เพียงเธอ (บทที่ ๑๓)

ขอบคุณทุกๆ คนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณ ถวิลหาถนนสายฝัน, น้องนุ้ย ณวลี, คุณ โสพิศ ดุจเดือน, คุณ วราภรณ์ pink, คุณ สมาชิกหมายเลข 1509172, คุณนัน turtle_cheesecake, จารย์จี GTW, คุณ กลูตาเมท, คุณซูซี่ Susisiri, คุณโอ แมวอ้วนตัวนั้น ชื่อO-iamBear, คุณ nasa nasa, คุณ หญิงคนรองแห่งบ้านทรายทอง, คุณเล็ก MidNite, น้องแพรว thezircon, คุณ สมาชิกหมายเลข 1399661, คุณ สมาชิกหมายเลข 1039536  

ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ

บทก่อนหน้าค่ะ

บทนำ http://ppantip.com/topic/32705425
บทที่ ๑ http://ppantip.com/topic/32747704
บทที่ ๒ http://ppantip.com/topic/32775622
บทที่ ๓ http://ppantip.com/topic/32798708
บทที่ ๔ http://ppantip.com/topic/32839123
บทที่ ๕ http://ppantip.com/topic/32895410
บทที่ ๖ http://ppantip.com/topic/32962172
บทที่ ๗ http://ppantip.com/topic/33348347
บทที่ ๘ http://ppantip.com/topic/33386316
บทที่ ๙ http://ppantip.com/topic/33473975
บทที่ ๑๐ http://ppantip.com/topic/33583297
บทที่ ๑๑ http://ppantip.com/topic/35265605
บทที่ ๑๒ http://ppantip.com/topic/35437446


บทที่ ๑๓



    “เธอทำแบบนี้ทำไมฮึพล”

แก้วตาคาดคั้นเมื่อเห็นบาดแผลซึ่งแน่ใจว่าเกิดจากกระสุนปืนของเขา แผลนั้นน่าเป็นห่วงไม่น้อยเลย เลือดดูเหมือนจะหยุดไปได้สักพักแล้วเพราะมีร่องรอยของสะเก็ดแห้งกรัง หากพอดึงผ้าที่ปิดไว้ก็เริ่มซึมออกมาอีก ผ้าที่ใช้ปิดแผลนี้เห็นได้ชัดว่าฉีกมาจากเสื้อหรือไม่ก็ผ้าปูที่นอนซึ่งใช้มานานจนเริ่มเปื่อย เป็นผ้าดิบราคาถูกซึ่งผลิตโดยรัฐบาล ในเมื่อทุกวันนี้ผ้าตัดเสื้อหายากเต็มที รัฐจึงผลิตออกมาขายเสียเอง เป็นผ้าดิบคุณภาพต่ำที่พอซับเลือดไว้เป็นเวลานานก็แห้งติดปากแผลจนแทบลอกเอาผิวหนังให้หลุดตามมาด้วย

เหลือบขึ้นดูปฏิกริยาของเขาก็เห็นคิ้วหนาพาดตรงย่นเข้าหากันเพียงนิดเดียว นิดเดียวเท่านั้นจริงๆ

“ไปให้หมอทำแผลให้ดีไหม มีกระสุนฝังอยู่ข้างในหรือเปล่าก็ไม่รู้” เธอบ่นในเชิงปรึกษา

และเขาก็รู้ว่าหมอคนที่ว่าหมายถึงใคร เสียงตอบจึงห้วนจัด

“แค่นี้ไม่ถึงตายหรอกน่ะ ห่างหัวใจเป็นโยชน์”

แก้วตาจึงต้องสงบปากสงบคำเสีย ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นละลายด่างทับทิมเช็ดรอบปากแผลเพื่อชะเลือดแห้ง และเพื่อทำความสะอาด

พลรบรู้ตัว เสียงที่ถามต่อมาจึงอ่อนโยนลง

“คุณพระล่ะแก้ว”

ทั้งพลรบและพี่เพชรเรียกคุณพ่อของเธอว่าคุณพระตามแม่ของเขามาแต่ไหนแต่ไร แม้จะไม่เคยพูดคุยกับพ่อของเธอเลยสักครั้งก็ตาม แต่เธอก็รู้ว่าเขาให้ความเคารพท่านเสมอ

เมื่อนานมาแล้ว เมื่อครั้งที่ครอบครัวนี้เคยอาศัยอยู่ในบ้านเช่าและเปิดร้านค้าที่ปากซอยซึ่งบ้านของเธอตั้งอยู่ เวลานั้นพลรบยังเล็กอยู่มาก แก้วตาเองไม่เคยรู้เลยว่าครอบครัวพี่เพชรเคยอยู่กันแถวนั้น จนพี่เพชรเล่าให้ฟังในภายหลังว่าเขาเห็นเธอตั้งแต่ครั้งนั้น ในเวลาที่เธอเพิ่งเข้าวัยรุ่น และเมื่อมองย้อนกลับไปก็คิดได้ว่าเคยเห็นเด็กชายวัยไม่เกินห้าขวบคนหนึ่งวิ่งแก้ผ้าโทงๆ เล่นน้ำฝนอยู่แถวนั้นเป็นประจำ

“พี่ว่าท่านดีขึ้นนะ ตอนนี้ท่านนอนได้ กินได้บ้างแล้ว หมอว่านั่นล่ะที่สำคัญที่สุด ก่อนนี้ท่านกินอะไรไม่ได้เลย นอนก็ไม่ได้ กระสับกระส่ายตลอดเวลาเลย”

เหลือบขึ้นสบตาเขาอีกครั้ง

“ถ้าไม่ได้เธอ…”

พลรบขัดจังหวะขึ้นก่อนเธอจะประโยคนั้น ราวกับสิ่งที่ทำหาได้มีความสลักสำคัญแต่อย่างใดไม่

“ช่างมันเถอะ”

“จะเป็นพระเอกให้ได้อย่างนั้นซี”

เสียงเย้านั้นกลั้วหัวเราะด้วยตั้งใจใช้อารมณ์ขันลดความตึงเครียด เขาเสี่ยงชีวิตเพื่อพ่อของเธอแท้ๆ แต่กลับมองว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ พลรบเป็นคนรักครอบครัว รักแม่ รักน้อง เขาแสดงให้เห็นแล้วหลายครั้ง และความรักนั้นก็เผื่อแผ่มาถึงคุณพ่อของเธอด้วย เธอแน่ใจเช่นนั้น

เขาหัวเราะหึๆ ล้มตัวลงนอนเหยียดยาว สอดสองแขนเข้าหนุนท้ายทอยแทนหมอน ท่อนบนซึ่งเวลานี้เปลือยเปล่าเผยให้เห็นแผ่นอกแน่นเครียดและรอยแผลกระสุนปืนที่ไหล่ขวา แผลนั้นมีขนาดไม่เล็กเลย เมื่อเช็ดเลือดทั้งที่แห้งแล้วและที่ซึมออกมาอีกหมดสิ้น แก้วตาก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง สิ่งนั้นเห็นไม่ชัดเจนในตอนแรกเพราะความสลัวรอบด้าน

จึงคว้าตะเกียงมาไขไส้ให้สูงขึ้นอีก แล้วลองส่องดู เส้นบางๆ รูปคล้ายฟันปลาที่ไหล่นั้นคือรอยฝีเย็บแน่นอน แม้จะไม่เป็นระเบียบ ไม่สม่ำเสมอ และแม้ไม่ใช่เอ็นสำหรับเย็บแผลจริงๆ หากเธอก็แน่ใจว่ามีคนทำแผลให้พลรบแล้วอย่างน้อยก็ครั้งหนึ่ง

“ใครเย็บแผลให้หรือพล”

ไหล่ล่ำสันยกขึ้นนิดหนึ่ง หากก็ไม่มีคำตอบใดๆ ให้นอกเหนือจากนั้น และแก้วตาก็เข้าใจว่าคงเป็นความลับ เมื่อเป็นความลับก็ไม่ควรถามให้มากความ ในยามสงครามเช่นนี้มีเรื่องลับมากมาย เธอเรียนรู้ได้รวดเร็วในกรณีนั้น พลรบคงทำงานกับขบวนการใต้ดินอะไรบางอย่างเหมือนเช่นพี่เอื้อและคุณนิวัฒน์ หรืออาจทำงานกับขบวนการเสรีไทยเหมือนสองคนนั้นก็ได้ นั่นก็คงเป็นเรื่องลับอีกเช่นกัน

“คงผ่าเอากระสุนออกด้วยใช่ไหม”

เดาเพียงแค่นั้นแล้วเปลี่ยนเรื่องเสียเพราะอยากลองหยั่งเสียงว่าเขาจะมีปฏิกริยาอย่างไร สงสัยมาได้สักพักแล้วถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ปกติระหว่างพลรบกับนายจ้างสาวใหญ่ของเขา ยิ่งนานวันก็ยิ่งแน่ใจว่าลึกซึ้งและเกินเลยนายจ้างลูกจ้างธรรมดาอย่างแน่นอน แต่จะเกินเลยในลักษณะไหนเธอไม่อยากเดาเอาเอง ที่แน่ๆ คือแม้พลรบจะอายุน้อยกว่าฝ่ายนั้นชนิดเป็นแม่เป็นลูกกันได้ก็ตาม แต่เรื่องแบบนี้กำหนดกันได้เสียที่ไหน ว่าไปแล้วเธอเองยังมองเห็นว่าทำไม เพิ่งเห็นว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นคนอย่างไรก็นับตั้งแต่พี่เพชรตายและเขากลายเป็นคนที่ต้องดูแลครอบครัวแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาแบบนี้

“คุณราศีมาพาแม่กับไพลินไปแล้ว” เธอเกริ่นนำ

และเขาก็เพียงพึมพำรับรู้ขณะปรือตาปิด

“ง่วงหรือ”

ชายหนุ่มโคลงศีรษะแม้ตาจะยังคงปิดอยู่เช่นนั้น แก้วตาจึงรายงานต่อขณะใช้สำลีชุบยาแดงแตะเบาๆ ที่ปากแผลของเขา

“คุณราศีขนของไปเกือบหมดแล้วด้วย คงทันเวลาก่อนพวกญี่ปุ่นจะมาค้นบ้านหรอกนะ แต่ก็ทิ้งยาไว้ ทิ้งผ้าปิดแผลพวกนี้ไว้ให้ด้วย อย่างกับรู้ว่าจะต้องใช้”

ชายตาดูอีกครั้ง หากเขาก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะสนใจอยู่เหมือนเดิม

“คุณราศีมาตามหาเธอด้วย บอกว่าเธอไม่ได้ไปทำงานมาสามวันแล้ว ดูเป็นห่วงเธอมากนะพล พรุ่งนี้พี่จะไปดูแม่กับไพลิน จะให้พี่บอกอะไรคุณราศีให้ไหม จะให้พี่บอกไหมว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน เขาจะได้ไม่เป็นห่วง” ประโยคหลังตั้งใจจะเลียบๆ เคียงๆ ถามเพราะตัวเองก็สงสัยใคร่รู้อยู่เหมือนกัน

“ไม่ต้องบอกอะไรใครทั้งนั้นแหละ กับแม่ก็ไม่ต้องบอก” พลรบมีสุ้มมีเสียงขึ้นได้ในที่สุด “แล้วแก้วก็ไม่ต้องไปที่บ้านนั่นด้วย”

“ทำไมล่ะ”

“ผมไม่อยากให้แก้วไปที่นั่นอีก”

“แล้วแม่กับไพลินล่ะ จะปล่อยให้อยู่ที่นั่นกันอย่างนั้นหรือ”

ที่จริงเธอมองเห็นลู่ทางจะให้แม่และน้องสาวของเขาได้ไปอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ววันนี้เองตอนที่คุยกับพี่ชาย

‘ร้านไม่มีแล้วไปอยู่กันที่ไหน’ อยู่ดีๆ พี่ชายคนโตของเธอก็ถามขึ้นเอง

และเธอก็จำต้องบอกตามตรง แต่ไม่ขยายความว่าเป็นบ้านของใคร พี่อาจไม่รู้ว่าคุณราศีคือใคร เป็นเธอเองที่ตะขิดตะขวงใจที่จะบอกว่าเจ้าของบ้านหลังนั้นเป็นเจ้าของบาร์และเป็นแม่เล้า พี่จะยอมรับได้หรือ

‘ตอนนี้อาศัยบ้านคนอื่นอยู่ค่ะ’

‘อยู่แถวไหน’

‘บางกอกน้อยค่ะ’

แสดงว่าพี่เรวัตยังไม่ได้บอกให้พี่ไกรรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และเธอก็รู้นิสัยของพี่ชายดี ถ้าถามถึงแบบนี้ก็แสดงว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างอย่างแน่นอน พี่คงคิดตอบแทนบุญคุณพลรบไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และในสถานการณ์เช่นนี้จะมีอะไรดีไปกว่าหาที่อยู่ที่ปลอดภัยให้

‘แถวนั้นมีค่ายทหารญี่ปุ่นด้วยนี่ใช่ไหม’

‘ใช่ค่ะ อยู่ฝั่งตรงข้ามคลอง’

‘อยู่ฝั่งตรงข้ามคลองเลย?’

สีหน้าสีตาของพี่ไกรแสดงความห่วงใยชัดแจ้ง พี่ชายคนโตของเธอเป็นคนไม่ช่างพูดช่างคุย ยิ่งถ้ายังไม่แน่ใจอะไรก็จะยังไม่พูด หากเธอก็พอเดาได้แล้วว่าพี่กำลังคิดอะไร จึงได้ตอกย้ำลงไปอีกด้วยการเลียบๆ เคียงๆ ถาม ด้วยรู้ว่าพี่สาว พี่เขย รวมทั้งหลานๆ ได้อพยพไปนครชัยศรีกันหมดแล้ว ส่วนพี่สะใภ้ก็กำลังจะติดตามไป

‘บ้านที่นครชัยศรีเป็นอย่างไรบ้างคะ’

‘กว้างดี อยู่กันได้หลายคน พี่เช่าไว้สองหลังอยู่ติดกันเพราะตอนแรกคิดว่าคุณพ่อจะไปด้วยได้’

‘แล้วนี่พี่วาสจะลงไปวันไหนคะ’

‘อาการของคุณพ่อพอวางใจได้บ้างแล้วก็คงวันมะรืนนี้แหละ พี่จะลางานไปส่ง วาสคงอยู่กับกัณหาได้ คงไม่อยากไปอยู่คนเดียว’

‘บ้านอีกหลังก็เลยยังว่างอยู่ใช่ไหมคะเพราะตอนนี้คุณพ่อยังเดินทางไม่ได้’

เธอทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นั้น ปล่อยให้พี่ชายคิดวางแผนด้วยตัวเองว่าควรทำอย่างไร ที่แน่ๆ คือต้องถามแม่พี่เพชรเสียก่อนว่าจะยอมอพยพไปกับครอบครัวของพี่ชายของเธอหรือไม่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่