ตอนที่ 7
รวิวารค้นกระเป๋าสะพายใบที่สะพายไปดูคอนเสิร์ตเมื่อวานแล้วก็ยังไม่เห็นว่ามีกุญแจอันไหนหายไป หากเมื่อลองนึกทบทวนถึงเหตุการณ์เมื่อวาน ก็ทำให้นึกได้ว่า ยังมีกระเป๋าเสื้อแจ๊คเกตอีกตัวที่เธอถอดมาถือไว้หลังออกมาจากคอนเสิร์ตซึ่งมีกุญแจโต๊ะทำงานทั้งหมดอยู่ในนั้น แล้วก็เป็นอย่างที่คาดไว้จริงๆ นอกจากกุญแจ หญิงสาวยังจำได้ว่ามีช็อคโกแลตห่อเล็กๆอีกชิ้นหนึ่งด้วย ซึ่งมันคงหล่นลงไปพร้อมกันหมด รวิวารอ่านข้อความของพฤกษ์ ทว่าไม่ยอมตอบกลับ แต่ตัดสินใจโทรไปหาดอกอ้อแทน
“ตื่นรึยัง ฉันโทรมากวนรึเปล่า”
“ไม่ได้กวน ฉันเพิ่งกลับจากไปส่งพ่อกับแม่พี่โอ๊ตมา แกมีอะไรเหรอ”
ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสดใสเช่นเคย
“แกให้เบอร์ฉันกับคุณพฤกษ์ไปเหรอ”
“อ๋อ เออ ใช่ๆ เมื่อคืนพี่พฤกษ์ก็ไปดูคอนเสิร์ตเดียวกับแก เขาโทรมาบอกว่าบังเอิญเจอแกแล้วแกทำกุญแจหล่นพื้น เลยถามเบอร์กับฉัน เขาโทรหาแล้วเหรอ”
“เปล่า แต่ส่งข้อความมา มันเป็นกุญแจโต๊ะทำงานน่ะ พรุ่งนี้ต้องใช้ด้วย วันนี้ว่างรึเปล่า ช่วยไปเอากุญแจกับเขาแล้วพรุ่งนี้เอาไปให้ฉันที่อ๊อฟฟิศหน่อยสิ”
รวิวารบอกความต้องการไป แล้วก็รู้สึกว่าดอกอ้อเงียบไปครู่หนึ่ง
“ไม่ใช่ฉันไม่อยากเป็นธุระให้แกนะ แต่เย็นนี้พี่โอ๊ตก็จะไปทานมื้อเย็นกับพี่พฤกษ์ที่โรงแรมอยู่แล้ว แกสะดวกรึเปล่าล่ะ ฉันไปรับไปทานข้าวด้วยกัน ชวนกล้วยไปด้วยก็ได้”
คนฟังลอบถอนใจ สุดท้ายเธอก็หลีกเลี่ยงการไปพบเขาไม่ได้อยู่ดี แล้วที่สำคัญเธอไม่อยากทำให้ดอกอ้อลำบากใจไปมากกว่านี้ด้วย
“โอเค เอาอย่างนั้นก็ได้ แต่แกไม่ต้องมารับหรอก เดี๋ยวฉันไปเองได้”
“งั้นก็เจอกันประมาณหกโมงเย็นนะ”
ดอกอ้อบอกส่งท้ายก่อนจะวางสายไป ในขณะที่รวิวารก็ยังจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์เหมือนยังไม่รู้จะเอายังไงกับข้อความของพฤกษ์ คิดอยู่หลายตลบ และด้วยเหตุผลที่ว่า ถ้าไม่ตอบจะเป็นการเสียมารยาท จึงต้องตอบกลับไปว่า
“เย็นนี้ฉันจะไปทานข้าวที่โรงแรมของคุณกับอ้อและพี่โอ๊ต ค่อยคืนกุญแจให้ตอนนั้นก็ได้ค่ะ”
ห้องทำงานส่วนตัวชั้นบนสุดของโรงแรมในเครือ เดอะ คลาวด์ แอนด์ เมาท์เท่นกรุ๊ป พฤกษ์กำลังจะออกไปส่งกลุ่มลูกค้าวีไอพีที่เขามาต้อนรับและดูแลด้วยตัวเอง ซึ่งหลังจากวันนี้ผ่านไปแล้ว พรุ่งนี้ชายหนุ่มก็จะเดินทางกลับเชียงใหม่และกลับมาร่วมงานแต่งงานของอนลอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ข้อความที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือทำให้เขารู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ใช่ วันนี้เขามีนัดทานมื้อเย็นกับอนลและดอกอ้อ เดาได้ไม่ยากเลยว่า รวิวารต้องโทรไปหาเพื่อนสนิทก่อนส่งข้อความตอบเขาแน่นอน
ช่างเป็นวันอาทิตย์ที่เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน รวิวารกำลังรู้สึกเช่นนั้น เมื่อมาถึงโรงแรมที่นัดกับดอกอ้อไว้ ก่อนเวลาเกือบๆครึ่งชั่วโมง
“รวิวาร”
เสียงเรียกชื่อจริงที่ดังขึ้นจากด้านหลังขณะกำลังเดินไปที่ลิฟท์ ทำให้หญิงสาวต้องชะงักและเหลียวกลับไปมองอย่างแปลกใจ
“คุณทราบชื่อจริงฉันได้ไง”
พฤกษ์มองเธอด้วยสายตาที่เป็นมิตรมากขึ้นขณะก้าวเท้าเข้ามาใกล้ ชายหนุ่มอยู่ในชุดสูทลำลองที่ถอดเสื้อตัวนอกพาดไว้บนแขน คล้ายเพิ่งกลับจากไปทำธุระที่เป็นทางการพอสมควร เขาจึงดูแปลกตากว่าตอนเจอกันที่ไร่ทะเลเมฆไม่น้อย
“ผมยังทราบด้วยว่าชื่อคุณแปลว่า วันอาทิตย์ และคุณคงเกิดวันอาทิตย์”
“แน่ล่ะ ฉันคงไม่ได้เกิดวันอังคาร แต่มาตั้งชื่อนี้หรอกค่ะ”
หญิงสาวตอบกลับแบบกวนๆ และ เสียงสัญญาณของลิฟท์ก็ดังขึ้นพอดี ทั้งสองจึงหยุดการสนทนาไว้แค่นั้น แล้วรีบเดินเข้าไปในลิฟท์ที่มีผู้คนค่อนข้างหนาแน่น จนต้องยืนเบียดกันอย่างไม่มีทางเลือก รวิวารอดคิดในใจไม่ได้ว่า เขาเป็นถึงผู้บริหารโรงแรม น่าจะมีลิฟท์ส่วนตัวที่ไม่ต้องมาใช้ร่วมกับแขกคนอื่น แต่ทำไมเขายังตามเข้ามาในลิฟท์ตัวนี้ให้เบียดเสียดกันมากขึ้นกว่าเดิมอีกนะ ขณะที่พฤกษ์ที่ยืนอยู่ด้านหลังของหญิงสาวก็กำลังมองเธออย่างไม่วางตา เขาสังเกตว่าเธอรูปร่างผอมบางพอๆกับวรินทร์ธารน้องสาวของเขา ผมยาวที่รวบขึ้นเป็นมวยไว้มีสีดำสนิท อะไรบางอย่างทำให้ชายหนุ่มก้าวมาข้างหน้าอีกเล็กน้อย เข้ามาใกล้จนรู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมหวานจางๆ จากน้ำหอมของเธอ จนกระทั่งลิฟท์มาหยุดและเปิดออกตรงชั้นที่ทั้งสองคนนัดกับอนลและดอกอ้อไว้
“เดี๋ยวเข้าไปรอ โอ๊ตกับดอกอ้อด้วยกันก่อนก็ได้ ผมจองโต๊ะฝั่งที่ติดกระจกเอาไว้แล้ว ตามมาครับ”
พฤกษ์บอกและเดินนำไป เมื่อเห็นหญิงสาวยืนนิ่งเงียบเหมือนทำตัวไม่ถูก รวิวารไม่พูดอะไร หญิงสาวตามเขาเข้าไปห้องอาหารด้านใน และเมื่อมองเห็นทิวทัศน์ด้านนอกจากกระจกหน้าต่างก็ยืนมองด้วยความเสียดายที่วันนี้ไม่ได้พกกล้องถ่ายรูปมาด้วย
“นี่ครับ กุญแจของคุณ”
ชายหนุ่มวางกุญแจลงบนโต๊ะและบอก รวิวารหันมามองตามและก็พบว่า นอกจากกุญแจทั้งชุดที่เธอทำหล่นไว้แล้ว ยังมีช็อกโกแลตห่อเล็กๆอีกชิ้นหนึ่งด้วย
“ขอบคุณมากนะคะ”
หญิงสาวตอบและยังขมวดคิ้วมองช็อกโกแลตอย่างสงสัย
“ไม่ต้องแปลกใจหรอก ความจริงนะ อันที่คุณทำหล่น ผมเผลอเหยียบมันไปแล้ว อันนี้ไปซื้อมาชดใช้ให้ใหม่ จำกระดาษห่อไปซื้อน่ะ หวังว่าคงใช่นะ”
คำตอบของชายหนุ่มทำให้รวิวารอดคิดไปถึงเรื่องกล้องถ่ายรูปไม่ได้ การที่เขาบอกตอนอยู่ไร่ทะเลเมฆว่าเขาอยากชดใช้ให้ ก็คงหมายความอย่างนั้นจริงๆ เพียงแต่เธอก็ไม่อยากรับไว้เอง เพราะมันคงมากเกินไปถ้าต้องให้เขาชดใช้ด้วยการซื้อกล้องให้ใหม่
“ทำไมเงียบล่ะ โกรธเหรอ ที่ผมบอกว่าเหยียบช็อกโกแลตของคุณ หรือว่าเป็นของที่มีใครให้มา และคงเป็นคนที่มีความสำคัญกับคุณมาก”
คำพูดแบบคาดเดาไปเองของเขา ทำให้คนฟังต้องแอบถอนใจเบาๆกับตัวเอง ช็อกโกแลตชิ้นนี้ สิงหาเอามาให้เธอ และมันก็เป็นเรื่องปกติ ที่นายคนนั้น ชอบเอาของกินสารพัดมาวางบนโต๊ะเธอเป็นประจำ โดยไม่สนใจว่าเธอจะชอบหรือไม่
“เปล่าค่ะ ฉันแค่กำลังคิดอะไรบางอย่าง”
รวิวารตอบพลางก้มมองนาฬิกาข้อมือ นึกแปลกใจที่ทำไมดอกอ้อกับอนลยังมาไม่ถึงอีก พลัน เสียงโทรศัพท์มือถือของพฤกษ์ก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล ได้ๆ เดี๋ยวบอกให้นะ”
เขาพูดกับปลายสายสั้นๆ ก่อนจะมองมาที่หญิงสาวซึ่งนั่งอยู่ด้านตรงข้าม
“โอ๊ตโทรมาบอกว่า รถโดนมอเตอร์ไซค์ชนท้าย รอเรียกประกันอยู่ อาจจะมาถึงช้า อ้อฝากบอกคุณว่า ถ้ารอไม่ไหวให้กลับไปก่อนก็ได้ เพราะดูเหมือนจะอีกนาน”
นั่นอย่างไรล่ะ รวิวารคิดไว้อยู่แล้ว ว่าต้องมีอะไร ไม่อย่างนั้น เพื่อนของเธอคงไม่มาช้าขนาดนี้ สรุปว่าระหว่างรอ เธอต้องดินเนอร์กับพฤกษ์ตามลำพังสองคนเหรอ
“โอเค งั้น เราสั่งอาหารกันเลยแล้วกันนะครับ ผมเริ่มหิวแล้วล่ะ”
พฤกษ์ส่งเมนูให้เธอพร้อมกับโบกมือเรียกพนักงานบริการของร้าน
“คุณดื่มไวน์ได้รึเปล่า”
หญิงสาวพยักหน้ารับ
“ได้ค่ะ”
ชายหนุ่มสั่งเครื่องดื่มและอาหาร 2-3 อย่าง ส่วนเธอก็สั่งอาหารเมนูโปรดของตัวเองเพิ่มอีกหนึ่งอย่าง ระหว่างที่รอ ต่างฝ่ายต่างก็นิ่งเงียบเหมือนไม่รู้จะพูดคุยอะไรกัน
“คุณจะกลับบ้านยังไง ให้ผมไปส่งมั้ย”
พฤกษ์ถามขึ้น ขณะรินไวน์ลงในแก้วของตัวเองและของหญิงสาวตรงหน้า
“ฉันขับรถมาเองค่ะ กลับเองได้ ไม่เป็นไร”
พฤกษ์ไม่พูดหรือถามอะไรอีก คราวนี้ ต่างฝ่ายต่างทานอาหารตรงหน้ากันเงียบๆ ไม่มีใครชวนคุยอะไรอีกเลย แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือของพฤกษ์ก็ดังขึ้นทำลายความเงียบอีกครั้ง
มนต์เมฆา ตอนที่ 7
รวิวารค้นกระเป๋าสะพายใบที่สะพายไปดูคอนเสิร์ตเมื่อวานแล้วก็ยังไม่เห็นว่ามีกุญแจอันไหนหายไป หากเมื่อลองนึกทบทวนถึงเหตุการณ์เมื่อวาน ก็ทำให้นึกได้ว่า ยังมีกระเป๋าเสื้อแจ๊คเกตอีกตัวที่เธอถอดมาถือไว้หลังออกมาจากคอนเสิร์ตซึ่งมีกุญแจโต๊ะทำงานทั้งหมดอยู่ในนั้น แล้วก็เป็นอย่างที่คาดไว้จริงๆ นอกจากกุญแจ หญิงสาวยังจำได้ว่ามีช็อคโกแลตห่อเล็กๆอีกชิ้นหนึ่งด้วย ซึ่งมันคงหล่นลงไปพร้อมกันหมด รวิวารอ่านข้อความของพฤกษ์ ทว่าไม่ยอมตอบกลับ แต่ตัดสินใจโทรไปหาดอกอ้อแทน
“ตื่นรึยัง ฉันโทรมากวนรึเปล่า”
“ไม่ได้กวน ฉันเพิ่งกลับจากไปส่งพ่อกับแม่พี่โอ๊ตมา แกมีอะไรเหรอ”
ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสดใสเช่นเคย
“แกให้เบอร์ฉันกับคุณพฤกษ์ไปเหรอ”
“อ๋อ เออ ใช่ๆ เมื่อคืนพี่พฤกษ์ก็ไปดูคอนเสิร์ตเดียวกับแก เขาโทรมาบอกว่าบังเอิญเจอแกแล้วแกทำกุญแจหล่นพื้น เลยถามเบอร์กับฉัน เขาโทรหาแล้วเหรอ”
“เปล่า แต่ส่งข้อความมา มันเป็นกุญแจโต๊ะทำงานน่ะ พรุ่งนี้ต้องใช้ด้วย วันนี้ว่างรึเปล่า ช่วยไปเอากุญแจกับเขาแล้วพรุ่งนี้เอาไปให้ฉันที่อ๊อฟฟิศหน่อยสิ”
รวิวารบอกความต้องการไป แล้วก็รู้สึกว่าดอกอ้อเงียบไปครู่หนึ่ง
“ไม่ใช่ฉันไม่อยากเป็นธุระให้แกนะ แต่เย็นนี้พี่โอ๊ตก็จะไปทานมื้อเย็นกับพี่พฤกษ์ที่โรงแรมอยู่แล้ว แกสะดวกรึเปล่าล่ะ ฉันไปรับไปทานข้าวด้วยกัน ชวนกล้วยไปด้วยก็ได้”
คนฟังลอบถอนใจ สุดท้ายเธอก็หลีกเลี่ยงการไปพบเขาไม่ได้อยู่ดี แล้วที่สำคัญเธอไม่อยากทำให้ดอกอ้อลำบากใจไปมากกว่านี้ด้วย
“โอเค เอาอย่างนั้นก็ได้ แต่แกไม่ต้องมารับหรอก เดี๋ยวฉันไปเองได้”
“งั้นก็เจอกันประมาณหกโมงเย็นนะ”
ดอกอ้อบอกส่งท้ายก่อนจะวางสายไป ในขณะที่รวิวารก็ยังจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์เหมือนยังไม่รู้จะเอายังไงกับข้อความของพฤกษ์ คิดอยู่หลายตลบ และด้วยเหตุผลที่ว่า ถ้าไม่ตอบจะเป็นการเสียมารยาท จึงต้องตอบกลับไปว่า
“เย็นนี้ฉันจะไปทานข้าวที่โรงแรมของคุณกับอ้อและพี่โอ๊ต ค่อยคืนกุญแจให้ตอนนั้นก็ได้ค่ะ”
ห้องทำงานส่วนตัวชั้นบนสุดของโรงแรมในเครือ เดอะ คลาวด์ แอนด์ เมาท์เท่นกรุ๊ป พฤกษ์กำลังจะออกไปส่งกลุ่มลูกค้าวีไอพีที่เขามาต้อนรับและดูแลด้วยตัวเอง ซึ่งหลังจากวันนี้ผ่านไปแล้ว พรุ่งนี้ชายหนุ่มก็จะเดินทางกลับเชียงใหม่และกลับมาร่วมงานแต่งงานของอนลอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ข้อความที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือทำให้เขารู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ใช่ วันนี้เขามีนัดทานมื้อเย็นกับอนลและดอกอ้อ เดาได้ไม่ยากเลยว่า รวิวารต้องโทรไปหาเพื่อนสนิทก่อนส่งข้อความตอบเขาแน่นอน
ช่างเป็นวันอาทิตย์ที่เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน รวิวารกำลังรู้สึกเช่นนั้น เมื่อมาถึงโรงแรมที่นัดกับดอกอ้อไว้ ก่อนเวลาเกือบๆครึ่งชั่วโมง
“รวิวาร”
เสียงเรียกชื่อจริงที่ดังขึ้นจากด้านหลังขณะกำลังเดินไปที่ลิฟท์ ทำให้หญิงสาวต้องชะงักและเหลียวกลับไปมองอย่างแปลกใจ
“คุณทราบชื่อจริงฉันได้ไง”
พฤกษ์มองเธอด้วยสายตาที่เป็นมิตรมากขึ้นขณะก้าวเท้าเข้ามาใกล้ ชายหนุ่มอยู่ในชุดสูทลำลองที่ถอดเสื้อตัวนอกพาดไว้บนแขน คล้ายเพิ่งกลับจากไปทำธุระที่เป็นทางการพอสมควร เขาจึงดูแปลกตากว่าตอนเจอกันที่ไร่ทะเลเมฆไม่น้อย
“ผมยังทราบด้วยว่าชื่อคุณแปลว่า วันอาทิตย์ และคุณคงเกิดวันอาทิตย์”
“แน่ล่ะ ฉันคงไม่ได้เกิดวันอังคาร แต่มาตั้งชื่อนี้หรอกค่ะ”
หญิงสาวตอบกลับแบบกวนๆ และ เสียงสัญญาณของลิฟท์ก็ดังขึ้นพอดี ทั้งสองจึงหยุดการสนทนาไว้แค่นั้น แล้วรีบเดินเข้าไปในลิฟท์ที่มีผู้คนค่อนข้างหนาแน่น จนต้องยืนเบียดกันอย่างไม่มีทางเลือก รวิวารอดคิดในใจไม่ได้ว่า เขาเป็นถึงผู้บริหารโรงแรม น่าจะมีลิฟท์ส่วนตัวที่ไม่ต้องมาใช้ร่วมกับแขกคนอื่น แต่ทำไมเขายังตามเข้ามาในลิฟท์ตัวนี้ให้เบียดเสียดกันมากขึ้นกว่าเดิมอีกนะ ขณะที่พฤกษ์ที่ยืนอยู่ด้านหลังของหญิงสาวก็กำลังมองเธออย่างไม่วางตา เขาสังเกตว่าเธอรูปร่างผอมบางพอๆกับวรินทร์ธารน้องสาวของเขา ผมยาวที่รวบขึ้นเป็นมวยไว้มีสีดำสนิท อะไรบางอย่างทำให้ชายหนุ่มก้าวมาข้างหน้าอีกเล็กน้อย เข้ามาใกล้จนรู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมหวานจางๆ จากน้ำหอมของเธอ จนกระทั่งลิฟท์มาหยุดและเปิดออกตรงชั้นที่ทั้งสองคนนัดกับอนลและดอกอ้อไว้
“เดี๋ยวเข้าไปรอ โอ๊ตกับดอกอ้อด้วยกันก่อนก็ได้ ผมจองโต๊ะฝั่งที่ติดกระจกเอาไว้แล้ว ตามมาครับ”
พฤกษ์บอกและเดินนำไป เมื่อเห็นหญิงสาวยืนนิ่งเงียบเหมือนทำตัวไม่ถูก รวิวารไม่พูดอะไร หญิงสาวตามเขาเข้าไปห้องอาหารด้านใน และเมื่อมองเห็นทิวทัศน์ด้านนอกจากกระจกหน้าต่างก็ยืนมองด้วยความเสียดายที่วันนี้ไม่ได้พกกล้องถ่ายรูปมาด้วย
“นี่ครับ กุญแจของคุณ”
ชายหนุ่มวางกุญแจลงบนโต๊ะและบอก รวิวารหันมามองตามและก็พบว่า นอกจากกุญแจทั้งชุดที่เธอทำหล่นไว้แล้ว ยังมีช็อกโกแลตห่อเล็กๆอีกชิ้นหนึ่งด้วย
“ขอบคุณมากนะคะ”
หญิงสาวตอบและยังขมวดคิ้วมองช็อกโกแลตอย่างสงสัย
“ไม่ต้องแปลกใจหรอก ความจริงนะ อันที่คุณทำหล่น ผมเผลอเหยียบมันไปแล้ว อันนี้ไปซื้อมาชดใช้ให้ใหม่ จำกระดาษห่อไปซื้อน่ะ หวังว่าคงใช่นะ”
คำตอบของชายหนุ่มทำให้รวิวารอดคิดไปถึงเรื่องกล้องถ่ายรูปไม่ได้ การที่เขาบอกตอนอยู่ไร่ทะเลเมฆว่าเขาอยากชดใช้ให้ ก็คงหมายความอย่างนั้นจริงๆ เพียงแต่เธอก็ไม่อยากรับไว้เอง เพราะมันคงมากเกินไปถ้าต้องให้เขาชดใช้ด้วยการซื้อกล้องให้ใหม่
“ทำไมเงียบล่ะ โกรธเหรอ ที่ผมบอกว่าเหยียบช็อกโกแลตของคุณ หรือว่าเป็นของที่มีใครให้มา และคงเป็นคนที่มีความสำคัญกับคุณมาก”
คำพูดแบบคาดเดาไปเองของเขา ทำให้คนฟังต้องแอบถอนใจเบาๆกับตัวเอง ช็อกโกแลตชิ้นนี้ สิงหาเอามาให้เธอ และมันก็เป็นเรื่องปกติ ที่นายคนนั้น ชอบเอาของกินสารพัดมาวางบนโต๊ะเธอเป็นประจำ โดยไม่สนใจว่าเธอจะชอบหรือไม่
“เปล่าค่ะ ฉันแค่กำลังคิดอะไรบางอย่าง”
รวิวารตอบพลางก้มมองนาฬิกาข้อมือ นึกแปลกใจที่ทำไมดอกอ้อกับอนลยังมาไม่ถึงอีก พลัน เสียงโทรศัพท์มือถือของพฤกษ์ก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล ได้ๆ เดี๋ยวบอกให้นะ”
เขาพูดกับปลายสายสั้นๆ ก่อนจะมองมาที่หญิงสาวซึ่งนั่งอยู่ด้านตรงข้าม
“โอ๊ตโทรมาบอกว่า รถโดนมอเตอร์ไซค์ชนท้าย รอเรียกประกันอยู่ อาจจะมาถึงช้า อ้อฝากบอกคุณว่า ถ้ารอไม่ไหวให้กลับไปก่อนก็ได้ เพราะดูเหมือนจะอีกนาน”
นั่นอย่างไรล่ะ รวิวารคิดไว้อยู่แล้ว ว่าต้องมีอะไร ไม่อย่างนั้น เพื่อนของเธอคงไม่มาช้าขนาดนี้ สรุปว่าระหว่างรอ เธอต้องดินเนอร์กับพฤกษ์ตามลำพังสองคนเหรอ
“โอเค งั้น เราสั่งอาหารกันเลยแล้วกันนะครับ ผมเริ่มหิวแล้วล่ะ”
พฤกษ์ส่งเมนูให้เธอพร้อมกับโบกมือเรียกพนักงานบริการของร้าน
“คุณดื่มไวน์ได้รึเปล่า”
หญิงสาวพยักหน้ารับ
“ได้ค่ะ”
ชายหนุ่มสั่งเครื่องดื่มและอาหาร 2-3 อย่าง ส่วนเธอก็สั่งอาหารเมนูโปรดของตัวเองเพิ่มอีกหนึ่งอย่าง ระหว่างที่รอ ต่างฝ่ายต่างก็นิ่งเงียบเหมือนไม่รู้จะพูดคุยอะไรกัน
“คุณจะกลับบ้านยังไง ให้ผมไปส่งมั้ย”
พฤกษ์ถามขึ้น ขณะรินไวน์ลงในแก้วของตัวเองและของหญิงสาวตรงหน้า
“ฉันขับรถมาเองค่ะ กลับเองได้ ไม่เป็นไร”
พฤกษ์ไม่พูดหรือถามอะไรอีก คราวนี้ ต่างฝ่ายต่างทานอาหารตรงหน้ากันเงียบๆ ไม่มีใครชวนคุยอะไรอีกเลย แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือของพฤกษ์ก็ดังขึ้นทำลายความเงียบอีกครั้ง