มนต์เมฆา ตอนที่ 6

กระทู้สนทนา
ตอนที่ 6

ช่วงเวลาเกือบจะพลบค่ำ ที่ไร่กาแฟทะเลเมฆ  พฤกษ์กลับเข้ามาในบ้านแล้วถอดหมวกโยนลงบนเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่งด้วยท่าทางเหน็ดเหนื่อย หลังจากวันนี้เขาเข้าไปคุมการทำงานของคนงานในไร่กาแฟด้วยตัวเองเกือบจะทั้งวัน

“พี่พฤกษ์  ทานข้าวเย็นมารึยังคะ  ว่านเตรียมอาหารมื้อเย็นไว้ให้เยอะแยะเลยค่ะ”

น้ำเสียงบ่งบอกความห่วงใยของน้องสาวต่างสายเลือดที่เดินเข้ามาเกาะแขนด้วยท่าทางเอาอกเอาใจ ทำให้พฤกษ์ต้องก้มมองหญิงสาวอย่างเอ็นดู

“พี่ทานข้าวมาจากในไร่แล้ว  ตอนนี้ยังอิ่มอยู่เลย แล้วว่านล่ะ  ทานข้าวเย็นเรียบร้อยแล้วนะ”

“ว่าแล้วเชียว พี่พฤกษ์ต้องทานมาแล้ว  ว่านก็เพิ่งทานไปเหมือนกัน  ถ้างั้น  มาทานขนมอร่อยๆกันดีกว่านะคะ  ว่านอยากห้พี่พฤกษ์ลองชิม ผลิตภัณฑ์ใหม่ของไร่เรา  วาฟเฟิลกลิ่นกาแฟเอสเพรสโซ่กับทีรามิสุค่ะ  ว่านลงมือทำเองเลย เดี๋ยวนั่งรอแป๊บนึงนะคะ”

วรินทร์ธารบอกพลางดึงแขนพฤกษ์มานั่งที่โต๊ะก่อนเจ้าตัวจะรีบไปเอาขนมที่ทำเตรียมไว้ ตั้งแต่ช่วงบ่ายมาบริการชายหนุ่ม

“โอ้โห กลิ่นหอมมากๆ  ต้องอร่อยแน่เลย”

พฤกษ์พูดกับหญิงสาวก่อนเอื้อมไปหยิบวาฟเฟิลชิ้นหนึ่งมากัดกิน  วรินทร์ธารยิ้มมองด้วยความภาคภูมิใจกับผลงานของตัวเอง

“เป็นไงบ้างคะ พอใช้ได้มั้ย”

“พอใช้ได้ที่ไหนล่ะ  อร่อยมากๆเลยต่างหาก”

วรินทร์ธารยิ้มกว้างกับสิ่งที่ได้ยินจากชายหนุ่ม

“ลองทีรามิสุด้วยสิคะ พี่พฤกษ์”

“นี่ใจคอ จะขุนให้พี่อ้วนกลมเลยใช่มั้ย”

“พี่พฤกษ์ไม่เห็นจะอ้วนตรงไหนเลย  ทานให้หมดนะคะ  ไม่งั้นว่านงอนด้วย”

พฤกษ์อมยิ้มนิดๆกับคำขู่ของหญิงสาว

“ก็ต้องช่วยๆกันสิ  พี่ทานคนเดียวไม่หมดหรอก”

ทว่า วรินทร์ธารยังไม่ทันจะโต้ตอบอะไร เสียงคุ้นหูของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น

“ทานอะไรกันอยู่เหรอครับ กลิ่นหอมยั่วน้ำลายมากๆ กำลังหิวอยู่พอดี”

ภูผาเดินเข้ามาด้วยท่าทางอารมณ์ดี  และไม่รอให้ใครต้องเอ่ยชวน เขานั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆวรินทร์ธาร พลางคว้าวาฟเฟิลชิ้นหนึ่งมาใส่ปากทันที

“ค่อยๆกินก็ได้  เชื่อแล้วว่าหิวมาก  ไปไหนมาล่ะวันนี้ หายหัวไปทั้งวัน”

พฤกษ์ถามพร้อมทั้งเลื่อนจานขนมไปใกล้ๆแฝดผู้น้อง

“พาลูกค้าโรงแรมที่เชียงใหม่ไปเที่ยวน่ะ  กรุ๊ปนี้ลูกค้าประจำของเรามานานต้องเอาใจกันหน่อย  ขนมนี่ฝีมือว่านใช่เหรอ  อร่อยมาก”

“ขอบคุณค่ะ  ถ้าอร่อยก็ทานให้เยอะๆนะคะ  มีทีรามิสุด้วย”

วรินทร์ธารตอบยิ้มๆ

“นายพูดถึงลูกค้าทำให้ฉันนึกได้  ตอนนี้โรงแรมที่กรุงเทพฯ  มีกลุ่มบริษัทที่มีหลายสาขาในเอเชีย จะมาใช้สถานที่จัดงานประชุมประจำปี  นายจะลงไปดูเองหรือจะให้ฉันไป”

ภูผานิ่งไปเหมือนกำลังใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง  ถึงให้คำตอบกับพี่ชายฝาแฝด

“ไม่ไปดีกว่าว่ะ   นายไปเองคนเดียวได้ใช่มั้ย”

พฤกษ์ถอนใจเบาๆ

“อ้าว คิดว่าช่วงนี้นายอยากไปกรุงเทพฯซะอีก   ว่านสนใจไปด้วยกันกับพี่มั้ย”

ภูผาชะงักไปนิดๆ แม้จะไม่ได้หันไปมองวรินทร์ธาร แต่เขาก็ตั้งใจรอฟังคำตอบของเธออย่างใจจดใจจ่อ

“คือ ว่านเป็นห่วงแม่ค่ะ พี่พฤกษ์  ไม่อยากไปไหนไกลๆตอนนี้เลย”

“พี่ว่าแล้ว  ว่านต้องตอบแบบนี้  เอาเถอะ ไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไร  อยู่ช่วยพี่ภูดูแลไร่แทนพี่ด้วยแล้วกัน”

ภูผาได้ยินแบบนี้ก็หันไปยิ้มกว้างกับวรินทร์ธาร หากหญิงสาวกลับไม่ยิ้มตอบ

“เวลาพี่พฤกษ์ไม่อยู่ ว่านก็ช่วยดูแลงานแทนตลอดอยู่แล้ว  ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ”

“น้องสาวพี่ น่ารักที่สุด”

พฤกษ์บอกพลางเอื้อมมือไปลูบศีรษะหญิงสาวอย่างเอ็นดู  ภูผาลอบมองแล้วก็เมินหน้าไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว ราวกับไม่อยากรู้ไม่อยากเห็นภาพอะไรแบบนี้  ถึงจะรู้ว่าพฤกษ์รู้สึกกับวรินทร์ธารแค่น้องสาว หากเขาก็ไม่ชอบอยู่ดี  ใช่ ภูผายอมรับกับตัวเองว่า เขากำลังหวงเธอ แม้ว่าจะไม่มีสิทธิ์คิดแบบนั้นเลยก็ตาม

“ไม่ไปทำงานกับพี่ก็ไม่เป็นไร  แต่งานแต่งงานโอ๊ตกับน้องอ้อ  ว่านต้องไปกับพี่นะ  ห้ามปฏิเสธเด็ดขาด ไปแค่คืนเดียว คุณน้าเองก็มีพยาบาลพิเศษคอยดูแลอย่างดีอยู่แล้ว”

วรินทร์ธารพยักหน้ารับอย่างยินดี  มีโอกาสได้ออกงานกับเขา แม้ว่าจะในฐานะน้องสาว แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับเธอแล้ว

“พี่พฤกษ์พูดแบบนี้ ว่านจะไม่ไปด้วยได้ยังไงล่ะคะ”

“แต่ความจริง งานโอ๊ตก็จัดทั้งที่กรุงเทพฯ แล้วก็ที่เชียงใหม่ด้วยนะ  ถ้าว่านไม่อยากไปก็รอไปงานฉลองที่เชียงใหม่สิ”
ภูผาเสนอความเห็น  หากคนฟังทั้งสองกลับคิดต่างออกไป

“ฉันก็อยากพาน้องไปเปิดหูเปิดตาบ้าง  งานที่เชียงใหม่ ยังไงพวกเราก็ต้องไปทุกคนอยู่แล้ว”

“ไปก็ไปสิ  ไม่ได้ว่าอะไร แค่บอกเฉยๆว่า ถ้าว่านไม่อยากไปกรุงเทพก็รอไปงานเชียงใหม่ก็ได้”

ภูผาบอกเหมือนไม่ใส่ใจ ก่อนจะลุกขึ้นเดินหนีไปเฉยๆ  ทิ้งให้อีกสองคนต้องหันไปมองสบตากันอย่างไม่ค่อยเข้าใจท่าทีของอีกฝ่ายนัก

ในขณะที่ภูผา เมื่อขึ้นมาบนห้องนอนแล้วก็รีบโทรศัพท์ไปหาใครคนหนึ่งด้วยท่าทางร้อนรน

“กว่าจะรับโทรศัพท์ได้นะ  ทำอะไรอยู่วะ    จะโทรมาบอกว่า  เดี๋ยวอีกวันสองวันพี่ชายฉันมันเข้ากรุงเทพ จะทำอะไรก็รีบๆทำซะ  แล้วอย่าให้มีใครมาเห็นอีกล่ะ  ฉันไม่อยากเดือดร้อน”

“ข่าวดีมากครับคุณภู  แต่มันก็ยังไม่พอกับหนี้ในบ่อนที่คุณติดค้างไว้หรอกนะครับ “

เสียงตอบจากปลายสาย สร้างความหนักใจให้ภูผาอีกครั้ง

“แล้วแกจะเอายังไงวะ  ขอใช้เส้นทางลำเลียงของ ฉันก็จัดการให้จนได้แล้วนี่ไง   เงินที่เหลือ เดี๋ยวฉันหาไปให้ไม่เกินเจ็ดวันนี้ ตามที่ตกลงกันไว้”

“ก็ได้ ผมให้เวลาคุณเจ็ดวัน  อย่าผิดคำพูดอีกแล้วกัน  ผมไม่ได้ขู่ คุณก็รู้”

ภูผาไม่ตอบ แต่โยนโทรศัพท์ไปบนเตียงนอนอย่างโกรธจัด  ก็เอาสิ  เรื่องแค่นี้เขาจะแก้ปัญหาไม่ได้ก็ให้มันรู้ไป แค่เงินห้าล้าน ทำไมเขาจะหาไปใช้หนี้ไม่ได้  เขาจะไม่ยอมให้พวกมันบงการได้ง่ายๆเหมือนที่ผ่านมาอีกต่อไปแล้ว



ไม่บ่อยครั้ง ที่รวิวารจะมีโอกาสได้มาชมคอนเสิร์ตในวันหยุดสุดสัปดาห์เช่นวันนี้  เพราะปกติ เธอจะรับงานถ่ายภาพนอกสถานที่จนแทบไม่มีวันหยุดพักผ่อน แต่สำหรับศิลปินต่างชาติคนโปรดที่นานๆจะมาเปิดการแสดงในเมืองไทยสักครั้ง เธอจึงไม่ยอมพลาดการแสดงครั้งนี้  เสียงเตือนสั้นๆจากโทรศัพท์ที่ถืออยู่ดังขึ้น  หญิงสาวเปิดอ่านข้อความที่ปรากฏในโปรแกรมสนทนาทางโทรศัพท์จากดอกอ้อแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว
    
“ ไปดูคอนเสิร์ตด้วยไม่ได้แล้ว  พอดีวันนี้พ่อกับแม่พี่โอ๊ตมาหาแบบกะทันหัน  ขอโทษจริงๆนะ  แต่กล้วยบอกว่าจะไปแทนให้  เดี๋ยวแกรอรับโทรศัพท์จากกล้วยนะ”

รวิวารอ่านแล้วก็พอจะเข้าใจในเหตุผลและความจำเป็นของเพื่อน จึงไม่ได้รู้สึกโกรธหรือไม่พอใจอะไร  ทว่า คนที่จะมาดูคอนเสิร์ตกับเธอแทนดอกอ้อนี่สิ  กุลภาหรือกล้วย เพื่อนสนิทในกลุ่มตอนเรียนมหาวิทยาลัยอีกคน ที่ผ่านมามักจะมีวีรกรรมเรื่องหลงทางจนทุกวันนี้ก็ใช่ว่าจะหายแล้ว  หญิงสาวจึงตัดสินใจโทรไปหาโดยไม่รอห้อีกฝ่ายโทรมาเอง

“ฮัลโหล กล้วย”

“ป่าน  อ้อบอกแกแล้วใช่มั้ยว่าฉันจะไปดูคอนเสิร์ตกับแก  รอฉันหน่อยนะ ตอนนี้ฉันขับรถอยู่ รถติดมากเลย”

“ลำบากแกรึเปล่าเนี่ย ความจริงฉันดูคนเดียวก็ได้นะ”

รวิวารบอกอย่างเกรงใจ

“เฮ้ย อะไร  ไม่ได้ลำบากเลย  ฉันก็อยากดูคอนเสิร์ตนี้ แต่จองบัตรไม่ทัน  อีกอย่างนะ ถ้าฉันไม่ไป อ้อ ได้บ่นตาย เอาเป็นว่าเดี๋ยวไปถึงแล้วฉันโทรหานะ”

กุลภาเดินทางมาถึงสถานที่จัดงานคอนเสิร์ตและโทรหารวิวารตอนก่อนคอนเสิร์ตจะเริ่มไม่ถึง 5 นาที  ทั้งสองเข้าไปในฮอลล์ พร้อมกัน  และด้วยความมืดสลัวของบรรยากาศการแสดงคอนเสิร์ต ทำให้รวิวารไม่ทันได้สังเกตเห็นเลยว่า ถัดไปอีกหนึ่งแถวด้านหลัง มีสายตาของใครคนหนึ่งคอยมองเธออยู่ตลอดเกือบๆสองชั่วโมงในช่วงเวลาการแสดง

“โอ๊ย สนุกมาก ประทับใจมาก  แต่ตอนนี้ปวดฉี่สุดๆเลย ไปเข้าห้องน้ำกันมั้ย ป่าน”

กุลภาเอ่ยชวนขณะเดินออกมาจากฮอลล์หลังการแสดงจบลง  รวิวารกวาดตามองผู้คนรอบตัวแล้วก็ส่ายหน้า

“คนเยอะขนาดนี้  ฉันไม่เข้าดีกว่า เดี๋ยวพาไปแล้วรออยู่ข้างนอกนะ”

ห้องน้ำที่อยู่อีกด้านหนึ่ง เต็มไปด้วยผู้คนอย่างที่รวิวารคิดไว้จริงๆ  กุลภาเห็นแล้วก็เปลี่ยนใจอย่างไม่มีทางเลือก

“เราขับรถออกไปข้างนอก แวะเข้าห้องน้ำที่ปั๊มแล้วไปหาอะไรกินก่อนกลับบ้านดีกว่า ฉันไปส่งแกเอง ไม่ได้เอารถมาไม่ใช่เหรอ”

รวิวารไม่ปฏิเสธคำชวนของกุลภาสองสาวพากันเดินฝ่าผู้คนมากมายไปยังที่จอดรถ  ระหว่างนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือของกุลภาก็ดังขึ้น

“ขอรับโทรศัพท์แป๊บนึงนะแก”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่