The guardian-เกมรักพิทักษ์ใจ บทที่ 3

กระทู้สนทนา
สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มอ่าน  ตามได้ที่
บทนำ http://ppantip.com/topic/32046546
บทที่ 1 http://ppantip.com/topic/32102961
บทที่ 2 http://ppantip.com/topic/32333496

***บทนี้ผ่านการรีไรท์เรียบร้อยสามารถอ่านต่อจากบทที่ 2 ได้เลย

The guardian-เกมรักพิทักษ์ใจ

โดย พิมพ์สราญ

บทที่ 3


         เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา 3 ปีก่อน

          ‘จัดการยังไงต่อ’ เสียงพูดดังเข้ามากระทบโสตประสาทอันเลือนรางเพราะความมึน แต่เขาค่อนข้างแปลกใจที่มันไม่ใช่ภาษาอังกฤษ หากแต่เป็นภาษาจีนกวางตุ้ง ภาษาที่ใช้กันในบ้านเกิดของเขา ฮ่องกง!

      เฉินหย่งเหอจำได้ว่ากำลังเดินทางกลับบ้านหลังจากเสร็จจากการเขียนโปรแกรมสุดท้ายเพื่อปิดแล็บ ปกติเขาก็สัญจรผ่านเส้นทางนี้เป็นประจำแม้จะเป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้วก็ไม่เคยมีอะไรผิดพลาด จนจู่ๆเขาก็ถูกถุงผ้าคลุมหัวจนตกอยู่ในความมืด รู้ตัวอีกทีก็เจ็บไปทั้งตัวเพราะโดนเตะไปหลายครั้ง

           ‘เอาของมีค่าออกมาให้หมด แล้วเอาไปด้วย’ อีกเสียงพูดมีความสงบในเสียงมากกว่าคนแรก น่าแปลกที่เขาไม่คุ้นเสียงของทั้งคู่ แต่ที่แน่ๆพวกมันไม่ใช่โจรลักทรัพย์ธรรมดาแน่ ถึงแม้ว่าอาชญากรรมจะเกิดได้ทั่วไป  แต่สำหรับเมืองอย่างเคมบริดจ์อาชญากรรมจะพบได้น้อยมาก แม้แต่อันธพาลเขาก็แทบจะไม่เคยเห็นที่นี่เลย เฉินหย่งเหอรู้สึกได้ว่าหนึ่งในสองคนกำลังค้นตัวเขาที่กำลังแสร้งหมดสติอยู่

         ...ไม่น่าจะเป็นไปได้

          เขาคิดอย่างตระหนก การมาเรียนที่นี่ของเขาเป็นความลับมีแต่สมาชิกชั้นสูงในตระกูลเฉินเท่านั้นที่ทราบ ที่สำคัญตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ หรือเอ็มไอที ตั้งแต่ระดับปริญญาตรี จนจะจบด็อกเตอร์อยู่รอมร่อเขาก็อยู่ในฐานะวิลเลี่ยม เฉิน เด็กหนุ่มธรรมดาที่หัวดีเพียงเท่านั้น เขาค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าสองคนนี้ถูกส่งมาเพื่อจัดการเขาโดยเฉพาะ

     ...    แต่จะจัดการขนาดไหนนี่สิที่น่าคิด

          เฉินหย่งเหอพยายามหาทางหนีทีไล่ขณะที่ตัวเขาโดนค้น แต่ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าสิ่งคำคัญที่แท้จริงยังคงปลอดภัยในมือคนที่ไว้ใจได้ ตอนนี้เขาต้องพยายามหนีไปให้พ้นจากที่นี่ แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไรเสียงไซเรนก็ดังขึ้น เขารู้สึกถึงฝีเท้าที่รีบวิ่งออกไปจากจุดที่เขานอนอยู่ก่อนที่ถุงที่ครอบหัวจะโดนดึงออก

          ‘ รู้สึกตัวอยู่’ เสียงเจ้าหน้าที่ร่างใหญ่บอกกับผู้ร่วมงานก่อนจะสำรวจร่างกายของเขาหาจุดที่กระดูกอาจจะหัก

          ‘เขาโอเคมั้ยคะ ฉันช้าไปหรือเปล่าเนี่ย’ เสียงใสที่แทรกเข้ามาทำให้เขามองตามไปจนพบกับร่างอวบผิวสีน้ำผึ้งที่น่าที่เป็นคนเอเชียเช่นเดียวกันกับเขา บางทีอาจเป็นฟิลิปปินส์ เด็กสาวคนนี้เป็นเจ้าของร่างสูงแม้จะเทียบกับผู้หญิงที่นี่ เธอมองมาที่เขาอย่างเป็นห่วง

          ‘ผมคิดว่าไม่มีอะไรหักนะพาย คุณเก่งมาก เรียกมาซะพร้อมเลย’ นายตำรวจอีกคนกล่าวหลังจากฟังบุรุษพยาบาลรายงานคร่าวๆ ประโยคนั้นทำให้เฉินหย่งเหอมองโดยรอบที่มีทั้งรถตำรวจและรถพยาบาลพร้อม เห็นทีว่าจะมีคนเห็นเหตุการณ์จนเรียกตำรวจมาจนช่วยเขาได้ทันเวลา  
    ‘เก่งอะไรละ ฉันแค่โทรบอกคุณนะจอห์น กับเรียกรถพยาบาล เก่งจริงคุณคนนี้ไม่โดนยำแบบนี้หรอก ฉันคงไปไล่เตะไอสองคนนั้นแล้ว’ สาวน้อยพูดอย่างหมายมั่นปั้นมือ    ‘ขอโทษนะคุณช้าไปนิด เจ็บมากมั้ยคะ’ เธอถามและได้รับคำตอบเป็นรอยยิ้มอย่างที่ถ้าคนในตระกูลเข้าเห็นทุกคนจะต้องบันทึกรูปเก็บไว้แล้วเลี่ยมกรอบอย่างแน่นอนเพราะสิ่งที่ปรากฏบนใบหน้านายน้อยแห่งตระกูลเฉินคือความเฉยเมยไม่แสดงอารมณ์ใด

           ‘ขอบคุณมาก ขอบคุณจริงๆ...’ เขาบอกอยากรู้ชื่อผู้มีพระคุณของวันนี้อย่างมาก

            ‘ฉันชื่อพาย ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณเฉินห้องสี่หนึ่งหนึ่ง’ คำตอบนั้นเรียกความฉงนให้เขาเป็นอย่างมากจนได้มารู้ภายหลังว่าเด็กสาวคนนี้มาเรียนภาษาระยะสั้นช่วงปิดเทอม และอาศัยอยู่กลับเจ้าของอพาร์ตเม้นท์ที่เขาอาศัยอยู่

          ...นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้จักพาย เด็กผู้หญิงร่างอวบอารมณ์ดีเพื่อนเพียงคนเดียวที่เขายอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไขและผลประโยชน์ใด

    
        “ตอนนี้คุณพัชภิชาคงเดินทางมาถึงพร้อมครอบครัวรัชตะกวินแล้วครับ” เสียงรายงานปลุกเขาจากภวังค์ เฉินหย่งเหอมองสร้อยคอพร้อมจี้ในมือที่เขานำมันมาหมุนเล่น ทั้งที่เขาก็ได้ของสำคัญคืนแล้ว  แต่ทำไมเขายังเฝ้าคิดถึงแต่พัชภิชา เพื่อนเก่าที่ลืมเขาไปแล้ว

            ‘คุณก็รู้ว่าก่อนที่คุณแยกกัน พายโดนรถชน’ พฤกษ์เล่าเสียงหยัน   ‘ตอนนั้นมีไอบ้าที่ไหนไม่รู้จะเอาน้องผมไปให้ได้’ ไม่วายจะประชด

             ‘ผมมั่นใจว่าตัวเองจะให้การรักษาที่ดีกับเธอได้’ เฉินหย่งเหอพูดเสียงกร้าว    ‘อย่างน้อยเธออาจหายดี’

             ‘น้องผมหายดีอยู่แล้ววิลเลี่ยม เธอแค่จำไม่ได้เท่านั้น แค่คุณคนเดียวด้วย’ พฤกษ์บอก    ‘ผมยอมรับล่ะว่าจงใจไม่เล่าเรื่องคุณ แต่คุณก็ต้องเข้าใจว่าพายเดือดร้อนเพราะรู้จักคุณ’

             ‘...’ เฉินหย่งเหอไม่รู้จะพูดอะไร เพราะทุกสิ่งที่ออกมาจากปากพฤกษ์นั้นถูกต้อง

            ‘ของก็ได้คืนแล้ว ผมขอร้องล่ะ กรุณาปล่อยให้เพื่อนที่ช่วยชีวิต และช่วยเหลือคุณมาตลอด อยู่อย่างปลอดภัยต่อไปด้วย’

             วันนั้นเขาไม่ได้ตอบรับอะไร หากแต่เขาไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปก้าวก่ายอะไรพัชภิชาอีก เนื่องจากของที่เขาต้องการก็ได้มาแล้ว ที่สำคัญที่เขาเคยสงสัยว่าพัชภิชานั้นทรยศเขาและนำข้อมูลไปขายให้คนอื่นก็เป็นอันตกไป

           ...เหลือแต่คำสัญญา ที่อาจจะไม่สามารถทำได้จริงไปตลอดชีวิต

            “ไม่มีทาง” เฉินหย่งเหอบอกกับตนเองอย่างหมายมาด    “รอก่อนเถอะฉันจะเอาเธอกลับมาให้ได้ พาย”

              พฤกษ์ขอให้เขาเห็นแก่ความปลอดภัยของพัชภิชา แต่เขามั่นใจว่าเขาสามารถปกป้องเพื่อนของเขาได้

              ...แล้วทำไมเขาต้องทำตามล่ะ



             “ว้าวๆๆ ใสกิ๊งเลย เสียวตก วั้ยๆๆ” พัชภิชาพูดอย่างรื่นเริง ตอนนี้เธอกับภรตอยู่บนกระเช้าลอยฟ้านองปิงสถานที่ยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการชมทัศนียภาพที่สวยงามบนเกาะฮ่องกง ภรตเหมากระเช้าเพื่อความเป็นส่วนตัวและเลือกเคบินกระเช้าแบบคริสตัลที่มีพื้นใสจึงเรียกได้ว่าตอนนี้ทั้งสองชมวิวกันแบบสามร้อยหกสิบองศาเลยก็ว่าได้ พัชภิชาจึงมีโอกาสตื่นตาตื่นใจกับทิวเขาสีเขียวที่เรียงสลับตัดกับหมอกที่สรรค์สร้างบรรยากาศให้สวยงามน่าประทับใจ จนเธออดคิดไม่ได้ว่าตนเองเป็นตัวละครในนิยายจีนกำลังภายในที่กำลังเหาะข้ามเขาอยู่

              “ใครน้อบอกไม่อยากมา” ภรตหยอกเพื่อนที่อยู่ในฐานะคนรัก    “พักยังไม่ทันไรก็ลากมาเที่ยวซะละ”

              “เหอะ ก็แน่ละค่ะคุณชาย มาทั้งทีต้องเอาให้คุ้ม” พัชภิชาพูดพลางโบกตารางคิวเที่ยวของวันนี้ไปมาต่อหน้าภรต    “มาฟรีที่ไหนกัน เล่นละครกันจนเหนื่อย สวีทอะไรกันนักหนา” ไม่วายบ่น

                “เอาน่าๆ ขอให้รอดจากคราวนี้ไปก่อน กลับไปค่อยเลิกกัน พายทิ้งซันเลยนะ แล้วซันค่อยตรอมใจซักห้าปี” คุณชายตัวดีบอกเล่าแผนการที่ดูยังไงเธอก็เป็นตัวร้ายของเรื่องนี้หน้าละรื่น ใบหน้าขาวและใสจนหลายครั้งพัชพิชานึกอิจฉายิ้มกว้างจนปรากฏลักยิ้มบุ๋ม ช่างเป็นผู้ชายที่เปี่ยมไปด้วยประกายจริงๆ

                “หืม พายเลยกลายเป็นตัวร้าย เจ้าแผนการจริงๆ ไม่ไปเขียนบทโทรทัศน์ดูล่ะหืม” เธอค่อนให้ ก่อนจะให้ความสนใจกับการถ่ายภาพ และตื่นตาตื่นใจกับภาพที่เคยจริงเพียงจากในอินเตอร์เน็ตและนิตยสารเท่านั้น ต่างกับภรตที่มีโอกาสมาเที่ยวหลายครั้งและอาศัยอยู่ที่นี่มาหลายเดือนจนหมดความตื่นเต้น ชายหนุ่มจึงทำหน้าที่ตากล้องเป็นหลักเมื่อพัชภิชาต้องการภาพถ่ายตนเอง ก่อนจะทำท่านึกได้

              “มานี่มา” เขากวักมือเรียกพัชภิชาให้เข้าไปใกล้ก่อนจะทำการเซลฟี่รูปคู่    “ยิ้มหวานๆกว่านี้ได้มั้ย แบบเลิฟๆ ซันจะเอาไปใส่กระเป๋าตังค์ให้เหมือนคนเป็นแฟนกันหน่อย”

         “ย่ะ พ่อคนเจ้าแผนการ” พัชภิชาพูดอย่างหมั่นไส้ แต่ก็ให้ความร่วมมือโดยดี แม้ว่าจะรู้สึกผิดที่ต้องโกหกผู้ใหญ่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าการได้เที่ยวฟรีในวันหยุดก็ได้เลวร้ายซักเท่าไหร่ แม่ว่าพรุ่งนี้เธอจะต้องไปช่วยงานคุณ  เหยียนในการออกแบบจัดวางพิพิธภัณฑ์โบราณก็ตาม

         “เดี๋ยวลงจากนี่จะถึงหมู่บ้านนองปิงนะ” ภรตทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์ที่ดี

          “อ๋อที่มีพระใหญ่ใช่มะ อ่านมา ไปๆ” พัชภิชาพูดอย่างรื่นเริง เมื่อกระเช้าเทียบท่าทั้งคู่จึงเดินทางตรงไปเพื่อไหว้พระใหญ่ ซึ่งระหว่างทางนั้นเต็มไปด้วยร้านรวงมากมาย ซึ่งตกแต่งให้เข้ากับบรรยากาศแบบจีนร่วมสมัย ผสมผสานความเก่าแก่กับสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว พัชภิชาถึงกับหยิบกล้องมาถ่ายรูปไว้หลายใบเมื่อเห็นร้านกาแฟชื่อดังที่มีสาขาทั่วโลกในการตกแต่งภายนอกที่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นโรงเตี๊ยม

         “พายไม่ได้โรมมิ่งมือถือใช่ปะ” ภรตถามเมื่อเห็นป้ายฟรีสัญญาณอินเตอร์เน็ตแบบไวไฟที่นี่แล้วนึกได้  พัชภิชารับคำก่อนรีบต่อไวไฟ ทริปนี้ค่อนข้างเร่งด่วนเธอยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับพ่อแม่เลย

         ก่อนจะได้ทำอะไรก็มีเสียงเรียกเข้าดังเข้ามาในโปรแกรมแชท พฤกษ์นั่นเอง

         “เฮ้ย ไอน้องบ้าแกอยู่ไหน ฉันเอาขนมมาให้ไม่เห็นใครซักคน” พฤกษ์ถาม พัชภิชาอนุญาตให้แม่บ้านของเธอลางานในช่วงปีใหม่ เธอจึงไม่ค่อยแปลกใจที่พฤกษ์จะได้เห็นบ้านเปล่า

         “มาเที่ยวกับเพื่อน พอดีตั๋วมันลดราคา” เธอเลี่ยงจะพูดความจริง เพราะหากเล่าตั้งแต่แรกเรื่องคงยาว    “ฝากบอกพ่อกับแม่หน่อยดิ ว่าพายมาเที่ยวที่ เฮ้ย พี่พฤกษ์ๆ” เหมือนสัญญาณอินเตอร์เน็ตจะไม่เป็นใจ พัชภิชาตั้งค่าสัญญาณใหม่แต่ความไม่เสถียรก็ทำให้เธอไม่สามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้ เธอจึงจำต้องเก็บโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋า ภรตหายไปจากข้างตัวเธอตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ หญิงสาวรีบเหลียวซ้ายแลขวาเพื่อหาเจ้าถิ่น ก่อนจะพบเพื่อนชายยืนอยู่ห่างออกไป

         “ซัน ทิ้งเหรอเดี๋ยวตีเลย” เธอคาดโทษเมื่อเดินไปถึงตัวเพื่อน ก่อนจะสังเกตว่าเพื่อนเธอไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว

          ภรตกำลังยืนอยู่ตรงกันข้ามหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่บนรถเข็น ใบหน้าขาวราวหิมะนั้นคงไม่สามารถหาคำจำกัดความใดได้ดีกว่าคำว่างดงาม ใบหน้าเรียวเล็กนั้นดูเหมาะเจาะพอดีกับดวงตาเรียวแต่โตสวยรับกับจมูกโด่งงามรูปหยดน้ำ เมื่อประกอบกับริมฝีปากแดงที่ยิ้มแย้มอยู่เล็กน้อยยิ่งทำให้หญิงสาวดูงดงามแบบสูงค่า ร่างบอบบางที่นั่งอยู่บนรถเข็นไม่ได้ทำให้เธอดูไม่ดี หากแต่ทำให้ดูบอบบางน่าถนุถนอมต่างหาก

         “แล้วสุภาพสตรีคนนี้คือใครจ๊ะ” พัชภิชาทึ่งกับเสียงอันไพเราะของหญิงสาวที่งดงามปานเทพธิดาจีน ผู้หญิงคนนี้สวยไปทุกองค์ประกอบจริงๆ ตั้งแต่หน้าตา น้ำเสียง และกริยา

         “เป็นคนรักของผมครับ คุณกุ้ยหลัน” ภรตบอก พัชภิชารู้สึกได้ถึงกระแสความอ่อนโยนในน้ำเสียง แต่ก็ไม่แปลกหรอก ผู้หญิงตรงหน้านี้ให้ความรู้สึกเหมือนตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ เธอมั่นใจว่าใครๆก็ต้องอยากพูดจาดีๆกับเธอทั้งนั้น

        “ในที่สุดก็หามาอวดชั้นได้ซักทีนะหยางชุน” สาวสวยพูดเสียงใสก่อนหันมายิ้มให้เธอด้วยดวงตาที่เป็นประกาย  ภรตจูงมือพัชภิชามาอยู่ตรงหน้าหญิงสาวบนรถเข็น

        “คนนี้ชื่อ พายครับ พาย พัชภิชา เป็นคนรักของผมเอง” ภรตแนะนำ  ก่อนจะหันมาหาพัชภิชาที่กำลังงงอยู่    “พาย จำคุณเหยียนได้ ใช่มั้ย คนนี้เป็นหลานสาว คุณหนูกุ้ยหลัน เหยียนกุ้ยหลัน”

*******อ่านต่อ ความคิดเห็นที่ 3********

คุยกันนิดนึง
       สำหรับวันนี้เราลงนิยายบทที่ 3 ค่ะ ตัวนิยาบมีการปรับเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่มโหฬาร ซึ่งความสัมพันธ์ของตัวละครเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมากค่ะ  เริ่มอ่านใหม่ได้เลยเนาะ
       ยังไงขอฝากเกมรักพิทักษ์ใจไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ คอมเมนท์ติชมได้ตามสะดวก จะลงต่อเนื่องงดดองเค็มจ๊ะ
            ด้วยรัก
      ตฤณภัทร AKA ชะนีฟรีแลนซ์ คิคิ
     ติดตามตอนที่ 4 ได้ที http://ppantip.com/topic/32944640

      [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่