เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นบุคคลในนิยายไม่ได้มีตัวตนเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น
เรื่อง มนต์รักท่าคา
เดือนเมษายนเดือนที่ได้ขึ้นชื่อว่าร้อนที่สุดกว่าทุกเดือนในรอบปี แอร์คอนดิชั่นที่ปรับอุณหภูมิไว้เหลือเพียงแค่ยี่สิบสามองศาภายในสำนักงานของนิตยสารชื่อดังของเมืองไทย ยังไม่ทำให้ใจของ พายไข่ หรือ เมษา พัชชานันท์ คอลัมนิสต์สาวชื่อดังที่เขียนบทวามด้านความสวยความงา และเครื่องสำอางแบรนด์ดังเย็นลงไม่ได้เมื่อรู้ตัวว่าบรรณาธิการหนุ่มหล่อคนตรงหน้าหรือพี่ชายแท้ๆของเธอสั่งให้ลงพื้นที่และเขียนบทความตะเวนเที่ยวทั่วไทยแทนรัชชานนต์เจ้าของคอลัมน์ที่กำลังบาดเจ็บสาหัส
“ทำไมต้องเป็นพายไข่ด้วยล่ะพี่ปราบ พี่ก็รู้ว่างานนี้มันไม่เหมาะกับพายไข่เลยสักนิดพายไข่ถนัดแต่เรื่องความสวยความงามและสินค้าแบรนด์เนมไม่ได้ถนัดตระเวนเที่ยวตะลอนกิน”ใบหน้าสวยจัดของพายไข่เชิดขึ้นเล็กน้อย คนเป็นพี่ชายและบรรณาธิการสำนักพิมพ์จับไหล่พายไข่ และกดให้นั่งไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“อย่าลุกหนี นั่งเฉยๆ ห้ามพูด ห้ามเถียง”
“บก. จอมเผด็จการ”
“ เพราะพี่เชื่อว่าพายไข่ต้องทำได้ และที่สำคัญตอนนี้ไม่มีใครว่างพอจะปลีกเวลามาเขียนคอลัมน์ตระเวนเที่ยวทั่วไทยให้พี่ได้นอกจากเธอ เธอเองก็รู้นี่รัชชานนต์ถูกเมียมันเอาไม้เบสบอลฟาดแขนหักต้องพักรักษาตัวหลายเดือน”
“ที่คุณรัชชานนท์ต้องบาดเจ็บก็เพราะพี่เร่งต้นฉบับจนคุณรัชชานนท์กลับบ้านค่ำทุกวัน จนภรรยาเขานึกว่าถูกสามีนอกใจเลยทะเลาะกันใหญ่เอาไม้ฟาดจนแขนหักเพราะฉะนั้นพี่เองนั่นแหละต้องรับผิดชอบ”
“มากไปแล้วยัยพายไข่ไม่ต้องมาเถียงพี่คิดดูแล้วเธอนั่นแหละดีเสียอีกเธอจะได้ไปสูดอากาศบริสุทธิ์เสียบ้างได้เปลี่ยนบรรยากาศพี่ว่าดีออก คอมลัมน์ของเธอก็เขียนคู่กันไปได้เพราะงานของเธอไม่ต้องลงพื้นที่บางครั้งเจ้าของผลิตภัณฑ์ก็ส่งตัวอย่างมาให้เองอยู่แล้ว”
“มันก็จริงค่ะว่าพายไข่ยังมีเวลาว่างพอจะเขียนให้ได้ แต่พี่เข้าใจเรื่องของความถนัดไหมคะ พายไข่ไม่ถนัดเรื่องท่องเที่ยวเสียหน่อย”
“ก็เธอเอาชีวิตหมกตัวอยู่แค่ในเมืองหลวง และข้าวของแบรนด์เนมพี่เลยอยากให้เธอได้ไปสัมผัสอะไรที่ชีวิตนี้เธอไม่เคยรู้จักบ้าง อย่างเช่นคำว่าน้ำใจ”
“นี่พี่ปราบจะหลอกด่าพายไข่ว่าไม่ยอมช่วยรัชชานนท์ก็ว่ามาเถอะ”
“ไม่ได้หลอกด่า แต่อยากจะให้เธอไปเจออะไรที่ชีวิตเธอยังไม่เคยเจอ”
“แล้วเคยถามพายไข่สักคำไหมคะว่าอยากไปหรือเปล่า”
“เอาน่าพายไข่คนสวย ช่วยพี่หน่อยก็แล้วกันนะ”
พายไข่ยืนขึ้นและกอดอกก่อนจะเชิดหน้าเล็กน้อย “ก็ได้ค่ะ แล้วคราวนี้จะให้ไปตระเวนกิน ตระเวนเที่ยวที่ไหนล่ะคะ”
“ไม่ไกลหรอกสถานที่ท้องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ แค่นิดเดียวแต่บอกไว้ก่อนถ้าเธอไปแล้วจะตกหลุมรัก” “ที่ไหนคะพี่ปราบ”
“ท่าคา”
“ฮะ อะไรนะท่าคา ไม่เห็นเคยได้ยิน ชื่อมัน...” พายไข่เกาศีรษะและเอานิ้วเคาะเล่นเหมือนพยายามนึก
ปราบถอนใจ “ไปแล้วเธอจะตกหลุมรักท่าคาไม่เชื่อลองไปดู ท่าคามีมนต์เสน่ห์มาก บรรยากาศแบบนี้หาได้ยากแล้วในเมืองไทยที่นั่นไม่ได้มีความศิวิไลไม่ได้มีอะไรมากแต่มีอย่างที่ท่าคามีและที่อื่นไม่มี ท่าคาไม่ใช่ตลาดน้ำแบบที่จัดขึ้นจนเกลื่อนเหมือนดอกเห็ด แต่เป็นตลาดดั้งเดิมของชาวสวนในละแวกนั้นสมัยก่อนจะนัดเป็นข้างขึ้นข้างแรม แต่ปัจจุบันก็จัดขึ้นในวันเสาร์-อาทิตย์ ให้นักท่องเที่ยวสะดวกในการเดินทาง”
“ตลาดน้ำ ชาวสวน โอ้..ไม่เอาอ่ะมันจะมีอะไรให้สนใจล่ะคะ แดดคงจะร้อนเปรี้ยง เดี๋ยวพายไข่ผิวเสียหมด ”
“มากไป มันคงไม่ตายภายในวันเดียวหรอก ถ้าไปแล้วไม่ต้องมนต์ท่าคาพี่สัญญาว่าจะซื้อกระเป๋าที่เธอกำลังคลั่งอยากจะได้ให้เลยโอเคไหม ”
สาวตากลมหน้าสวยตาลุกวาว “จริงๆนะ พี่ปราบไม่ได้โกหกใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นพายไข่จะไปก็ได้เพื่อจะกลับมายืนยันว่าพายไข่ไม่มีทางตกหลุมรักท่าคา”
“แต่พี่เชื่อว่าเธอจะตกหลุมารักท่าคา” ปราบพูดอย่างมั่นใจด้วยตาเป็นประกายอย่างคนมีแผน
พายไข่ส่งยิ้มสวยขี้เล่นให้พี่ชาย “ไม่มีทาง”
ปราบส่ายหน้าและมองพายไข่ สาวสวยจัดนัยน์ตาโตหวานฉ่ำ จมูกโด่งบ่งบอกว่าเป็นคนรั้น แต่มีแก้มอิ่มหน้าหยิก ริมฝีปากบางรูปกระจับ ทั้งหมดภายในวงหน้ารูปไข่รวมแล้วเรียกว่าสวยหาที่ติแทบไม่ได้ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของเธอเป๊ะไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผมไม่มีขาดไม่มีเกิน ของใช้ทุกชิ้นของพายไข่ล้วนแต่เป็นยี่ห้อระดับไฮเอ็นทั้งสิ้นเงินเดือนแต่ละเดือนจึงหมดไปกับสินค้าแบรนด์เนมแต่พายไข่คงไม่ได้สนใจหรือสะทกสะท้านกับเม็ดเงินนับหมื่นนับแสนแต่ละเดือนตรงนั้นเพราะเธอเป็นบุตรคนเล็กและเป็นบุตรสาวคนเดียวของนายพีระพัฒน์ พัชชานนท์ นักธุรกิจคนดังที่มีฐานะร่ำรวยติดอันดับหนึ่งในห้าสิบเศรษฐีเมืองไทย
+++++++++++++++++++
ตลาดน้ำท่าคา
“ให้ตายตลาดอะไรเปิดตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ใครจะตื่นมาเที่ยวทัน” พายไข่กับรถหรูคันเล็กคู่ใจในมือมีแผนที่ซึ่งปราบให้เลขาหามาให้
เพราะหน้าที่จึงทำให้พายไข่ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาท่าคามาเขียนเรื่องราวของที่นี่เสร็จให้ทันก่อนนิตยสารจะออกในสัปดาห์น่าปราบต้องการให้เธอช่วยเขียนโปรโมตท่าคาเพราะพี่ชายเธอติดใจที่นี่นัก ทำให้พายไข่เริ่มจะอยากรู้แล้วว่าท่าคามีอะไรเธอขับรถมาเรื่อยๆในยามเช้าอากาศดีมากมีป้ายบอกทางไปท่าคาตลอดระยะทางที่ผ่านเต็มไปด้วยสวนมะพร้าว
“ดีนะที่มีป้ายบอกตลอดทางไม่อย่างนั้นฉันคงลงในดงมะพร้าวแน่นอน ทางไปตลาดน้ำอะไรมีแต่สวนมะพร้าว”
ความเงียบสงบ ต้นไม้ที่เขียวขจี โดยเฉพาะต้นมะพร้าวมีให้เห็นตลอดทางแม้ในยามเช้าตรู่พายไข่ก็เห็นคนปีนพระองไปเก็บน้ำตาลมะพร้าว ภาพแบบนี้เธอไม่เคยเห็นเลยในชีวิตประจำวัน ทำให้พายไข่หยุดรถและยกกล้องถ่ายรูปชายสูงวัยที่ปีนพระองอยู่เห็นเข้าก็หันมาส่งยิ้มและโบกมือให้เธอ พายไข่รีบยกกล้องปรับเลนส์และเก็บภาพนั้นไว้
เธอจึงตะโกนร้องทักขึ้น“ขยันจังเลยค่ะคุณลุง เช้าขนาดนี้ตื่นมาเก็บน้ำตาลแล้ว”
“นี่มันสายแล้วแม่หนู ชาวสวนเขาตื่นทำงานกันตั้งแต่ตีห้านี่ก็จะเสร็จอยู่แล้ว”
“สายแล้วเหรอเจ็ดโมงเช้าเนี่ยนะ” พายไข่พูดกับตัวเองถ้าไม่ได้มาที่นี่เก้าโมงเช้าเธอจึงจะตื่น
“ ชาวสวนเขาตื่นกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางอีหนูเอ้ย”
พายไข่หัวเราะแหะ“ไปก่อนนะคะลุง หนูจะรีบไปท่าคาขอบคุณมากที่ให้ถ่ายรูป”
“โชคดีนะแม่หนู ขับรถดีๆล่ะ”
พายไข่ขับรถต่อมาอีกไม่นานผ่านสวนมะพร้าวก็เจอป้ายขนาดใหญ่บอกทางเลี้ยวเข้าตลาดท่าคา พายไข่จอดรถมีรถเบาบางไม่หนาตาเนื่องจากเป็นวันเสาร์ อากาศสดชื่นทำให้เธอเผลอสูดอากาศเข้าไปลึกๆ อากาศดีเหลือเกิน อากาศแบบนี้พายไข่ไม่เคยได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้ในกรุงเทพฯมาก่อน เธอรู้สึกหายใจได้เต็มปอด ความเงียบสงบของที่นี่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้อย่างประหลาด ทั้งๆที่พายไข่บอกตัวเองเสมอว่าเธอไม่ได้ต้องการถวิลหาธรรมชาติเธอชอบชีวิตอย่างคนยุคใหม่แบบที่เป็นอยู่มากกว่า
ภาพท่าคาที่เธอเห็นในเวลานี้ทำให้ตาของพายไข่เบิกกว้างพร้อมส่ายศีรษะ “ไม่เห็นมีไรเท่าไหร่เลยอ่ะ ไหนพี่ปราบคุยนักคุยหนาว่าท่าคามีมนต์เสน่ห์ มาแล้วจะต้องหลงรัก งานนี้สงสัยพายไข่จะได้กระเป๋าแน่แล้ว”พายไข่กระตุกยิ้มแล้วสะพายกล้องมองเห็นตลาดและของขายไม่มากนัก เธอจึงไม่ทันเดินเข้าไปสัมผัสคิดว่าจะรอให้สายกว่านี้สายตาพลันเห็นตรงข้ามกับตลาดมีร้านค้าและป้ายร้านอาหารมีกาแฟบริการ คนสวยติดกาแฟจึงพาขาเรียวยาวก้าวเข้าไปในร้านนึกถึงร้านกาแฟสดในเมืองหลวง
ร่างโปร่างบางทรุดตัวนั่งลงร้านหน้าตาธรรมดาไม่รู้หราแต่พายไข่บอกับตัวเองว่าเธอกินอยู่ง่ายวันเดียวไม่ตายหรอก“ขอเอสเพรสโซ่แก้วนึงค่ะ”
เจ้าของร้านร่างเล็กผิวขาวเดินมาส่งยิ้มให้พายไข่ “ไม่มีหรอกค่ะ มีแต่กาแฟโบราณ”
“เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะฉันทานง่าย เอาน้ำเปล่าขวดหนึ่งก็แล้วกัน” พายไข่ชอบพูดและคิดว่าตนเองเป็นคนทานง่ายไม่เรื่องมากเมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนในกลุ่ม
“ตกลงไม่รับกาแฟแล้วเหรอคะ” พายไข่กำลังเช็ดเลนส์กล้อง “ขอน้ำเปล่าแบบขวดใสยี่ห้อที่ได้มาตรฐานก็พอแล้วค่ะ” เจ้าของร้านยิ้มแบบงงๆและรีบนำมาให้
พายไข่กำลังก้มหน้าก้มตาเช็ดเลนกล้องปลายจมูกได้กลิ่นหอมโชยเข้ามาทำให้เธอเผลอสูดกลิ่น
“หอมจัง” พอดีกับน้ำเปล่าหนึ่งขวดตามสั่งถูกวางลงตรงหน้า “กลิ่นอะไรเหรอคะห๊อม หอม”
“เขาเรียกว่าข้าวพันผักค่ะ เป็นของดีเมืองอุตรดิตถ์”
พายไข่ส่ายหน้า “ไม่เคยได้ยิน”
“คุณอยากลองทานไหมคะ”
พายไข่ทำสีหน้าแบบบรรยายไม่ถูกกลิ่นมันหอมมาก “ลองดูก็ได้ค่ะ แต่ว่ามันจะอ้วนไหม” เจ้าของร้านยิ้มเก่งมองลูกค้าคนสวยที่แต่งตัวไม่เหมือนคนละแวกนี้และยังแต่งตัวแปลกกว่านักท่องเที่ยวทั่วไปด้วยสายตาเป็นมิตรแกมขำ
“ไม่อ้วนหรอกค่ะ มีแต่ผักกับไข่เป็นเมนูสุขภาพ”
“ถ้าอย่างนั้นก็จัดมาหนึ่ง”
ไม่ถึงสองนาทีข้าวพันผักร้อนๆ (แป้งบางๆห่อไข่และผักทานคู่กับน้ำจิ้มคล้ายน้ำจิ้มสุกี้) ก็ถูกวางตรงหน้าเธอ พายไข่หยิบช้อนและซ่อมขึ้นมาเช็ดและลองทานจากนั้นก็ทานต่ออีกหลายคำ
“พอทานได้ไหมคะ”
“ก็พอได้นะคะแต่ถ้าจะให้รู้รสต้องเพิ่มอีกหนึ่งมันไม่อ้วนใช่ไหม” คนสวยกินเก่งแต่กลัวอ้วนถามย้ำทั้งที่จริงเธอผอมจนเอวคอด
“ใช่ค่ะ ไม่อ้วนแน่นอน”
พายไข่จึงคิดจะถ่ายรูปอาหารจานนี้และเขียนในบทความด้วยจึงสั่งเพิ่ม เจ้าของร้านราดแป้งลงไปในหม้อที่ขึงผ้าขาวบางคล้ายการทำขนมปากหม้อใส่ผักและไข่อย่างชำนาญ พายไข่ยกกล้องตามเข้าไปถ่าย
“ขอฉันถ่ายรูปหน่ยนะคะ”
“ตามสบายค่ะ”
พายไข่มีสมาธิในการถ่ายรูปมากจนเจ้าของร้านอดจะแปลกใจไม่ได้ว่าเธอคงไม่ใช่นักท่องเที่ยวแบบที่ขอถ่ายรูปตามธรรมดา
“คุณดูตั้งใจถ่ายจัง”
“แน่ล่ะสิคะ ฉันมาทำงานพอดีและก็ไม่รู้จะเขียนอะไรที่นี่ไม่เห็นมีอะไรเลย เจ้าข้าวพันนี่อาจจะทำให้ฉันมีอะไรเขียนได้บ้าง”
“คุณเป็นนักเขียนเหรอคะ”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้แต่ฉันไม่ได้เขียนเกี่ยวกับเรื่องอาหารหรือท่องเที่ยวแบบที่ทำอยู่นี่หรอกนะ อันนี้เป็นงานเฉพาะกิจภาคบังคับ”
“ถึงว่าสิคะฉันคิดว่าคุณดูเหมือนพวกนางแบบมากกว่านักเขียน”
“อันนี้ชมฉันใช่ไหมคะ แต่อันที่จริงฉันก็เป็นนักเขียนค่ะ แต่เขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องอื่น”
“คงเกี่ยวกับความสวยความงามหรือไม่ก็แฟชั่น”
“นั่นแหละค่ะงานถนัด”
“คุณบอกว่าที่นี่ไม่มีอะไรเหรอคะ คุณเพิ่งจะมาเป็นครั้งแรกหรือเปล่า”
“ใช่ค่ะเขาส่งฉันมาทำงานที่นี่ และเป็นครั้งแรกที่เดินทางมา”
“ถ้าอย่างนั้นคุณอาจจะไม่รู้จักที่นี่ เพราะท่าคุณรู้จักท่าคาดีคุณจะหลงรักท่าคา”
“อีกแล้ว” คำพูดแบบนี้เหมือนที่ปราบพี่ชายของเธอกรอกหูก่อนมา
“แล้วที่นี่มี่อะไรดีล่ะคะ”
“อยากรู้คืนนี้ลองมาพักที่นี่ดูสิคะ เรามีรีสอร์ทเล็กๆอยู่ด้านหลังร้านค่ะ ที่นี่บรรยากาศดีมากกลางคืนอากาศเย็นแทบจะไม่ต้องเปิดแอร์เลย กลางคืนมีเรือพายไปชมหิ่งห้อยด้วย”
“พายเรือตอนกลางคืนไปชมหิ่งห้อยเหรอคะ” เธอเคยไปชมหิ่งห้อยที่ตลาดน้ำชื่อดังใกล้ๆกันนี้แต่เป็นเรือยนต์
“หิ่งห้อยจริงๆเหรอคะ ไม่ใช่หลอดไฟกระพริบแน่นะ”
หากคนขายเป็นคนอารมณ์ร้อนอาจจะตะเพลิดเธออกนอกร้านแล้วก็ได้ที่ถามคำถามแบบนี้แต่เจ้าของร้านใจเย็นและบุคลิกของเธอบ่งบอกว่าเป็นคนตรงและเชื่อมั่นตัวเองมากกว่าการใช้คำพูดดูถูก
“คืนนี้คุณลองมาชมและเอามือไปจับสัมผัสกับมันเองดีกว่าค่ะคุณจะได้ทราบว่ามันเป็นหิ่งห้อยแท้และหิ่งห้อยเทียม”
“ฉันขอโทษนะคะที่พูดแบบนั้นออกไป”
“ไม่หรอกค่ะฉันไม่ได้โกรธ ก็เดี๋ยวนี้หิ่งห้อยตัวน้อยมันหาดูยากจริงๆนี่คะ น้ำไม่สะอาด อากาศไม่ดีก็ไม่มีหิ่งห้อยพวกเราที่นี่ถึงต้องอนุรักษ์น้ำและสภาพแวดล้อมเอาไว้ให้ดีที่สุด”
มีใครบางคนที่นั่งก้มหน้าทานอาหารอยู่เงียบๆและเงยหน้าขึ้นมาลอบมองพายไข่อยู่หลายครั้งพลางพิจรณาการแต่งตัว
“นี่เขาจะมาตล
มนต์รักท่าคา ตอนที่
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นบุคคลในนิยายไม่ได้มีตัวตนเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น
เรื่อง มนต์รักท่าคา
เดือนเมษายนเดือนที่ได้ขึ้นชื่อว่าร้อนที่สุดกว่าทุกเดือนในรอบปี แอร์คอนดิชั่นที่ปรับอุณหภูมิไว้เหลือเพียงแค่ยี่สิบสามองศาภายในสำนักงานของนิตยสารชื่อดังของเมืองไทย ยังไม่ทำให้ใจของ พายไข่ หรือ เมษา พัชชานันท์ คอลัมนิสต์สาวชื่อดังที่เขียนบทวามด้านความสวยความงา และเครื่องสำอางแบรนด์ดังเย็นลงไม่ได้เมื่อรู้ตัวว่าบรรณาธิการหนุ่มหล่อคนตรงหน้าหรือพี่ชายแท้ๆของเธอสั่งให้ลงพื้นที่และเขียนบทความตะเวนเที่ยวทั่วไทยแทนรัชชานนต์เจ้าของคอลัมน์ที่กำลังบาดเจ็บสาหัส
“ทำไมต้องเป็นพายไข่ด้วยล่ะพี่ปราบ พี่ก็รู้ว่างานนี้มันไม่เหมาะกับพายไข่เลยสักนิดพายไข่ถนัดแต่เรื่องความสวยความงามและสินค้าแบรนด์เนมไม่ได้ถนัดตระเวนเที่ยวตะลอนกิน”ใบหน้าสวยจัดของพายไข่เชิดขึ้นเล็กน้อย คนเป็นพี่ชายและบรรณาธิการสำนักพิมพ์จับไหล่พายไข่ และกดให้นั่งไปที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“อย่าลุกหนี นั่งเฉยๆ ห้ามพูด ห้ามเถียง”
“บก. จอมเผด็จการ”
“ เพราะพี่เชื่อว่าพายไข่ต้องทำได้ และที่สำคัญตอนนี้ไม่มีใครว่างพอจะปลีกเวลามาเขียนคอลัมน์ตระเวนเที่ยวทั่วไทยให้พี่ได้นอกจากเธอ เธอเองก็รู้นี่รัชชานนต์ถูกเมียมันเอาไม้เบสบอลฟาดแขนหักต้องพักรักษาตัวหลายเดือน”
“ที่คุณรัชชานนท์ต้องบาดเจ็บก็เพราะพี่เร่งต้นฉบับจนคุณรัชชานนท์กลับบ้านค่ำทุกวัน จนภรรยาเขานึกว่าถูกสามีนอกใจเลยทะเลาะกันใหญ่เอาไม้ฟาดจนแขนหักเพราะฉะนั้นพี่เองนั่นแหละต้องรับผิดชอบ”
“มากไปแล้วยัยพายไข่ไม่ต้องมาเถียงพี่คิดดูแล้วเธอนั่นแหละดีเสียอีกเธอจะได้ไปสูดอากาศบริสุทธิ์เสียบ้างได้เปลี่ยนบรรยากาศพี่ว่าดีออก คอมลัมน์ของเธอก็เขียนคู่กันไปได้เพราะงานของเธอไม่ต้องลงพื้นที่บางครั้งเจ้าของผลิตภัณฑ์ก็ส่งตัวอย่างมาให้เองอยู่แล้ว”
“มันก็จริงค่ะว่าพายไข่ยังมีเวลาว่างพอจะเขียนให้ได้ แต่พี่เข้าใจเรื่องของความถนัดไหมคะ พายไข่ไม่ถนัดเรื่องท่องเที่ยวเสียหน่อย”
“ก็เธอเอาชีวิตหมกตัวอยู่แค่ในเมืองหลวง และข้าวของแบรนด์เนมพี่เลยอยากให้เธอได้ไปสัมผัสอะไรที่ชีวิตนี้เธอไม่เคยรู้จักบ้าง อย่างเช่นคำว่าน้ำใจ”
“นี่พี่ปราบจะหลอกด่าพายไข่ว่าไม่ยอมช่วยรัชชานนท์ก็ว่ามาเถอะ”
“ไม่ได้หลอกด่า แต่อยากจะให้เธอไปเจออะไรที่ชีวิตเธอยังไม่เคยเจอ”
“แล้วเคยถามพายไข่สักคำไหมคะว่าอยากไปหรือเปล่า”
“เอาน่าพายไข่คนสวย ช่วยพี่หน่อยก็แล้วกันนะ”
พายไข่ยืนขึ้นและกอดอกก่อนจะเชิดหน้าเล็กน้อย “ก็ได้ค่ะ แล้วคราวนี้จะให้ไปตระเวนกิน ตระเวนเที่ยวที่ไหนล่ะคะ”
“ไม่ไกลหรอกสถานที่ท้องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ แค่นิดเดียวแต่บอกไว้ก่อนถ้าเธอไปแล้วจะตกหลุมรัก” “ที่ไหนคะพี่ปราบ”
“ท่าคา”
“ฮะ อะไรนะท่าคา ไม่เห็นเคยได้ยิน ชื่อมัน...” พายไข่เกาศีรษะและเอานิ้วเคาะเล่นเหมือนพยายามนึก
ปราบถอนใจ “ไปแล้วเธอจะตกหลุมรักท่าคาไม่เชื่อลองไปดู ท่าคามีมนต์เสน่ห์มาก บรรยากาศแบบนี้หาได้ยากแล้วในเมืองไทยที่นั่นไม่ได้มีความศิวิไลไม่ได้มีอะไรมากแต่มีอย่างที่ท่าคามีและที่อื่นไม่มี ท่าคาไม่ใช่ตลาดน้ำแบบที่จัดขึ้นจนเกลื่อนเหมือนดอกเห็ด แต่เป็นตลาดดั้งเดิมของชาวสวนในละแวกนั้นสมัยก่อนจะนัดเป็นข้างขึ้นข้างแรม แต่ปัจจุบันก็จัดขึ้นในวันเสาร์-อาทิตย์ ให้นักท่องเที่ยวสะดวกในการเดินทาง”
“ตลาดน้ำ ชาวสวน โอ้..ไม่เอาอ่ะมันจะมีอะไรให้สนใจล่ะคะ แดดคงจะร้อนเปรี้ยง เดี๋ยวพายไข่ผิวเสียหมด ”
“มากไป มันคงไม่ตายภายในวันเดียวหรอก ถ้าไปแล้วไม่ต้องมนต์ท่าคาพี่สัญญาว่าจะซื้อกระเป๋าที่เธอกำลังคลั่งอยากจะได้ให้เลยโอเคไหม ”
สาวตากลมหน้าสวยตาลุกวาว “จริงๆนะ พี่ปราบไม่ได้โกหกใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นพายไข่จะไปก็ได้เพื่อจะกลับมายืนยันว่าพายไข่ไม่มีทางตกหลุมรักท่าคา”
“แต่พี่เชื่อว่าเธอจะตกหลุมารักท่าคา” ปราบพูดอย่างมั่นใจด้วยตาเป็นประกายอย่างคนมีแผน
พายไข่ส่งยิ้มสวยขี้เล่นให้พี่ชาย “ไม่มีทาง”
ปราบส่ายหน้าและมองพายไข่ สาวสวยจัดนัยน์ตาโตหวานฉ่ำ จมูกโด่งบ่งบอกว่าเป็นคนรั้น แต่มีแก้มอิ่มหน้าหยิก ริมฝีปากบางรูปกระจับ ทั้งหมดภายในวงหน้ารูปไข่รวมแล้วเรียกว่าสวยหาที่ติแทบไม่ได้ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของเธอเป๊ะไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผมไม่มีขาดไม่มีเกิน ของใช้ทุกชิ้นของพายไข่ล้วนแต่เป็นยี่ห้อระดับไฮเอ็นทั้งสิ้นเงินเดือนแต่ละเดือนจึงหมดไปกับสินค้าแบรนด์เนมแต่พายไข่คงไม่ได้สนใจหรือสะทกสะท้านกับเม็ดเงินนับหมื่นนับแสนแต่ละเดือนตรงนั้นเพราะเธอเป็นบุตรคนเล็กและเป็นบุตรสาวคนเดียวของนายพีระพัฒน์ พัชชานนท์ นักธุรกิจคนดังที่มีฐานะร่ำรวยติดอันดับหนึ่งในห้าสิบเศรษฐีเมืองไทย
+++++++++++++++++++
ตลาดน้ำท่าคา
“ให้ตายตลาดอะไรเปิดตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ใครจะตื่นมาเที่ยวทัน” พายไข่กับรถหรูคันเล็กคู่ใจในมือมีแผนที่ซึ่งปราบให้เลขาหามาให้
เพราะหน้าที่จึงทำให้พายไข่ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาท่าคามาเขียนเรื่องราวของที่นี่เสร็จให้ทันก่อนนิตยสารจะออกในสัปดาห์น่าปราบต้องการให้เธอช่วยเขียนโปรโมตท่าคาเพราะพี่ชายเธอติดใจที่นี่นัก ทำให้พายไข่เริ่มจะอยากรู้แล้วว่าท่าคามีอะไรเธอขับรถมาเรื่อยๆในยามเช้าอากาศดีมากมีป้ายบอกทางไปท่าคาตลอดระยะทางที่ผ่านเต็มไปด้วยสวนมะพร้าว
“ดีนะที่มีป้ายบอกตลอดทางไม่อย่างนั้นฉันคงลงในดงมะพร้าวแน่นอน ทางไปตลาดน้ำอะไรมีแต่สวนมะพร้าว”
ความเงียบสงบ ต้นไม้ที่เขียวขจี โดยเฉพาะต้นมะพร้าวมีให้เห็นตลอดทางแม้ในยามเช้าตรู่พายไข่ก็เห็นคนปีนพระองไปเก็บน้ำตาลมะพร้าว ภาพแบบนี้เธอไม่เคยเห็นเลยในชีวิตประจำวัน ทำให้พายไข่หยุดรถและยกกล้องถ่ายรูปชายสูงวัยที่ปีนพระองอยู่เห็นเข้าก็หันมาส่งยิ้มและโบกมือให้เธอ พายไข่รีบยกกล้องปรับเลนส์และเก็บภาพนั้นไว้
เธอจึงตะโกนร้องทักขึ้น“ขยันจังเลยค่ะคุณลุง เช้าขนาดนี้ตื่นมาเก็บน้ำตาลแล้ว”
“นี่มันสายแล้วแม่หนู ชาวสวนเขาตื่นทำงานกันตั้งแต่ตีห้านี่ก็จะเสร็จอยู่แล้ว”
“สายแล้วเหรอเจ็ดโมงเช้าเนี่ยนะ” พายไข่พูดกับตัวเองถ้าไม่ได้มาที่นี่เก้าโมงเช้าเธอจึงจะตื่น
“ ชาวสวนเขาตื่นกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางอีหนูเอ้ย”
พายไข่หัวเราะแหะ“ไปก่อนนะคะลุง หนูจะรีบไปท่าคาขอบคุณมากที่ให้ถ่ายรูป”
“โชคดีนะแม่หนู ขับรถดีๆล่ะ”
พายไข่ขับรถต่อมาอีกไม่นานผ่านสวนมะพร้าวก็เจอป้ายขนาดใหญ่บอกทางเลี้ยวเข้าตลาดท่าคา พายไข่จอดรถมีรถเบาบางไม่หนาตาเนื่องจากเป็นวันเสาร์ อากาศสดชื่นทำให้เธอเผลอสูดอากาศเข้าไปลึกๆ อากาศดีเหลือเกิน อากาศแบบนี้พายไข่ไม่เคยได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้ในกรุงเทพฯมาก่อน เธอรู้สึกหายใจได้เต็มปอด ความเงียบสงบของที่นี่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้อย่างประหลาด ทั้งๆที่พายไข่บอกตัวเองเสมอว่าเธอไม่ได้ต้องการถวิลหาธรรมชาติเธอชอบชีวิตอย่างคนยุคใหม่แบบที่เป็นอยู่มากกว่า
ภาพท่าคาที่เธอเห็นในเวลานี้ทำให้ตาของพายไข่เบิกกว้างพร้อมส่ายศีรษะ “ไม่เห็นมีไรเท่าไหร่เลยอ่ะ ไหนพี่ปราบคุยนักคุยหนาว่าท่าคามีมนต์เสน่ห์ มาแล้วจะต้องหลงรัก งานนี้สงสัยพายไข่จะได้กระเป๋าแน่แล้ว”พายไข่กระตุกยิ้มแล้วสะพายกล้องมองเห็นตลาดและของขายไม่มากนัก เธอจึงไม่ทันเดินเข้าไปสัมผัสคิดว่าจะรอให้สายกว่านี้สายตาพลันเห็นตรงข้ามกับตลาดมีร้านค้าและป้ายร้านอาหารมีกาแฟบริการ คนสวยติดกาแฟจึงพาขาเรียวยาวก้าวเข้าไปในร้านนึกถึงร้านกาแฟสดในเมืองหลวง
ร่างโปร่างบางทรุดตัวนั่งลงร้านหน้าตาธรรมดาไม่รู้หราแต่พายไข่บอกับตัวเองว่าเธอกินอยู่ง่ายวันเดียวไม่ตายหรอก“ขอเอสเพรสโซ่แก้วนึงค่ะ”
เจ้าของร้านร่างเล็กผิวขาวเดินมาส่งยิ้มให้พายไข่ “ไม่มีหรอกค่ะ มีแต่กาแฟโบราณ”
“เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะฉันทานง่าย เอาน้ำเปล่าขวดหนึ่งก็แล้วกัน” พายไข่ชอบพูดและคิดว่าตนเองเป็นคนทานง่ายไม่เรื่องมากเมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนในกลุ่ม
“ตกลงไม่รับกาแฟแล้วเหรอคะ” พายไข่กำลังเช็ดเลนส์กล้อง “ขอน้ำเปล่าแบบขวดใสยี่ห้อที่ได้มาตรฐานก็พอแล้วค่ะ” เจ้าของร้านยิ้มแบบงงๆและรีบนำมาให้
พายไข่กำลังก้มหน้าก้มตาเช็ดเลนกล้องปลายจมูกได้กลิ่นหอมโชยเข้ามาทำให้เธอเผลอสูดกลิ่น
“หอมจัง” พอดีกับน้ำเปล่าหนึ่งขวดตามสั่งถูกวางลงตรงหน้า “กลิ่นอะไรเหรอคะห๊อม หอม”
“เขาเรียกว่าข้าวพันผักค่ะ เป็นของดีเมืองอุตรดิตถ์”
พายไข่ส่ายหน้า “ไม่เคยได้ยิน”
“คุณอยากลองทานไหมคะ”
พายไข่ทำสีหน้าแบบบรรยายไม่ถูกกลิ่นมันหอมมาก “ลองดูก็ได้ค่ะ แต่ว่ามันจะอ้วนไหม” เจ้าของร้านยิ้มเก่งมองลูกค้าคนสวยที่แต่งตัวไม่เหมือนคนละแวกนี้และยังแต่งตัวแปลกกว่านักท่องเที่ยวทั่วไปด้วยสายตาเป็นมิตรแกมขำ
“ไม่อ้วนหรอกค่ะ มีแต่ผักกับไข่เป็นเมนูสุขภาพ”
“ถ้าอย่างนั้นก็จัดมาหนึ่ง”
ไม่ถึงสองนาทีข้าวพันผักร้อนๆ (แป้งบางๆห่อไข่และผักทานคู่กับน้ำจิ้มคล้ายน้ำจิ้มสุกี้) ก็ถูกวางตรงหน้าเธอ พายไข่หยิบช้อนและซ่อมขึ้นมาเช็ดและลองทานจากนั้นก็ทานต่ออีกหลายคำ
“พอทานได้ไหมคะ”
“ก็พอได้นะคะแต่ถ้าจะให้รู้รสต้องเพิ่มอีกหนึ่งมันไม่อ้วนใช่ไหม” คนสวยกินเก่งแต่กลัวอ้วนถามย้ำทั้งที่จริงเธอผอมจนเอวคอด
“ใช่ค่ะ ไม่อ้วนแน่นอน”
พายไข่จึงคิดจะถ่ายรูปอาหารจานนี้และเขียนในบทความด้วยจึงสั่งเพิ่ม เจ้าของร้านราดแป้งลงไปในหม้อที่ขึงผ้าขาวบางคล้ายการทำขนมปากหม้อใส่ผักและไข่อย่างชำนาญ พายไข่ยกกล้องตามเข้าไปถ่าย
“ขอฉันถ่ายรูปหน่ยนะคะ”
“ตามสบายค่ะ”
พายไข่มีสมาธิในการถ่ายรูปมากจนเจ้าของร้านอดจะแปลกใจไม่ได้ว่าเธอคงไม่ใช่นักท่องเที่ยวแบบที่ขอถ่ายรูปตามธรรมดา
“คุณดูตั้งใจถ่ายจัง”
“แน่ล่ะสิคะ ฉันมาทำงานพอดีและก็ไม่รู้จะเขียนอะไรที่นี่ไม่เห็นมีอะไรเลย เจ้าข้าวพันนี่อาจจะทำให้ฉันมีอะไรเขียนได้บ้าง”
“คุณเป็นนักเขียนเหรอคะ”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้แต่ฉันไม่ได้เขียนเกี่ยวกับเรื่องอาหารหรือท่องเที่ยวแบบที่ทำอยู่นี่หรอกนะ อันนี้เป็นงานเฉพาะกิจภาคบังคับ”
“ถึงว่าสิคะฉันคิดว่าคุณดูเหมือนพวกนางแบบมากกว่านักเขียน”
“อันนี้ชมฉันใช่ไหมคะ แต่อันที่จริงฉันก็เป็นนักเขียนค่ะ แต่เขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องอื่น”
“คงเกี่ยวกับความสวยความงามหรือไม่ก็แฟชั่น”
“นั่นแหละค่ะงานถนัด”
“คุณบอกว่าที่นี่ไม่มีอะไรเหรอคะ คุณเพิ่งจะมาเป็นครั้งแรกหรือเปล่า”
“ใช่ค่ะเขาส่งฉันมาทำงานที่นี่ และเป็นครั้งแรกที่เดินทางมา”
“ถ้าอย่างนั้นคุณอาจจะไม่รู้จักที่นี่ เพราะท่าคุณรู้จักท่าคาดีคุณจะหลงรักท่าคา”
“อีกแล้ว” คำพูดแบบนี้เหมือนที่ปราบพี่ชายของเธอกรอกหูก่อนมา
“แล้วที่นี่มี่อะไรดีล่ะคะ”
“อยากรู้คืนนี้ลองมาพักที่นี่ดูสิคะ เรามีรีสอร์ทเล็กๆอยู่ด้านหลังร้านค่ะ ที่นี่บรรยากาศดีมากกลางคืนอากาศเย็นแทบจะไม่ต้องเปิดแอร์เลย กลางคืนมีเรือพายไปชมหิ่งห้อยด้วย”
“พายเรือตอนกลางคืนไปชมหิ่งห้อยเหรอคะ” เธอเคยไปชมหิ่งห้อยที่ตลาดน้ำชื่อดังใกล้ๆกันนี้แต่เป็นเรือยนต์
“หิ่งห้อยจริงๆเหรอคะ ไม่ใช่หลอดไฟกระพริบแน่นะ”
หากคนขายเป็นคนอารมณ์ร้อนอาจจะตะเพลิดเธออกนอกร้านแล้วก็ได้ที่ถามคำถามแบบนี้แต่เจ้าของร้านใจเย็นและบุคลิกของเธอบ่งบอกว่าเป็นคนตรงและเชื่อมั่นตัวเองมากกว่าการใช้คำพูดดูถูก
“คืนนี้คุณลองมาชมและเอามือไปจับสัมผัสกับมันเองดีกว่าค่ะคุณจะได้ทราบว่ามันเป็นหิ่งห้อยแท้และหิ่งห้อยเทียม”
“ฉันขอโทษนะคะที่พูดแบบนั้นออกไป”
“ไม่หรอกค่ะฉันไม่ได้โกรธ ก็เดี๋ยวนี้หิ่งห้อยตัวน้อยมันหาดูยากจริงๆนี่คะ น้ำไม่สะอาด อากาศไม่ดีก็ไม่มีหิ่งห้อยพวกเราที่นี่ถึงต้องอนุรักษ์น้ำและสภาพแวดล้อมเอาไว้ให้ดีที่สุด”
มีใครบางคนที่นั่งก้มหน้าทานอาหารอยู่เงียบๆและเงยหน้าขึ้นมาลอบมองพายไข่อยู่หลายครั้งพลางพิจรณาการแต่งตัว
“นี่เขาจะมาตล