เพียงเธอ (บทที่ ๗)

กระทู้สนทนา
หายไปนานเลยค่ะเรื่องนี้ จะลงต่อให้จบสลับกับ จำหลักไว้ในสายลม นะคะ

ขอบคุณทุกๆ คนที่มาอ่านค่ะ

ขอบคุณ:

น้องนุ้ย ณวลี,
คุณ พันธะ ตลอดไป,
คุณ บุษยา โรส,
คุณเสี่ย kasareev,
คุณ ทะเลเดือดพันธุ์ร็อค,
คุณนุ่น lovereason,
คุณ รัตน์ฤดี,
คุณนัน turtle_cheesecake,
คุณ Susisiri,
คุณ คาโบนาร่าลาซาญญ่ามักกะโรนี
คุณ  Hermosa,
น้องปุ้ย อรุสา,
จารย์จี Psycho man,
คุณ เขมปัณณ์
คุณ nasa nasa
น้องแพรว thezircon
คุณ สมาชิกหมายเลข 1062108

ชื่อหายไป 8 คน ขอบคุณนะคะ

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตทุกคะแนนด้วยค่ะ


บทก่อนๆ ค่ะ
บทนำ http://ppantip.com/topic/32705425
บทที่ ๑ http://ppantip.com/topic/32747704
บทที่ ๒ http://ppantip.com/topic/32775622
บทที่ ๓ http://ppantip.com/topic/32798708
บทที่ ๔ http://ppantip.com/topic/32839123
บทที่ ๕ http://ppantip.com/topic/32895410
บทที่ ๖ http://ppantip.com/topic/32962172


บทที่ ๗


    
มีบางสิ่งบางอย่างอยู่ที่นี่ แก้วตารู้สึกได้ไม่ยาก เป็นอะไรบางอย่างที่อ่อนโยน อ่อนหวาน หากก็เปราะบางและน่าหวาดหวั่น พลรบไม่เหมือนพี่เพชร ไม่มีอะไรเหมือนเลยสักอย่าง เป็นพี่น้องคลานตามกันมาได้อย่างไรก็ไม่รู้ ในขณะที่พี่เพชรรู้จักคนง่ายและเข้าได้กับทุกคน ไม่เคยมองใครเป็นคนแปลกหน้า พลรบกลับไม่เคยสนใจจะสนิทสนมกับใครนอกจากคนในครอบครัวและลูกน้องที่บาร์อีกเพียงไม่กี่คน เขาเป็นคนที่เข้าถึงยาก ว่าไปแล้วก็ไม่มีใครอยากวุ่นวายกับเขาเสียด้วย อาจมีก็แต่สาวๆ ที่เคยวนเวียนมาตามเขาถึงบ้านราวหาตัวเขายากเย็นเสียนักหนา ส่วนจะตามไปไหนและเพื่ออะไรนั้นเธอไม่เคยรับรู้และไม่เคยสนใจจะถาม

ครั้งหนึ่งป้าพยอมซึ่งเป็นป้าแท้ๆ ทางฝ่ายพ่อของเขาเปรยแบบไม่เกรงใจใครตอนที่เห็นเขาวิ่งลงบันไดมาจากชั้นบนเพื่อออกไปกับหญิงสาวคนที่มาตาม

‘หาเมียสักคนได้แล้วพลเอ๊ย คนโน้นมาหาทีคนนี้มาหาทีแบบนี้ผู้หญิงดีๆ ที่ไหนเขาจะยอมมาเป็นเมียเราล่ะลูก’

แก้วตาซึ่งกำลังทำบัญชีข้าวของในร้านต้องกลั้นยิ้ม หากพอเหลียวหลังไปดูคนที่แกพูดถึงก็สบนัยน์ตากระด้างดุดันที่กำลังมองมาเข้าพอดี เธอว่าเขาคงอับอายไม่น้อยที่คนในครอบครัวเขา…รวมทั้งตัวเธอเองด้วย…ต่างก็ต้องมารู้เห็นความสัมพันธ์ของเขากับหญิงสาวเหล่านั้น เธอเองยังเคยคิดจะเตือนอยู่เหมือนกันว่าโรคบุรุษนั้นติดต่อกันได้ง่ายอยู่หรอก

และก็จริงอย่างที่ป้าพยอมว่า เขาอยู่ในวัยที่ควรมีลูกมีเมียได้นานแล้ว

หากเวลานี้พอหวนคิดถึงเรื่องนั้นเธอตั้งสติ ยึดต้นแขนล่ำสันข้างหนึ่งไว้มั่นแล้วดันให้ออกพ้นตัว

    “นั่งดีๆ พี่จะทำแผลให้” เสียงสั่งคราวนี้เข้มทีเดียว

พี่เพชรว่าเจ้าชู้แล้ว แต่พลรบเจ้าชู้เสียยิ่งกว่าถ้าว่าไปตามจริง ทั้งยังเป็นเจ้าชู้เงียบที่มีแต่ผู้หญิงเป็นฝ่ายเข้าหา เธอคิดว่าอย่างนั้นในเมื่อไม่เคยเห็นเขาไปเที่ยวเสาะแสวงหาใครที่ไหนสักที หรือจริงๆ แล้วอาจทำแบบนั้น เพียงแต่เธอไม่รู้ไม่เห็นเอง

    เขาระบายลมหายใจยาว คลายอ้อมแขนพร้อมกับเลื่อนตัวออกห่างแต่โดยดี

    แผลซึ่งเกิดจากรอยถากของสะเก็ดระเบิดนั้นแห้งหมดแล้ว แต่ที่น่าห่วงคือแผลใหญ่และลึกเยื้องขึ้นไปทางไหล่ซ้ายซึ่งแม้เวลานี้ก็ยังคงมีเลือดซึม อีกทั้งเริ่มมีหนองให้เห็นแล้วด้วย ขอบแผลนั้นเล่าก็แดงช้ำดูน่ากลัว นี่เองคงเป็นสาเหตุของอาการไข้ของเขา

    “ไปให้หมอดูดีไหมพล” เธอลองหยั่งเสียงอีกครั้ง

    “ก็บอกแล้วว่าผมไม่เป็นไร แค่นี้ไม่ถึงตายหรอกน่า ไกลหัวใจตั้งเยอะ”

    “ถ้าอย่างนั้นคงต้องล้างแผลอีกสักรอบ พี่ตั้งกาน้ำไว้แล้ว คงเดือดแล้วล่ะตอนนี้ จะต้มน้ำละลายด่างทับทิมชะแผลให้”

    ทำท่าจะลุก แต่เขาคว้าแขนเธอไว้เสียก่อน

    “แก้วไปไหนกับหมอคนนั้น” สุ้มเสียงห้าวๆ ซักไซ้ ไม่สบอารมณ์ ตาเข้มเฉียบคาดคั้น

    ทำเอาเธอชะงักไปได้เหมือนกัน กลับลงนั่งดังเดิม หากก็ยังไม่วายถาม อย่างน้อยก็เพื่อถ่วงเวลาหาคำตอบที่เหมาะสม

    “ทำแผลเสียก่อนไม่ดีกว่าหรือ”

    “ช่างแผลมันเถอะ เจ็บเองได้ก็หายเองได้” เขารวน “บอกผมมาก่อนว่าแก้วไปไหนกับหมอคนนั้น”

    “พ่อพี่ป่วย พี่ก็เลยไปดูท่าน” จำต้องตอบตามตรงเมื่อมองไม่เห็นว่าอ้อมค้อมแล้วจะได้อะไรขึ้นมา

    หากก็ยังไม่วายปกปิดบางส่วนไว้ในเมื่อยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรทำอย่างไร กลับไปหาพ่อ หาพี่ๆ และชีวิตที่สุขสงบเพียบพร้อมไปทุกสิ่งดังเดิมดี หรือคงอยู่ที่นี่ ต่อสู้กับสงครามและดิ้นรนกับความแร้นแค้นเพื่อให้อยู่รอดต่อไป แต่ที่แน่ๆ ก็คือถ้าไปจากที่นี่ในคราวนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับตัดขาดไปเลย ในส่วนลึกยังมีความอาลัยอาวรณ์ชีวิตลุ่มๆ ดอนๆ นี้อยู่ไม่น้อย

    เขาอึ้งไป คงเดาได้แล้วว่าเธอกำลังคิดอะไร

    “น้ำคงเดือดแล้วล่ะพล เธออยู่นี่แหละ อย่าลุกไปไหน พี่จะเช็ดตัวให้ด้วย”

ผลุนผลันออกมาเสียจากห้องนอนของเขาก่อนที่เขาจะซักไซ้อะไรได้อีก

ความรู้สึกนี้คือเวลาที่ครอบครัวของเขากำลังลำบาก ทั้งรายได้ที่ขาดหายไปเมื่อไม่มีสินค้าเข้าร้านอีกแล้ว ทั้งไพลินที่กำลังป่วยและช่วยตัวเองไม่ได้เลย อีกทั้งนับแต่น้ำท่วมก็ติดอยู่แต่ชั้นบน ทั้งตัวเขาซึ่งบัดนี้กลายเป็นคนเดียวที่ทำมาหากินประคับประคองทั้งครอบครัว…ด้วยงานที่เธอรังเกียจ

แต่เธอร้ายเสียยิ่งกว่า เธอกำลังคิดหนีเอาตัวรอด

น้ำยังไม่เดือดเสียทีเดียว และแม่พี่เพชรซึ่งยังไม่วางมือจากกับข้าวมื้อเย็นก็เปรยขึ้นในเชิงปรึกษา

“คุณราศีเขาก็ไม่เลวหรอกนะแก้ว แม่ไม่เคยคุยกับเขา เคยเห็นก็แต่แวบๆ ไปมา เพิ่งจะวันนี้แหละที่เขามาถึงบ้าน ก็เลยได้พูดกันนานหน่อย”

ท่านเงียบไปครู่หนึ่งราวเพื่อหยั่งเสียงเธอ

“เขาว่ายังไงบ้างคะ”

“คุณราศีเห็นว่าบ้านน้ำท่วม ไพลินต้องขึ้นไปอยู่ชั้นบนเขาก็เป็นห่วง เขามีบ้านเช่าอยู่หลังหนึ่ง อยู่ไม่ไกลบ้านของเขา เป็นบ้านหลังเล็ก ไม่ใหญ่โตอะไร ตอนนี้คนเช่าออกไปแล้ว อพยพไปหัวเมืองนั่นแหละ เขาบอกว่าอยากให้แม่พาไพลินไปอยู่ที่นั่น จะได้ช่วยดูแลบ้านด้วย แถวนั้นไม่มีระเบิดลงเพราะอยู่ใกล้โรงศิริราชพยาบาล น้ำไม่ท่วมมากเหมือนที่นี่ด้วย เขาจะใช้บ้านนั้นเป็นที่เก็บของ เขากำลังเซ็งลี้ของ เห็นว่าอย่างนั้น เขาอยากจ้างแม่ให้ช่วยดูแลให้ด้วย”

ลงท้ายด้วยคำถาม

“หรือแก้วว่ายังไง”

แก้วตายิ้มแห้งแล้ง เธอจะว่าอย่างไรได้อีกในเมื่อตอนนี้ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าใครเป็นหัวหน้าครอบครัวกันแน่ ใครควรเป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องแบบนี้ แม่หรือเคยก็แต่เป็นผู้ตามมาตลอดชีวิต ตอนที่เธอเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะสะใภ้ พ่อพี่เพชรตายไปนานแล้ว เวลานั้นพี่เพชรทำหน้าที่แทนพ่อ และเป็นหัวหน้าครอบครัวมาโดยตลอด แล้วเวลานี้ใครกันควรเป็นคนตัดสินใจ ไม่ใช่เธอแน่ ในเมื่อสถานะภรรยาเจ้าของบ้านของเธอเรียกได้ว่าง่อนแง่นเต็มทีแล้ว

“แม่คิดว่ายังไงคะ”

“แม่ว่าก็ดีเหมือนกัน เราไม่ได้ไปอยู่บ้านเขาเฉยๆ เราช่วยดูแลข้าวของให้เขา แม่บอกว่าแก้วเก่งเรื่องทำบัญชีของ”

“ร้านล่ะคะ” นั่นคือสิ่งเดียวที่คิดขึ้นได้

“ก็ปิดไว้ก่อน ตอนแรกคุณราศีเขาคิดจะช่วยเซ็งลี้ของในร้านให้ เขาว่าได้ราคาดี แต่พอดูๆ แล้วเขาว่าของพวกนี้คงขายไม่ได้เพราะไม่ใช่ของจำเป็นต้องใช้”

เรื่องนั้นเธอรู้มานานแล้ว ยามสงครามเช่นนี้ใครกันอยากซื้อน้ำหอมหรือสบู่หอมราคาแพงจากต่างประเทศ ขนมปังและเครื่องดื่มอย่างช็อกโกแลตร้อนก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็น กาแฟกระป๋องของนอกก็แพงเกินกว่าผู้คนซึ่งต่างก็อัตคัดขัดสนพอๆ กันจะเต็มใจซื้อ

“พลว่ายังไงบ้างคะ”

“แม่ยังไม่ได้พูดกับพลเลยว่าจะเอายังไง”

เพียงแค่นั้นแก้วตาก็เข้าใจได้ทันที คุณราศีเข้าทางแม่เพราะรู้ว่าอย่างไรเสียพลรบก็ต้องยอมตามแม่ ทั้งยังเป็นห่วงน้องสาวของเขาอีกด้วย เรื่องนี้แม่ตัดสินใจว่าอย่างไรเขาก็คงตกลงตามนั้น

กลับขึ้นชั้นบนพร้อมน้ำร้อนอ่างใหญ่ และเขาก็หลับไปแล้ว หลับสนิทเลยทีเดียว คงเพราะเหน็ดเหนื่อยเต็มที ร่างใหญ่โตนอนคว่ำหน้า ท่อนบนเปลือยเปล่า เผยให้เห็นแผ่นหลังกว้าง แน่นเครียดด้วยกล้ามเนื้อ

ยามหลับเขาหมดพิษสงอย่างสิ้นเชิง ดูไปดูมาก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กไร้เดียงสา หากก็ดื้อรั้นและเอาแต่ใจตัวเอง

วางชามอ่างใส่น้ำร้อนลงบนโต๊ะแล้วลงนั่งที่ขอบเตียง พิจารณาดูเขาอย่างเงียบเชียบ หรือนี่คืออีกสาเหตุที่เธอทิ้งครอบครัวนี้ไปไม่ได้ ความผูกพันที่เธอมีต่อทุกคนที่นี่มีต่างๆ กัน แม่พี่เพชรเป็นเหมือนแม่ที่เธอแทบจะจำไม่ได้ในเมื่อเสียแม่แท้ๆ ของตัวเองไปตั้งแต่ยังเล็ก ไพลินเป็นเหมือนน้องสาวหรือเกือบจะเหมือนลูกสาวเสียด้วยซ้ำในบางขณะ ในเมื่อเธอเห็นมาตั้งแต่อายุสามหรือสี่ขวบนี่แหละ เธอมีส่วนเลี้ยงดูไพลินมาเสียด้วยซ้ำ

ส่วนพลรบ…พลรบ…เกเร ดื้อรั้น นักเลงโต แต่ก็ปกป้องครอบครัวและคนที่เขาถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวด้วยชีวิต กี่ครั้งมาแล้วที่พลรบย่ำตึงๆ ออกจากบ้านอย่างเดือดดาลเพื่อไปชกหน้าใครก็ตามที่เพียงแค่ผิวปากเมื่อเธอเดินผ่าน

ในขณะที่พี่เพชรแก้ปัญหาด้วยวาทะศิลป์ พลรบปกป้องคนในครอบครัวด้วยกำลัง และทุกครั้งที่พลรบไปชกต่อยกับใครเธอจะต่อว่าต่อขานเขาเสมอ

หากเวลานี้เมื่อมองย้อนกลับไปเธอเห็นแล้วว่าระหว่างพี่เพชรกับน้องชายคนนี้ พลรบต่างหากที่จงรักภักดีกับเธอกับแม่และกับน้องสาวของตัวเองมากกว่าเสียอีก

และความรู้สึกนั้นเองที่ทำให้อดไม่ได้ที่จะใช้นิ้วเกลี่ยผมเส้นหยาบที่ลงมาปรกหน้าให้พ้นนัยน์ตาทรงอานุภาพซึ่งเวลานี้ปิดสนิท

เมื่อพิจารณาใกล้ๆ จึงได้เห็นว่าริมฝีปากของเขาหยักลึก แสดงนิสัยดื้อรั้นและเจ้าอารมณ์ จมูกโด่งเป็นสันคม ขนตาหนาเป็นแพราวอิสตรี ขนาดเธอเองเห็นแล้วยังอิจฉา

บางครั้งมีความรู้สึกราวเขาเป็นเด็กน้อยที่กำลังหลงทาง และเธอมีหน้าที่ต้องคอยประคับประคองไม่ให้เขาออกนอกทางไกลจนเกินไป

แล้วนี่เขาจะคิดอย่างไรถ้ารู้ถึงข้อเสนอของคุณราศี
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่