The guardian-เกมรักพิทักษ์ใจ
โดย พิมพ์สราญ
บทนำ
...สัญญาต้องเป็นสัญญา...ใช่ตามหลักมันต้องเป็นอย่างนั้น
“แล้วคู่สัญญาเค้าก็ยกเลิกดีลดื้อๆ เลยเหรอคะ” พัชภิชาถามหลังจากอ่านเอกสารขอยกเลิกสัญญาที่ส่งมาจากบริษัทคู่สัญญา ทั้งๆที่ไม่น่ามีปัญหาใดเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกในการทำการค้าร่วมกัน
“ก็ไม่เชิงยกเลิกข้อตกลงหรอก เค้าแค่อยากให้พายไปพรีเซ็นต์รายละเอียดอีกครั้งที่สำนักงานใหญ่” กรุณาเจ้านายสาววัยกลางคนอธิบายเพิ่มเติม คิ้วที่ถูกตัดแต่งและเขียนอย่างสวยงามขมวดเข้าหากันทันทีที่ได้ยินเงื่อนไข
“แปลกจังเลยค่ะบอส...” เธอตั้งท่าเหมือนจะพูดขยายความเรื่องแปลกดังกล่าวแต่ก็หยุดไว้เพราะคิดว่าคงไม่ทำให้อะไรดีขึ้น “ไม่มีปัญหาค่ะ นัดเวลาได้เลย” พัชภิชาตอบตกลง กรุณายิ้มหวานและยกหูโทรศัพท์ขึ้นสั่งงานกับเลขานุการ
“พี่ว่าแล้วว่าพายต้องไม่มีปัญหา” เจ้านายสาววัยกลางคนในเครื่องแต่งกายประณีตเอ่ยอย่างพอใจ การทำงานที่ผ่านมาหญิงสาวตรงหน้าแสดงให้เธอเห็นถึงวินัยการทำงานและความสามารถ ที่สำคัญเธอมักทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก พัชภิชาไม่ใช่คนจุกจิกในเรื่องเล็กน้อย หากแต่ก็ละเอียดในเรื่องสำคัญจึงไม่เคยทำงานพลาด แม้บุคลิกภายนอกของพัชภิชานั้นจะดูเป็นสาวปราดเปรียวที่มีเสน่ห์ที่อ่อนหวานของความเป็นผู้หญิงแฝงอยู่ แต่อุปนิสัยโดยรวมของเจ้าหล่อนติดจะห้าวไปทางผู้ชาย การคิดเรื่องหยุมหยิมจึงไม่มีตามไปด้วย
หลังจากคุยเรื่องงานอีกสองสามประโยค หญิงสาวก็ขอตัวเพื่อออกมาเตรียมเอกสารเพื่อการนำเสนอสินค้าสำหรับนัดที่นิมมาณเลขานุการของกรุณาโทรมาแจ้งว่าเป็นพรุ่งนี้เช้าเก้าโมงครึ่ง ซึ่งการนัดหมายแบบรวดเร็วเช่นนี้ยิ่งย้ำถึงความสำคัญของงาน
พัชภิชาทำงานในตำแหน่งประสานงานพิเศษที่บริษัทนี้มาได้หนึ่งปีกว่าแล้ว เท่ากับเวลาที่เธอจบการศึกษาพอดี สิ่งที่เธอต้องทำคร่าวๆก็คือการประสานงานขายกับหน่วยงานราชการและภาคเอกชน รวมไปถึงการนำเสนอสินค้าทั้งแบบปากเปล่าและสาธิตจริงบ้างในบางครั้ง ก็ดูเป็นปกติที่ผู้หญิงบุคลิกดีพ่วงด้วยดีกรีบริหารธุรกิจเกียรตินิยมอันดับสองอย่างเธอจะทำงานด้านประสานงาน
ถ้าไม่ใช่ว่าบริษัทเธอทำธุรกิจเป็นดีลเลอร์ค้าอาวุธ...
พัชภิชาทบทวนรายละเอียดการนำเสนอเพื่อความมั่นใจ บริษัทนี้เป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยครบวงจรสัญชาติฮ่องกงที่ได้รับความไว้ใจจากหลายหน่วยงาน อันที่จริงการนำเสนอปากเปล่ากับคู่สัญญาเจ้านี้ได้เสร็จสิ้นเรียบร้อยและเพิ่งอัพเดทของมาใหม่เมื่อเดือนก่อน สินค้าก็ส่งไปแล้ว นอกจากนี้เธอสังเกตเห็นว่าคู่ค้ารายนี้ได้บันทึกภาพทั้งการนำเสนอและการสาธิตใช้อาวุธจริงไว้ด้วย การเรียกตัวเธออีกครั้งจึงเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ แต่เนื่องด้วย พัชภิชาไม่ใช่คนหยุมหยิมจึงไม่ได้สนใจจะคิดถึงสาเหตุอะไรอีก บางทีอาจเกิดปัญหากับวิดีโอที่บันทึกไว้ แล้วอีกอย่างสำหรับเธอการนำเสนอสินค้าที่เธอรู้จักเป็นอย่างดีไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรง
‘ห้ามหลับ ฉันสั่งว่าห้ามหลับ’ เสียงก้องกังวานด้วยแรงอารมณ์สั่งเป็นภาษาอังกฤษ
‘เอามือแกออกไป แล้วไสหัวไป’ เสียงชายหนุ่มอีกคนตวาดอย่างหัวเสีย
‘ฉันจะเอาเธอไปรักษา’
...ฉันสัญญา...
กริ้งงงงงงงงงง...
เสียงนาฬิกาปลุกทำให้ร่างที่หลับใหลบนเตียงงัวเงียตื่นขึ้นมา พัชภิชาสะบัดไล่ความฝันแปลกๆ ที่ฝันบ้างไม่ฝันบ้างมาเกือบสามปี ความฝันไร้สาระที่ไม่มีอะไรมากกว่าประโยคไร้ที่มาสองสามประโยค และที่น่าแปลกคือเธอลืมมันอย่างง่ายดายทันทีที่น้ำเย็นสัมผัสใบหน้า พัชภิชาเลือกชุดสูทกระโปรงสีกรมท่าสำหรับวันที่ค่อนข้างเป็นทางการอย่างการนำเสนอสินค้า ตัวชุดช่วยขับผิวสีน้ำผึ้งสวยอย่างเหมาะเจาะ ร่างเพรียวชนิดที่สามารถเป็นนางแบบได้สบายด้วยส่วนสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสามเซ็นติเมตรและช่วงขาเรียวสวยหมุนตรวจตราความเรียบร้อยหน้ากระจก เมื่อไม่เห็นอะไรที่ผิดที่ผิดทางจึงก้าวออกจากห้อง
เธอมาถึงก่อนเวลานัดสามสิบนาที เลขานุการผู้บริหารจัดให้เธอไปนั่งรอในห้องประชุมเพื่อเตรียมนำเสนอ ห้องนี้เป็นคนละห้องกับการนำเสนอครั้งที่แล้วเพราะอยู่ในโซนผู้บริหารชั้นบนสุดที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดสมกับที่เป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยอันดับต้นๆ ของทวีปเอเชียอย่างเฉินเป่าฮู่คอร์ปอเรชัน เสียงในห้องเงียบจนเธอได้ยินเสียงเดินของเข็มนาฬิกาข้อมือตนเอง หลังเตรียมการเสร็จได้ไม่นานก็มีคนทยอยเข้ามานั่งประจำที่ พัชภิชากล่าวทักทายและมองคณะผู้ฟังรอบห้องและจำได้ว่ามีคนมาเพิ่มจากครั้งที่แล้วหนึ่งคน
ชายคนนั้นนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะบ่งบอกถึงความสำคัญที่มากที่สุดในที่นี้ จากการกราดยิ้มทักทายทุกคนเมื่อซักครู่พัชภิชาสรุปได้ว่าเขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี แต่ก็ไม่มีเวลาพิจารณาอะไรมากมายกว่านั้นเพราะเธอมีงานที่ต้องใส่ใจมากกว่า พัชภิชาเริ่มการนำเสนอ และตอบคำถาม ซึ่งส่วนมากจะเป็นคำถามจากชายผู้มาใหม่ พัชภิชารู้สึกแปลกใจที่ตนเองคุ้นเคยกับสำเนียงเขาอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากจบการนำเสนอหญิงสาวจึงเริ่มเก็บของ พัชภิชานึกว่าเธออยู่ตัวคนเดียวในห้องจนได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยเป็นภาษาอังกฤษ
“ผมเฉินหย่งเหอ จะเรียกว่าวิลเลี่ยมก็ได้” ชายผู้มาใหม่นี่เองเป็นคนเอ่ยขึ้น พัชภิชาจงมีโอกาสได้พิจารณาเขาอีกครั้งและครั้งนี้ก็ใกล้ชิดกว่าครั้งแรกมาก เธอขอถอนคำพูดที่บอกว่าเขาเป็นคนหน้าตาดีเพราะเจ้าของเสียงทุ้มมีกังวานน่าเกรงขามมีหน้าตาที่จัดได้ว่าหล่อมาก ยิ่งประกอบกับมาดที่เคร่งขรึมทำให้เขาสามารถเป็นพระเอกหนังได้สบาย คิ้วเข้มหนาของเจ้าตัวรับกันเป็นอย่างดีกับดวงตาที่ความใกล้ชิดทำให้เธอเห็นว่าเป็นสีน้ำตาลเข้มจมูกโด่งเป็นสัน และบางบางสีชมพูธรรมชาติตามชาติพันธุ์จนหญิงสาวผู้ขาดลิปสติกไม่ได้อย่างเธอนึกอิจฉา จะว่าไปบรรยากาศทะมึนๆ รอบตัวชายหนุ่มในชุดสูทสีดำคนนี้ก็เข้ากับตัวเขาอย่างประหลาด
จะดีกว่านี้ถ้าเป็นแจ็กเก็ตมีฮู๊ดสีม่วง...
“คิดถึง...” พัชภิชาหลุดจากภวังค์ที่ยาวนานจากถ้อยคำที่หลุดออกจากปากตัวเอง เธอสะดุ้งกับความคิดไร้ของสาระตนเองที่พ่วงมาตอนสุดท้าย ใจจริงหญิงสาวอยากจะสะบัดหัวใส่ความคิดงี่เง่าที่เกิดขึ้น แต่ทำได้เพียงยิ้มกว้างขวางตอบไปจนแปลกใจตัวเอง เพราะเธอไม่เคยยิ้มกว้างให้คนแปลกหน้า ปกติจะเป็นยิ้มแบบสุภาพเพื่อการค้าเสียมากกว่า
“ดีใจที่ได้เจอคุณ...” หญิงสาวหยุดปากทันก่อนจะหลุดคำว่า ‘อีกครั้ง’ ออกมาสงสัยเธอต้องเลิกนอนดึกเสียที เพราะเห็นได้ชัดว่าวันนี้เธอค่อนข้างเบลอจนเผลอทำตัวเสียมารยาทอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พัชภิชาแก้ไขคำพูด “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ มิสเตอร์เฉิน”
หลังจบถ้อยคำไม่รู้ว่าเธอตาฝาดหรืออย่างไรแต่รู้สึกได้ถึงแววตาไม่พอใจของเจ้าของดวงตาสีน้ำตาล ประกายอารมณ์พาดผ่านแล้วหายไปอย่างรวดเร็วแต่ร่างสูงก็ยังคงไม่ละสายตาไปไหน
พัชภิชารู้สึกปั่นป่วนในช่องท้องและปวดแปลบบริเวณขมับจนเธอต้องหลบสายตาเอ่ยลาและออกจากห้องเพื่อเดินทางกลับ หญิงสาวเร่งฝีเท้าไปให้ถึงห้องน้ำและพักจากอาการหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำที่ไม่ได้เกิดจากการตกหลุมรักหนุ่มหล่อ
...เธอใจหาย เธอรู้สึกผิด รู้สึกอะไรบางอย่างที่เธอไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้ รู้ตัวอีกทีก้อนสะอื้นก็พุ่งขึ้นมาจุกอกและน้ำตาก็ไหลไม่หยุด
“เป็นอะไรของแกวะพาย” พัชภิชาถามตัวเองพลางดึงกระดาษชำระมาเช็ดน้ำตาตนเอง
ในขณะเดียวกันผู้ที่ถูกทิ้งให้อยู่ในห้องประชุมก็กำลังยืนฟังรายงานจากลูกน้องคนสนิท ความมั่นใจทั้งหมดที่มีตั้งแต่ที่ได้เห็นภาพพัชภิชาครั้งแรกในวิดีโอที่สำนักงานประจำประเทศไทยส่งไปให้เริ่มสั่นคลอน
“เป็นเธอไม่ผิดแน่ครับ ถึงจะเปลี่ยนไปมาก แต่ประวัติทุกอย่างตรงกันหมด”
“ฉันก็มั่นใจ ไม่มีทางจำผิด แต่ทำไม...”
ฮัดเช้ยยย...
นอกจากเบลอแล้วการนอนไม่พออาจส่งผลต่อภูมิคุ้มกันของเธอทำให้ลดลงจนไวรัสสามารถเข้ามาสร้างอาการป่วยและปั่นป่วนร่างกายให้เธอได้ หลังจากจัดการกับอาการผิดปกติที่พัชภิชาฟันธงว่าต้องเกิดมาจากการนอนดึกติดกันหลายวัน เธอก็ตกลงกับตัวเองว่าเธอจะเริ่มนอนตั้งแต่หัวค่ำตั้งแต่วันนี้ เธอหมายมั่นปั้นมือกับตนเองจนลืมสังเกตร่างสูงที่เดินจ้ำอ้าวเหมือนหนีอะไรมาซักอย่างจนชนกับเธอเข้าอย่างจัง
“โอ๊ย” พัชภิชาซึ่งชนกับเขาเขาอย่างจังถึงกับเซล้มเพราะมวลน้ำหนักที่น้อยกว่า โชคดีที่กระเป๋าโน้ตบุ๊คยังอยู่ดีเพราะเธอเอาตัวเองรองรับเอาไว้
“ขอโทษครับ มาเดี๋ยวผมช่วย” เธอส่งมือให้เขาง่ายๆ ตามข้อเสนอเพราะคิดว่าคงไม่สามารถลุกเองได้ทันทีทำให้มีโอกาสได้มองหน้าคู่กรณีแบบชัดๆ
“...” ความเงียบชั่วครู่เกิดขึ้นเมื่อทั้งสองได้เห็นหน้ากันชัดๆ
“พายใช่มั้ย”เสียงที่เธอไม่ได้ยินมานานถามอย่างไม่แน่ใจ พัชภิชาอดทึ่งกับวันนี้ไม่ได้ที่เต็มไปด้วยเรื่องน่าแปลกใจจนหัวใจเธอสวิงขึ้นลงอย่างน่ากลัวเหลือเกิน
“เราเองซัน” เธอตอบกลับพร้อมยิ้มทั้งปากและตาส่งให้เขาด้วยดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่า ชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มร้ายอย่างที่เธอมักจะเห็นเวลาเขาคิดอะไรแผลงๆ จนเธออดจะขนลุกไม่ได้
ไม่ทันจะถามอะไรเพิ่มเติมพัชภิชาก็ต้องเวียนหัวอีกครั้งเมื่อถูกภรตจับหันหน้าไปประจันกับหญิงสาวผู้ที่กึ่งวิ่งกึ่งเดินมาตามเข้าทันในที่สุด
“คนนี้ไงแฟนผม พายนี่คุณพิชญ์สินี” ภรตแนะนำพัชภิชาให้รู้จักหญิงสาวสวยจัด เจ้าของผิวขาวสวยในชุดเดรสสีชมพูหวาน ขัดกับการมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าและจ้องเธอไม่ละสายตาเหมือนจับผิดมากกว่าอยากจะรู้จักตามการแนะนำของชายหนุ่ม พัชภิชางงกับเหตุการณ์แต่ก็ตัดสินใจเออออกับเพื่อนไปก่อน
“สวัสดีค่ะคุณพิชญ์สินี พายเป็นแฟนซันค่ะ” เธอตอบรับพร้อมยิ้มเจื่อนๆ รับลูกชายหนุ่มที่โอบไหล่เธอพร้อมตบเบาๆ
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” แม้จะดูไม่พอใจเธอ แต่สาวสวยตรงหน้าก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มอย่างคนที่ได้รับการอบรมเป็นอย่างดีได้อย่างรวดเร็ว “งั้นสิขอตัวไปทำงานนะคะ ซันคงต้องทานข้าวกับแฟน” พูดขอตัวจบก็เดินออกไปโดยไม่ทิ้งมาดสาวสวยจนพัชภิชาอดทึ่งกับท่าเดินส่ายสะโพกเป็นจังหวะแช่มช้อยไม่ได้
“พายนี่เป็นนางฟ้าของซันชัดๆ” เพื่อนตัวดีที่ไม่ได้เจอกันเป็นตั้งแต่วันรับปริญญาเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี
“งั้นช่วยบอกให้นางฟ้ารู้นิดนึงได้มั้ยว่านี่เรากำลังทำอะไรอยู่คะ คุณชาย” พัชภิชามองชายหนุ่มที่ยืนยิ้มกว้างอย่างหมั่นไส้และอดไม่ได้ที่จะดึงเนื้อแก้มซึ่งมีอยู่น้อยนิดของฝ่ายตรงข้ามอย่างที่เคยทำสมัยเรียน เรียกเสียงโอดโอยของชายหนุ่มเจ้าของแววตาสดใสเป็นเอกลักษณ์ ภาพนี้สามารถเรียกรอยยิ้มผู้คนที่เดินผ่านได้เป็นอย่างดีเพราะดูเป็นภาพการหยอกล้อที่น่ารักของหนุ่มสาว
ภาพเหตุการณ์นั้นก็อยู่ในสายตาเฉินหย่งเหอเช่นกัน นิ้วเรียวกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน
“กลับ” เสียงเฉียบขาดที่พยายามกดความไม่พอใจไว้สั่งการ
“ครับคุณเฉิน” ชายที่เดินประกบเข้าตอบก่อนจะติดต่อคนขับรถและทีมบอดีการ์ดเพื่อไปส่งเจ้านายที่โรงแรมที่พัก
...ในเมื่อมีคนผิดสัญญาก่อน กติกาก็ต้องเปลี่ยน
-----------------
จบบทนำค่ะ เราได้ทำการปรับเปลี่ยนนิยายเรื่องนี้แบบครั้งยิ่งใหญ่มโหฬารเลยเพราะแบบเดิมทำให้เขียนต่อไม่ได้
ยังไงขอฝากเกมรักพิทักษ์ใจไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ หายไปนานดองไว้จนเค็ม แต่คราวนี้ไม่ต้องรอนานแน่ค่ะ
ด้วยรัก
พิมพ์สราญ AKA ชะนีฟรีแลนซ์ คิคิ
เพิ่มเติม บทที่1 มาแล้วนะคะ
http://ppantip.com/topic/32102961
The guardian-เกมรักพิพักษ์ใจ บทนำ
...สัญญาต้องเป็นสัญญา...ใช่ตามหลักมันต้องเป็นอย่างนั้น
“แล้วคู่สัญญาเค้าก็ยกเลิกดีลดื้อๆ เลยเหรอคะ” พัชภิชาถามหลังจากอ่านเอกสารขอยกเลิกสัญญาที่ส่งมาจากบริษัทคู่สัญญา ทั้งๆที่ไม่น่ามีปัญหาใดเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกในการทำการค้าร่วมกัน
“ก็ไม่เชิงยกเลิกข้อตกลงหรอก เค้าแค่อยากให้พายไปพรีเซ็นต์รายละเอียดอีกครั้งที่สำนักงานใหญ่” กรุณาเจ้านายสาววัยกลางคนอธิบายเพิ่มเติม คิ้วที่ถูกตัดแต่งและเขียนอย่างสวยงามขมวดเข้าหากันทันทีที่ได้ยินเงื่อนไข
“แปลกจังเลยค่ะบอส...” เธอตั้งท่าเหมือนจะพูดขยายความเรื่องแปลกดังกล่าวแต่ก็หยุดไว้เพราะคิดว่าคงไม่ทำให้อะไรดีขึ้น “ไม่มีปัญหาค่ะ นัดเวลาได้เลย” พัชภิชาตอบตกลง กรุณายิ้มหวานและยกหูโทรศัพท์ขึ้นสั่งงานกับเลขานุการ
“พี่ว่าแล้วว่าพายต้องไม่มีปัญหา” เจ้านายสาววัยกลางคนในเครื่องแต่งกายประณีตเอ่ยอย่างพอใจ การทำงานที่ผ่านมาหญิงสาวตรงหน้าแสดงให้เธอเห็นถึงวินัยการทำงานและความสามารถ ที่สำคัญเธอมักทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก พัชภิชาไม่ใช่คนจุกจิกในเรื่องเล็กน้อย หากแต่ก็ละเอียดในเรื่องสำคัญจึงไม่เคยทำงานพลาด แม้บุคลิกภายนอกของพัชภิชานั้นจะดูเป็นสาวปราดเปรียวที่มีเสน่ห์ที่อ่อนหวานของความเป็นผู้หญิงแฝงอยู่ แต่อุปนิสัยโดยรวมของเจ้าหล่อนติดจะห้าวไปทางผู้ชาย การคิดเรื่องหยุมหยิมจึงไม่มีตามไปด้วย
หลังจากคุยเรื่องงานอีกสองสามประโยค หญิงสาวก็ขอตัวเพื่อออกมาเตรียมเอกสารเพื่อการนำเสนอสินค้าสำหรับนัดที่นิมมาณเลขานุการของกรุณาโทรมาแจ้งว่าเป็นพรุ่งนี้เช้าเก้าโมงครึ่ง ซึ่งการนัดหมายแบบรวดเร็วเช่นนี้ยิ่งย้ำถึงความสำคัญของงาน
พัชภิชาทำงานในตำแหน่งประสานงานพิเศษที่บริษัทนี้มาได้หนึ่งปีกว่าแล้ว เท่ากับเวลาที่เธอจบการศึกษาพอดี สิ่งที่เธอต้องทำคร่าวๆก็คือการประสานงานขายกับหน่วยงานราชการและภาคเอกชน รวมไปถึงการนำเสนอสินค้าทั้งแบบปากเปล่าและสาธิตจริงบ้างในบางครั้ง ก็ดูเป็นปกติที่ผู้หญิงบุคลิกดีพ่วงด้วยดีกรีบริหารธุรกิจเกียรตินิยมอันดับสองอย่างเธอจะทำงานด้านประสานงาน
ถ้าไม่ใช่ว่าบริษัทเธอทำธุรกิจเป็นดีลเลอร์ค้าอาวุธ...
พัชภิชาทบทวนรายละเอียดการนำเสนอเพื่อความมั่นใจ บริษัทนี้เป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยครบวงจรสัญชาติฮ่องกงที่ได้รับความไว้ใจจากหลายหน่วยงาน อันที่จริงการนำเสนอปากเปล่ากับคู่สัญญาเจ้านี้ได้เสร็จสิ้นเรียบร้อยและเพิ่งอัพเดทของมาใหม่เมื่อเดือนก่อน สินค้าก็ส่งไปแล้ว นอกจากนี้เธอสังเกตเห็นว่าคู่ค้ารายนี้ได้บันทึกภาพทั้งการนำเสนอและการสาธิตใช้อาวุธจริงไว้ด้วย การเรียกตัวเธออีกครั้งจึงเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ แต่เนื่องด้วย พัชภิชาไม่ใช่คนหยุมหยิมจึงไม่ได้สนใจจะคิดถึงสาเหตุอะไรอีก บางทีอาจเกิดปัญหากับวิดีโอที่บันทึกไว้ แล้วอีกอย่างสำหรับเธอการนำเสนอสินค้าที่เธอรู้จักเป็นอย่างดีไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรง
‘ห้ามหลับ ฉันสั่งว่าห้ามหลับ’ เสียงก้องกังวานด้วยแรงอารมณ์สั่งเป็นภาษาอังกฤษ
‘เอามือแกออกไป แล้วไสหัวไป’ เสียงชายหนุ่มอีกคนตวาดอย่างหัวเสีย
‘ฉันจะเอาเธอไปรักษา’
...ฉันสัญญา...
กริ้งงงงงงงงงง...
เสียงนาฬิกาปลุกทำให้ร่างที่หลับใหลบนเตียงงัวเงียตื่นขึ้นมา พัชภิชาสะบัดไล่ความฝันแปลกๆ ที่ฝันบ้างไม่ฝันบ้างมาเกือบสามปี ความฝันไร้สาระที่ไม่มีอะไรมากกว่าประโยคไร้ที่มาสองสามประโยค และที่น่าแปลกคือเธอลืมมันอย่างง่ายดายทันทีที่น้ำเย็นสัมผัสใบหน้า พัชภิชาเลือกชุดสูทกระโปรงสีกรมท่าสำหรับวันที่ค่อนข้างเป็นทางการอย่างการนำเสนอสินค้า ตัวชุดช่วยขับผิวสีน้ำผึ้งสวยอย่างเหมาะเจาะ ร่างเพรียวชนิดที่สามารถเป็นนางแบบได้สบายด้วยส่วนสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสามเซ็นติเมตรและช่วงขาเรียวสวยหมุนตรวจตราความเรียบร้อยหน้ากระจก เมื่อไม่เห็นอะไรที่ผิดที่ผิดทางจึงก้าวออกจากห้อง
เธอมาถึงก่อนเวลานัดสามสิบนาที เลขานุการผู้บริหารจัดให้เธอไปนั่งรอในห้องประชุมเพื่อเตรียมนำเสนอ ห้องนี้เป็นคนละห้องกับการนำเสนอครั้งที่แล้วเพราะอยู่ในโซนผู้บริหารชั้นบนสุดที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดสมกับที่เป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยอันดับต้นๆ ของทวีปเอเชียอย่างเฉินเป่าฮู่คอร์ปอเรชัน เสียงในห้องเงียบจนเธอได้ยินเสียงเดินของเข็มนาฬิกาข้อมือตนเอง หลังเตรียมการเสร็จได้ไม่นานก็มีคนทยอยเข้ามานั่งประจำที่ พัชภิชากล่าวทักทายและมองคณะผู้ฟังรอบห้องและจำได้ว่ามีคนมาเพิ่มจากครั้งที่แล้วหนึ่งคน
ชายคนนั้นนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะบ่งบอกถึงความสำคัญที่มากที่สุดในที่นี้ จากการกราดยิ้มทักทายทุกคนเมื่อซักครู่พัชภิชาสรุปได้ว่าเขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี แต่ก็ไม่มีเวลาพิจารณาอะไรมากมายกว่านั้นเพราะเธอมีงานที่ต้องใส่ใจมากกว่า พัชภิชาเริ่มการนำเสนอ และตอบคำถาม ซึ่งส่วนมากจะเป็นคำถามจากชายผู้มาใหม่ พัชภิชารู้สึกแปลกใจที่ตนเองคุ้นเคยกับสำเนียงเขาอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากจบการนำเสนอหญิงสาวจึงเริ่มเก็บของ พัชภิชานึกว่าเธออยู่ตัวคนเดียวในห้องจนได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยเป็นภาษาอังกฤษ
“ผมเฉินหย่งเหอ จะเรียกว่าวิลเลี่ยมก็ได้” ชายผู้มาใหม่นี่เองเป็นคนเอ่ยขึ้น พัชภิชาจงมีโอกาสได้พิจารณาเขาอีกครั้งและครั้งนี้ก็ใกล้ชิดกว่าครั้งแรกมาก เธอขอถอนคำพูดที่บอกว่าเขาเป็นคนหน้าตาดีเพราะเจ้าของเสียงทุ้มมีกังวานน่าเกรงขามมีหน้าตาที่จัดได้ว่าหล่อมาก ยิ่งประกอบกับมาดที่เคร่งขรึมทำให้เขาสามารถเป็นพระเอกหนังได้สบาย คิ้วเข้มหนาของเจ้าตัวรับกันเป็นอย่างดีกับดวงตาที่ความใกล้ชิดทำให้เธอเห็นว่าเป็นสีน้ำตาลเข้มจมูกโด่งเป็นสัน และบางบางสีชมพูธรรมชาติตามชาติพันธุ์จนหญิงสาวผู้ขาดลิปสติกไม่ได้อย่างเธอนึกอิจฉา จะว่าไปบรรยากาศทะมึนๆ รอบตัวชายหนุ่มในชุดสูทสีดำคนนี้ก็เข้ากับตัวเขาอย่างประหลาด
จะดีกว่านี้ถ้าเป็นแจ็กเก็ตมีฮู๊ดสีม่วง...
“คิดถึง...” พัชภิชาหลุดจากภวังค์ที่ยาวนานจากถ้อยคำที่หลุดออกจากปากตัวเอง เธอสะดุ้งกับความคิดไร้ของสาระตนเองที่พ่วงมาตอนสุดท้าย ใจจริงหญิงสาวอยากจะสะบัดหัวใส่ความคิดงี่เง่าที่เกิดขึ้น แต่ทำได้เพียงยิ้มกว้างขวางตอบไปจนแปลกใจตัวเอง เพราะเธอไม่เคยยิ้มกว้างให้คนแปลกหน้า ปกติจะเป็นยิ้มแบบสุภาพเพื่อการค้าเสียมากกว่า
“ดีใจที่ได้เจอคุณ...” หญิงสาวหยุดปากทันก่อนจะหลุดคำว่า ‘อีกครั้ง’ ออกมาสงสัยเธอต้องเลิกนอนดึกเสียที เพราะเห็นได้ชัดว่าวันนี้เธอค่อนข้างเบลอจนเผลอทำตัวเสียมารยาทอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พัชภิชาแก้ไขคำพูด “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ มิสเตอร์เฉิน”
หลังจบถ้อยคำไม่รู้ว่าเธอตาฝาดหรืออย่างไรแต่รู้สึกได้ถึงแววตาไม่พอใจของเจ้าของดวงตาสีน้ำตาล ประกายอารมณ์พาดผ่านแล้วหายไปอย่างรวดเร็วแต่ร่างสูงก็ยังคงไม่ละสายตาไปไหน
พัชภิชารู้สึกปั่นป่วนในช่องท้องและปวดแปลบบริเวณขมับจนเธอต้องหลบสายตาเอ่ยลาและออกจากห้องเพื่อเดินทางกลับ หญิงสาวเร่งฝีเท้าไปให้ถึงห้องน้ำและพักจากอาการหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำที่ไม่ได้เกิดจากการตกหลุมรักหนุ่มหล่อ
...เธอใจหาย เธอรู้สึกผิด รู้สึกอะไรบางอย่างที่เธอไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้ รู้ตัวอีกทีก้อนสะอื้นก็พุ่งขึ้นมาจุกอกและน้ำตาก็ไหลไม่หยุด
“เป็นอะไรของแกวะพาย” พัชภิชาถามตัวเองพลางดึงกระดาษชำระมาเช็ดน้ำตาตนเอง
ในขณะเดียวกันผู้ที่ถูกทิ้งให้อยู่ในห้องประชุมก็กำลังยืนฟังรายงานจากลูกน้องคนสนิท ความมั่นใจทั้งหมดที่มีตั้งแต่ที่ได้เห็นภาพพัชภิชาครั้งแรกในวิดีโอที่สำนักงานประจำประเทศไทยส่งไปให้เริ่มสั่นคลอน
“เป็นเธอไม่ผิดแน่ครับ ถึงจะเปลี่ยนไปมาก แต่ประวัติทุกอย่างตรงกันหมด”
“ฉันก็มั่นใจ ไม่มีทางจำผิด แต่ทำไม...”
ฮัดเช้ยยย...
นอกจากเบลอแล้วการนอนไม่พออาจส่งผลต่อภูมิคุ้มกันของเธอทำให้ลดลงจนไวรัสสามารถเข้ามาสร้างอาการป่วยและปั่นป่วนร่างกายให้เธอได้ หลังจากจัดการกับอาการผิดปกติที่พัชภิชาฟันธงว่าต้องเกิดมาจากการนอนดึกติดกันหลายวัน เธอก็ตกลงกับตัวเองว่าเธอจะเริ่มนอนตั้งแต่หัวค่ำตั้งแต่วันนี้ เธอหมายมั่นปั้นมือกับตนเองจนลืมสังเกตร่างสูงที่เดินจ้ำอ้าวเหมือนหนีอะไรมาซักอย่างจนชนกับเธอเข้าอย่างจัง
“โอ๊ย” พัชภิชาซึ่งชนกับเขาเขาอย่างจังถึงกับเซล้มเพราะมวลน้ำหนักที่น้อยกว่า โชคดีที่กระเป๋าโน้ตบุ๊คยังอยู่ดีเพราะเธอเอาตัวเองรองรับเอาไว้
“ขอโทษครับ มาเดี๋ยวผมช่วย” เธอส่งมือให้เขาง่ายๆ ตามข้อเสนอเพราะคิดว่าคงไม่สามารถลุกเองได้ทันทีทำให้มีโอกาสได้มองหน้าคู่กรณีแบบชัดๆ
“...” ความเงียบชั่วครู่เกิดขึ้นเมื่อทั้งสองได้เห็นหน้ากันชัดๆ
“พายใช่มั้ย”เสียงที่เธอไม่ได้ยินมานานถามอย่างไม่แน่ใจ พัชภิชาอดทึ่งกับวันนี้ไม่ได้ที่เต็มไปด้วยเรื่องน่าแปลกใจจนหัวใจเธอสวิงขึ้นลงอย่างน่ากลัวเหลือเกิน
“เราเองซัน” เธอตอบกลับพร้อมยิ้มทั้งปากและตาส่งให้เขาด้วยดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่า ชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มร้ายอย่างที่เธอมักจะเห็นเวลาเขาคิดอะไรแผลงๆ จนเธออดจะขนลุกไม่ได้
ไม่ทันจะถามอะไรเพิ่มเติมพัชภิชาก็ต้องเวียนหัวอีกครั้งเมื่อถูกภรตจับหันหน้าไปประจันกับหญิงสาวผู้ที่กึ่งวิ่งกึ่งเดินมาตามเข้าทันในที่สุด
“คนนี้ไงแฟนผม พายนี่คุณพิชญ์สินี” ภรตแนะนำพัชภิชาให้รู้จักหญิงสาวสวยจัด เจ้าของผิวขาวสวยในชุดเดรสสีชมพูหวาน ขัดกับการมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าและจ้องเธอไม่ละสายตาเหมือนจับผิดมากกว่าอยากจะรู้จักตามการแนะนำของชายหนุ่ม พัชภิชางงกับเหตุการณ์แต่ก็ตัดสินใจเออออกับเพื่อนไปก่อน
“สวัสดีค่ะคุณพิชญ์สินี พายเป็นแฟนซันค่ะ” เธอตอบรับพร้อมยิ้มเจื่อนๆ รับลูกชายหนุ่มที่โอบไหล่เธอพร้อมตบเบาๆ
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” แม้จะดูไม่พอใจเธอ แต่สาวสวยตรงหน้าก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มอย่างคนที่ได้รับการอบรมเป็นอย่างดีได้อย่างรวดเร็ว “งั้นสิขอตัวไปทำงานนะคะ ซันคงต้องทานข้าวกับแฟน” พูดขอตัวจบก็เดินออกไปโดยไม่ทิ้งมาดสาวสวยจนพัชภิชาอดทึ่งกับท่าเดินส่ายสะโพกเป็นจังหวะแช่มช้อยไม่ได้
“พายนี่เป็นนางฟ้าของซันชัดๆ” เพื่อนตัวดีที่ไม่ได้เจอกันเป็นตั้งแต่วันรับปริญญาเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี
“งั้นช่วยบอกให้นางฟ้ารู้นิดนึงได้มั้ยว่านี่เรากำลังทำอะไรอยู่คะ คุณชาย” พัชภิชามองชายหนุ่มที่ยืนยิ้มกว้างอย่างหมั่นไส้และอดไม่ได้ที่จะดึงเนื้อแก้มซึ่งมีอยู่น้อยนิดของฝ่ายตรงข้ามอย่างที่เคยทำสมัยเรียน เรียกเสียงโอดโอยของชายหนุ่มเจ้าของแววตาสดใสเป็นเอกลักษณ์ ภาพนี้สามารถเรียกรอยยิ้มผู้คนที่เดินผ่านได้เป็นอย่างดีเพราะดูเป็นภาพการหยอกล้อที่น่ารักของหนุ่มสาว
ภาพเหตุการณ์นั้นก็อยู่ในสายตาเฉินหย่งเหอเช่นกัน นิ้วเรียวกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน
“กลับ” เสียงเฉียบขาดที่พยายามกดความไม่พอใจไว้สั่งการ
“ครับคุณเฉิน” ชายที่เดินประกบเข้าตอบก่อนจะติดต่อคนขับรถและทีมบอดีการ์ดเพื่อไปส่งเจ้านายที่โรงแรมที่พัก
...ในเมื่อมีคนผิดสัญญาก่อน กติกาก็ต้องเปลี่ยน
-----------------
จบบทนำค่ะ เราได้ทำการปรับเปลี่ยนนิยายเรื่องนี้แบบครั้งยิ่งใหญ่มโหฬารเลยเพราะแบบเดิมทำให้เขียนต่อไม่ได้
ยังไงขอฝากเกมรักพิทักษ์ใจไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ หายไปนานดองไว้จนเค็ม แต่คราวนี้ไม่ต้องรอนานแน่ค่ะ
ด้วยรัก
พิมพ์สราญ AKA ชะนีฟรีแลนซ์ คิคิ
เพิ่มเติม บทที่1 มาแล้วนะคะ http://ppantip.com/topic/32102961