The guardian-เกมรักพิทักษ์ใจ บทที่ 2 (เต็มตอน)

กระทู้สนทนา
สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มอ่าน  ตามได้ที่
บทนำ http://ppantip.com/topic/32046546
บทที่ 1 http://ppantip.com/topic/32102961

***บทนี้ผ่านการรีไรท์เรียบร้อยสามารถอ่านต่อจากบทที่ 1 ได้เลย

The guardian-เกมรักพิทักษ์ใจ

โดย พิมพ์สราญ

บทที่ 2


        ‘นี่ ห้ามหลับนะ’ เสียงทุ้มสั่งอย่างเอาแต่ใจ  แต่หากฟังดีๆ จะสังเกตได้ถึงปลายเสียงที่สั่นจากความตระหนก    ‘อยู่กับฉัน อดทนก่อน’

        ‘พูดบ้าอะไร ไอตัวซวย เอามือแกออกไป แล้วไสหัวไปจากน้องฉัน’ อีกเสียงตวาดอย่างหัวเสีย พร้อมทั้งรู้สึกถึงแรงดึงตัวออกมาจากอ้อมกอดอุ่น

          ‘ให้เธออยู่กับฉัน ฉันสัญญา ฉันจะเอาเธอไปรักษา’

           ‘นายน้อยครับเราต้องไปแล้ว รอไม่ได้นะครับ’ อีกเสียงนึงที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนแทรกเข้ามา

           ‘ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น เธอต้องไปกับฉัน’

            ‘นายไปเหอะ’ เสียงของผู้ที่กำลังตกเป็นเป้าหมายการแย่งชิงบอกแผ่วเบา

            ‘เจ็บมากมั้ย’ เสียงชายผู้ดื้อดึงถามอย่างอาทร

             ‘ไม่ค่อย นายไปเหอะ’ เธอบอก จำได้ว่าพยายามปั้นเสียงให้ดูแข็งแรงแต่อ่อนระโหยโรยแรงชอบกล

             ‘งั้นสัญญามา’
    

           ...ฟี๊ดๆๆๆๆๆๆ...

           ...ภาพเหตุการณ์อันคับขันในความรู้สึกแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกฉงนเมื่อมีเสียงประหลาดที่ดูยังไงก็ไม่เข้ากับสถานการณ์ดังขึ้นนมา

           “ไอขี้เซาเอ๊ย” เสียงหนึ่งเอ่ยอย่างระอาใจ

           “เฮ้ย! เปียก” พัชภิชากระเด้งตัวนั่ง เหตุการณ์คับขันเมื่อครู่ดูเหมือนจะเป็นความฝัน บางส่วนของมันเธอคุ้นชินเป็นอย่างมาก และก็มีหลายส่วนที่เพิ่มเข้ามาจากเดิม พัชภิชาอยากครุ่นคิดหาคำตอบให้เร็วกว่านี้  หากแต่ตัวการที่ทำให้เธอตื่นจากฝันกลับเพิ่มกำลังการฉีดน้ำเย็นเข้าใส่ใบหน้าประหนึ่งเธอเป็นกล้วยไม้ก็ไม่ปาน

        พัชภิชาลูบใบหน้าที่เต็มไปด้วยละอองน้ำ  ก่อนจะมองแขกผู้มาเยือนกันถึงเตียงนอน  และนึกหมั่นไส้คนตรงหน้าที่กำลังทำท่ายักคิ้วหลิ่วตาอย่างน่าเตะที่สุด  เจ้าของแผนแผลงปลุกหญิงสาวคือร่างสูงผิวเข้ม ใบหน้าคมมีเค้าคล้ายกับเธอแต่ชัดกว่าในรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นคิ้วเข้ม และดวงตา จมูกทรงเดียวกันแต่โด่งกว่า เมื่อประกอบเข้ากันจึงกลายเป็นความลงตัว

           “มอร์นิ่ง มาซิส...ต้า” คำทักทายภาษาอังกฤษแบบยียวนยิ่งทำให้พัชภิชาต้องกรอกตาขึ้นฟ้าอย่างเบื่อหน่าย  ดูเหมือนว่าชีวิตสงบสุขของเธอที่มีมาซักพักคงหมดลงแล้ว

           “ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ ไอพี่พีท” เสียงที่เปล่งออกจากลำคอกับเนื้อหาที่กล่าวนั้นสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง  หากแต่มันก็เรียกรอยยิ้มพึงพอใจจากพฤกษ์ได้ไม่ยาก

           จะเรียกได้ว่าพฤกษ์ พราวพิรุณเป็นลูกพี่ลูกน้องที่สนิทที่สุดของพัชภิชาก็ว่าได้  แม้ว่าเขาจะมีอายุมากกว่าพัชภิชาถึงห้าปีแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคของการสื่อถึงกันของทายาทสองคนที่เกรียน และกวนที่สุดในตระกูล(อันที่จริงต้องเรียกว่าพัชภิชาเป็นลูกไล่ และหลายครั้งก็โดนหลอกใช้) นอกจากจะมีหน้าตาหล่อเหลาคมเข้มและหุ่นสูงเท่แล้ว ชายหนุ่มยังพ่วงด้วยดีกรีแพทย์เฉพาะทางด้านสมองมากความสามารถจากต่างประเทศ  ไม่แปลกเลยที่ความสมบูรณ์แบบเมื่อมาผนวกกับบุคลิกสุขุมนุ่มลึกของเจ้าตัว  จึงทำให้เขาเป็นที่รู้จักและได้รับการโหวตว่าเป็นหนุ่มที่สาวๆอยากออกเดทด้วยมากที่สุดจากนิตยสารชื่อดังของประเทศไทย

            แต่ความสมบูรณ์แบบทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา  มันสำหรับคนอื่นทั้งนั้น  ในส่วนที่แสดงออกกับน้องสาวที่สนิทที่สุดต่างหากที่เป็นตัวจริงของพฤกษ์

             “ฟ็อกกี้เนี่ยนะ” พัชภิชาพูดอย่างเซ็งๆ  มือเล็กยื่นมือไปหยิบกระดาษทิชชู่ที่หัวเตียงมาเช็ดหยดน้ำที่เกาะพราวบนใบหน้า อิ่มน้ำกันล่ะงานนี้

           “ฮื่อ ดีจะตาย  มันจะทำให้พายสดชื่น ตื่นเต็มตา ฮ่าๆๆๆ” เมื่อเดือนก่อนพฤกษ์มีภารกิจเรื่องของงานวิจัยและการสัมมนาที่เยอรมัน  แต่เห็นได้ชัดว่าหนึ่งเดือนอันสงบสุขของพัชภิชาได้หมดลงพร้อมการกลับมาของลูกพี่ลูกน้องสุดหล่อ  หลังจากการเสียชีวิตของพ่อและแม่ของพฤกษ์เมื่อแปดปีก่อน  พฤกษ์ก็ย้ายเข้ามาอาศัยในบ้านของพัชภิชาตั้งแต่ตอนนั้น  แม้ว่าตั้งแต่เริ่มทำงานนายแพทย์หนุ่มจะต้องอาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมใกล้โรงพยาบาลเพื่อสะดวกต่อการทำงาน  แต่เขามักจะมาเยี่ยมที่บ้านนี้เมื่อมีวันหยุดที่ตรงกับพัชภิชา หรือตรงกลับวันที่บิดามารดาของเธอกลับบ้าน

            ...ที่สำคัญพฤกษ์มักจะลากเธอไปเที่ยวสนองการเก็บกดที่ต้องทำงานหนักของตัวเอง

           “แหม กลับมาถึงเหนื่อยๆ พักผ่อนมั้ย” พัชภิชาเสนอด้วยความปรารถนาดี อันที่จริงเป็นเพราะเสียดายวันหยุด สัปดาห์ที่แล้วเธอก็ต้องไปเล่นละครช่วยภรต เหนื่อยจนเลือดกำเดาไหล จนวันนี้เวลาเวียนมาที่วันเสาร์อีกครั้ง เธอจึงอยากพักผ่อนและคิดเรื่องที่คาราคาซังในจิตใจมาหลายวัน แต่ก็ต้องหยุดไว้เพราะภาระหน้าที่อันมากมายที่ต้องจัดการ

           “เฮ้อ ก็ใช่นะซี้ พี่มันก็แค่พี่ชาย เนี่ยหยุดวันนี้ พอหมดวันพี่ก็ต้องทำงานๆๆๆๆๆ ไม่ได้หลับไม่ได้นอน เมินซะอาหารดีๆ มีแต่มาม่ากับกระทิงแดงที่รออยู่...” พัชภิชายกมือห้ามเมื่อพฤกษ์กำลังจะลากเรื่องดราม่ามามากกว่านี้ ในขณะเดียวกันก็นึกขำอยู่ในใจ เมื่อสัปดาห์ก่อนภรตก็ลากเอาเรื่องหนี้บุญคุณแต่หนหลังมาเพื่อให้เธอช่วยทำตามที่เขาต้องการ ดูเหมือนว่าผู้ชายรอบตัวเธอจะเป็นพวกชอบลำเลิกทวงบุญคุณ

           ...ไม่ใช่แค่ผู้ชายรอบตัวสิ

           พัชภิชานึกขึ้นได้เมื่อนึกถึงการสนทนาระหว่างเธอกับเฉินหย่งเหอที่ระเบียงในโรงแรมที่จัดงานวันนั้นที่ภรตนำเธอไปเปิดตัวในฐานะคนรัก

           ...ดูเหมือนเขาจะต้องการอะไรจากเธอซักอย่าง

            นึกได้เช่นนี้พัชภิชาจึงตัดสินใจจะลองถามเรื่องนี้จากพฤกษ์ดู

             “ไปแต่งตัวไป พี่อยากกินปลาดิบ” พฤกษ์สั่งอย่างเอาแต่ใจ ยีหัวน้องสาวก่อนจะเดินไปจากห้อง แต่ยังไม่วายสั่ง   “อย่านานล่ะ อยากดูหนังด้วย เอาให้คุ้ม”

             “เออ เดี๋ยวจะกินให้หมดตัวเลยคอยดู” พัชภิชาหมายมั่นปั้นมือ


             บรรยากาศในห้องอาหารนานาชาติของโรงแรมห้าดาวในเวลาสายนั้นไม่คึกคักเหมือนมื้อกลางวันหรือมื้อเย็น  สองพี่น้องจึงเหมือนได้จองห้องอาหารแบบเป็นส่วนตัวโดยปริยาย  พัชภิชามองพฤกษ์ที่กำลังบรรจงส่งชิ้นเนื้อรสเลิศเข้าปากและเคี้ยวแบบที่ว่าต้องการดูดซับรสชาติทั้งมวลของมันไว้อย่างหมั่นไส้

            “ไหนตอนแรกพี่พีทบอกอยากกินปลาดิบ ไหงเปลี่ยนใจมากินที่นี่” พัชภิชาอดถามไม่ได้เมื่อเห็นพี่ชายเพลิดเพลินกับอาหารที่น่าจะหาได้ง่ายๆที่เยอรมัน  พฤกษ์หยิบแก้วไวน์มาสูดกลิ่นก่อนจิบอย่างสุนทรีย์ก่อนตอบ  

        “ก็แค่...เปลี่ยนใจ” เขาตอบสั้นๆ พัชภิชากรอกตามองเพดาน วันนี้พฤกษ์ดูแปลกๆ ตอนเช้าที่ลากเธอออกจากเตียงนอน ชายหนุ่มนั้นอารมณ์ดี เอาแต่ยิงมุก และสนุกกับการแกล้งเธอ ต่างจากเวลานี้ที่เอาแต่รับประทานอาหารที่อยู่ตรงหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ

      “ตามสบายเลยค่ะเสี่ย” จะว่าไปมันก็ไม่เดือดร้อนเท่าไหร่เพราะมื้อนี้พฤกษ์เลี้ยง  แต่ดูเหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกกับวันพักผ่อนของนายแพทย์หนุ่ม  เพราะอยู่ดีๆพฤกษ์ก็หยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมา ก่อนขอตัวลุกไปคุย หลังจากคุยคุยโทรศัพท์เสร็จก็หันมาทางน้องสาวด้วยสีหน้าเซ็งสุดขีด  พัชภิชาที่ได้ยินบ้างแล้วอดไม่ได้ที่จะอมยิ้มแบบสะใจ

         ...นี่คือบาปของการปลุกน้องแต่เช้า...บอกเลย

           “มีเคสด่วน ต้องไปแล้ว” เสียงที่บอกกล่าวเซ็งสุดขีด  พัชภิชาทำหน้าเสียดายแบบที่ดูออกว่าเสแสร้ง แกล้งทำที่สุด

           “แย่จังเลยค่ะพี่ชาย” พัชภิชาพูดพลางจิ้มเรดโอ๊คในจานสลัดเข้าปาก  พฤกษ์ชี้นิ้วใส่เธออย่างคาดโทษโดยอีกมือหนึ่งทำหน้าที่ส่งน้ำเปล่าเข้าปาก  พี่ชายเธอส่งบัตรเครดิตให้ก่อนจะลุกขึ้น  เขาทำท่าเหมือนนึกอะไรได้

            “นั่งกินที่นี่ไป กินขนมด้วยละ  อย่ารีบกลับ กินเผื่อพี่ด้วย”พัชภิชาอดแปลกใจกับคำสั่งของพี่ชายไม่ได้  พฤกษ์พูดยังกับว่าถ้าเธอเกิดอิ่มแล้วลุกไปตอนนี้มันจะมีอะไรอย่างนั้นแหละ

          “สงสัย เจทแล็คจะทำประสาทกลับ” พัชภิชาสรุปง่ายๆ    “อ่าวลืมถามเรื่องเมื่อสามปีก่อนไปสนิท” เธอพูดกับตนเองอย่างเพิ่งนึกได้ว่าต้องการจะถามอะไรจากพี่ชาย  แต่ดูเหมือนว่าจะต้องเลื่อนไปวันอื่นแทน  หญิงสาวทานอาหารในจานต่ออย่างสบายอารมณ์  โดยไม่ทันสังเกตว่าตนเองกำลังนั่งหันหลังให้กับกลุ่มชายใส่สูทกลุ่มใหญ่ที่เดินออกมาจากโซนห้องอาหารญี่ปุ่นที่กำลังผายมือเป็นเชิงเชิญพี่ชายของเธอให้เดินตามพวกเขาเข้าไป

        
           “หวังว่าคุณจะมีคำตอบสำหรับเรื่องทั้งหมด ปีเตอร์ ไม่สิ คุณพฤกษ์” ร่างสูงที่นั่งเป็นสง่าที่หัวโต๊ะพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง หากแต่แฝงแววคุกคามแบบต้องการคำตอบโดยไม่มีเงื่อนไข

        “โตขึ้นนี่วิลเลี่ยม” พฤกษ์พูดก่อนเหยียดริมฝีปากออก เขาไม่ได้เย้ยหยันใครนอกจากโชคชะตา ดูเหมือนสิ่งที่เขาพยายามมาเป็นเวลาสามปีจะล้มเหลวลงแล้วในวันนี้ ที่เขาพบกับคนที่ไม่ต้องการจะพบเจออีกตลอดชีวิตมาปรากฎตัวที่หน้าบ้านพัชภิชาก่อนที่น้องสาวเขาจะแต่งตัวแล้วออกมาพร้อมเขา

          ‘ผมมีคำถาม เกี่ยวกับพัชภิชา’ เสียงทุ้มพูดก่อนเว้นระยะที่ทำให้เขาตระหนกได้พอสมควรทีเดียว    ‘หวังว่าคุณคงมอบคำตอบที่ดีของเรื่องนี้ให้ผมนะปีเตอร์’ จบคำพูดนั้นเป็นการบอกว่าเขาพ่ายแพ้ในการปกป้องน้องสาว แต่ไม่หรอกเขาคิดว่าเขายังพอมีไพ่ตายอยู่กับตัว

          “ผ่านไปสามปี ผมก็ต้องโตขึ้นเป็นธรรมดา เชิญนั่งสิคุณพฤกษ์” เฉินหย่งเหอพูดเน้นเสียง และผายมือเชิญแขกให้นั่งลง ตอนนี้ในมุมส่วนตัวมีเพียงเขาและพฤกษ์เท่านั้น เพราะเขาได้สั่งให้ผู้ติดตามคนอื่นๆไปรออยู่หน้าห้อง

           “ผมจำได้ว่าคุณเคยบอกว่าคุณเป็นนักธุรกิจ” พฤกษ์เอ่ยด้วยเสียงเยาะหยันอย่างไม่เชื่อ
          ...มาเฟียชัดๆ
        พฤกษ์ไม่ยอมนั่งตามคำเชิญ ชายหนุ่มล้วงเมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ หยิบถุงกำมะหยี่สีดำมาเปิดออกก่อนหยิบสร้อยทองคำขาวห้อยจี้รูปสามเหลี่ยมออกมาก่อนวางลงบนโต๊ะ และดุนของชิ้นนั้นไปตรงหน้าเฉินหย่งเหอ

       ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ลุกขึ้นยืนและประสานสายตา นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มวาวโรจน์อย่างไม่สบอารมณ์ เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่คำตอบที่ต้องการ

      “พายเป็นอะไร ทำไมเค้าถึงจำผมไม่ได้” เขาเค้นเสียงถาม จริงอยู่ที่เขาต้องการของชิ้นนี้ แต่สิ่งที่เขาต้องการ ไม่ใช่การได้รับมันในรูปแบบนี้

        “คุณลงทุนตามหาน้องสาวผม คงไม่ใช่แค่คิดถึงเพื่อนเก่าหรอก นี่ไม่เหรอ ของสำคัญที่คุณต้องการ” พฤกษ์เอ่ยตอบเสียงเรียบอย่างพยายามคุมเกมให้ไปในทิศทางของตนเอง     “ผมไม่ได้ตั้งใจเอามันไป เพียงแต่ไม่รู้จะคืนให้คุณได้ยังไง เพราะพายก็บอกอะไรเกี่ยวกับคุณไม่ได้”

        “เกิดอะไรขึ้น” เฉินหย่งเหอถาม เขารู้สึกเหมือนจะเดาเรื่องได้บ้างแต่ต้องการคำตอบที่แน่ชัดจากผู้ที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์ในวันนั้น

        “ผมรู้แค่คุณเป็นเพื่อนของพาย ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคุณนอกจากว่าชื่อวิลเลี่ยม” พฤกษ์เล่าอย่างใจเย็น ค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าทุกสิ่งยังจะเป็นอย่างที่เขาต้องการ ก่อนจะบอก    “พอพายความจำเสื่อม เรื่องของคุณก็เลยหายไป อันที่จริงเรื่องตอนที่อยู่อเมริกาหายไปหมด”
  
*******อ่านต่อ ความคิดเห็นที่ 3********
คุยกันนิดนึง
       สำหรับวันนี้เราลงนิยายบทที่ 2 เต็มบทค่ะ อย่างที่บอกจากบทนำว่ามีปรับเปลี่ยนนิยายเรื่องนี้แบบครั้งยิ่งใหญ่มโหฬาร ซึ่งความสัมพันธ์ของตัวละครเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมากค่ะ  เริ่มอ่านใหม่ได้เลยเนาะ
       ยังไงขอฝากเกมรักพิทักษ์ใจไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ คอมเมนท์ติชมได้ตามสะดวก จะลงต่อเนื่องงดดองเค็มจ๊ะ
            ด้วยรัก
      ตฤณภัทร AKA ชะนีฟรีแลนซ์ คิคิ
ทางไปตอนที่3 http://ppantip.com/topic/32342880
      [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่