ความจริงดำรงในความหลากหลาย
ความจริงอาจเป็นความหลากหลายเสียเองด้วย
และความจริง อาจไม่หลากหลาย..เมื่อมันได้สถาปนาตนเองพ้นจากความหลากหลาย
ในความหลากหลาย ย่อมมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ก็ได้ด้วย
ในความหลากหลาย ย่อมมีสภาวะเปรียบเทียบที่ทำให้มันดำรงอยู่ เกาะเกี่ยวกับเป็นเครือข่ายของชิ้นเล็กชิ้นน้อยของความจริง
ในความหลากหลาย จึงเป็นสภาวะพลวัตของการขับเคลื่อนและแปรเปลี่ยน
และเป็นการมองเห็น การรับรู้เชิงปฏิบัติ หรืออย่างมีพัฒนาการ
โลกของนิวตัน ย่อมอยู่ในกรอบโครงของความเฉื่อย และมีความแน่นอนสูง
และโลกของไอน์สไตน์ กลับอยู่ในกรอบโครงที่ไร้กรอบ แต่เป็นความหลากหลายเชิงสัมพัทธ์ ที่แนวโน้มความไม่แน่นอนมีสูง
ยิ่งโลกของควอนตั้มด้วยแล้ว สรรพสิ่งกลับวัดไม่ได้
เพราะ มีแต่แนวโน้มของความน่าจะเป็นเท่านั้น คือสารัตถะ ที่ตรวจวัดไม่ได้อย่างเจาะจง
ภาษา ย่อมแทน ความจริง
และภาษา ย่อมไม่ใช่ ความจริง แต่แทนค่าความจริง
ภาษา จึงต้องมีการถอดนัยยะ หรือรหัส ซึ่งอาจบ่งชี้ไปที่จินตนาการ หรือ ข้อเท็จจริง ก็ได้
เพราะ ถ้ามันไม่ใช่ มันหรือภาษาอาจเป็นมายาเสียเอง ก็ได้
ทั้งนี้ จึงขึ้นกับสมรรถนะของการเข้าถึง หรือ การตีความมันออกมา ...
เหตุผลภาคปฏิบัติของความจริง คือ ความหลากหลาย
ความจริงอาจเป็นความหลากหลายเสียเองด้วย
และความจริง อาจไม่หลากหลาย..เมื่อมันได้สถาปนาตนเองพ้นจากความหลากหลาย
ในความหลากหลาย ย่อมมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ก็ได้ด้วย
ในความหลากหลาย ย่อมมีสภาวะเปรียบเทียบที่ทำให้มันดำรงอยู่ เกาะเกี่ยวกับเป็นเครือข่ายของชิ้นเล็กชิ้นน้อยของความจริง
ในความหลากหลาย จึงเป็นสภาวะพลวัตของการขับเคลื่อนและแปรเปลี่ยน
และเป็นการมองเห็น การรับรู้เชิงปฏิบัติ หรืออย่างมีพัฒนาการ
โลกของนิวตัน ย่อมอยู่ในกรอบโครงของความเฉื่อย และมีความแน่นอนสูง
และโลกของไอน์สไตน์ กลับอยู่ในกรอบโครงที่ไร้กรอบ แต่เป็นความหลากหลายเชิงสัมพัทธ์ ที่แนวโน้มความไม่แน่นอนมีสูง
ยิ่งโลกของควอนตั้มด้วยแล้ว สรรพสิ่งกลับวัดไม่ได้
เพราะ มีแต่แนวโน้มของความน่าจะเป็นเท่านั้น คือสารัตถะ ที่ตรวจวัดไม่ได้อย่างเจาะจง
ภาษา ย่อมแทน ความจริง
และภาษา ย่อมไม่ใช่ ความจริง แต่แทนค่าความจริง
ภาษา จึงต้องมีการถอดนัยยะ หรือรหัส ซึ่งอาจบ่งชี้ไปที่จินตนาการ หรือ ข้อเท็จจริง ก็ได้
เพราะ ถ้ามันไม่ใช่ มันหรือภาษาอาจเป็นมายาเสียเอง ก็ได้
ทั้งนี้ จึงขึ้นกับสมรรถนะของการเข้าถึง หรือ การตีความมันออกมา ...