก็ไม่แน่ว่าเขาจะพอใจขนาดนี้ แต่นี่เป็นหญิงสาวที่เขามีโอกาสได้เจอ เห็นฝีมือ การวางตัวที่สง่างาม จึงต้องยอมรับว่าพัชภิชานั้นมีดีพร้อมทุกด้านและเหมาะสมกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเป็นอย่างยิ่ง ชายวัยกลางคนจึงวางใจและพร้อมจะสนับสนุนความสัมพันธ์อย่างเต็มที่

           “ก็ผมก็จีบพายมานานตั้งแต่สมัยเรียนแล้วครับ เราก็ศึกษากันมาเรื่อยๆ พายเค้าอยากแน่ใจก่อน” ภรตรับสมอ้างอย่างเป็นธรรมชาติจนพัชภิชาอดทึ่งกับความสามารถของเพื่อนไม่ได้ หญิงสาวหันไปตักอาหารให้มารดาของภรตที่นั่งติดกันกับเธอก่อนที่จะหันไปสบดวงตาสีน้ำตาลเข้มของชายหนุ่มที่นั่งหัวโต๊ะ

          ...วันนี้เฉินหย่งเหอ หรือที่แวดวงสังคมชั้นสูงในประเทศไทยรู้จักกันดีในนามวิลเลี่ยม เฉิน นักธุรกิจที่รวยทั้งความสามารถและเงินทองชาวฮ่องกง ประธานกรรมการบริหารของเฉินเป่าฮู่คอร์ปปอเรชันก็ร่วมในงานเลี้ยงเล็กๆนี้เช่นกันในฐานะแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลรัชตะกวิน

         “อ่อ ที่แท้ก็รักกันมานานนี่เอง น่าชื่นชมนะครับ” เฉินหย่งเหอเสนอความคิดเห็นเชิงบวก คุณอรรณพถึงกับยิ้มแก้มปริเพราะโดยปกตินายของตระกูลเฉินคนนี้มักจะไม่ค่อยพูดอะไรมากนักที่ไม่เกี่ยวกับธุรกิจ แต่ครั้งนี้เข้ากลับให้เกียรติพูดคุยกับครอบครัวรัชตะกวินซึ่งติดหนี้บุญคุณตระกูลเฉินอย่างหาที่เปรียบไม่ได้แบบเป็นกันเองและมากกว่าทุกๆครั้ง  ชายกลางคนอดคิดไม่ได้ว่าช่างเป็นเรื่องน่ายินดี และว่าที่ลูกสมัยของเขาคนนี้มาพร้อมโชคจริงๆ

           ตรงข้ามกับพัชภิชาครั้งนี้เธอยังคงความรู้สึกแปลกๆเช่นเคยเมื่อเจอกับเฉินหย่งเหอ เธอเกือบทำช้อนตกเมื่อพบว่าเฉินหย่งเหอมาหยุดอยู่ตรงเก้าอี้ของเธอและกล่าวทักทาย เธอแปลกใจกับความรู้สึกโหวงเหวงในช่องท้องทั้งๆหญิงสาวมั่นใจว่าวันนี้เธอร่างกายแข็งแรงเพราะได้นอนอย่างเต็มอิ่มด้วยเป็นวันหยุดงานของเธอ

           ...ใช่ มันควรเป็นวันที่เธอได้นอนกลิ้งอยู่บ้านสบายๆ ถ้าไม่ใช่เพราะโทรศัพท์สายด่วนจากภรตตอนเจ็ดโมงเช้าของวันอาทิตย์!

            เสียงโทรศัพท์ที่ดังอย่างต่อเนื่องไม่เปิดโอกาสให้คนขี้เซาได้ทำหูทวนลมเพื่อนอนต่อ พัชภิชาหยิบโทรศัพท์เครื่องบางมาพร้อมกับมองเวลาที่ด้านบนขวาของหน้าจอที่แสดงเวลาเจ็ดโมงเช้า และเลื่อนสายตาอย่างรวดเร็วมาที่ชื่อผู้ที่โทรเข้ามาก่อนจะใช้นิ้วสไลด์เพื่อรับโทรศัพท์

           “ซัน เราขอเหตุผลที่ดีในการโทรหาเราตอนเจ็ดโมงเช้า ไม่งั้น เราด่า เราสัญญา” พัชภิชาพูดพร้อมขยี้ตา ก่อนจะลุกจากเตียงมาเปิดม่านเพื่อรับแสงให้เข้าสู่ห้องนอน

           “เธอต้องไปกับเรา ไปเป็นแฟนเราวันนี้!” คำพูดเปิดประเด็นของภรตเล่นเอาพัชภิชาตาสว่างได้โดยไม่ต้องล้างหน้า

           “อะไรของนาย แฟนอะไรกัน” พัชภิชาถามเสียงสูด

           “จำคุณพิชญ์สินีที่เจอกันเมื่อวันนั้นได้มั๊ย ที่เราบอกกว่าป๊าเราจะจับคู่ให้เราอะ” ภรตเล่าท้าวความและเล่าต่อทันทีเมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากเพื่อน    “คุณสิไปบอกกับพ่อเค้าว่าเรามีแฟนแล้ว พ่อเค้าก็มากินหัวป๊าเรา ป๊าเราเลยมาเค้นคอเราอีกทีว่าให้เอาแฟนไปให้ที่บ้านดูตัว”

           “เฮ่อ ไอเราก็ตกใจ ทำเสียงซะน่ากลัวแค่เอาแฟนไปให้ที่บ้านดูตัว” พัชภิชาพูดเหมือนเป็นเรื่องเล็กก่อนสมองจะประมวลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อนได้    “เฮ้ย เรานี่”

          “ใช่เลยค่ะ พายจ๋า เย็นวันนี้มีงานเลี้ยงเล็กๆในครอบครัวของเรา เป็นงานรับรองเจ้าของบริษัทด้วย เนี่ยซันเลยจะโทรมาพายถามทางมาบ้านพาย เดี๋ยวซันไปรับ” ภรตพูดเสียงหวานกว่าปกติทั้งยังเปลี่ยนสรรพนามมานรูปเป็นเรียกชื่อเธอและใช้ชื่อตนเองแทนตัว เป็นรูปแบบมัดมือชกที่เขาชอบใช้

            “เหอะ ไม่บอกย่ะ ฝันเถอะ ให้หลอกผู้ใหญ่เยอะขนาดนั้น ชั้น-ไม่-ทำ!” พัชภิชาจำได้ว่าปฏิเสธภรตไปในเช้าวันนั้น แต่ไม่ถึงชั่วโมงต่อมาชายหนุ่มก็มายืนกดกริ่งหน้าบ้านและเดินยิ้มตามหลังพี่นวลแม่บ้านของเธอเข้ามาที่ห้องโถงของบ้าน ขนมปังในปากพัชภิชาแทบร่วงด้วยความคิดไม่ถึง

            “มะ มาได้ไง” พัชภิชาที่อยู่ในชุดนอนเพราะโดยปกติวันนี้จะไม่ออกไปไหนถึงกับพูดติดอ่างเมื่อพบแขกไม่ได้รับเชิญ โชคดีที่พ่อของเธอย้ายไปรับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดเล็กๆทางภาคเหนือโดยมีแม่ของเธอตามไปดูแล ไม่เช่นนั้นทั้งคู่คงได้เฉ่งเธอเรื่องการรับแขกในชุดที่ไม่เหมาะสม

           ...แต่ช่วยไม่ได้ เธอไม่ได้เชิญแขกคนนี้มานี่นา

           “ก็ถามกับตุ๊กตา” ภรตพูดถึงเพื่อนรุ่นเดียวกันซึ่งเป็นเพื่อนที่ทำงานในสโมสรคณะ ที่สำคัญเป็นเพื่อนสนิทของพัชภิชา

           “เราละเชื่อเลย ความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยมสุดๆ” พัชภิชากระแนะกระแหน เป้าหมายของคำเหล่านั้นพูดหัวเราะแบบไม่เห็นว่าเป็นคำด่าที่จะระคายเคืองใจ ก่อนถือวิสาสินั่งลงบนเก้าอี้ใกล้กันโดยไม่ต้องให้เจ้าของบ้านเชิญ

           “ไปหาชุดกัน วันนี้ซันต้องบรีฟอะไรให้ฟังเยอะเลย” ภรตพูดด้วยเสียงที่จริงจังขึ้น

       “ไม่เอา โน ดูปากเรานะ ไม่-มี-ทาง-ว้อย” พัชภิชาพูดเสียงเข้ม หมดความอยากอาหารไปพลัน

*******อ่านต่อ ความคิดเห็นที่ 1********

คุยกันนิดนึง
       สำหรับวันนี้เราลงนิยายบทที่ 1 เต็มบทค่ะ อย่างที่บอกจากบทนำว่ามีปรับเปลี่ยนนิยายเรื่องนี้แบบครั้งยิ่งใหญ่มโหฬารเลยเพราะแบบเดิมทำให้เขียนต่อไม่ได้ ซึ่งความสัมพันธ์ของตัวละครเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมากค่ะ  เริ่มอ่านใหม่ได้เลย
       ยังไงขอฝากเกมรักพิทักษ์ใจไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ คอมเมนท์ติชมได้ตามสะดวก จะลงต่อเนื่องงดดองเค็มจ๊ะ

เพิ่มเติม บทที่ 2  มาแล้วนะคะ      http://ppantip.com/topic/32333496
      ด้วยรัก
      พิมพ์สราญ AKA ชะนีฟรีแลนซ์ คิคิ
      [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่