ขอบคุณทุกๆ คนที่มาอ่านนะคะ
ขอบคุณ:
คุณ สมาชิกหมายเลข 1259775,
คุณ ริมแม่โขง,
คุณ pevex,
คุณ Susisiri,
คุณนุ่น lovereason,
คุณนันturtle_cheesecake,
น้องมาโซฯ มาโซคิส,
คุณ กุเต่ยโหดกระถีบ,
คุณหนิง peiNing,
คุณ PuPaKae
คุณเสี่ย kasareev
กับอีก 9 คน ร่วมแสดงความรู้สึก คือใครก็ไม่ทราบค่ะ ชื่อหายไปแล้ว
น้องแพรว thezircon
น้องปุ้ย อรุสา
คุณ กุเต่ยโหดกระถีบ,
คุณ nasa nasa,
น้องนุ้ย ณวลี,
จารย์จี GTW,
คุณ รัตน์ฤดี,
คุณ เจ้าหญิงงัวเงีย
รวมถึงอีก 6 คน
ตกหล่นใครไปก็ต้องขอโทษนะคะเพราะชื่อหายไปหลายคนเลยค่ะ ขอบคุณมากๆๆๆๆ ค่ะ
มาเพิ่มค่ะ ขอบคุณคุณ Hermosa ด้วยค่ะ ดีใจมากเลยค่ะตอนเห็นชื่อ
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตทุกคะแนนด้วยค่ะ
บทก่อนๆ ค่ะ
บทนำ
http://ppantip.com/topic/32705425
บทที่ ๑
http://ppantip.com/topic/32747704
บทที่ ๒
ฝนตกๆ หยุดๆ มาสามสี่วันแล้วและยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไปเลยง่ายๆ ทุกครั้งที่ฝนตกน้ำจะปริ่มขึ้นมาถึงขอบประตูหน้าร้าน บางครั้งทำท่าจะทะลักเข้ามาภายในเสียด้วยซ้ำ แต่พอฝนหยุดก็จะเหือดแห้งไปเอง จนแก้วตาโล่งใจ เพียงเพื่อจะตกอีกครั้งและน้ำเอ่อท้นขึ้นมาอีก
‘ดูท่าจะหนัก’ ลุงถึกซึ่งมีบ้านอยู่หลังห้องแถวลุยน้ำออกมาดูที่ปากตรอกแล้วส่ายหัวดิก
‘น้ำเหนือดันลงมาด้วยแหละ ฤดูนี้มันฤดูน้ำหลาก’
แก้วตาเคยได้ยินเรื่องน้ำหลากลงจากเหนือมาบ้างเหมือนกัน แต่ไม่เคยให้ความสนใจเลยสักครั้ง จนมาถึงเวลานี้ เวลาที่มีอีกสองชีวิตให้ต้องรับผิดชอบ และมืดแปดด้านว่าจะทำอย่างไรถ้าเกิดน้ำท่วมขึ้นมาอีกอย่าง เพียงแค่สงครามนี่ก็หนักหนาสาหัสสากรรจ์พออยู่แล้ว
มีเสียงเอะอะโวยวายด้วยภาษาที่เธอเริ่มจะฟังรู้เรื่องบ้างแล้ว เสียงนั้นมาจากภายนอกร้าน และเพียงไม่นานก็เห็นผู้ชายในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงเครื่องแบบทหารสีกากีสองคนแอ่นหน้าแอ่นหลังกันเข้ามาในร้าน ดูก็รู้ว่าแต่ละคนคงเมากันได้ที่ ปกติทหารญี่ปุ่นที่เธอเห็นตามท้องถนนต่างมีวินัยกันดี แต่บางครั้งก็มีอะไรลักษณะนี้หลงมาให้เห็นบ้างเหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาเย็นย่ำอย่างนี้
ที่จริงเธอควรปิดร้านเสียตั้งนานแล้ว แต่เพราะคิดว่ากำลังพยายามระบายของที่ยังมีเหลือติดร้านออกไปให้มากที่สุดเพราะถ้าน้ำท่วมอย่างที่บางคนเกริ่นไว้ ข้าวของอาจเสียหาย เท่ากับสูญเงินไปเปล่าๆ หลายวันที่ผ่านมาจึงเปิดร้านทิ้งไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนแทบมองอะไรไม่เห็นแล้วนั่นแหละจึงได้ปิด
หรือไม่พลรบก็อาจกลับมานอนบ้าน สองวันกับสองคืนมาแล้วที่เขาไม่กลับมาบ้าน ไม่แม้แต่แวะมา
แม้ไม่อยากคิดอย่างนี้ หากแก้วตาจำต้องยอมรับกับตัวเองว่าทุกวันนี้พลรบคือความอุ่นใจของเธอ บ้านซึ่งมีแต่ผู้หญิงให้ความรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย มีเสียงเล่าลือเรื่องผู้หญิงถูกทำร้ายมาให้ได้ยินอยู่บ่อยครั้งจนเธอเริ่มหวั่นใจในเมื่อไม่มีพี่เพชรเสียแล้วอย่างนี้
“ร้านปิดแล้วค่ะ”
เธอจำต้องใช้ภาษาไทยเพราะไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นแม้แต่คำเดียว ทหารญี่ปุ่นเหล่านี้หลายคนพอรู้ภาษาไทยอยู่บ้าง คงมีการสอนกันมา และเธอก็หวังว่าคนหนึ่งในสองคนนี้คงจะเข้าใจ
แต่ก็เปล่าเลย คนที่ตัวเล็กที่สุดส่งเสียงล้งเล้ง ชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปที่ชั้นขนมปังกรอบ แล้วทำท่าจะเซแซ่ดต่อไปที่นั่น แต่เธอเข้าขวางไว้เสียก่อน รู้ว่าถ้าปล่อยให้เข้ามาได้ก็คงวนเวียนอยู่ในร้านอีกนาน
พอพยายามต้อนให้ออกไปเสียจากร้าน คนที่ตัวสูงโย่งเย่งก็คว้าตัวเธอไว้ กลิ่นเหล้าคลุ้งตลบจนเธอสำลัก
“ปล่อยนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้”
เธอตวาด พยายามดิ้น แต่ฝ่ายนั้นกลับชอบอกชอบใจและกระชับอ้อมแขนยิ่งขึ้นอีก กระชับแน่นจนแทบหายใจไม่ออก
แม่พี่เพชรคงได้ยินเสียงเอะอะโครมครามจึงวิ่งมาดูจากหลังร้าน
“อะไรกั๊น ปล่อยเดี๋ยวนี้” ท่านร้องห้ามเสียงหลง
แม่พี่เพชรก็พอๆ กับเธอ คือไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นแม้แต่คำเดียว แต่น่าแปลกที่ได้ผล ฝ่ายนั้นทะเล่อทะล่า หน้าตาตื่น และเหมือนคนทำผิดที่พยายามทำลายหลักฐาน เขาเหวี่ยงเธอให้ออกพ้นตัวราวเธอกลายเป็นของร้อนไปในชั่วพริบตา
แรงเหวี่ยงนั้นทำเอาแก้วตาเสียหลัก ถลาศีรษะไปกระแทกเข้ากับชั้นวางกระป๋องเครื่องดื่มจนกระป๋องโอวัลตินหล่น แต่เธอก็คว้าไว้ได้ทัน ถือหลักเจ็บตัวไม่ว่าแต่อย่าให้ข้าวของเสียหาย ในเมื่อทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเงินเป็นทองทั้งสิ้น
เจ็บแปลบที่หางคิ้ว แต่ก็ไม่ได้อินังขังขอบ พอตั้งหลักได้และรู้ว่าอะไรเป็นอะไรกลับขบขันเสียด้วยซ้ำเมื่อเห็นทหารญี่ปุ่นคนนั้นโค้งหัวเร็วๆ หลายครั้งติดกัน พร้อมกับส่งเสียง ไฮ้ ไฮ้ และอะไรก็ไม่รู้อีกยาวเหยียด คงหายเมาเป็นปลิดทิ้งแล้วคราวนี้ ส่วนคนตัวเตี้ยชี้ไปที่กระป๋องขนมปังเหมือนเพื่อบอกให้แม่พี่เพชรรู้ว่าต้องการอะไร ไม่บอกเปล่ายังดึงธนบัตรญี่ปุ่นพิมพ์เองฟ่อนใหญ่ออกมายัดใส่มือแก้วตาโดยไม่มีการนับ
“เอาไปเถอะพ่อคู้ณ จะเอาอะไรก็เอาไปเถอะ แล้วรีบๆ ไปเสีย” แม่พี่เพชรโบกมือไล่
ภาษาใบ้นั้นดูเหมือนทั้งคู่จะเข้าใจดี จึงต่างก็ช่วยกับคว้ากระป๋องขนมปังคนละกระป๋องสองกระป๋อง โอวัลตินกับกาแฟอีกคนละกระป๋อง แล้วโค้งให้ทั้งแม่และเธออีกหลายครั้งก่อนเผ่นแน่บออกประตูไปขึ้นรถที่จอดคอยอยู่ภายนอกร้าน
“ปิดร้านเสียเถอะแก้ว ไม่ไหวแล้วแบบนี้ พอกันที”
ท่านดึงประตูบานเฟี้ยมปิดทีละบาน แต่พอเธอเข้าไปช่วย ท่านก็ถึงกับชะงักเมื่อเห็นเลือดที่ข้างขมับด้านซ้ายของเธอ แสงที่เหลือเพียงสลัวรางในเวลาโพล้เพล้ใกล้มืดเต็มทีทำให้เห็นอะไรไม่ชัดเจนแต่แรก
“เจ็บไหมแก้ว ทำแผลก่อนดีไหม” สีหน้าของท่านเป็นห่วงเป็นใย
แก้วตาแตะนิ้วบริเวณที่ปวดหนึบๆ ก็รู้สึกถึงความเปียกชื้น ลองไล่นิ้วดูก็พอบอกได้ว่าแผลไม่ยาวและไม่ลึก เพียงแต่มีเลือดซึมออกมาเท่านั้นเอง
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่”
“พลก็ไม่ได้เรื่อง หมู่นี้ไม่กลับบ้านกลับช่องเสียแล้ว นี่ถ้าอยากไปอยู่ที่อื่นแม่ก็จะบอกให้ไปเสียให้พ้นๆ จะได้รู้แล้วรู้รอดกันไป จะได้ไม่ต้องเปิดประตูคอยอยู่อย่างนี้ ไปๆ มาๆ ตามสะดวกแบบนี้ไม่ไหว” ท่านบ่นพึม
แก้วตาไม่มีความคิดเห็นใดๆ ในเรื่องนั้น เรื่องของแม่ลูกที่คงจะตกลงกันเองได้ ในเรื่องนี้เธอเป็นเพียงคนนอกถ้าว่ากันตามจริง
“พรุ่งนี้แก้วไปบ้านนั่นก็ช่วยดูด้วยเถอะลูกว่าวันๆ พลไปอยู่ที่ไหน อยู่ที่นั่นหรือเปล่า”
บ้านนั้น…บ้านนายจ้างของพลรบ เธอได้ยินกิตติศัพท์ของผู้หญิงวัยกลางคนๆ นั้นมานานแม้ไม่เคยเห็นตัวจริงของหล่อนเลยสักครั้งก็ตาม ในเมื่อหล่อนกับเธอเหมือนอยู่กันคนละโลก
หล่อนชื่อราศี เป็นคนที่กว้างขวางมากทีเดียวในละแวกนี้ เป็นผู้หญิงเก่งที่ว่าไปแล้วผู้คนไม่ค่อยจะชื่นชมสักเท่าไร เหตุก็เพราะหล่อนเป็นเจ้าของบาร์อิทธิพลที่มีผู้หญิงสาวๆ ไว้คอยรับแขก และมีโชว์ประเภทปลุกใจเสือป่าประกอบด้วย เป็นโชว์ประเภทที่ใครๆ ว่าอาจทำให้ผู้ชายหัวใจวายเอาได้ง่ายๆ
เป็นที่รู้กันด้วยว่าหล่อนเลี้ยงเด็กสาวๆ ไว้หลายคน และบ้านหลังนั้นก็มีผู้ชายเข้าๆ ออกๆ กันจนเป็นเรื่องปกติ ล่าสุดลูกค้าประจำของหล่อนคือบรรดานายทหารระดับสูงของญี่ปุ่นทั้งที่ประจำอยู่ในพระนครและฝั่งธนบุรี ไม่เพียงเท่านั้นหล่อนยังมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ระดับนายพลหรืออะไรทำนองนั้นเป็นผู้อุปถัมภ์อีกด้วย ด้วยเหตุนั้นจึงไม่มีใครกล้าแตะต้องหล่อนแม้กิจการทุกอย่างของหล่อนจะล่อแหลมต่อกฎหมายเพียงไรก็ตาม
แก้วตาไม่รู้หรอกว่าเสียงลือเสียงเล่าอ้างเหล่านั้นเป็นความจริงแค่ไหนและเพียงไร เหตุก็เพราะเธอไม่เคยใส่ใจกับเรื่องแบบนี้ งานและหน้าที่รับผิดชอบของเธอมีมากพออยู่แล้ว มากเกินกว่าจะสนใจว่าใครคนอื่นเป็นอย่างไร แม้ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นนายจ้างของน้องชายสามีเองก็ตาม
และแม้พลรบจะบอกเธอตรงๆ ในภายหลังว่าแท้จริงแล้ว ‘ทิพย์’ ก็คือหญิงสาวในบ้านของคุณราศีเองก็ตาม
‘จำเป็นอะไร้ที่เราจะต้องไปวัดตัวเขาถึงบ้าน ให้เด็กๆ ของเขามาวัดตัวที่นี่ไม่ดีกว่าหรือแก้ว'
แม่พี่เพชรพยายามคัดค้านเมื่อรู้ว่าเธอจะไปรับงานถึงบ้านคุณราศี
แต่แก้วตากลับมองไปอีกแบบ เธอเพิ่งเริ่มรับตัดเย็บเสื้อผ้าเพราะเป็นงานที่ถนัด สามเดือนนับแต่สิ้นพี่เพชรกิจการค้าขายอยู่ในสภาพย่ำแย่เต็มที เหตุก็เพราะแทบไม่มีของเข้าอีกเลย ของที่มีอยู่ก็ขายยากเพราะว่าไปแล้วล้วนเป็นสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันทั้งสิ้น แต่สิ่งหนึ่งซึ่งเธอพอมองเห็นความสำคัญอยู่บ้างคือผ้าส่งเข้าจากต่างประเทศซึ่งนับวันจะยิ่งหายากขึ้นทุกที จนเรียกว่าขาดตลาดแล้วก็คงได้ และเธอก็มีตกค้างอยู่ในร้านมากมาย จึงคิดหาทางระบายออกด้วยการรับจ้างตัดเสื้อด้วยผ้าเหล่านั้น เป็นงานที่สร้างกำไรให้สองต่อเห็นๆ
และในระยะเริ่มแรกอย่างนี้เธอคิดว่าควรเป็นฝ่ายเข้าหาลูกค้าแทนที่จะคอยให้ลูกค้ามาหา นั่นคือสิ่งหนึ่งที่เรียนรู้จากพี่เพชร จึงได้ติดป้ายไว้หน้าร้านว่ายินดีไปวัดตัวลูกค้าถึงบ้าน อย่างน้อยก็เพื่อให้เป็นที่รู้จักเสียก่อน
ไม่รู้หรอกว่าคุณราศีรู้เรื่องนี้จากใคร อาจเป็นพลรบก็ได้ หล่อนจึงส่งคนมานัดวันเวลาเสร็จสรรพว่าให้เธอไปวัดตัวตัดชุดเสื้อกระโปรงให้เด็กๆ ของหล่อน และในเมื่อบ้านหล่อนก็อยู่ไม่ไกล เธอจึงกระตือรือร้นที่จะรับงานนี้ ตัดเสื้อผ้าให้ผู้หญิงหกคนกับนางระบำอีกสองสามคนเป็นงานที่ยากจะปฏิเสธ ไม่ว่าชื่อเสียงของผู้หญิงเหล่านั้นจะเป็นอย่างไรก็ตาม
เพียงเธอ (บทที่ ๒)
คุณ สมาชิกหมายเลข 1259775,
คุณ ริมแม่โขง,
คุณ pevex,
คุณ Susisiri,
คุณนุ่น lovereason,
คุณนันturtle_cheesecake,
น้องมาโซฯ มาโซคิส,
คุณ กุเต่ยโหดกระถีบ,
คุณหนิง peiNing,
คุณ PuPaKae
คุณเสี่ย kasareev
กับอีก 9 คน ร่วมแสดงความรู้สึก คือใครก็ไม่ทราบค่ะ ชื่อหายไปแล้ว
น้องแพรว thezircon
น้องปุ้ย อรุสา
คุณ กุเต่ยโหดกระถีบ,
คุณ nasa nasa,
น้องนุ้ย ณวลี,
จารย์จี GTW,
คุณ รัตน์ฤดี,
คุณ เจ้าหญิงงัวเงีย
รวมถึงอีก 6 คน
ตกหล่นใครไปก็ต้องขอโทษนะคะเพราะชื่อหายไปหลายคนเลยค่ะ ขอบคุณมากๆๆๆๆ ค่ะ
มาเพิ่มค่ะ ขอบคุณคุณ Hermosa ด้วยค่ะ ดีใจมากเลยค่ะตอนเห็นชื่อ
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตทุกคะแนนด้วยค่ะ
บทก่อนๆ ค่ะ
บทนำ http://ppantip.com/topic/32705425
บทที่ ๑ http://ppantip.com/topic/32747704
ฝนตกๆ หยุดๆ มาสามสี่วันแล้วและยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไปเลยง่ายๆ ทุกครั้งที่ฝนตกน้ำจะปริ่มขึ้นมาถึงขอบประตูหน้าร้าน บางครั้งทำท่าจะทะลักเข้ามาภายในเสียด้วยซ้ำ แต่พอฝนหยุดก็จะเหือดแห้งไปเอง จนแก้วตาโล่งใจ เพียงเพื่อจะตกอีกครั้งและน้ำเอ่อท้นขึ้นมาอีก
‘ดูท่าจะหนัก’ ลุงถึกซึ่งมีบ้านอยู่หลังห้องแถวลุยน้ำออกมาดูที่ปากตรอกแล้วส่ายหัวดิก ‘น้ำเหนือดันลงมาด้วยแหละ ฤดูนี้มันฤดูน้ำหลาก’
แก้วตาเคยได้ยินเรื่องน้ำหลากลงจากเหนือมาบ้างเหมือนกัน แต่ไม่เคยให้ความสนใจเลยสักครั้ง จนมาถึงเวลานี้ เวลาที่มีอีกสองชีวิตให้ต้องรับผิดชอบ และมืดแปดด้านว่าจะทำอย่างไรถ้าเกิดน้ำท่วมขึ้นมาอีกอย่าง เพียงแค่สงครามนี่ก็หนักหนาสาหัสสากรรจ์พออยู่แล้ว
มีเสียงเอะอะโวยวายด้วยภาษาที่เธอเริ่มจะฟังรู้เรื่องบ้างแล้ว เสียงนั้นมาจากภายนอกร้าน และเพียงไม่นานก็เห็นผู้ชายในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงเครื่องแบบทหารสีกากีสองคนแอ่นหน้าแอ่นหลังกันเข้ามาในร้าน ดูก็รู้ว่าแต่ละคนคงเมากันได้ที่ ปกติทหารญี่ปุ่นที่เธอเห็นตามท้องถนนต่างมีวินัยกันดี แต่บางครั้งก็มีอะไรลักษณะนี้หลงมาให้เห็นบ้างเหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาเย็นย่ำอย่างนี้
ที่จริงเธอควรปิดร้านเสียตั้งนานแล้ว แต่เพราะคิดว่ากำลังพยายามระบายของที่ยังมีเหลือติดร้านออกไปให้มากที่สุดเพราะถ้าน้ำท่วมอย่างที่บางคนเกริ่นไว้ ข้าวของอาจเสียหาย เท่ากับสูญเงินไปเปล่าๆ หลายวันที่ผ่านมาจึงเปิดร้านทิ้งไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนแทบมองอะไรไม่เห็นแล้วนั่นแหละจึงได้ปิด
หรือไม่พลรบก็อาจกลับมานอนบ้าน สองวันกับสองคืนมาแล้วที่เขาไม่กลับมาบ้าน ไม่แม้แต่แวะมา
แม้ไม่อยากคิดอย่างนี้ หากแก้วตาจำต้องยอมรับกับตัวเองว่าทุกวันนี้พลรบคือความอุ่นใจของเธอ บ้านซึ่งมีแต่ผู้หญิงให้ความรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย มีเสียงเล่าลือเรื่องผู้หญิงถูกทำร้ายมาให้ได้ยินอยู่บ่อยครั้งจนเธอเริ่มหวั่นใจในเมื่อไม่มีพี่เพชรเสียแล้วอย่างนี้
“ร้านปิดแล้วค่ะ”
เธอจำต้องใช้ภาษาไทยเพราะไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นแม้แต่คำเดียว ทหารญี่ปุ่นเหล่านี้หลายคนพอรู้ภาษาไทยอยู่บ้าง คงมีการสอนกันมา และเธอก็หวังว่าคนหนึ่งในสองคนนี้คงจะเข้าใจ
แต่ก็เปล่าเลย คนที่ตัวเล็กที่สุดส่งเสียงล้งเล้ง ชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปที่ชั้นขนมปังกรอบ แล้วทำท่าจะเซแซ่ดต่อไปที่นั่น แต่เธอเข้าขวางไว้เสียก่อน รู้ว่าถ้าปล่อยให้เข้ามาได้ก็คงวนเวียนอยู่ในร้านอีกนาน
พอพยายามต้อนให้ออกไปเสียจากร้าน คนที่ตัวสูงโย่งเย่งก็คว้าตัวเธอไว้ กลิ่นเหล้าคลุ้งตลบจนเธอสำลัก
“ปล่อยนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้”
เธอตวาด พยายามดิ้น แต่ฝ่ายนั้นกลับชอบอกชอบใจและกระชับอ้อมแขนยิ่งขึ้นอีก กระชับแน่นจนแทบหายใจไม่ออก
แม่พี่เพชรคงได้ยินเสียงเอะอะโครมครามจึงวิ่งมาดูจากหลังร้าน
“อะไรกั๊น ปล่อยเดี๋ยวนี้” ท่านร้องห้ามเสียงหลง
แม่พี่เพชรก็พอๆ กับเธอ คือไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นแม้แต่คำเดียว แต่น่าแปลกที่ได้ผล ฝ่ายนั้นทะเล่อทะล่า หน้าตาตื่น และเหมือนคนทำผิดที่พยายามทำลายหลักฐาน เขาเหวี่ยงเธอให้ออกพ้นตัวราวเธอกลายเป็นของร้อนไปในชั่วพริบตา
แรงเหวี่ยงนั้นทำเอาแก้วตาเสียหลัก ถลาศีรษะไปกระแทกเข้ากับชั้นวางกระป๋องเครื่องดื่มจนกระป๋องโอวัลตินหล่น แต่เธอก็คว้าไว้ได้ทัน ถือหลักเจ็บตัวไม่ว่าแต่อย่าให้ข้าวของเสียหาย ในเมื่อทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเงินเป็นทองทั้งสิ้น
เจ็บแปลบที่หางคิ้ว แต่ก็ไม่ได้อินังขังขอบ พอตั้งหลักได้และรู้ว่าอะไรเป็นอะไรกลับขบขันเสียด้วยซ้ำเมื่อเห็นทหารญี่ปุ่นคนนั้นโค้งหัวเร็วๆ หลายครั้งติดกัน พร้อมกับส่งเสียง ไฮ้ ไฮ้ และอะไรก็ไม่รู้อีกยาวเหยียด คงหายเมาเป็นปลิดทิ้งแล้วคราวนี้ ส่วนคนตัวเตี้ยชี้ไปที่กระป๋องขนมปังเหมือนเพื่อบอกให้แม่พี่เพชรรู้ว่าต้องการอะไร ไม่บอกเปล่ายังดึงธนบัตรญี่ปุ่นพิมพ์เองฟ่อนใหญ่ออกมายัดใส่มือแก้วตาโดยไม่มีการนับ
“เอาไปเถอะพ่อคู้ณ จะเอาอะไรก็เอาไปเถอะ แล้วรีบๆ ไปเสีย” แม่พี่เพชรโบกมือไล่
ภาษาใบ้นั้นดูเหมือนทั้งคู่จะเข้าใจดี จึงต่างก็ช่วยกับคว้ากระป๋องขนมปังคนละกระป๋องสองกระป๋อง โอวัลตินกับกาแฟอีกคนละกระป๋อง แล้วโค้งให้ทั้งแม่และเธออีกหลายครั้งก่อนเผ่นแน่บออกประตูไปขึ้นรถที่จอดคอยอยู่ภายนอกร้าน
“ปิดร้านเสียเถอะแก้ว ไม่ไหวแล้วแบบนี้ พอกันที”
ท่านดึงประตูบานเฟี้ยมปิดทีละบาน แต่พอเธอเข้าไปช่วย ท่านก็ถึงกับชะงักเมื่อเห็นเลือดที่ข้างขมับด้านซ้ายของเธอ แสงที่เหลือเพียงสลัวรางในเวลาโพล้เพล้ใกล้มืดเต็มทีทำให้เห็นอะไรไม่ชัดเจนแต่แรก
“เจ็บไหมแก้ว ทำแผลก่อนดีไหม” สีหน้าของท่านเป็นห่วงเป็นใย
แก้วตาแตะนิ้วบริเวณที่ปวดหนึบๆ ก็รู้สึกถึงความเปียกชื้น ลองไล่นิ้วดูก็พอบอกได้ว่าแผลไม่ยาวและไม่ลึก เพียงแต่มีเลือดซึมออกมาเท่านั้นเอง
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่”
“พลก็ไม่ได้เรื่อง หมู่นี้ไม่กลับบ้านกลับช่องเสียแล้ว นี่ถ้าอยากไปอยู่ที่อื่นแม่ก็จะบอกให้ไปเสียให้พ้นๆ จะได้รู้แล้วรู้รอดกันไป จะได้ไม่ต้องเปิดประตูคอยอยู่อย่างนี้ ไปๆ มาๆ ตามสะดวกแบบนี้ไม่ไหว” ท่านบ่นพึม
แก้วตาไม่มีความคิดเห็นใดๆ ในเรื่องนั้น เรื่องของแม่ลูกที่คงจะตกลงกันเองได้ ในเรื่องนี้เธอเป็นเพียงคนนอกถ้าว่ากันตามจริง
“พรุ่งนี้แก้วไปบ้านนั่นก็ช่วยดูด้วยเถอะลูกว่าวันๆ พลไปอยู่ที่ไหน อยู่ที่นั่นหรือเปล่า”
บ้านนั้น…บ้านนายจ้างของพลรบ เธอได้ยินกิตติศัพท์ของผู้หญิงวัยกลางคนๆ นั้นมานานแม้ไม่เคยเห็นตัวจริงของหล่อนเลยสักครั้งก็ตาม ในเมื่อหล่อนกับเธอเหมือนอยู่กันคนละโลก
หล่อนชื่อราศี เป็นคนที่กว้างขวางมากทีเดียวในละแวกนี้ เป็นผู้หญิงเก่งที่ว่าไปแล้วผู้คนไม่ค่อยจะชื่นชมสักเท่าไร เหตุก็เพราะหล่อนเป็นเจ้าของบาร์อิทธิพลที่มีผู้หญิงสาวๆ ไว้คอยรับแขก และมีโชว์ประเภทปลุกใจเสือป่าประกอบด้วย เป็นโชว์ประเภทที่ใครๆ ว่าอาจทำให้ผู้ชายหัวใจวายเอาได้ง่ายๆ
เป็นที่รู้กันด้วยว่าหล่อนเลี้ยงเด็กสาวๆ ไว้หลายคน และบ้านหลังนั้นก็มีผู้ชายเข้าๆ ออกๆ กันจนเป็นเรื่องปกติ ล่าสุดลูกค้าประจำของหล่อนคือบรรดานายทหารระดับสูงของญี่ปุ่นทั้งที่ประจำอยู่ในพระนครและฝั่งธนบุรี ไม่เพียงเท่านั้นหล่อนยังมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ระดับนายพลหรืออะไรทำนองนั้นเป็นผู้อุปถัมภ์อีกด้วย ด้วยเหตุนั้นจึงไม่มีใครกล้าแตะต้องหล่อนแม้กิจการทุกอย่างของหล่อนจะล่อแหลมต่อกฎหมายเพียงไรก็ตาม
แก้วตาไม่รู้หรอกว่าเสียงลือเสียงเล่าอ้างเหล่านั้นเป็นความจริงแค่ไหนและเพียงไร เหตุก็เพราะเธอไม่เคยใส่ใจกับเรื่องแบบนี้ งานและหน้าที่รับผิดชอบของเธอมีมากพออยู่แล้ว มากเกินกว่าจะสนใจว่าใครคนอื่นเป็นอย่างไร แม้ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นนายจ้างของน้องชายสามีเองก็ตาม
และแม้พลรบจะบอกเธอตรงๆ ในภายหลังว่าแท้จริงแล้ว ‘ทิพย์’ ก็คือหญิงสาวในบ้านของคุณราศีเองก็ตาม
‘จำเป็นอะไร้ที่เราจะต้องไปวัดตัวเขาถึงบ้าน ให้เด็กๆ ของเขามาวัดตัวที่นี่ไม่ดีกว่าหรือแก้ว'
แม่พี่เพชรพยายามคัดค้านเมื่อรู้ว่าเธอจะไปรับงานถึงบ้านคุณราศี
แต่แก้วตากลับมองไปอีกแบบ เธอเพิ่งเริ่มรับตัดเย็บเสื้อผ้าเพราะเป็นงานที่ถนัด สามเดือนนับแต่สิ้นพี่เพชรกิจการค้าขายอยู่ในสภาพย่ำแย่เต็มที เหตุก็เพราะแทบไม่มีของเข้าอีกเลย ของที่มีอยู่ก็ขายยากเพราะว่าไปแล้วล้วนเป็นสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันทั้งสิ้น แต่สิ่งหนึ่งซึ่งเธอพอมองเห็นความสำคัญอยู่บ้างคือผ้าส่งเข้าจากต่างประเทศซึ่งนับวันจะยิ่งหายากขึ้นทุกที จนเรียกว่าขาดตลาดแล้วก็คงได้ และเธอก็มีตกค้างอยู่ในร้านมากมาย จึงคิดหาทางระบายออกด้วยการรับจ้างตัดเสื้อด้วยผ้าเหล่านั้น เป็นงานที่สร้างกำไรให้สองต่อเห็นๆ
และในระยะเริ่มแรกอย่างนี้เธอคิดว่าควรเป็นฝ่ายเข้าหาลูกค้าแทนที่จะคอยให้ลูกค้ามาหา นั่นคือสิ่งหนึ่งที่เรียนรู้จากพี่เพชร จึงได้ติดป้ายไว้หน้าร้านว่ายินดีไปวัดตัวลูกค้าถึงบ้าน อย่างน้อยก็เพื่อให้เป็นที่รู้จักเสียก่อน
ไม่รู้หรอกว่าคุณราศีรู้เรื่องนี้จากใคร อาจเป็นพลรบก็ได้ หล่อนจึงส่งคนมานัดวันเวลาเสร็จสรรพว่าให้เธอไปวัดตัวตัดชุดเสื้อกระโปรงให้เด็กๆ ของหล่อน และในเมื่อบ้านหล่อนก็อยู่ไม่ไกล เธอจึงกระตือรือร้นที่จะรับงานนี้ ตัดเสื้อผ้าให้ผู้หญิงหกคนกับนางระบำอีกสองสามคนเป็นงานที่ยากจะปฏิเสธ ไม่ว่าชื่อเสียงของผู้หญิงเหล่านั้นจะเป็นอย่างไรก็ตาม