สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มอ่าน ตามได้ที่
บทนำ
http://ppantip.com/topic/32046546
บทที่ 1
http://ppantip.com/topic/32102961
***บทนี้ผ่านการรีไรท์เรียบร้อยสามารถอ่านต่อจากบทที่ 1 ได้เลย
The guardian-เกมรักพิทักษ์ใจ
โดย พิมพ์สราญ
บทที่ 2
‘นี่ ห้ามหลับนะ’ เสียงทุ้มสั่งอย่างเอาแต่ใจ แต่หากฟังดีๆ จะสังเกตได้ถึงปลายเสียงที่สั่นจากความตระหนก ‘อยู่กับฉัน อดทนก่อน’
‘พูดบ้าอะไร ไอตัวซวย เอามือแกออกไป แล้วไสหัวไปจากน้องฉัน’ อีกเสียงตวาดอย่างหัวเสีย พร้อมทั้งรู้สึกถึงแรงดึงตัวออกมาจากอ้อมกอดอุ่น
‘ให้เธออยู่กับฉัน ฉันสัญญา ฉันจะเอาเธอไปรักษา’
‘นายน้อยครับเราต้องไปแล้ว รอไม่ได้นะครับ’ อีกเสียงนึงที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนแทรกเข้ามา
‘ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น เธอต้องไปกับฉัน’
‘นายไปเหอะ’ เสียงของผู้ที่กำลังตกเป็นเป้าหมายการแย่งชิงบอกแผ่วเบา
‘เจ็บมากมั้ย’ เสียงชายผู้ดื้อดึงถามอย่างอาทร
‘ไม่ค่อย นายไปเหอะ’ เธอบอก จำได้ว่าพยายามปั้นเสียงให้ดูแข็งแรงแต่อ่อนระโหยโรยแรงชอบกล
‘งั้นสัญญามา’
...ฟี๊ดๆๆๆๆๆๆ...
...ภาพเหตุการณ์อันคับขันในความรู้สึกแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกฉงนเมื่อมีเสียงประหลาดที่ดูยังไงก็ไม่เข้ากับสถานการณ์ดังขึ้นนมา
“ไอขี้เซาเอ๊ย” เสียงหนึ่งเอ่ยอย่างระอาใจ
“เฮ้ย! เปียก” พัชภิชากระเด้งตัวนั่ง เหตุการณ์คับขันเมื่อครู่ดูเหมือนจะเป็นความฝัน บางส่วนของมันเธอคุ้นชินเป็นอย่างมาก และก็มีหลายส่วนที่เพิ่มเข้ามาจากเดิม พัชภิชาอยากครุ่นคิดหาคำตอบให้เร็วกว่านี้ หากแต่ตัวการที่ทำให้เธอตื่นจากฝันกลับเพิ่มกำลังการฉีดน้ำเย็นเข้าใส่ใบหน้าประหนึ่งเธอเป็นกล้วยไม้ก็ไม่ปาน
พัชภิชาลูบใบหน้าที่เต็มไปด้วยละอองน้ำ ก่อนจะมองแขกผู้มาเยือนกันถึงเตียงนอน และนึกหมั่นไส้คนตรงหน้าที่กำลังทำท่ายักคิ้วหลิ่วตาอย่างน่าเตะที่สุด เจ้าของแผนแผลงปลุกหญิงสาวคือร่างสูงผิวเข้ม ใบหน้าคมมีเค้าคล้ายกับเธอแต่ชัดกว่าในรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นคิ้วเข้ม และดวงตา จมูกทรงเดียวกันแต่โด่งกว่า เมื่อประกอบเข้ากันจึงกลายเป็นความลงตัว
“มอร์นิ่ง มาซิส...ต้า” คำทักทายภาษาอังกฤษแบบยียวนยิ่งทำให้พัชภิชาต้องกรอกตาขึ้นฟ้าอย่างเบื่อหน่าย ดูเหมือนว่าชีวิตสงบสุขของเธอที่มีมาซักพักคงหมดลงแล้ว
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ ไอพี่พีท” เสียงที่เปล่งออกจากลำคอกับเนื้อหาที่กล่าวนั้นสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง หากแต่มันก็เรียกรอยยิ้มพึงพอใจจากพฤกษ์ได้ไม่ยาก
จะเรียกได้ว่าพฤกษ์ พราวพิรุณเป็นลูกพี่ลูกน้องที่สนิทที่สุดของพัชภิชาก็ว่าได้ แม้ว่าเขาจะมีอายุมากกว่าพัชภิชาถึงห้าปีแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคของการสื่อถึงกันของทายาทสองคนที่เกรียน และกวนที่สุดในตระกูล(อันที่จริงต้องเรียกว่าพัชภิชาเป็นลูกไล่ และหลายครั้งก็โดนหลอกใช้) นอกจากจะมีหน้าตาหล่อเหลาคมเข้มและหุ่นสูงเท่แล้ว ชายหนุ่มยังพ่วงด้วยดีกรีแพทย์เฉพาะทางด้านสมองมากความสามารถจากต่างประเทศ ไม่แปลกเลยที่ความสมบูรณ์แบบเมื่อมาผนวกกับบุคลิกสุขุมนุ่มลึกของเจ้าตัว จึงทำให้เขาเป็นที่รู้จักและได้รับการโหวตว่าเป็นหนุ่มที่สาวๆอยากออกเดทด้วยมากที่สุดจากนิตยสารชื่อดังของประเทศไทย
แต่ความสมบูรณ์แบบทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา มันสำหรับคนอื่นทั้งนั้น ในส่วนที่แสดงออกกับน้องสาวที่สนิทที่สุดต่างหากที่เป็นตัวจริงของพฤกษ์
“ฟ็อกกี้เนี่ยนะ” พัชภิชาพูดอย่างเซ็งๆ มือเล็กยื่นมือไปหยิบกระดาษทิชชู่ที่หัวเตียงมาเช็ดหยดน้ำที่เกาะพราวบนใบหน้า อิ่มน้ำกันล่ะงานนี้
“ฮื่อ ดีจะตาย มันจะทำให้พายสดชื่น ตื่นเต็มตา ฮ่าๆๆๆ” เมื่อเดือนก่อนพฤกษ์มีภารกิจเรื่องของงานวิจัยและการสัมมนาที่เยอรมัน แต่เห็นได้ชัดว่าหนึ่งเดือนอันสงบสุขของพัชภิชาได้หมดลงพร้อมการกลับมาของลูกพี่ลูกน้องสุดหล่อ หลังจากการเสียชีวิตของพ่อและแม่ของพฤกษ์เมื่อแปดปีก่อน พฤกษ์ก็ย้ายเข้ามาอาศัยในบ้านของพัชภิชาตั้งแต่ตอนนั้น แม้ว่าตั้งแต่เริ่มทำงานนายแพทย์หนุ่มจะต้องอาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมใกล้โรงพยาบาลเพื่อสะดวกต่อการทำงาน แต่เขามักจะมาเยี่ยมที่บ้านนี้เมื่อมีวันหยุดที่ตรงกับพัชภิชา หรือตรงกลับวันที่บิดามารดาของเธอกลับบ้าน
...ที่สำคัญพฤกษ์มักจะลากเธอไปเที่ยวสนองการเก็บกดที่ต้องทำงานหนักของตัวเอง
“แหม กลับมาถึงเหนื่อยๆ พักผ่อนมั้ย” พัชภิชาเสนอด้วยความปรารถนาดี อันที่จริงเป็นเพราะเสียดายวันหยุด สัปดาห์ที่แล้วเธอก็ต้องไปเล่นละครช่วยภรต เหนื่อยจนเลือดกำเดาไหล จนวันนี้เวลาเวียนมาที่วันเสาร์อีกครั้ง เธอจึงอยากพักผ่อนและคิดเรื่องที่คาราคาซังในจิตใจมาหลายวัน แต่ก็ต้องหยุดไว้เพราะภาระหน้าที่อันมากมายที่ต้องจัดการ
“เฮ้อ ก็ใช่นะซี้ พี่มันก็แค่พี่ชาย เนี่ยหยุดวันนี้ พอหมดวันพี่ก็ต้องทำงานๆๆๆๆๆ ไม่ได้หลับไม่ได้นอน เมินซะอาหารดีๆ มีแต่มาม่ากับกระทิงแดงที่รออยู่...” พัชภิชายกมือห้ามเมื่อพฤกษ์กำลังจะลากเรื่องดราม่ามามากกว่านี้ ในขณะเดียวกันก็นึกขำอยู่ในใจ เมื่อสัปดาห์ก่อนภรตก็ลากเอาเรื่องหนี้บุญคุณแต่หนหลังมาเพื่อให้เธอช่วยทำตามที่เขาต้องการ ดูเหมือนว่าผู้ชายรอบตัวเธอจะเป็นพวกชอบลำเลิกทวงบุญคุณ
...ไม่ใช่แค่ผู้ชายรอบตัวสิ
พัชภิชานึกขึ้นได้เมื่อนึกถึงการสนทนาระหว่างเธอกับเฉินหย่งเหอที่ระเบียงในโรงแรมที่จัดงานวันนั้นที่ภรตนำเธอไปเปิดตัวในฐานะคนรัก
...ดูเหมือนเขาจะต้องการอะไรจากเธอซักอย่าง
นึกได้เช่นนี้พัชภิชาจึงตัดสินใจจะลองถามเรื่องนี้จากพฤกษ์ดู
“ไปแต่งตัวไป พี่อยากกินปลาดิบ” พฤกษ์สั่งอย่างเอาแต่ใจ ยีหัวน้องสาวก่อนจะเดินไปจากห้อง แต่ยังไม่วายสั่ง “อย่านานล่ะ อยากดูหนังด้วย เอาให้คุ้ม”
“เออ เดี๋ยวจะกินให้หมดตัวเลยคอยดู” พัชภิชาหมายมั่นปั้นมือ
บรรยากาศในห้องอาหารนานาชาติของโรงแรมห้าดาวในเวลาสายนั้นไม่คึกคักเหมือนมื้อกลางวันหรือมื้อเย็น สองพี่น้องจึงเหมือนได้จองห้องอาหารแบบเป็นส่วนตัวโดยปริยาย พัชภิชามองพฤกษ์ที่กำลังบรรจงส่งชิ้นเนื้อรสเลิศเข้าปากและเคี้ยวแบบที่ว่าต้องการดูดซับรสชาติทั้งมวลของมันไว้อย่างหมั่นไส้
“ไหนตอนแรกพี่พีทบอกอยากกินปลาดิบ ไหงเปลี่ยนใจมากินที่นี่” พัชภิชาอดถามไม่ได้เมื่อเห็นพี่ชายเพลิดเพลินกับอาหารที่น่าจะหาได้ง่ายๆที่เยอรมัน พฤกษ์หยิบแก้วไวน์มาสูดกลิ่นก่อนจิบอย่างสุนทรีย์ก่อนตอบ
“ก็แค่...เปลี่ยนใจ” เขาตอบสั้นๆ พัชภิชากรอกตามองเพดาน วันนี้พฤกษ์ดูแปลกๆ ตอนเช้าที่ลากเธอออกจากเตียงนอน ชายหนุ่มนั้นอารมณ์ดี เอาแต่ยิงมุก และสนุกกับการแกล้งเธอ ต่างจากเวลานี้ที่เอาแต่รับประทานอาหารที่อยู่ตรงหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ
“ตามสบายเลยค่ะเสี่ย” จะว่าไปมันก็ไม่เดือดร้อนเท่าไหร่เพราะมื้อนี้พฤกษ์เลี้ยง แต่ดูเหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกกับวันพักผ่อนของนายแพทย์หนุ่ม เพราะอยู่ดีๆพฤกษ์ก็หยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมา ก่อนขอตัวลุกไปคุย หลังจากคุยคุยโทรศัพท์เสร็จก็หันมาทางน้องสาวด้วยสีหน้าเซ็งสุดขีด พัชภิชาที่ได้ยินบ้างแล้วอดไม่ได้ที่จะอมยิ้มแบบสะใจ
...นี่คือบาปของการปลุกน้องแต่เช้า...บอกเลย
“มีเคสด่วน ต้องไปแล้ว” เสียงที่บอกกล่าวเซ็งสุดขีด พัชภิชาทำหน้าเสียดายแบบที่ดูออกว่าเสแสร้ง แกล้งทำที่สุด
“แย่จังเลยค่ะพี่ชาย” พัชภิชาพูดพลางจิ้มเรดโอ๊คในจานสลัดเข้าปาก พฤกษ์ชี้นิ้วใส่เธออย่างคาดโทษโดยอีกมือหนึ่งทำหน้าที่ส่งน้ำเปล่าเข้าปาก พี่ชายเธอส่งบัตรเครดิตให้ก่อนจะลุกขึ้น เขาทำท่าเหมือนนึกอะไรได้
“นั่งกินที่นี่ไป กินขนมด้วยละ อย่ารีบกลับ กินเผื่อพี่ด้วย”พัชภิชาอดแปลกใจกับคำสั่งของพี่ชายไม่ได้ พฤกษ์พูดยังกับว่าถ้าเธอเกิดอิ่มแล้วลุกไปตอนนี้มันจะมีอะไรอย่างนั้นแหละ
“สงสัย เจทแล็คจะทำประสาทกลับ” พัชภิชาสรุปง่ายๆ “อ่าวลืมถามเรื่องเมื่อสามปีก่อนไปสนิท” เธอพูดกับตนเองอย่างเพิ่งนึกได้ว่าต้องการจะถามอะไรจากพี่ชาย แต่ดูเหมือนว่าจะต้องเลื่อนไปวันอื่นแทน หญิงสาวทานอาหารในจานต่ออย่างสบายอารมณ์ โดยไม่ทันสังเกตว่าตนเองกำลังนั่งหันหลังให้กับกลุ่มชายใส่สูทกลุ่มใหญ่ที่เดินออกมาจากโซนห้องอาหารญี่ปุ่นที่กำลังผายมือเป็นเชิงเชิญพี่ชายของเธอให้เดินตามพวกเขาเข้าไป
“หวังว่าคุณจะมีคำตอบสำหรับเรื่องทั้งหมด ปีเตอร์ ไม่สิ คุณพฤกษ์” ร่างสูงที่นั่งเป็นสง่าที่หัวโต๊ะพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง หากแต่แฝงแววคุกคามแบบต้องการคำตอบโดยไม่มีเงื่อนไข
“โตขึ้นนี่วิลเลี่ยม” พฤกษ์พูดก่อนเหยียดริมฝีปากออก เขาไม่ได้เย้ยหยันใครนอกจากโชคชะตา ดูเหมือนสิ่งที่เขาพยายามมาเป็นเวลาสามปีจะล้มเหลวลงแล้วในวันนี้ ที่เขาพบกับคนที่ไม่ต้องการจะพบเจออีกตลอดชีวิตมาปรากฎตัวที่หน้าบ้านพัชภิชาก่อนที่น้องสาวเขาจะแต่งตัวแล้วออกมาพร้อมเขา
‘ผมมีคำถาม เกี่ยวกับพัชภิชา’ เสียงทุ้มพูดก่อนเว้นระยะที่ทำให้เขาตระหนกได้พอสมควรทีเดียว ‘หวังว่าคุณคงมอบคำตอบที่ดีของเรื่องนี้ให้ผมนะปีเตอร์’ จบคำพูดนั้นเป็นการบอกว่าเขาพ่ายแพ้ในการปกป้องน้องสาว แต่ไม่หรอกเขาคิดว่าเขายังพอมีไพ่ตายอยู่กับตัว
“ผ่านไปสามปี ผมก็ต้องโตขึ้นเป็นธรรมดา เชิญนั่งสิคุณพฤกษ์” เฉินหย่งเหอพูดเน้นเสียง และผายมือเชิญแขกให้นั่งลง ตอนนี้ในมุมส่วนตัวมีเพียงเขาและพฤกษ์เท่านั้น เพราะเขาได้สั่งให้ผู้ติดตามคนอื่นๆไปรออยู่หน้าห้อง
“ผมจำได้ว่าคุณเคยบอกว่าคุณเป็นนักธุรกิจ” พฤกษ์เอ่ยด้วยเสียงเยาะหยันอย่างไม่เชื่อ
...มาเฟียชัดๆ
พฤกษ์ไม่ยอมนั่งตามคำเชิญ ชายหนุ่มล้วงเมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ หยิบถุงกำมะหยี่สีดำมาเปิดออกก่อนหยิบสร้อยทองคำขาวห้อยจี้รูปสามเหลี่ยมออกมาก่อนวางลงบนโต๊ะ และดุนของชิ้นนั้นไปตรงหน้าเฉินหย่งเหอ
ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ลุกขึ้นยืนและประสานสายตา นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มวาวโรจน์อย่างไม่สบอารมณ์ เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่คำตอบที่ต้องการ
“พายเป็นอะไร ทำไมเค้าถึงจำผมไม่ได้” เขาเค้นเสียงถาม จริงอยู่ที่เขาต้องการของชิ้นนี้ แต่สิ่งที่เขาต้องการ ไม่ใช่การได้รับมันในรูปแบบนี้
“คุณลงทุนตามหาน้องสาวผม คงไม่ใช่แค่คิดถึงเพื่อนเก่าหรอก นี่ไม่เหรอ ของสำคัญที่คุณต้องการ” พฤกษ์เอ่ยตอบเสียงเรียบอย่างพยายามคุมเกมให้ไปในทิศทางของตนเอง “ผมไม่ได้ตั้งใจเอามันไป เพียงแต่ไม่รู้จะคืนให้คุณได้ยังไง เพราะพายก็บอกอะไรเกี่ยวกับคุณไม่ได้”
“เกิดอะไรขึ้น” เฉินหย่งเหอถาม เขารู้สึกเหมือนจะเดาเรื่องได้บ้างแต่ต้องการคำตอบที่แน่ชัดจากผู้ที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์ในวันนั้น
“ผมรู้แค่คุณเป็นเพื่อนของพาย ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคุณนอกจากว่าชื่อวิลเลี่ยม” พฤกษ์เล่าอย่างใจเย็น ค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าทุกสิ่งยังจะเป็นอย่างที่เขาต้องการ ก่อนจะบอก “พอพายความจำเสื่อม เรื่องของคุณก็เลยหายไป อันที่จริงเรื่องตอนที่อยู่อเมริกาหายไปหมด”
*******อ่านต่อ ความคิดเห็นที่ 3********
คุยกันนิดนึง
สำหรับวันนี้เราลงนิยายบทที่ 2 เต็มบทค่ะ อย่างที่บอกจากบทนำว่ามีปรับเปลี่ยนนิยายเรื่องนี้แบบครั้งยิ่งใหญ่มโหฬาร ซึ่งความสัมพันธ์ของตัวละครเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมากค่ะ เริ่มอ่านใหม่ได้เลยเนาะ
ยังไงขอฝากเกมรักพิทักษ์ใจไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ คอมเมนท์ติชมได้ตามสะดวก จะลงต่อเนื่องงดดองเค็มจ๊ะ
ด้วยรัก
ตฤณภัทร AKA ชะนีฟรีแลนซ์ คิคิ
ทางไปตอนที่3
http://ppantip.com/topic/32342880
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ติดตามข่าวสารและนิยายของเราได้ที่
https://www.facebook.com/chanee.freelance[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
The guardian-เกมรักพิทักษ์ใจ บทที่ 2 (เต็มตอน)
บทนำ http://ppantip.com/topic/32046546
บทที่ 1 http://ppantip.com/topic/32102961
***บทนี้ผ่านการรีไรท์เรียบร้อยสามารถอ่านต่อจากบทที่ 1 ได้เลย
‘นี่ ห้ามหลับนะ’ เสียงทุ้มสั่งอย่างเอาแต่ใจ แต่หากฟังดีๆ จะสังเกตได้ถึงปลายเสียงที่สั่นจากความตระหนก ‘อยู่กับฉัน อดทนก่อน’
‘พูดบ้าอะไร ไอตัวซวย เอามือแกออกไป แล้วไสหัวไปจากน้องฉัน’ อีกเสียงตวาดอย่างหัวเสีย พร้อมทั้งรู้สึกถึงแรงดึงตัวออกมาจากอ้อมกอดอุ่น
‘ให้เธออยู่กับฉัน ฉันสัญญา ฉันจะเอาเธอไปรักษา’
‘นายน้อยครับเราต้องไปแล้ว รอไม่ได้นะครับ’ อีกเสียงนึงที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนแทรกเข้ามา
‘ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น เธอต้องไปกับฉัน’
‘นายไปเหอะ’ เสียงของผู้ที่กำลังตกเป็นเป้าหมายการแย่งชิงบอกแผ่วเบา
‘เจ็บมากมั้ย’ เสียงชายผู้ดื้อดึงถามอย่างอาทร
‘ไม่ค่อย นายไปเหอะ’ เธอบอก จำได้ว่าพยายามปั้นเสียงให้ดูแข็งแรงแต่อ่อนระโหยโรยแรงชอบกล
‘งั้นสัญญามา’
...ฟี๊ดๆๆๆๆๆๆ...
...ภาพเหตุการณ์อันคับขันในความรู้สึกแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกฉงนเมื่อมีเสียงประหลาดที่ดูยังไงก็ไม่เข้ากับสถานการณ์ดังขึ้นนมา
“ไอขี้เซาเอ๊ย” เสียงหนึ่งเอ่ยอย่างระอาใจ
“เฮ้ย! เปียก” พัชภิชากระเด้งตัวนั่ง เหตุการณ์คับขันเมื่อครู่ดูเหมือนจะเป็นความฝัน บางส่วนของมันเธอคุ้นชินเป็นอย่างมาก และก็มีหลายส่วนที่เพิ่มเข้ามาจากเดิม พัชภิชาอยากครุ่นคิดหาคำตอบให้เร็วกว่านี้ หากแต่ตัวการที่ทำให้เธอตื่นจากฝันกลับเพิ่มกำลังการฉีดน้ำเย็นเข้าใส่ใบหน้าประหนึ่งเธอเป็นกล้วยไม้ก็ไม่ปาน
พัชภิชาลูบใบหน้าที่เต็มไปด้วยละอองน้ำ ก่อนจะมองแขกผู้มาเยือนกันถึงเตียงนอน และนึกหมั่นไส้คนตรงหน้าที่กำลังทำท่ายักคิ้วหลิ่วตาอย่างน่าเตะที่สุด เจ้าของแผนแผลงปลุกหญิงสาวคือร่างสูงผิวเข้ม ใบหน้าคมมีเค้าคล้ายกับเธอแต่ชัดกว่าในรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นคิ้วเข้ม และดวงตา จมูกทรงเดียวกันแต่โด่งกว่า เมื่อประกอบเข้ากันจึงกลายเป็นความลงตัว
“มอร์นิ่ง มาซิส...ต้า” คำทักทายภาษาอังกฤษแบบยียวนยิ่งทำให้พัชภิชาต้องกรอกตาขึ้นฟ้าอย่างเบื่อหน่าย ดูเหมือนว่าชีวิตสงบสุขของเธอที่มีมาซักพักคงหมดลงแล้ว
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ ไอพี่พีท” เสียงที่เปล่งออกจากลำคอกับเนื้อหาที่กล่าวนั้นสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง หากแต่มันก็เรียกรอยยิ้มพึงพอใจจากพฤกษ์ได้ไม่ยาก
จะเรียกได้ว่าพฤกษ์ พราวพิรุณเป็นลูกพี่ลูกน้องที่สนิทที่สุดของพัชภิชาก็ว่าได้ แม้ว่าเขาจะมีอายุมากกว่าพัชภิชาถึงห้าปีแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคของการสื่อถึงกันของทายาทสองคนที่เกรียน และกวนที่สุดในตระกูล(อันที่จริงต้องเรียกว่าพัชภิชาเป็นลูกไล่ และหลายครั้งก็โดนหลอกใช้) นอกจากจะมีหน้าตาหล่อเหลาคมเข้มและหุ่นสูงเท่แล้ว ชายหนุ่มยังพ่วงด้วยดีกรีแพทย์เฉพาะทางด้านสมองมากความสามารถจากต่างประเทศ ไม่แปลกเลยที่ความสมบูรณ์แบบเมื่อมาผนวกกับบุคลิกสุขุมนุ่มลึกของเจ้าตัว จึงทำให้เขาเป็นที่รู้จักและได้รับการโหวตว่าเป็นหนุ่มที่สาวๆอยากออกเดทด้วยมากที่สุดจากนิตยสารชื่อดังของประเทศไทย
แต่ความสมบูรณ์แบบทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา มันสำหรับคนอื่นทั้งนั้น ในส่วนที่แสดงออกกับน้องสาวที่สนิทที่สุดต่างหากที่เป็นตัวจริงของพฤกษ์
“ฟ็อกกี้เนี่ยนะ” พัชภิชาพูดอย่างเซ็งๆ มือเล็กยื่นมือไปหยิบกระดาษทิชชู่ที่หัวเตียงมาเช็ดหยดน้ำที่เกาะพราวบนใบหน้า อิ่มน้ำกันล่ะงานนี้
“ฮื่อ ดีจะตาย มันจะทำให้พายสดชื่น ตื่นเต็มตา ฮ่าๆๆๆ” เมื่อเดือนก่อนพฤกษ์มีภารกิจเรื่องของงานวิจัยและการสัมมนาที่เยอรมัน แต่เห็นได้ชัดว่าหนึ่งเดือนอันสงบสุขของพัชภิชาได้หมดลงพร้อมการกลับมาของลูกพี่ลูกน้องสุดหล่อ หลังจากการเสียชีวิตของพ่อและแม่ของพฤกษ์เมื่อแปดปีก่อน พฤกษ์ก็ย้ายเข้ามาอาศัยในบ้านของพัชภิชาตั้งแต่ตอนนั้น แม้ว่าตั้งแต่เริ่มทำงานนายแพทย์หนุ่มจะต้องอาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมใกล้โรงพยาบาลเพื่อสะดวกต่อการทำงาน แต่เขามักจะมาเยี่ยมที่บ้านนี้เมื่อมีวันหยุดที่ตรงกับพัชภิชา หรือตรงกลับวันที่บิดามารดาของเธอกลับบ้าน
...ที่สำคัญพฤกษ์มักจะลากเธอไปเที่ยวสนองการเก็บกดที่ต้องทำงานหนักของตัวเอง
“แหม กลับมาถึงเหนื่อยๆ พักผ่อนมั้ย” พัชภิชาเสนอด้วยความปรารถนาดี อันที่จริงเป็นเพราะเสียดายวันหยุด สัปดาห์ที่แล้วเธอก็ต้องไปเล่นละครช่วยภรต เหนื่อยจนเลือดกำเดาไหล จนวันนี้เวลาเวียนมาที่วันเสาร์อีกครั้ง เธอจึงอยากพักผ่อนและคิดเรื่องที่คาราคาซังในจิตใจมาหลายวัน แต่ก็ต้องหยุดไว้เพราะภาระหน้าที่อันมากมายที่ต้องจัดการ
“เฮ้อ ก็ใช่นะซี้ พี่มันก็แค่พี่ชาย เนี่ยหยุดวันนี้ พอหมดวันพี่ก็ต้องทำงานๆๆๆๆๆ ไม่ได้หลับไม่ได้นอน เมินซะอาหารดีๆ มีแต่มาม่ากับกระทิงแดงที่รออยู่...” พัชภิชายกมือห้ามเมื่อพฤกษ์กำลังจะลากเรื่องดราม่ามามากกว่านี้ ในขณะเดียวกันก็นึกขำอยู่ในใจ เมื่อสัปดาห์ก่อนภรตก็ลากเอาเรื่องหนี้บุญคุณแต่หนหลังมาเพื่อให้เธอช่วยทำตามที่เขาต้องการ ดูเหมือนว่าผู้ชายรอบตัวเธอจะเป็นพวกชอบลำเลิกทวงบุญคุณ
...ไม่ใช่แค่ผู้ชายรอบตัวสิ
พัชภิชานึกขึ้นได้เมื่อนึกถึงการสนทนาระหว่างเธอกับเฉินหย่งเหอที่ระเบียงในโรงแรมที่จัดงานวันนั้นที่ภรตนำเธอไปเปิดตัวในฐานะคนรัก
...ดูเหมือนเขาจะต้องการอะไรจากเธอซักอย่าง
นึกได้เช่นนี้พัชภิชาจึงตัดสินใจจะลองถามเรื่องนี้จากพฤกษ์ดู
“ไปแต่งตัวไป พี่อยากกินปลาดิบ” พฤกษ์สั่งอย่างเอาแต่ใจ ยีหัวน้องสาวก่อนจะเดินไปจากห้อง แต่ยังไม่วายสั่ง “อย่านานล่ะ อยากดูหนังด้วย เอาให้คุ้ม”
“เออ เดี๋ยวจะกินให้หมดตัวเลยคอยดู” พัชภิชาหมายมั่นปั้นมือ
บรรยากาศในห้องอาหารนานาชาติของโรงแรมห้าดาวในเวลาสายนั้นไม่คึกคักเหมือนมื้อกลางวันหรือมื้อเย็น สองพี่น้องจึงเหมือนได้จองห้องอาหารแบบเป็นส่วนตัวโดยปริยาย พัชภิชามองพฤกษ์ที่กำลังบรรจงส่งชิ้นเนื้อรสเลิศเข้าปากและเคี้ยวแบบที่ว่าต้องการดูดซับรสชาติทั้งมวลของมันไว้อย่างหมั่นไส้
“ไหนตอนแรกพี่พีทบอกอยากกินปลาดิบ ไหงเปลี่ยนใจมากินที่นี่” พัชภิชาอดถามไม่ได้เมื่อเห็นพี่ชายเพลิดเพลินกับอาหารที่น่าจะหาได้ง่ายๆที่เยอรมัน พฤกษ์หยิบแก้วไวน์มาสูดกลิ่นก่อนจิบอย่างสุนทรีย์ก่อนตอบ
“ก็แค่...เปลี่ยนใจ” เขาตอบสั้นๆ พัชภิชากรอกตามองเพดาน วันนี้พฤกษ์ดูแปลกๆ ตอนเช้าที่ลากเธอออกจากเตียงนอน ชายหนุ่มนั้นอารมณ์ดี เอาแต่ยิงมุก และสนุกกับการแกล้งเธอ ต่างจากเวลานี้ที่เอาแต่รับประทานอาหารที่อยู่ตรงหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ
“ตามสบายเลยค่ะเสี่ย” จะว่าไปมันก็ไม่เดือดร้อนเท่าไหร่เพราะมื้อนี้พฤกษ์เลี้ยง แต่ดูเหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกกับวันพักผ่อนของนายแพทย์หนุ่ม เพราะอยู่ดีๆพฤกษ์ก็หยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมา ก่อนขอตัวลุกไปคุย หลังจากคุยคุยโทรศัพท์เสร็จก็หันมาทางน้องสาวด้วยสีหน้าเซ็งสุดขีด พัชภิชาที่ได้ยินบ้างแล้วอดไม่ได้ที่จะอมยิ้มแบบสะใจ
...นี่คือบาปของการปลุกน้องแต่เช้า...บอกเลย
“มีเคสด่วน ต้องไปแล้ว” เสียงที่บอกกล่าวเซ็งสุดขีด พัชภิชาทำหน้าเสียดายแบบที่ดูออกว่าเสแสร้ง แกล้งทำที่สุด
“แย่จังเลยค่ะพี่ชาย” พัชภิชาพูดพลางจิ้มเรดโอ๊คในจานสลัดเข้าปาก พฤกษ์ชี้นิ้วใส่เธออย่างคาดโทษโดยอีกมือหนึ่งทำหน้าที่ส่งน้ำเปล่าเข้าปาก พี่ชายเธอส่งบัตรเครดิตให้ก่อนจะลุกขึ้น เขาทำท่าเหมือนนึกอะไรได้
“นั่งกินที่นี่ไป กินขนมด้วยละ อย่ารีบกลับ กินเผื่อพี่ด้วย”พัชภิชาอดแปลกใจกับคำสั่งของพี่ชายไม่ได้ พฤกษ์พูดยังกับว่าถ้าเธอเกิดอิ่มแล้วลุกไปตอนนี้มันจะมีอะไรอย่างนั้นแหละ
“สงสัย เจทแล็คจะทำประสาทกลับ” พัชภิชาสรุปง่ายๆ “อ่าวลืมถามเรื่องเมื่อสามปีก่อนไปสนิท” เธอพูดกับตนเองอย่างเพิ่งนึกได้ว่าต้องการจะถามอะไรจากพี่ชาย แต่ดูเหมือนว่าจะต้องเลื่อนไปวันอื่นแทน หญิงสาวทานอาหารในจานต่ออย่างสบายอารมณ์ โดยไม่ทันสังเกตว่าตนเองกำลังนั่งหันหลังให้กับกลุ่มชายใส่สูทกลุ่มใหญ่ที่เดินออกมาจากโซนห้องอาหารญี่ปุ่นที่กำลังผายมือเป็นเชิงเชิญพี่ชายของเธอให้เดินตามพวกเขาเข้าไป
“หวังว่าคุณจะมีคำตอบสำหรับเรื่องทั้งหมด ปีเตอร์ ไม่สิ คุณพฤกษ์” ร่างสูงที่นั่งเป็นสง่าที่หัวโต๊ะพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง หากแต่แฝงแววคุกคามแบบต้องการคำตอบโดยไม่มีเงื่อนไข
“โตขึ้นนี่วิลเลี่ยม” พฤกษ์พูดก่อนเหยียดริมฝีปากออก เขาไม่ได้เย้ยหยันใครนอกจากโชคชะตา ดูเหมือนสิ่งที่เขาพยายามมาเป็นเวลาสามปีจะล้มเหลวลงแล้วในวันนี้ ที่เขาพบกับคนที่ไม่ต้องการจะพบเจออีกตลอดชีวิตมาปรากฎตัวที่หน้าบ้านพัชภิชาก่อนที่น้องสาวเขาจะแต่งตัวแล้วออกมาพร้อมเขา
‘ผมมีคำถาม เกี่ยวกับพัชภิชา’ เสียงทุ้มพูดก่อนเว้นระยะที่ทำให้เขาตระหนกได้พอสมควรทีเดียว ‘หวังว่าคุณคงมอบคำตอบที่ดีของเรื่องนี้ให้ผมนะปีเตอร์’ จบคำพูดนั้นเป็นการบอกว่าเขาพ่ายแพ้ในการปกป้องน้องสาว แต่ไม่หรอกเขาคิดว่าเขายังพอมีไพ่ตายอยู่กับตัว
“ผ่านไปสามปี ผมก็ต้องโตขึ้นเป็นธรรมดา เชิญนั่งสิคุณพฤกษ์” เฉินหย่งเหอพูดเน้นเสียง และผายมือเชิญแขกให้นั่งลง ตอนนี้ในมุมส่วนตัวมีเพียงเขาและพฤกษ์เท่านั้น เพราะเขาได้สั่งให้ผู้ติดตามคนอื่นๆไปรออยู่หน้าห้อง
“ผมจำได้ว่าคุณเคยบอกว่าคุณเป็นนักธุรกิจ” พฤกษ์เอ่ยด้วยเสียงเยาะหยันอย่างไม่เชื่อ
...มาเฟียชัดๆ
พฤกษ์ไม่ยอมนั่งตามคำเชิญ ชายหนุ่มล้วงเมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ หยิบถุงกำมะหยี่สีดำมาเปิดออกก่อนหยิบสร้อยทองคำขาวห้อยจี้รูปสามเหลี่ยมออกมาก่อนวางลงบนโต๊ะ และดุนของชิ้นนั้นไปตรงหน้าเฉินหย่งเหอ
ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ลุกขึ้นยืนและประสานสายตา นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มวาวโรจน์อย่างไม่สบอารมณ์ เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่คำตอบที่ต้องการ
“พายเป็นอะไร ทำไมเค้าถึงจำผมไม่ได้” เขาเค้นเสียงถาม จริงอยู่ที่เขาต้องการของชิ้นนี้ แต่สิ่งที่เขาต้องการ ไม่ใช่การได้รับมันในรูปแบบนี้
“คุณลงทุนตามหาน้องสาวผม คงไม่ใช่แค่คิดถึงเพื่อนเก่าหรอก นี่ไม่เหรอ ของสำคัญที่คุณต้องการ” พฤกษ์เอ่ยตอบเสียงเรียบอย่างพยายามคุมเกมให้ไปในทิศทางของตนเอง “ผมไม่ได้ตั้งใจเอามันไป เพียงแต่ไม่รู้จะคืนให้คุณได้ยังไง เพราะพายก็บอกอะไรเกี่ยวกับคุณไม่ได้”
“เกิดอะไรขึ้น” เฉินหย่งเหอถาม เขารู้สึกเหมือนจะเดาเรื่องได้บ้างแต่ต้องการคำตอบที่แน่ชัดจากผู้ที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์ในวันนั้น
“ผมรู้แค่คุณเป็นเพื่อนของพาย ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคุณนอกจากว่าชื่อวิลเลี่ยม” พฤกษ์เล่าอย่างใจเย็น ค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าทุกสิ่งยังจะเป็นอย่างที่เขาต้องการ ก่อนจะบอก “พอพายความจำเสื่อม เรื่องของคุณก็เลยหายไป อันที่จริงเรื่องตอนที่อยู่อเมริกาหายไปหมด”
*******อ่านต่อ ความคิดเห็นที่ 3********
คุยกันนิดนึง
สำหรับวันนี้เราลงนิยายบทที่ 2 เต็มบทค่ะ อย่างที่บอกจากบทนำว่ามีปรับเปลี่ยนนิยายเรื่องนี้แบบครั้งยิ่งใหญ่มโหฬาร ซึ่งความสัมพันธ์ของตัวละครเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมากค่ะ เริ่มอ่านใหม่ได้เลยเนาะ
ยังไงขอฝากเกมรักพิทักษ์ใจไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ คอมเมนท์ติชมได้ตามสะดวก จะลงต่อเนื่องงดดองเค็มจ๊ะ
ด้วยรัก
ตฤณภัทร AKA ชะนีฟรีแลนซ์ คิคิ
ทางไปตอนที่3 http://ppantip.com/topic/32342880
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้