ขอบคุณทุกๆ คนที่มาอ่านนะคะ
ขอบคุณ:
คุณนุ่น lovereason,
คุณ สมาชิกหมายเลข 1450650,
จารย์จี GTW,
คุณ ปิยะรักษ์,
คุณ ริมแม่โขง,
คุณนัน turtle_cheesecake,
คุณ ทะเลเดือดพันธุ์ร็อค,
คุณ วราภรณ์ pink,
คุณ PuPaKae,
คุณ กุเต่ยโหดกระถีบ
รวมถึงอีก 5 คน คือใครก็ไม่ทราบค่ะ ชื่อหายไปแล้ว ขอบคุณนะคะ
คุณ สมาชิกหมายเลข 1625278
คุณ nasa nasa
น้องปุ้ย อรุสา
น้องแพรว thezircon
คุณเสี่ย kasareev
คุณ Susisiri
คุณ เจ้าหญิงงัวเงีย
คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง
ตกหล่นใครไปต้องขอโทษด้วยนะคะเพราะหลายชื่อหายไปค่ะ
เพิ่งไปเห็นชื่อน้องนุ้ย ณวลี กับคุณ อ้ายแมว ที่บทก่อน ขอบคุณค่ะ
บทนำ
http://ppantip.com/topic/32705425
บทที่ ๑
แก้วตากำลังก้มๆ เงยๆ จัดของกลับขึ้นชั้นจึงไม่ทันสังเกตเห็นคนที่ยืนเมียงมองอยู่หน้าร้าน ประตูบานเฟื้ยมเปิดอยู่เพียงสามบาน เพียงพอที่แสงจากภายนอกจะส่องลอดเข้ามาภายในได้บ้างเท่านั้นเองในเมื่อห้องกว้างๆ ที่จัดไว้สำหรับขายของนี้ไม่มีหน้าต่าง จึงเห็นร่างสูงโปร่งนั้นเพียงวับๆ แวมๆ
“ร้านยังไม่เปิดค่ะ” เธอร้องบอกออกไป
แต่เขาก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม เธอจึงอ้อมชั้นวางของไปดู พอเห็นชัดๆ ว่าเป็นใครก็รีบวางมือจากกระป๋องกาแฟแล้วตรงรี่ไปหา
“พี่เรวัตหรอกหรือคะ”
เธอประนมมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม เขาเป็นคนซึ่งเธอให้ความเคารพนับถือมาแต่ยังเล็ก
“พี่เห็นประตูร้านเปิด” สุ้มเสียงของเขาลังเล และเหมือนจะถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างเกรงอกเกรงใจเสียด้วยซ้ำ
นายแพทย์หนุ่มผู้นี้สุภาพและช่างเกรงใจผู้อื่นแบบนี้เสมอ เป็นอย่างนี้มานับแต่เธอจำความได้ และไม่เคยเปลี่ยนแปลงไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงไร แม้เวลานี้ต่างฝ่ายต่างก็เป็นผู้ใหญ่อยู่ในวัยสามสิบกว่าปีกันแล้วก็ยังเหมือนเดิม เมื่อครั้งยังเล็กผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างก็หมายมั่นปั้นมือว่าจะให้ดองกัน และเธอก็คงเชื่อฟังและปฏิบัติตามนั้นแต่โดยดีถ้าไม่เป็นเพราะมารู้จักคนซึ่งเข้าครอบครองหัวใจเธอเข้าเสียก่อน แต่หลังจากเผชิญปัญหาสารพัดรูปแบบมาตลอดเกือบสิบปีที่อยู่กินมาด้วยกันบางครั้งเธอเองก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าทำตามความต้องการของผู้ใหญ่เสียแต่ครั้งกระนั้น ครั้งที่เขาเพิ่งเรียนจบออกมาเป็นนายแพทย์ใหม่ๆ และเธอกำลังจะเรียนจบการเรือน แล้วทุกวันนี้จะเป็นเช่นไร
“วันนี้จะเปิดแล้วค่ะพี่ แต่จะเปิดสายๆ หน่อยเพราะต้องไปรับของเสียก่อน พี่เพิ่งออกเวรหรือคะ”
เธอบอกได้จากเสื้อเชิ้ตที่เขาสวม แม้ขาวสะอาดตามแบบฉบับของเขา หากก็มีรอยยับย่น ใบหน้าคมคายนั้นเล่าก็อิดโรยจนเห็นได้ชัด
และเขาก็ยืนยันเช่นนั้น
“พี่เพิ่งออกเวร ระยะนี้อยู่เวรกันถี่หน่อย”
เขาละไว้เพียงแค่นั้น และเธอก็เดาได้เองว่าทำไม สงครามทำให้อะไรๆ เปลี่ยนแปลงไปหมดสิ้น การทิ้งระเบิดในยามค่ำคืนทำให้มีผู้คนต้องพึ่งโรงพยาบาลกันมากขึ้น
“เข้ามาข้างในก่อนสิคะ รับกาแฟสักถ้วยก่อน” เธอเปิดประตูอีกบานแล้วหลบไปด้านข้างเพื่อหลีกทางให้
“อย่าเลย พี่ไม่อยากรบกวน เธอคงกำลังยุ่ง ตอนนี้คงต้องดูแลร้านคนเดียวแล้วใช่ไหม”
“ค่ะพี่” เสียงตอบนั้นหม่นลง
เขาพูดถูก ต่อไปนี้เธอคงต้องรับผิดชอบร้านทั้งหมดด้วยตัวเองเพียงคนเดียวในเมื่อน้องเขยของเธอก็มีงานเป็นของตัวเอง เป็นงานประเภทที่จะเรียกว่างานก็คงไม่ค่อยถูกนัก ในเมื่อใครๆ ก็รู้กันหมดว่าเขาทำอะไร ตำแหน่งผู้จัดการ ‘สโมสร’ แห่งนั้นไม่ต่างอะไรกับนักเลงคุมบาร์ดีๆ นี่เอง บางคืนเขาไม่กลับมานอนบ้านเสียด้วยซ้ำในเมื่อ ‘สโมสร’ ของเขากว่าจะปิดก็เมื่อใกล้สว่าง ไม่ว่าเป็นคืนที่มีการทิ้งระเบิดกันก็ไม่เว้น เธอจึงไม่เคยหวังพึ่งเขา และในเมื่อเหลือเธอทำงานอยู่เพียงคนเดียว จะประคับประคองร้านนี้ไปได้นานแค่ไหนกัน
สภาพสงครามทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างขาดแคลนไปหมด ร้านของครอบครัวสามีร้านนี้ขายสินค้าที่ส่งมาจากต่างประเทศเป็นหลัก และเวลานี้น่านน้ำมีแต่เรือรบ ส่วนเรือสินค้านั่นเล่าก็ถูกยิงจมไม่เว้นแต่ละวัน จนแทบไม่มีเรือสินค้าลำใดกล้าเข้ามาในบริเวณอ่าวไทยอีก
สงครามไม่เคยปรานีใคร แม้แต่แม่ค้าตัวเล็กๆ อย่างเธอก็ไม่เว้น
แม่ค้าอย่างนั้นหรือ นานแค่ไหนกว่าจะคุ้นเคยกับคำนี้แม้จะชอบอาชีพนี้ก็ตาม เธอเคยเป็นลูกสาวคุณหลวงคุณพระ ทั้งพี่ชายและพี่เขยต่างก็รับราชการ พี่ชายของเธอนั้นได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นหลวงราชกิจไมตรีก่อนมีการยกเลิกบรรดาศักดิ์ได้ไม่นาน มีเธอเพียงคนเดียวที่นอกคอกเมื่อตัดสินใจหนีตามผู้ชายซึ่งมีดีก็เพียงรูปงามและปากหวาน มารู้ความจริงว่าเขาเป็นคนเช่นไรก็เมื่อสายไปเสียแล้ว
‘ก็ยังดีที่ไม่มีลูกด้วยกัน’ พี่สาวของเธอที่พอรู้เรื่องความเจ้าชู้ของเขาอยู่บ้างเคยสรุปว่าอย่างนั้น
‘เวลาเลิกกันจะได้ไม่ยุ่งยาก’
แต่เธอไม่เคยคิดจะเลิกกับพี่เพชร เธอรักเขาจนหมดหัวใจไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไรก็ตาม
นิ้วเรียวราวนิ้วอิสตรีของนายแพทย์หนุ่มดันแว่นที่สวมให้เข้าที่ตามความเคยชิน ขยับตัวเก้อเขิน เป็นกริยาอาการปกติของเขาที่เธอเห็นบ่อยครั้งจนคุ้นเคย
“พี่เพิ่งรู้ข่าวเรื่องคุณเพชร”
“ค่ะพี่”
“พี่เสียใจด้วย”
เธอกระพุ่มมือไหว้เขาอีกครั้ง ไม่ว่าเมื่อไรและในสถานการณ์ไหนเธอเคารพเขาเสมอ
“ขอบพระคุณค่ะพี่เรวัต”
“แล้วนี่เธอจะทำอย่างไรต่อไป”
คำถามนั้นแฝงความหวังเต็มเปี่ยม แก้วตารู้ดีว่าเขารู้สึกอย่างไรกับเธอ ที่อยู่เป็นโสดมาจนทุกวันนี้เพราะเหตุใด แต่เธอให้ได้ก็เพียงความเคารพนับถือเช่นพี่ชายคนหนึ่งเท่านั้นเอง
“ตอนนี้ยังไม่ทราบเลยค่ะพี่ว่าจะทำอย่างไรดี”
“นายกรบ่นกับพี่ว่าอยากให้เธอกลับไปอยู่บ้าน” เขาลองหยั่งเชิง
“เห็นว่าจะอพยพไปหัวเมืองกัน อยากให้เธอไปด้วย ที่นี่อันตรายขึ้นทุกวัน”
แก้วตาได้แต่ยิ้ม เธอยังไม่มีคำตอบให้ใครในเวลานี้ เวลาที่สิ่งเดียวซึ่งยึดเธอไว้กับครอบครัวนี้คือแม่สามีและน้องสาวคนเล็กของเขาที่เธอรักและผูกพันแน่นแฟ้น เธอมีส่วนช่วยเลี้ยงไพลินมาก็ว่าได้ในเมื่อเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ตั้งแต่สาวน้อยอายุเพียงหกขวบ จนบัดนี้ไพลินก็ติดเธอแจไม่ต่างอะไรกับลูกติดแม่
เพียงเธอ (บทที่ ๑)
คุณนุ่น lovereason,
คุณ สมาชิกหมายเลข 1450650,
จารย์จี GTW,
คุณ ปิยะรักษ์,
คุณ ริมแม่โขง,
คุณนัน turtle_cheesecake,
คุณ ทะเลเดือดพันธุ์ร็อค,
คุณ วราภรณ์ pink,
คุณ PuPaKae,
คุณ กุเต่ยโหดกระถีบ
รวมถึงอีก 5 คน คือใครก็ไม่ทราบค่ะ ชื่อหายไปแล้ว ขอบคุณนะคะ
คุณ สมาชิกหมายเลข 1625278
คุณ nasa nasa
น้องปุ้ย อรุสา
น้องแพรว thezircon
คุณเสี่ย kasareev
คุณ Susisiri
คุณ เจ้าหญิงงัวเงีย
คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง
ตกหล่นใครไปต้องขอโทษด้วยนะคะเพราะหลายชื่อหายไปค่ะ
เพิ่งไปเห็นชื่อน้องนุ้ย ณวลี กับคุณ อ้ายแมว ที่บทก่อน ขอบคุณค่ะ
บทนำ http://ppantip.com/topic/32705425
แก้วตากำลังก้มๆ เงยๆ จัดของกลับขึ้นชั้นจึงไม่ทันสังเกตเห็นคนที่ยืนเมียงมองอยู่หน้าร้าน ประตูบานเฟื้ยมเปิดอยู่เพียงสามบาน เพียงพอที่แสงจากภายนอกจะส่องลอดเข้ามาภายในได้บ้างเท่านั้นเองในเมื่อห้องกว้างๆ ที่จัดไว้สำหรับขายของนี้ไม่มีหน้าต่าง จึงเห็นร่างสูงโปร่งนั้นเพียงวับๆ แวมๆ
“ร้านยังไม่เปิดค่ะ” เธอร้องบอกออกไป
แต่เขาก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม เธอจึงอ้อมชั้นวางของไปดู พอเห็นชัดๆ ว่าเป็นใครก็รีบวางมือจากกระป๋องกาแฟแล้วตรงรี่ไปหา
“พี่เรวัตหรอกหรือคะ”
เธอประนมมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม เขาเป็นคนซึ่งเธอให้ความเคารพนับถือมาแต่ยังเล็ก
“พี่เห็นประตูร้านเปิด” สุ้มเสียงของเขาลังเล และเหมือนจะถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างเกรงอกเกรงใจเสียด้วยซ้ำ
นายแพทย์หนุ่มผู้นี้สุภาพและช่างเกรงใจผู้อื่นแบบนี้เสมอ เป็นอย่างนี้มานับแต่เธอจำความได้ และไม่เคยเปลี่ยนแปลงไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงไร แม้เวลานี้ต่างฝ่ายต่างก็เป็นผู้ใหญ่อยู่ในวัยสามสิบกว่าปีกันแล้วก็ยังเหมือนเดิม เมื่อครั้งยังเล็กผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างก็หมายมั่นปั้นมือว่าจะให้ดองกัน และเธอก็คงเชื่อฟังและปฏิบัติตามนั้นแต่โดยดีถ้าไม่เป็นเพราะมารู้จักคนซึ่งเข้าครอบครองหัวใจเธอเข้าเสียก่อน แต่หลังจากเผชิญปัญหาสารพัดรูปแบบมาตลอดเกือบสิบปีที่อยู่กินมาด้วยกันบางครั้งเธอเองก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าทำตามความต้องการของผู้ใหญ่เสียแต่ครั้งกระนั้น ครั้งที่เขาเพิ่งเรียนจบออกมาเป็นนายแพทย์ใหม่ๆ และเธอกำลังจะเรียนจบการเรือน แล้วทุกวันนี้จะเป็นเช่นไร
“วันนี้จะเปิดแล้วค่ะพี่ แต่จะเปิดสายๆ หน่อยเพราะต้องไปรับของเสียก่อน พี่เพิ่งออกเวรหรือคะ”
เธอบอกได้จากเสื้อเชิ้ตที่เขาสวม แม้ขาวสะอาดตามแบบฉบับของเขา หากก็มีรอยยับย่น ใบหน้าคมคายนั้นเล่าก็อิดโรยจนเห็นได้ชัด
และเขาก็ยืนยันเช่นนั้น
“พี่เพิ่งออกเวร ระยะนี้อยู่เวรกันถี่หน่อย”
เขาละไว้เพียงแค่นั้น และเธอก็เดาได้เองว่าทำไม สงครามทำให้อะไรๆ เปลี่ยนแปลงไปหมดสิ้น การทิ้งระเบิดในยามค่ำคืนทำให้มีผู้คนต้องพึ่งโรงพยาบาลกันมากขึ้น
“เข้ามาข้างในก่อนสิคะ รับกาแฟสักถ้วยก่อน” เธอเปิดประตูอีกบานแล้วหลบไปด้านข้างเพื่อหลีกทางให้
“อย่าเลย พี่ไม่อยากรบกวน เธอคงกำลังยุ่ง ตอนนี้คงต้องดูแลร้านคนเดียวแล้วใช่ไหม”
“ค่ะพี่” เสียงตอบนั้นหม่นลง
เขาพูดถูก ต่อไปนี้เธอคงต้องรับผิดชอบร้านทั้งหมดด้วยตัวเองเพียงคนเดียวในเมื่อน้องเขยของเธอก็มีงานเป็นของตัวเอง เป็นงานประเภทที่จะเรียกว่างานก็คงไม่ค่อยถูกนัก ในเมื่อใครๆ ก็รู้กันหมดว่าเขาทำอะไร ตำแหน่งผู้จัดการ ‘สโมสร’ แห่งนั้นไม่ต่างอะไรกับนักเลงคุมบาร์ดีๆ นี่เอง บางคืนเขาไม่กลับมานอนบ้านเสียด้วยซ้ำในเมื่อ ‘สโมสร’ ของเขากว่าจะปิดก็เมื่อใกล้สว่าง ไม่ว่าเป็นคืนที่มีการทิ้งระเบิดกันก็ไม่เว้น เธอจึงไม่เคยหวังพึ่งเขา และในเมื่อเหลือเธอทำงานอยู่เพียงคนเดียว จะประคับประคองร้านนี้ไปได้นานแค่ไหนกัน
สภาพสงครามทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างขาดแคลนไปหมด ร้านของครอบครัวสามีร้านนี้ขายสินค้าที่ส่งมาจากต่างประเทศเป็นหลัก และเวลานี้น่านน้ำมีแต่เรือรบ ส่วนเรือสินค้านั่นเล่าก็ถูกยิงจมไม่เว้นแต่ละวัน จนแทบไม่มีเรือสินค้าลำใดกล้าเข้ามาในบริเวณอ่าวไทยอีก
สงครามไม่เคยปรานีใคร แม้แต่แม่ค้าตัวเล็กๆ อย่างเธอก็ไม่เว้น
แม่ค้าอย่างนั้นหรือ นานแค่ไหนกว่าจะคุ้นเคยกับคำนี้แม้จะชอบอาชีพนี้ก็ตาม เธอเคยเป็นลูกสาวคุณหลวงคุณพระ ทั้งพี่ชายและพี่เขยต่างก็รับราชการ พี่ชายของเธอนั้นได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นหลวงราชกิจไมตรีก่อนมีการยกเลิกบรรดาศักดิ์ได้ไม่นาน มีเธอเพียงคนเดียวที่นอกคอกเมื่อตัดสินใจหนีตามผู้ชายซึ่งมีดีก็เพียงรูปงามและปากหวาน มารู้ความจริงว่าเขาเป็นคนเช่นไรก็เมื่อสายไปเสียแล้ว
‘ก็ยังดีที่ไม่มีลูกด้วยกัน’ พี่สาวของเธอที่พอรู้เรื่องความเจ้าชู้ของเขาอยู่บ้างเคยสรุปว่าอย่างนั้น ‘เวลาเลิกกันจะได้ไม่ยุ่งยาก’
แต่เธอไม่เคยคิดจะเลิกกับพี่เพชร เธอรักเขาจนหมดหัวใจไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไรก็ตาม
นิ้วเรียวราวนิ้วอิสตรีของนายแพทย์หนุ่มดันแว่นที่สวมให้เข้าที่ตามความเคยชิน ขยับตัวเก้อเขิน เป็นกริยาอาการปกติของเขาที่เธอเห็นบ่อยครั้งจนคุ้นเคย
“พี่เพิ่งรู้ข่าวเรื่องคุณเพชร”
“ค่ะพี่”
“พี่เสียใจด้วย”
เธอกระพุ่มมือไหว้เขาอีกครั้ง ไม่ว่าเมื่อไรและในสถานการณ์ไหนเธอเคารพเขาเสมอ
“ขอบพระคุณค่ะพี่เรวัต”
“แล้วนี่เธอจะทำอย่างไรต่อไป”
คำถามนั้นแฝงความหวังเต็มเปี่ยม แก้วตารู้ดีว่าเขารู้สึกอย่างไรกับเธอ ที่อยู่เป็นโสดมาจนทุกวันนี้เพราะเหตุใด แต่เธอให้ได้ก็เพียงความเคารพนับถือเช่นพี่ชายคนหนึ่งเท่านั้นเอง
“ตอนนี้ยังไม่ทราบเลยค่ะพี่ว่าจะทำอย่างไรดี”
“นายกรบ่นกับพี่ว่าอยากให้เธอกลับไปอยู่บ้าน” เขาลองหยั่งเชิง
“เห็นว่าจะอพยพไปหัวเมืองกัน อยากให้เธอไปด้วย ที่นี่อันตรายขึ้นทุกวัน”
แก้วตาได้แต่ยิ้ม เธอยังไม่มีคำตอบให้ใครในเวลานี้ เวลาที่สิ่งเดียวซึ่งยึดเธอไว้กับครอบครัวนี้คือแม่สามีและน้องสาวคนเล็กของเขาที่เธอรักและผูกพันแน่นแฟ้น เธอมีส่วนช่วยเลี้ยงไพลินมาก็ว่าได้ในเมื่อเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ตั้งแต่สาวน้อยอายุเพียงหกขวบ จนบัดนี้ไพลินก็ติดเธอแจไม่ต่างอะไรกับลูกติดแม่