ขอบคุณทุกๆ คนที่มาอ่านนะคะ
ขอบคุณ:
น้องนุ้ย ณวลี,
คุณ Hermosa,
คุณ ravio,
คุณนุ่น lovereason,
คุณ คาโบนาร่าลาซาญญ่ามักกะโรนี
น้อง มาโซคิส,
คุณหอมมาก,
จารย์จี GTW,
คุณริมแม่โขง,
คุณ PURINWASA,
คุณเสี่ย kasareev
คุณ Tangtatouille,
คุณ ทะเลเดือดพันธุ์ร็อค,
คุณ กุเต่ยโหดกระถีบ,
คุณนัน turtle_cheesecake
น้องแพรว thezircon
น้องปุ้ย อรุสา
คุณ Susisiri
คุณป้าทุยบ้านทุ่ง
ุคุณ กลิ่นลั่นทม
คุณ nasa nasa
คุณหมูครับ
รวมถึงอีก 15 คน ซึ่งชื่อหายไปแล้วค่ะ ใครก็ไม่ทราบ ขอบคุณนะคะ
ตกหล่นชื่อของใครต้องขอโทษด้วยค่ะ ชื่อหายไปหลายคนมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ
ขอบคุณสำหรับทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนๆ ค่ะ
บทนำ
http://ppantip.com/topic/32705425
บทที่ ๑
http://ppantip.com/topic/32747704
บทที่ ๒
http://ppantip.com/topic/32775622
บทที่ ๓
http://ppantip.com/topic/32798708
บทที่ ๔
http://ppantip.com/topic/32839123
บทที่ ๕
http://ppantip.com/topic/32895410
บทที่ ๖
“แก้ว”
แก้วตาจำเสียงนั้นได้ดี และเพียงหันไปดูเขาก็มาถึงตัว
“พี่เรวัต”
เธอประนมมือขึ้นไหว้ตามความเคยชิน คิดว่าเขาออกเวรกลับบ้านไปแล้วเสียอีก
“มารับยาหรือ”
“ค่ะพี่”
“เป็นอย่างไรบ้างแล้วตอนนี้”
เธอรู้ว่าเขาหมายถึงไพลิน น้องสาวคนเล็กของพี่เพชรมีอาการของไข้จับสั่น และเธอก็เป็นคนพามาให้พี่เรวัตตรวจเมื่อวันก่อน เขาให้ยาไปหลายขนาน ที่สำคัญคืออาเบตรินซึ่งใช้รักษาโรคมาเลเรียโดยตรงนั้นเวลานี้เริ่มขาดแคลนและหาซื้อจากที่ไหนไม่ได้เลย
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ”
“กินยาครบคราวนี้ก็น่าจะหายขาด”
นิ้วเรียวดุนกรอบแว่นตาให้เข้าที่ตามความเคยชิน ก่อนแตะแขนหญิงสาวให้หลบเตียงคนไข้ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเข็นมาตามช่องทางเดินเชื่อมต่อระหว่างอาคารหลักหลังนี้กับหลังเล็กกว่าซึ่งอยู่ทางด้านหลัง
“ค่ะพี่ แต่คนที่บ้าน…” เป็นครั้งแรกที่เอ่ยชื่อพลรบได้ลำบากยากยิ่ง ราวมีอะไรในใจให้ต้องปิดบัง
“…คนที่บ้านเจ็บค่ะพี่”
และเขาก็เดาได้ในทันที
“ถูกสะเก็ดระเบิดเมื่อวานใช่ไหม”
ที่จริงเมื่อเช้าวันวานเขาเองก็มาวนเวียนอยู่แถวนี้เพราะรู้ว่าถึงกำหนดนัดให้เธอมารับยาแล้ว เฝ้ารอจนมีเสียงสัญญาณเตือนภัยก็ยิ่งเป็นห่วง แต่จะตามไปดูถึงบ้านเพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยก็ไม่กล้าอีกเหมือนกัน
“ค่ะ”
“แล้วเธอล่ะแก้วตา เป็นอะไรหรือเปล่า”
นัยน์ตาอ่อนโยนกวาดไปทั่วเรือนร่างบอบบางในชุดกระโปรงดำคลุมเข่า เสื้อผ้าลูกไม้สีขาวนวล โล่งใจที่ไม่เห็นว่ามีอะไรผิดปกติ
“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ” แน่ล่ะ ก็ในเมื่อพลรบใช้ทั้งร่างใหญ่โตของเขาบดบังเธอไว้ได้มิดชิดขนาดนั้น
“เมื่อวานมีคนเจ็บเพราะระเบิดมาหลายคน แล้วทำไมไม่พามาที่นี่ เจ็บมากหรือเปล่า พี่จะไปดูให้”
แก้วตาร้องห้ามเสียงหลง ถ้าพี่เรวัตเห็นว่าใครอยู่ที่ร้านเวลานี้แล้วจะคิดอย่างไร เท่าที่ไปเห็นผู้หญิงซึ่งว่าไปแล้วก็คงเรียกได้ว่าเป็นเมียน้อยของพี่เพชรเข้าเมื่อเดือนก่อนโน้นก็น่าอับอายพออยู่แล้ว
“คงไม่เป็นไรแล้วกระมังคะ ทำแผลให้แล้ว เมื่อเช้าก็ยังยกจักรเย็บผ้าได้เลย เพียงแต่ตอนนี้ที่บ้านไม่มีผ้าพันแผลกับยาทิงเจอร์เหลืออยู่เลย เมื่อตะกี้ไปขอที่ห้องยาเขาบอกว่าให้ไปไม่ได้ ต้องพาคนไข้มาทำแผลที่นี่”
ที่จริงเธอเองก็รู้ว่าทำไม ผ้าพันแผล พลาสเตอร์ปิดแผล สำลี และยาแทบจะทุกประเภทที่ส่งเข้ามาจากต่างประเทศนั้นหายากขึ้นทุกวัน โรงพยาบาลคงต้องสงวนไว้สำหรับคนเจ็บคนไข้ทั่วไปมากกว่าจะให้ใครไปเพื่อคนเพียงคนเดียว
“ถ้าอย่างนั้นพี่จะไปขอมาให้ เธอคอยอยู่ที่นี่แหละ”
พี่เรวัตเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร นับแต่เป็นเด็กที่เติบโตมาด้วยกันก็ว่าได้ที่เขาทำในสิ่งซึ่งเธอต้องการให้โดยไม่ได้ขอร้องเสียด้วยซ้ำ
มองตามหลังร่างสูงเพรียววิ่งกลับขึ้นบันไดแล้วหายลับเข้าไปในตัวอาคาร เพียงไม่นานก็กลับออกมาพร้อมด้วยถุงกระดาษใบใหญ่
แต่เขาไม่ส่งให้เธอในทันที และแก้วตาก็เข้าใจว่าทำไมเมื่อเขาถาม
“นี่เธอมาอย่างไร แถวร้านของเธอน้ำคงท่วมแล้วกระมัง”
ทำไมเขาจะไม่รู้ในเมื่อระยะหลังนี้ขับรถอ้อมผ่านไปทางนั้นแทบจะทุกเช้าหลังออกเวร
“มารถรางค่ะ”
“แถวนั้นน้ำคงสูงกว่าที่นี่” เขาเดาต่อไปอีก ยังคงอยากชวนคุยในเมื่อโอกาสได้พบกันนั้นมีน้อยนัก
“ค่ะ ตั้งแต่เมื่อคืนก็ท่วมเข้าไปในร้านแล้วค่ะ”
บริเวณภายในอาณาเขตของโรงพยาบาลแห่งนี้สูงกว่าพื้นถนนภายนอก จึงไม่มีร่องรอยของน้ำให้เห็น ส่วนหน้าโรงพยาบาลมีท่วมบ้าง แต่ก็เพียงปริ่มๆ เมื่อเทียบกับที่ร้านของเธอ
“พี่ผ่านไปทางนั้นแล้วส่งเธอลงดีกว่า” เขาเสนอ
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เกรงใจพี่เรวัต คนละทางกับบ้านพี่เลยนะคะ รถรางยังวิ่งอยู่ค่ะพี่” เธอปฏิเสธอย่างถนอมน้ำใจเขาที่สุด
หมดเรื่องพูด นายแพทย์หนุ่มก้มหน้าดูพื้นแล้วตัดสินใจโพล่งสิ่งซึ่งตั้งใจว่าจะแวะไปบอกได้สักพักหนึ่งแล้ว
”แก้ว…คุณลุงป่วย”
นัยน์ตาจรัสแสงจนส่งประกายเบิกกว้าง คาดไม่ถึง นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ไปเยี่ยมผู้เป็นบิดา ความรู้สึกผิดที่ ‘หนีตามผู้ชาย’ นั้นกัดกร่อนความรู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จนไม่กล้าเผชิญหน้าผู้ให้กำเนิดและพี่ชายของตัวเอง มีก็เพียงพี่สาวเท่านั้นที่ไปมาหาสู่กันบ้างนานๆ ครั้ง พี่สาวเธอเป็นคนเดียวในครอบครัวที่เข้าใจการตัดสินใจของเธอ ส่วนพี่ชายก็เพิ่งปีหลังๆ นี่หรอกที่ยอมญาติดีด้วย
“คุณพ่อเป็นอะไรคะ”
“ท่านปอดบวม มีอาการมาหลายวันแล้ว ที่พี่ห่วงก็ตรงที่ท่านอายุมากแล้ว ระยะหลังๆ มานี่ก็ไม่ค่อยแข็งแรง ยิ่งตอนนี้น้ำท่วมยิ่งน่าห่วง คุณหลวงก็เลยแนะนำว่าควรพาท่านไปอยู่ที่นครชัยศรีสักพัก ท่านป่วยอย่างนั้นจะให้วิ่งหนีระเบิดทุกคืนเหมือนคนดีๆ ได้อย่างไร”
นครชัยศรีเป็นบ้านเกิดของคุณพ่อ ท่านยังคงมีญาติอยู่ที่นั่นหลายคน ส่วนคุณหลวงที่พี่เรวัตเอ่ยถึงคือพี่เขยของเธอเอง พี่เรวัตสนิทกับทุกคนในครอบครัวเธอเพราะรั้วบ้านติดกันและเห็นกันมานานหลายปี เขาเรียกพี่ชายของเธอว่าพี่ไกร เรียกหลวงอนุรักษ์ปรีชา พี่เขยของเธอว่าคุณหลวง
“นั่นสิคะ”
สำนึกผิดเมื่อรู้ตัวว่าไม่ได้เหลียวแลบิดาผู้บังเกิดเกล้าเท่าที่ควร แทบไม่รู้ความเป็นไปของคนทางบ้านเสียด้วยซ้ำ
“จะไปกันเมื่อไรคะ”
“คงไม่นานนี้แหละ พี่ไกรกำลังจัดการเรื่องบ้านเช่า เห็นว่าจะไปเช่าบ้านอยู่จนสงครามเลิก พี่ได้ยินคุณลุงเปรยๆ ว่าอยากพบแก้ว อยากให้แก้วไปด้วย”
ประโยคหลังนั่นเองที่เรียกรอยรื้นในดวงตาหวานวับให้เอ่อท้นรวดเร็ว และเสียงถามก็เริ่มสั่นเครือ
“จะไปกันทั้งบ้านหรือเปล่าคะ”
“พี่ไกรกับคุณหลวงยังต้องอยู่พระนครเพราะต้องทำงาน”
แก้วตาว้าวุ่นใจ เธอควรไปเยี่ยมคุณพ่อใช่ไหม แต่ก็ยังไม่กล้าอยู่ดีจนแล้วจนรอด จนพี่เรวัตขยับตัวอึกๆ อักๆ เป็นอากัปกริยาปกติที่เธอเห็นบ่อยจนคุ้นตาและเข้าใจความหมาย เขากำลังจะแนะนำอะไรบางอย่าง และคงกำลังพยายามเรียบเรียงคำพูดอย่างดีที่สุด
“พี่คิดว่าแก้วควรไปดูท่าน อย่างน้อยก็ก่อนท่านจะไปหัวเมือง”
เพียงเธอ (บทที่ ๖)
น้องนุ้ย ณวลี,
คุณ Hermosa,
คุณ ravio,
คุณนุ่น lovereason,
คุณ คาโบนาร่าลาซาญญ่ามักกะโรนี
น้อง มาโซคิส,
คุณหอมมาก,
จารย์จี GTW,
คุณริมแม่โขง,
คุณ PURINWASA,
คุณเสี่ย kasareev
คุณ Tangtatouille,
คุณ ทะเลเดือดพันธุ์ร็อค,
คุณ กุเต่ยโหดกระถีบ,
คุณนัน turtle_cheesecake
น้องแพรว thezircon
น้องปุ้ย อรุสา
คุณ Susisiri
คุณป้าทุยบ้านทุ่ง
ุคุณ กลิ่นลั่นทม
คุณ nasa nasa
คุณหมูครับ
รวมถึงอีก 15 คน ซึ่งชื่อหายไปแล้วค่ะ ใครก็ไม่ทราบ ขอบคุณนะคะ
ตกหล่นชื่อของใครต้องขอโทษด้วยค่ะ ชื่อหายไปหลายคนมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ
ขอบคุณสำหรับทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนๆ ค่ะ
บทนำ http://ppantip.com/topic/32705425
บทที่ ๑ http://ppantip.com/topic/32747704
บทที่ ๒ http://ppantip.com/topic/32775622
บทที่ ๓ http://ppantip.com/topic/32798708
บทที่ ๔ http://ppantip.com/topic/32839123
บทที่ ๕ http://ppantip.com/topic/32895410
“แก้ว”
แก้วตาจำเสียงนั้นได้ดี และเพียงหันไปดูเขาก็มาถึงตัว
“พี่เรวัต”
เธอประนมมือขึ้นไหว้ตามความเคยชิน คิดว่าเขาออกเวรกลับบ้านไปแล้วเสียอีก
“มารับยาหรือ”
“ค่ะพี่”
“เป็นอย่างไรบ้างแล้วตอนนี้”
เธอรู้ว่าเขาหมายถึงไพลิน น้องสาวคนเล็กของพี่เพชรมีอาการของไข้จับสั่น และเธอก็เป็นคนพามาให้พี่เรวัตตรวจเมื่อวันก่อน เขาให้ยาไปหลายขนาน ที่สำคัญคืออาเบตรินซึ่งใช้รักษาโรคมาเลเรียโดยตรงนั้นเวลานี้เริ่มขาดแคลนและหาซื้อจากที่ไหนไม่ได้เลย
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ”
“กินยาครบคราวนี้ก็น่าจะหายขาด”
นิ้วเรียวดุนกรอบแว่นตาให้เข้าที่ตามความเคยชิน ก่อนแตะแขนหญิงสาวให้หลบเตียงคนไข้ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเข็นมาตามช่องทางเดินเชื่อมต่อระหว่างอาคารหลักหลังนี้กับหลังเล็กกว่าซึ่งอยู่ทางด้านหลัง
“ค่ะพี่ แต่คนที่บ้าน…” เป็นครั้งแรกที่เอ่ยชื่อพลรบได้ลำบากยากยิ่ง ราวมีอะไรในใจให้ต้องปิดบัง
“…คนที่บ้านเจ็บค่ะพี่”
และเขาก็เดาได้ในทันที
“ถูกสะเก็ดระเบิดเมื่อวานใช่ไหม”
ที่จริงเมื่อเช้าวันวานเขาเองก็มาวนเวียนอยู่แถวนี้เพราะรู้ว่าถึงกำหนดนัดให้เธอมารับยาแล้ว เฝ้ารอจนมีเสียงสัญญาณเตือนภัยก็ยิ่งเป็นห่วง แต่จะตามไปดูถึงบ้านเพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยก็ไม่กล้าอีกเหมือนกัน
“ค่ะ”
“แล้วเธอล่ะแก้วตา เป็นอะไรหรือเปล่า”
นัยน์ตาอ่อนโยนกวาดไปทั่วเรือนร่างบอบบางในชุดกระโปรงดำคลุมเข่า เสื้อผ้าลูกไม้สีขาวนวล โล่งใจที่ไม่เห็นว่ามีอะไรผิดปกติ
“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ” แน่ล่ะ ก็ในเมื่อพลรบใช้ทั้งร่างใหญ่โตของเขาบดบังเธอไว้ได้มิดชิดขนาดนั้น
“เมื่อวานมีคนเจ็บเพราะระเบิดมาหลายคน แล้วทำไมไม่พามาที่นี่ เจ็บมากหรือเปล่า พี่จะไปดูให้”
แก้วตาร้องห้ามเสียงหลง ถ้าพี่เรวัตเห็นว่าใครอยู่ที่ร้านเวลานี้แล้วจะคิดอย่างไร เท่าที่ไปเห็นผู้หญิงซึ่งว่าไปแล้วก็คงเรียกได้ว่าเป็นเมียน้อยของพี่เพชรเข้าเมื่อเดือนก่อนโน้นก็น่าอับอายพออยู่แล้ว
“คงไม่เป็นไรแล้วกระมังคะ ทำแผลให้แล้ว เมื่อเช้าก็ยังยกจักรเย็บผ้าได้เลย เพียงแต่ตอนนี้ที่บ้านไม่มีผ้าพันแผลกับยาทิงเจอร์เหลืออยู่เลย เมื่อตะกี้ไปขอที่ห้องยาเขาบอกว่าให้ไปไม่ได้ ต้องพาคนไข้มาทำแผลที่นี่”
ที่จริงเธอเองก็รู้ว่าทำไม ผ้าพันแผล พลาสเตอร์ปิดแผล สำลี และยาแทบจะทุกประเภทที่ส่งเข้ามาจากต่างประเทศนั้นหายากขึ้นทุกวัน โรงพยาบาลคงต้องสงวนไว้สำหรับคนเจ็บคนไข้ทั่วไปมากกว่าจะให้ใครไปเพื่อคนเพียงคนเดียว
“ถ้าอย่างนั้นพี่จะไปขอมาให้ เธอคอยอยู่ที่นี่แหละ”
พี่เรวัตเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร นับแต่เป็นเด็กที่เติบโตมาด้วยกันก็ว่าได้ที่เขาทำในสิ่งซึ่งเธอต้องการให้โดยไม่ได้ขอร้องเสียด้วยซ้ำ
มองตามหลังร่างสูงเพรียววิ่งกลับขึ้นบันไดแล้วหายลับเข้าไปในตัวอาคาร เพียงไม่นานก็กลับออกมาพร้อมด้วยถุงกระดาษใบใหญ่
แต่เขาไม่ส่งให้เธอในทันที และแก้วตาก็เข้าใจว่าทำไมเมื่อเขาถาม
“นี่เธอมาอย่างไร แถวร้านของเธอน้ำคงท่วมแล้วกระมัง”
ทำไมเขาจะไม่รู้ในเมื่อระยะหลังนี้ขับรถอ้อมผ่านไปทางนั้นแทบจะทุกเช้าหลังออกเวร
“มารถรางค่ะ”
“แถวนั้นน้ำคงสูงกว่าที่นี่” เขาเดาต่อไปอีก ยังคงอยากชวนคุยในเมื่อโอกาสได้พบกันนั้นมีน้อยนัก
“ค่ะ ตั้งแต่เมื่อคืนก็ท่วมเข้าไปในร้านแล้วค่ะ”
บริเวณภายในอาณาเขตของโรงพยาบาลแห่งนี้สูงกว่าพื้นถนนภายนอก จึงไม่มีร่องรอยของน้ำให้เห็น ส่วนหน้าโรงพยาบาลมีท่วมบ้าง แต่ก็เพียงปริ่มๆ เมื่อเทียบกับที่ร้านของเธอ
“พี่ผ่านไปทางนั้นแล้วส่งเธอลงดีกว่า” เขาเสนอ
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เกรงใจพี่เรวัต คนละทางกับบ้านพี่เลยนะคะ รถรางยังวิ่งอยู่ค่ะพี่” เธอปฏิเสธอย่างถนอมน้ำใจเขาที่สุด
หมดเรื่องพูด นายแพทย์หนุ่มก้มหน้าดูพื้นแล้วตัดสินใจโพล่งสิ่งซึ่งตั้งใจว่าจะแวะไปบอกได้สักพักหนึ่งแล้ว
”แก้ว…คุณลุงป่วย”
นัยน์ตาจรัสแสงจนส่งประกายเบิกกว้าง คาดไม่ถึง นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ไปเยี่ยมผู้เป็นบิดา ความรู้สึกผิดที่ ‘หนีตามผู้ชาย’ นั้นกัดกร่อนความรู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จนไม่กล้าเผชิญหน้าผู้ให้กำเนิดและพี่ชายของตัวเอง มีก็เพียงพี่สาวเท่านั้นที่ไปมาหาสู่กันบ้างนานๆ ครั้ง พี่สาวเธอเป็นคนเดียวในครอบครัวที่เข้าใจการตัดสินใจของเธอ ส่วนพี่ชายก็เพิ่งปีหลังๆ นี่หรอกที่ยอมญาติดีด้วย
“คุณพ่อเป็นอะไรคะ”
“ท่านปอดบวม มีอาการมาหลายวันแล้ว ที่พี่ห่วงก็ตรงที่ท่านอายุมากแล้ว ระยะหลังๆ มานี่ก็ไม่ค่อยแข็งแรง ยิ่งตอนนี้น้ำท่วมยิ่งน่าห่วง คุณหลวงก็เลยแนะนำว่าควรพาท่านไปอยู่ที่นครชัยศรีสักพัก ท่านป่วยอย่างนั้นจะให้วิ่งหนีระเบิดทุกคืนเหมือนคนดีๆ ได้อย่างไร”
นครชัยศรีเป็นบ้านเกิดของคุณพ่อ ท่านยังคงมีญาติอยู่ที่นั่นหลายคน ส่วนคุณหลวงที่พี่เรวัตเอ่ยถึงคือพี่เขยของเธอเอง พี่เรวัตสนิทกับทุกคนในครอบครัวเธอเพราะรั้วบ้านติดกันและเห็นกันมานานหลายปี เขาเรียกพี่ชายของเธอว่าพี่ไกร เรียกหลวงอนุรักษ์ปรีชา พี่เขยของเธอว่าคุณหลวง
“นั่นสิคะ”
สำนึกผิดเมื่อรู้ตัวว่าไม่ได้เหลียวแลบิดาผู้บังเกิดเกล้าเท่าที่ควร แทบไม่รู้ความเป็นไปของคนทางบ้านเสียด้วยซ้ำ
“จะไปกันเมื่อไรคะ”
“คงไม่นานนี้แหละ พี่ไกรกำลังจัดการเรื่องบ้านเช่า เห็นว่าจะไปเช่าบ้านอยู่จนสงครามเลิก พี่ได้ยินคุณลุงเปรยๆ ว่าอยากพบแก้ว อยากให้แก้วไปด้วย”
ประโยคหลังนั่นเองที่เรียกรอยรื้นในดวงตาหวานวับให้เอ่อท้นรวดเร็ว และเสียงถามก็เริ่มสั่นเครือ
“จะไปกันทั้งบ้านหรือเปล่าคะ”
“พี่ไกรกับคุณหลวงยังต้องอยู่พระนครเพราะต้องทำงาน”
แก้วตาว้าวุ่นใจ เธอควรไปเยี่ยมคุณพ่อใช่ไหม แต่ก็ยังไม่กล้าอยู่ดีจนแล้วจนรอด จนพี่เรวัตขยับตัวอึกๆ อักๆ เป็นอากัปกริยาปกติที่เธอเห็นบ่อยจนคุ้นตาและเข้าใจความหมาย เขากำลังจะแนะนำอะไรบางอย่าง และคงกำลังพยายามเรียบเรียงคำพูดอย่างดีที่สุด
“พี่คิดว่าแก้วควรไปดูท่าน อย่างน้อยก็ก่อนท่านจะไปหัวเมือง”