มนต์รักท่าคา ตอนที่ 2 (ตำนานรักต้นลำพู กับ หิ่งห้อย)

กระทู้สนทนา

ตอนที่2 (ตำนานหิ่งห้อย กับ ต้นลำพู)     

พายไข่ขอถ่ายรูปและขอสัมภาษณ์เรื่องราวประวัติของท่าคากับเจ้าของร้านอาหารอีกนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าเริ่มมีรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถกว้างหน้าตลาดมากขึ้นและลูกค้าเริ่มเข้าร้านพายไข่จึงกล่าวขอบคุณสำหรับข้อมูลและบอกลาเจ้าของร้าน          

“ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยให้ข้อมูลฉัน ค่าอาหารทั้งหมดเท่าไหร่คะ”     

“ทั้งหมดห้าสิบบาทค่ะ แต่คุณไม่ต้องจ่ายมื้อนี้ฉันเลี้ยงค่ะ”     

คอลัมนิสม์สาวหน้าสวยถึงกับอึ้งสองครั้งติดกันครั้งแรกกับราคาอาหารสองจานน้ำหนึ่งขวดแค่ห้าสิบอิ่มจนจุกก็ตกใจมากแล้ว อึ้งรอบสองเพราะเจ้าของร้านบอกให้กินฟรี     

“ไม่ได้หรอกค่ะ คุณขายถูกแล้วยังไม่เก็บเงินอีก”       

“ของแค่นี้เองอย่างน้อยคุณจะได้มีอะไรที่ประทับใจในท่าคาบ้าง แล้วอย่าลืมนะคะคืนนี้คุณลองเข้ามาชมหิ่งห้อยที่นี่สิ คุณจะได้บรรยากาศบ้านสวนริมน้ำอย่างแท้จริง”     

พายไข่อมยิ้มพยักหน้า แต่ก็ไม่คิดว่าจะกลับเข้ามาอีกหรือเปล่าดึกๆในตลาดน้ำกลางดงมะพร้าว   

หลังจากขอบคุณและรู้สึกอิ่มเอมกับน้ำใจที่ได้รับพายไข่ก็เข้ามาในเขตตลาดน้ำริมคลองเพื่อจะได้ทำงานต่อ พื้นที่โล่งๆที่เป็นขนัดสวนติดกับลำคลองดูสะอาดตาแม่ค้าไม่มากจนหนาแน่นเหมือนตลาดน้ำทั่วไปแต่ก็ไม่น้อยจนโหลงเหลงบรรยากาศตลาดน้ำกลางสวนมะพร้าวที่นี่อากาศดีลมเย็นพัดโชยมาตลอด   

“มีดนตรีกลางสวนมะพร้าวด้วย” พายไข่เหลือบไปเห็นนักร้องวัยรุ่นแต่งตัวเซอร์สามคนกำลังขึ้นเวทีเตี้ยๆกลางสวนและร้องเพลงทำนองเบาๆฟังแล้วสบายหู เด็กผู้ชายวัยขวบเศษกำลังโยกกายย่อเข่าเต้นอย่างเมามันในจังหวะเพลงช้าที่ด้านหน้าเวทีพายไข่หัวเราะและยกกล้องเก็บภาพนั้น   
  
จากนั้นเธอจึงเดินชมร้านค้าขนมและอาหารทุกอย่างอยู่ในรูปแบบกระทงใบตองแถมราคาถูกมากๆ หน้าตาน่ารับประทานจนคนที่อิ่มจากข้าวพันมายังห้ามใจไม่ได้  
   
“ขนมหวาน” สองเท้ารีบเข้าไปหาเพราะพายไข่ชอบทานขนมหวานเป็นที่สุด ขนมหวานไทยน่าตาน่ากินบางอย่างดูหายากมากในปัจจุบัน   
   
“ข้าวเหนียวสังขยา กระทงเท่าไหร่คะยาย”
     
“สิบบาทจ้าหนู”  
        
“อะไรนะสิบบาท ถูกมาก” ตาของพายไข่โตขึ้นกว่าเดิม เคยซื้อที่ร้านขนมไทยในห้างสรรพสินค้าชื่อดังแพงกว่านี้หลายเท่าตัว          

ต่อจากนั้นขนมถ้วย ตะโก้ ขนมมัน จึงถูกจับใส่ถุงส่งให้สาวสวยที่มีสีหน้าประหลาดกับการซื้อขนมกระทงละสิบบาท มองไปตรงนั้นมองไปตรงนี้ก็มีแต่ขนมอาหารน่าอร่อย อาหารน่าทาน แถมกลิ่นก๋วยเตี๋ยวน้ำแดงเอกลักษณ์ของที่นี่ยังโชยกลิ่นมาเตะจมูกพายไข่อีก ดังนั้นที่ บก. ปราบสั่งให้พายไข่มาเขียนบทความท่องเที่ยวแต่ตอนนี้พายไข่กำลังทำตัวเป็นนักชิมมืออาชีพเรียกว่าลืมอ้วนกันเลย สาวสวยในชุดเสื้อผ้าทะมัดทะแมงแต่บ่งบอกถึงความหรูหราและราคาแพง เดินซื้อขนมชมผลไม้ยังอยู่ในสายตาของใครบางคนที่เห็นแล้วอดขำไม่ได้มือหนึ่งถือของกินมือหนึ่งถ่ายรูปปากยังเคี้ยวตุ้ยๆ        

“ช่างแยกประสาตสัมผัสได้ดีจริงๆ ยัยพายไข่คนนี้” วาคิมอมยิ้ม     

พายไข่ยกกล้องถ่ายรูปขึ้นถ่ายภาพ ลำคลองสะอาดที่มีเรือพายจากชาวบ้านนำสินค้าทางการเกษตรจำพวก มะม่วง ชมพู่ มะพร้าว หมากพลู มาขาย พร้อมระบายยิ้มออกมา งานในวันนี้แตกต่างกับงานที่เคยเขียนและทำมากเธออคติกับมันตั้งแต่ยังไม่ได้สัมผัส แต่ไม่อยากเชื่อเลยว่าเพียงชั่วโมงเดียวที่ได้เดินชมบรรยกาศของที่นี่ความสบายใจ ความรู้สึกปลอดโปร่งเกิดขึ้นมาอย่างประหลาดสิ่งแบบนี้หาไม่ได้ในเมืองหลวงอันวุ่นวาย แต่ทว่าพายไข่ก็ยังไม่รู้จะเขียนอะไรลงไปในบทความอยู่ดีเธอจะต้องรีบทำงานหาข้อมูลมาเขียนให้ได้ภายในวันนี้มิเช่นนั้นจะต้องพักที่นี่ ถึงแม้จะยอมรับว่าขนมของกินถิ่นนี้อร่อยจริง แต่ถ้าให้พักค้างคืนกลางสวนมะพร้าวคนหัวสูงจอมจินตนาการก็ส่ายหัวทันที        

“แม่ครับๆ ผมอยากลงเรือ” เสียงเด็กชายวัยคงไม่เกินอนุบาลร้องให้คนเป็นแม่พาไปนั่งเรือพายท้ายๆ ตลาดซึ่งพายไข่เองก็ได้รับคำแนะนำจากเจ้าของร้านอาหารมาเหมือนกันว่าให้นั่งเรือไปชมวิถีชีวิตของชาวท่าคาเมื่อมองเห็นท่าขึ้นเรือและเห็นว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาตินั่งเรือชมคลอง ชมสวน พายไข่ก็พาหุ่นสวยในชุดหรูเข้าไปสอบถามทันที        

“เรือจะพาไปที่ไหนบ้างคะและค่าบริการเท่าไหร่”     

“เหมาลำสองร้อยครับแต่ถ้าคุณมาคนเดียวร้อยห้าสิบก็ได้ จะพาไปชมวิถีชีวิตริมฝั่งคลอง และไปดูการทำน้ำตาลมะพร้าวที่เตาตาล จากนั้นจะพายเรือไปชมบ้านที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่เคยเสด็จประพาส หรือคุณจะเหมาไปชมสวนผลไม้เพิ่มก็ได้”       

“โอเคค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอเหมาลำขอฝีพายมือดีๆนะคะเพราะว่าฉันว่ายน้ำไม่เป็น” พายไข่แอบกระซิบ “ขอแบบไม่แก่มากก็ได้ค่ะกลัวลุงแกจะเป็นลมพายไม่ไหว”     

คนจัดคิวเรือพายถึงกับหัวเราะ “โธ่! คุณครับยิ่งแก่ยิ่งมีฝีมือพาย คนละแวกนี้ไม่ว่าหนุ่มว่าแก่พายเรื่อกันเก่งครับไม่ต้องกลัวเรื่องเรือล่ม”        

“เปล่าหรอกค่ะ ฉันแค่กลัวว่าให้คุณลุงอายุเยอะพายเรือไปเกิดแกเป็นลมกลางทางฉันจะพายกลับไม่ได้ว่ายน้ำก็ไม่เป็น”          

“ได้ครับเดี๋ยวผมจัดให้” คนจัดคิวเรือกำลังหันไปหาเรือให้เธอก็พบว่านักท่องเที่ยวลงกันจนเต็มทุกลำ”

“อ้าว! เรือหมดเสียแล้วคุณรอหน่อยนะครับวันเสาร์เรื่อไม่ค่อยเยอะเท่าวันอาทิตย์”   

พายไข่เบ้หน้ากลัวว่าสายกว่านี้แดดจะร้อนเดี๋ยวผิวจะเสีย “หาให้ฉันหน่อยไม่ได้เหรอคะฉันมาทำงานถ้าแดดแรงมากไปเดี๋ยวถ่ายภาพไม่สวย ที่สำคัญคือมันร้อนแล้วฉันจะดำ”     
คนจัดคิวเรือกำลังมองหาว่าจะมีเรือพายเข้าท่ามาไหมและพายไข่เหลือบเห็นชายร่างสูงรูปร่างกำยำมีผ้าขาวม้าพันหน้าเว้นแค่รอบดวงตาสวมงอบอย่างชาวสวนแต่งกายเหมือนผู้ชายชาวสวนทั่วไปกำลังลงไปในเเรือลำหนึ่งที่จอดเทียบท่าไว้          

“นี่ไงคะเรือกับคนพายฉันไปลำนี้ละกันค่ะ” พายไข่ก้าวลงเรือลำนั้นไปทันที   

“เดี๋ยวคุณ ไม่ได้ครับ นั่นเอ่อ...”        

แต่คนที่ลงไปนั่งในตำแหน่งคนพายส่ายส่งสัญญาณให้คนจัดคิวเรือพายไม่ต้องพูดอะไรอีก  
“คุณผู้หญิงคนนี้จะไปที่ไหนเหรอครับลุงแดง”       
พายไข่ชิงตอบแทน “คุณพายไปก่อนตามเส้นทางท่องเที่ยวปกติถ้าฉันอยากไปไหนอีกจะบอก ฉันจ่ายได้ไม่อั้นค่ะ แต่พายดีๆก็แล้วกันอย่าทำฉันตกน้ำ และก็ห้ามเป็นลมหมดแรงพายอย่างเด็ดขาดเพราะฉันพายเรื่อไม่ได้และว่ายน้ำไม่เป็น”          
“ครับคุณนาย”เขารับคำเธอ พร้อมเสียงหัวเราะหึๆในลำคอแววตาคู่คมไหวระริกอย่างขบขัน  
เรือที่พายไข่นั่งสวนกับเรือแม่ค้าก๋วยเตี๋ยว “อ้าว! จะไปไหนล่ะพ่อพาใครมาด้วย แฟนเหรอ”  

เสียงทักของคุณยายที่ขายก๋วยเตี๋ยวโบราณทำให้พายไข่หน้าแดง “ตายล่ะสวยๆอย่างฉันถูกทักเป็นแฟนคนพายเรือ” เธอคิดว่าใต้ภายหน้าผ้าที่โพกศีรษะปิดหน้านั้นคงเป็นชายวัยกลางหน้าตามีอายุเหมือนคนพายเรื่อคนอื่นๆที่เห็นเมื่อครู่          

“ไม่ใช่หรอกครับ ธอเป็นนักท่องเที่ยว คุณยายขายดีไหมครับวันนี้”     

“ก็ขายได้เรื่อยๆค่ะ พอได้ๆค่ะคุณปลัด ว่าแต่คุณปลัดมารับจ็อบพายเรือพานักท่องเที่ยวชมคลองด้วยเหรอคะ”

คุณยายใส่เสื้อลายดอกหัวเราะปนยิ้ม        

วาคิมตอบกลับเบาๆ “กรณีพิเศษครับ ผมขอตัวก่อนก็แล้วกันครับคุณยาย”   

“ถามจริงๆเถอะอำกันเล่นหรือเปล่าพ่อคุณ ไม่ใช่แฟนจริงๆเหรอช่างสวยสมกันอย่างอะไรดี” คนสูงวัยแอบถามเบาๆตอนเรือเทียบกัน        

ไม่รู้ว่าพ่อหนุ่มคนพายเรื่อตอบว่าอะไรไปและพายไข่ก็ไม่ได้สนใจฟังเรื่องที่ทั้งคู่คุยกันเพราะมัวแต่ถ่ายรูปแต่เห็นคุณยายคนนั้นหัวเราะเบาๆและเบนเรือเข้าฝั่งเพื่อไปหาลูกค้าที่กวักมือเรียก   

พายไข่ได้ยินไม่ค่อยชัดและไม่ได้สนใจนักเพราะพอลงมานั่งอยู่ในเรือเธอก็เห็นวิวอีกแบบของตลาดน้ำแห่งนี้พายไข่รีบเก็บภาพแม่ค้าที่พายเรือสวนกันไปมามีทั้งเรือขายผลไม้สวนอย่างมะม่วง มะพร้าว ส้มโอ เหลือขายก๋วยเตี๋ยว กระเพาะปลา จนกระทั่งผ่านไปประมาณห้าร้อยเมตรภาพตลาดที่ค่าค่ำด้วยเรือพายขายของเริ่มหายไปเป็นสภาพสองฝั่งของที่มีต้นลำภู ต้นโกงกาง และต้นไม้ชายเลนอื่นขึ้นสลับกันสภาพเส้นทางที่ผ่านมาจะเป็นสวนมะพร้าวสวนผลไม้ สลับกับบ้านคนที่ปลูแบบเรียบง่ายปลูกอยุ่ริมน้ำห่างเป็นระยะห่าง   

พายไข่เปิดกระเป๋าหาแว่นกันแดดแบรนด์ดังระดับไฮเอ็น     

“ร้อนเหรอคุณ” วาคิมถามพลางจะหยิบร่มท้ายเรือส่งให้     

“คุณคิดว่าเย็นหรือไง” ที่จริงแดดอ่อนแบบนี้ถือว่ากำลังดีแต่สำหรับสาวเมืองหลวงที่ไม่เคยออกมาตากแดดรับลมคิดว่าแดดเริ่มแรง          

วาคิมจึงนึกหมั่นไส้พอดีกับเรือหางยาววิ่งผ่านมาทำให้เกิดลูกคลื่นวาคิมจึงแกล้งพายเรือให้โคลงเคลงคนไม่เคยนั่งเรือจึงตกใจ          

“ว้าย! คุณระวังหน่อยสิพายดีๆได้ไหม ประเดี๋ยวแว่นตาฉันตกน้ำไปล่ะแย่เลย”   
วาคิมส่ายหน้า แทนที่เธอจะห่วงตัวเองจะตกลงไปในน้ำแต่สาวเจ้ากับโวยวายกลัวแว่นตาตกน้ำ  

“คุณผู้หญิงครับถ้าเกิดเรือล่มคุณจะให้ผมกระโดดไปช่วยคุณก่อน หรือไปงมแว่นให้คุณก่อนดีครับผมจะได้บริการได้ถูกใจ”          

พายไข่หันหน้าสวยมามองคนขับตานี่ยังไง “ก็ต้องช่วยฉันก่อนสิคะ ชีวิตคนทั้งคนไม่น่าถาม”  

“แหม...หากคุณไม่บอกผมคงคิดว่าคุณต้องการให้ผมไปงมแว่นก่อนเสียอีก ถ้าทางจะรักแว่นตาอันนี้มาก”            

“ก็แว่นอันนี้มันไม่ใช่แว่นตาธรรมดานี่คะ อันหนึ่งต้องหลายหมื่นบาทตกน้ำไปเสียดายแย่ ที่สำคัญแฟนฉันซื้อให้”พายไข่ขยับแว่นตาให้เข้าที่ขาแว่นตามีอักษรตัวดีนำหน้าราคาของมันซื้อแว่นตาธรรมดาได้หลายสิบอัน            
ประโยคหลังทำให้คนฟังเผลอขมวดคิ้วว่าเธอคงยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่ากำลังจะถูกทิ้ง   

“แหม...ไอ้แว่นตาของคุณมันเป็นแว่นตาอินฟาเรดมองได้แบบทะลุทะลวงหรือเปล่านะ ถึงได้แพงขนาดนั้น คงเป็นบุญตาของผมที่เกิดมาได้เห็นแว่นตาอันละหลายหมื่น ชาวสวนบ้านเราทำงานกันครึ่งค่อนปียังไม่มีเงินพอจะซื้อแว่นอันนี้ได้เลยล่ะมั้ง”        

พายไข่ขมวดคิ้วหันหน้ามามองคนพายเรื่ออย่างไม่เข้าใจ       

“อย่ามองผมแบบนั้นนะครับแว่นของคุณมันไม่ใช่แว่นธรรมดา มันอาจจะมองทะลุเสื้อผ้าผมเอาก็ได้ ประเดี๋ยวได้เห็นผมล่อนจ้อน”        

“บ้า! นี่มันก็แค่แว่นตากันแดดแบรนด์เนมเท่านั้น ไอ้แว่นที่ส่องทะลุไปถึงไหนๆแบบที่คุณว่ามันไม่มีหรอกนอกจากการ์ตูน”        

วาคิมหัวเราะเบาๆ          

“คุณคิดอย่างไรถึงมาเที่ยวท่าคาคนเดียวครับ”       

ฉันจำเป็นต้องตอบไหมเนี่ยเพราะยังไม่หายหงุดหงิดที่ถูกเหน็บเรื่องแว่นตา แต่ด้วยมารยาทพายไข่ก็ตอบ            

“มาทำงานค่ะ” คำตอบสั้นและห้วน        

“นั่นน่ะสินะผมก็คิดว่าอย่างนั้น คุณไม่น่าจะชอบมาเที่ยวแบบนี้”   

“ทำไม”          

“ก็ที่นี่ไม่เหมาะกับคุณ”        

“ไม่เหมาะยังไง ไม่ทราบ”        

“ที่นี่สวยในแบบธรรมชาติ ไม่ต้องเติมแต่ง เป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องตามเทรนส์ใคร”   

พายไข่รู้สึกหน้าฉาเหมือนถูกหลอกด่าอย่างไรพิกล เพราะรู้ตัวว่าเมคอัพจัดเต็มมาไม่น้อยต่างจากคนถิ่นนี้ ขนตาปลอมที่เลียนแบบธรรมชาติได้เหมือนมากหลุบต่ำลงหลับตานิ่งสักสองสามวินาทีก่อนจะลืมตาโตขึ้นมา

“นี่คุณกำลังจะหลอกด่าว่าฉันโบะหน้าหนาเกินมาเที่ยวตลาดใช่ไหม”   

“เปล่าเลยผมไม่ได้พูดนะคุณคิดไปเองหรือเปล่า”     

“แต่ความหมายมันบ่งบอกว่าคุณคิดแบบนั้น ฉันจ้างคุณมาพายเรือนำเที่ยวไม่ได้ให้มาวิจารณ์การแต่งตัวแต่งหน้าของฉันเสียหน่อย ไม่มีมารยาท”        

“ก็ได้ครับ ในเวลาหนึ่งชั่วโมงนี้คุณเป็นนายผมเป็นลูกจ้างผมจะพายเรือให้คุณไปเงียบๆ”  

“ดีมาก” จากนั้นคนสวยก็นั่งหน้าเชิ่ด ถ่ายภาพบรรยากาศสองฝั่งของ     
“นั่นมันต้นอะไรเหรอคะ ฉันเห็นมันขึ้นอยู่ทุกที่ริมคลอง”     
วาคิมอยากจะหัวเราะแม่สาวชาวกรุงที่ไม่รู้จักต้นลำพู แต่เขากลับเงียบ   

จนได้ยินน้ำเสียงหวานแต่ออกแนวสั่งการ “ฉันถามทำไมคุณไม่ตอบล่ะ”     

“คุณจะเอายังไงกันแน่เมื่อครู่ผมบอกว่าจะพายเรือไปเงียบๆ คุณยังบอกว่าดีมาก”   
“โอ้ย...คนอะไรกวนประสาต เอาแบบนี้นะคุณตอบคำถามในสิ่งที่ฉันถาม ถ้าฉันไม่ถามก็ไม่ต้องพูดโอเคไหม”          

“ได้ครับคุณผู้หญิง หนึ่งชั่วโมงนี้คุณเป็นนายจ้างผมเป็นลูกจ้างคุณมีสิทธิ์”   

“ตกลงจะบอกได้หรือยังว่ามันคือต้นอะไร”       
“ถามจริงๆ คุณไม่เคยดูหนังบ้างเหรอครับ"
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่