เพียงเธอ (บทที่ ๕)

กระทู้สนทนา
ก่อนอื่นต้องขอโทษอย่างแรงเลยค่ะที่บทนี้ช้าไปหน่อย ที่จริงก็ไม่หน่อยล่ะ ช้าไปเป็นอาทิตย์เลย เรื่องของเรื่องคือเพิ่งกลับจาก conference น่ะค่ะ ไปร่วม conference ที่เมืองหลวงของรัฐเสียเป็นอาทิตย์ ที่จริงควรจะแค่ 4 วัน แต่เพราะเหตุที่ 1 ใน 4 มหาวิทยาลัยที่เรียนจบมาตั้งอยู่ที่นั่น แล้วตอนนี้ก็กำลังพยายามลุ้นให้ลูกสาวสมัครเข้าเรียนที่นั่นเพราะลูกอยากสมัครเข้าเรียนอีกที่ มหาวิทยาลัยที่ลูกชอบตั้งอยู่ในเมืองทางใต้สุดของรัฐเลย ใช้เวลาขับรถจากบ้านไปที่นั่นเที่ยวละ 5 ชั่วโมงค่ะ พยายามบอกว่าแม่ขับรถไปเยี่ยมทุกอาทิตย์ไม่ไหวเน้อ แต่เมืองหลวงของรัฐอยู่ครึ่งทางระหว่างบ้านไปเมืองนั้นที่ลูกชอบ คือขับรถไปเที่ยวละ 2 ชั่วโมง แบบนั้นพอไหว เมืองหลวงของรัฐนี้ชื่อเมือง Columbia ค่ะ เป็นที่ตั้งของ flagship campus ของมหาวิทยาลัยในเครือ University of South Carolina ค่ะ ตัวเองก็จบจากที่นั่น ก็เลยอยากให้ลูกเรียนที่นั่น ใช้วิธีหลอกล่อด้วยการพาดู campus นั้นซะ 3 วัน เป็นแบบไซโคสุดขีดเลย ปรากฏว่าได้ผลค่ะ ลูกไปเห็นเมือง เห็นมหาวิทยาลัยแล้วชอบมาก เย้
ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาก็เลยได้แต่อ่านเรื่องอื่นๆ เท่านั้นเองค่ะ บทต่อจากนี้คงไม่ช้าแบบนี้อีกแล้วค่ะ นอกจากตอนไปเมืองไทยตอนปลายปีนะคะที่จะหายไปอีกอาทิตย์หนึ่ง

ขอบคุณทุกคนที่มาอ่านนะคะ

ขอบคุณ:
คุณ กลิ่นลั่นทม
คุณ Hermosa,
คุณ ริมแม่โขง,
คุณนุ่น lovereason,
คุณ Helianthus annuus,
คุณ PuPaKae,
คุณ คาโบนาร่าลาซาญญ่ามักกะโรนี,
จารย์จี GTW,
น้องปุ้ย อรุสา,
คุณ Su_jeong,
น้อง มาโซคิส
รวมถึงอีก 10 คน ใครก็ไม่ทราบค่ะ ชื่อหายไปแล้ว ขอบคุณนะคะ
คุณนัน turtle_cheesecake
คุณ Susisiri
น้องนุ้ย ณวลี
น้องแพรว thezircon
คุณ กุเต่ยโหดกระถีบ,
คุณ ทะเลเดือดพันธุ์ร็อค,
คุณ รัตน์ฤดี
คุณ nasa nasa
คุณหมูครับ
คุณ สมาชิกหมายเลข 1509112
กับอีก 5 คนที่ชื่อหายไป ขอบคุณนะคะ

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตทุกคะแนนด้วยค่ะ ซาบซึ้งใจมากๆ เลยค่ะ


บทก่อนๆ ค่ะ
บทนำ http://ppantip.com/topic/32705425
บทที่ ๑ http://ppantip.com/topic/32747704
บทที่ ๒ http://ppantip.com/topic/32775622
บทที่ ๓ http://ppantip.com/topic/32798708
บทที่ ๔ http://ppantip.com/topic/32839123


บทที่ ๕



    แม้รู้ดีว่าไม่ถูกต้อง หากแก้วตาก็รู้เช่นกันว่าหลายเดือนมานี้ นับแต่สิ้นพี่เพชร บางสิ่งบางอย่างกำลังก่อตัวเร้นลับ เป็นบางสิ่งบางอย่างที่เธอเองก็ยังสับสนว่าคืออะไรกันแน่ รู้ด้วยว่าเป็นความรู้สึกที่ยอมรับไม่ได้เพราะไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง

เธอเห็นพลรบมาแต่ครั้งยังเป็นเด็กเพิ่งเข้ารุ่นหนุ่มที่สร้างความเดือดร้อนให้แม่และพี่ชายได้ชนิดไม่มีจบสิ้น เด็กชายพลรบเกเรจนเลื่องลือ หนังสือหนังหาไม่ยอมเรียน วันๆ เอาแต่มั่วสุมอยู่กับบรรดานักเลงตามซ่องตามบาร์ และหาเรื่องชกต่อยกับใครต่อใครได้ทุกเมื่อ จนในที่สุดก็ถูกไล่ออกจากโรงเรียนก่อนจบมัธยมแปดนั่นแหละ

ที่สำคัญยิ่งกว่าคือเขาเป็นน้องชายพี่เพชร ทั้งยังอายุน้อยกว่าอยู่หลายปี มีใครยอมรับได้บ้างกับเรื่องแบบนี้

    หากถึงกระนั้นเธอก็ยังเป็นผู้หญิงที่มีเลือดมีเนื้อ มีความอ่อนไหวและไขว่คว้าหาที่พักพิงทางกายและทางจิตใจในสถานการณ์ล่อแหลมและเสี่ยงอันตรายทุกย่างก้าวแบบนี้ สัมผัสอ่อนโยนและปกป้องของพลรบสร้างความรู้สึกนั้นให้ได้ทุกครั้ง อ้อมแขนของเขามั่นคงอย่างน่าประหลาด เป็นความมั่นคงที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อนไม่ว่าจะจากผู้ใด ที่รู้แน่นอนคือความรู้สึกนี้วูบวับจับจิตจับใจลึกซึ้ง

เรือนกายเปลือยเปล่าของเขานั้นเล่าก็มีความอบอุ่นแทรกแฝงอยู่ทุกอณู สายตาใส่ใจและระแวดระวังภัยให้ที่ทอดมองมาทำให้เธอรู้สึกเป็นผู้หญิงได้อย่างสมบูรณ์

    คำสารภาพรักตรงไปตรงมา ไม่มีที่มาที่ไป และไม่อ้อมค้อมตามนิสัยของเขานี่ก็อีก เป็นคำสารภาพรักจากผู้ชายที่มีเสน่ห์ดึงดูดร้ายกาจอย่างพลรบ มีหรือที่ผู้หญิงอย่างเธอจะไม่หวั่นไหว

    แต่จิตใต้สำนึกฝ่ายดีก็ยังเตือนเช่นกันว่าเธอเป็นผู้ใหญ่กว่า เป็นคนที่เขาควรให้ความเคารพนับถือในฐานะพี่สะใภ้ และเธอเองก็ควรวางตัวเช่นนั้น จะยอมปล่อยกายปล่อยใจให้เตลิดตามเขาไปไม่ได้อย่างไร ในเมื่อรู้ดีว่าไม่มีใครยอมรับในเรื่องแบบนี้ได้

แม้เธอจะเคยทำผิดอย่างใหญ่หลวงมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งที่หนีตามพี่เพชรมาอยู่ด้วยกันที่นี่ คราวนั้นเธอสร้างความอับอายให้คุณพ่อและพี่ๆ อย่างไรเธอไม่เคยลืม จะยอมให้เรื่องร้ายแรงกว่านั้นเกิดขึ้นอีกได้อย่างไร ใครๆ ที่รู้คงตำหนิติเตียนว่าได้กับพี่ พอพี่ตายไม่ทันไรก็มาได้กับน้องอีก เธอทนรับข้อครหาลักษณะนั้นไม่ได้อย่างแน่นอน

พอคิดได้ก็พยายามคงการควบคุมตัวเองอย่างสุดความสามารถ เธอรู้จักพลรบดี รู้ว่าในสถานการณ์เช่นนี้ควรทำอย่างไร ถ้าผลักไส เขาก็จะดึงดันต่อไปไม่มีจบสิ้น เพราะเหตุนั้นการไม่รับรู้และไม่ตอบสนองใดๆ จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

    “พล…” แม้พยายามแล้ว หากเสียงเรียกชื่อเขาก็ยังสั่นสะท้านจนน่าโมโห

    กระแอมในลำคอแล้วรวบรวมสติอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ผิวหน้ายังคงร้อนวูบวาบไม่ต่างจากเมื่อครู่

     “พอจะลุกไหวไหม เธอต้องขึ้นไปนอนชั้นบน ชั้นล่างนี่น้ำท่วมหมดแล้ว”

ได้ผลทันตาเห็น อ้อมแขนแข็งแรงคลายออก และกริยาท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไปเมื่อก้มลงดูพื้น

    “แก้วยืนแช่น้ำอยู่หรือนี่” เขาครางเมื่อเห็นในความสลัวว่าสองเท้าเปลือยเปล่าของเธอจมอยู่ในน้ำที่ปริ่มขึ้นมาจนถึงข้อเท้า

รีบเบี่ยงสองขาลงจากเตียง แล้วลุกยืน

“ทำไมไม่บอกผมแต่แรก”

“จะบอกได้ยังไงล่ะในเมื่อเธอหลับอยู่”

เธอพึมพำพร้อมกับถอยห่างออกมา ยังไม่วายเป็นห่วงเมื่อเห็นกับตาว่าเขาเซไปนิดหนึ่ง

นิ้วเรียวแตะแขนล่ำสันของเขาด้วยสัญชาตญาณ  

“พอจะเดินไหวไหม”

สัมผัสแผ่วๆ สะท้อนความห่วงใยเท่านั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พลรบควบคุมตัวเองไว้ไม่ได้อีก สองมือแข็งแรงวาดขึ้นประคับประคองใบหน้าเล็กๆ สะอาดเอี่ยมให้แหงนเงยขึ้นหา และริมฝีปากร้อนผะผ่าวก็ทาบลงบนเรียวปากบอบบาง รวดเร็วและรุนแรงจนแก้วตาแทบสำลักลมหายใจ

เป็นจูบแรกในชีวิตที่อ่อนหวาน เย้ายวน และหยุดทุกสิ่งทุกอย่างได้ทั้งหมด เธออ่อนยวบไปทั้งตัว บรรยากาศราวจะนิ่งไปอึดใจ ราวโลกหยุดหมุน

หากก็เพียงเสี้ยววินาทีเมื่อความเป็นจริงย้อนกลับมา และพลรบก็รู้สึกได้ไม่ยากว่าเรือนร่างบอบบางที่เขาหวงแหนไหวสะท้าน

รีบถอนริมฝีปาก แทบคลั่งเมื่อเห็นเงาจางๆ หล่อรื้นในดวงตากระจ่างใส

“แก้ว…” เขาคราง สำนึกผิดลึกซึ้ง

ไม่ควรเลย ไม่ควรจาบจ้วงและรุกรานถึงเพียงนี้ เธอเปราะบางเพียงไรทำไมเขาจะไม่รู้ แล้วนี่เธอจะมองเขาเช่นไรต่อไปจากนี้

“ผมขอโทษ”

“เธอทำแบบนี้ทำไมฮึพล” เสียงพึมพำแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน

ไม่มีการตีโพยตีพาย ไม่มีการขัดขืนหรือใช้กำลังตอบโต้ ไม่มีการด่าทอหรือต่อว่าใดๆ แต่อากัปกริยาสงบนิ่งและสายตารวดร้าวที่มองกลับมานี้ทำร้ายจิตใจเขาได้รุนแรงยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด

“ผมขอโทษ ผมไม่ได้คิดจะทำร้ายจิตใจแก้ว”

เขาพยายามอธิบาย แต่ยิ่งอธิบายเท่าไรก็ยิ่งรู้ว่าห่างไกลความจริงยิ่งขึ้นเท่านั้น ไม่มีอะไรตรงไปตรงมาได้มากเท่าความจริง

“ผมรักแก้วด้วยใจจริง รักมานานแล้ว ที่ได้เดือดร้อนขึ้นมาก็เพราะกลัวว่าแก้วจะเข้าใจผิด”

เธออยากย้อนถามว่ากลัวเข้าใจผิดเรื่องอะไร แต่ก็รู้ว่าไม่ควรต่อความใดๆ อีก เวลานี้รู้แต่ว่าอยู่ห่างๆ เขาไว้เป็นดีที่สุด จะว่าหนีปัญหาก็คงได้

สงบสติอารมณ์อีกครั้ง พยายามลบเลือนความวาบหวามที่ตราตรึงอยู่ในจิตรับรู้ให้หมดสิ้น

“ขึ้นบ้านเถอะพล ดึกแล้ว” กังวานเสียงของเธอสงบได้อย่างไม่น่าเชื่อเมื่อคิดถึงว่าภายในใจกำลังว้าวุ่นและสับสนเพียงไร

เธอกลับเป็นแก้วตาคนเดิม และเขาก็ยิ้มออกมาได้

“บอกก่อนว่าแก้วยกโทษให้ผม”

“ก็ได้ พี่ยกโทษให้”

เธอบอกปัดไปอย่างนั้นเอง รู้ดีว่าสัมผัสเย้ายวนและอ่อนหวานของเขาจะติดตรึงใจไปอีกนานเท่านาน

“ว่าแต่เธอเดินไหวไหม”

ยิ้มละลายใจกว้างขึ้นอีก

“ไหวสิ อุ้มแก้วยังได้เลย”

และเขาก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง รวบทั้งตัวเธอแล้วอุ้มขึ้นอย่างง่ายดายราวอุ้มเด็กเล็ก

“พล…” แก้วตาอุทาน เอาอีกแล้ว เขาทำให้เธอลำบากใจอีกแล้ว

“ปล่อยพี่ลงเดี๋ยวนี้นะพล นี่เธอจะทำอะไรอีก”

“ก็จะพาแก้วขึ้นบ้านไงล่ะ”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่