ธีภพถึงออฟฟิศในโรงงาน เดินเข้ามาในห้อง ผ่านโต๊ะเลขา
“บอกสโตร์ด้วยว่าถ้าคนงานฝึกงานมาถึงให้โทรมาแจ้งด้วย” ธีภพลังเลนิดๆ แล้วสั่งต่อ “ไม่ต้องบอกว่าผมสั่ง”
“ค่ะ”
พักตร์พิมลเข้ามา อย่างร้อนใจ(คอยดูอยู่แล้วว่าธีภพมาหรือยัง)
“พี่ธี ยัยบิวตี้มาทำงานหรือยังคะ”
ธีภพมีพิรุธ “ไม่รู้สิ ทำไมเหรอ”
“มีเรื่องใหญ่ค่ะ ยัยบิวตี้ก่อเรื่องใหญ่อีกแล้ว เก่งจังมาทำงานไม่กี่วันทำบริษัทเสียหายเกือบล้านแล้ว”
“มีเรื่องอะไร”
พักตร์พิมลฟ้อง “พี่ธีไปดูเองสิคะ เดี๋ยวจะหาว่าแพ็ตใส่ร้าย”
บิวตี้มองหาห้องว่างๆ เพื่อจะทำเป็นห้องลับสำหรับแปลงตัว พบว่าตึกเก่าบางส่วนของบริษัทมีห้องปิดตาย เคยเป็นออฟฟิศบางอย่างแล้วมีการเคลื่อนย้ายไป
บิวตี้พึมพำกับตัวเอง “ห้องปิดทิ้งไว้เยอะเลย มาแปลงร่างแถวนี้ดีกว่าในส้วม”
บิวตี้พยายามเปิดประตูที่ปิดล็อกไว้
เสียงยามดังขึ้น “ทำอะไรน่ะ”
บิวตี้สะดุ้งหันไปเจอยามแก่มองมาดุๆ บิวตี้ตั้งสติเชิดใส่
“ท่านประธานให้มาหาห้องว่างจะเอาของมาเก็บ”
“งั้นเดี๋ยวถามให้” ยามจะวิทยุถามยามส่วนอื่น
“ไม่ต้อง เขา...เอ่อ...ท่าน ต้องการความเป็นส่วนตัว”
ยามมองบิวตี้ สายตาโลมเลีย ยิ้มกริ่มๆ “อ้อ ห้องลับเหรอ งั้นก็ตามสบายนะ”
ยามออกไปแล้วบิวตี้โกรธมาก
“ลามกทั้งบริษัท คอยดูนะจะไล่ออกให้หมด”
บิวตี้เห็นห้องเล็กๆ แง้มอยู่ จึงเปิดเข้าไปดูเห็นห้องเก็บของรกๆ บิวตี้ดึงผ้าผืนใหญ่ที่เตรียมมาอย่างดี คลุมไปบนลัง แล้วเอากระจก ถ้วยใส่น้ำ ถ้วยใส่ อาหารนก วางเตรียมไว้
บิวตี้มองไปรอบๆ ปัดอาหารนกจากมือ “ค่อยยังชั่ว แต่ฉันจะไม่ยอมอยู่ในสภาพนี้อีกนานหรอก” มองกราดตาไปรอบๆ “ยัยแม่มดใจร้าย ได้ยินไหม คนอย่างลัลน์ลลิตไม่มีวันยอมแพ้ง่ายๆ”
บิวตี้ดูมั่นใจ มีการเตรียมตัวมาอย่างดี
ฝ่ายธีภพยืนอยู่ในโกดัง กับหัวหน้าแผนกและป้าศรีนวล คอยดูหลักฐานที่พักตร์พิมลกำลังจะเอามาฟ้อง
เนย นี ติ๋ม และหนุ่มสาวฉันทนาจอมสอดรู้ แอบดูอยู่ห่างออกไป ท่าทางอยากเข้ามาฟังใกล้ๆเต็มที
กระตั้ว กับปีวราคลี่ม้วนผ้าออก ในม้วนผ้าลึกๆ พอคลี่ออกจึงเห็นรอยด่าง สีเข้มชัดเจน
หัวหน้าแผนก และป้าศรีนวลตกใจ พักตร์พิมลสีหน้าสะใจแล้วทำเป็นเครียด
“ฝ่ายการเงินเคยย้ำมาหลายครั้งแล้วว่า ต้องตรวจผ้าให้ละเอียดรอบคอบก่อนเซ็นรับสินค้า”
“ใครเป็นคนเซ็นรับ”
พักตร์พิมลรับเอกสารที่กระตั้วส่งให้ พูดเสียงดัง “เขาใช้ชื่อว่าสวยค่ะ”
ธีภพหันไปสั่งหัวหน้าแผนก
“ไปเชิญ เอ่อ เรียก ตัวมาซิ”
หัวหน้าแผนกอึกอัก “เขา...ยังไม่เข้ามาเลยค่ะ”
บรรดาคนงานที่แอบฟังอยู่ ตื่นเต้นกระซิบกระซาบ คาดเดาต่างๆนานา
พักตร์พิมลโวยวายดังลั่น
“อะไร เพิ่งทำงานไม่กี่วันขาดงานได้เหรอ แล้วนี่ใครจะรับผิดชอบ ผ้าม้วนนี้เมตรละสองพันห้า”
“คอมเพลนไป แล้วสั่งให้ส่งมาใหม่ไม่ได้เหรอ” ธีภพบอก
“เซ็นรับของไปแล้วจะคอมเพลนได้ไงคะ สั่งใหม่ก็ไม่ทันส่งงานแน่ๆ”
บิวตี้กลับมาจากหาห้องลับ เห็น ธีภพและพักตร์พิมล กำลังเครียดอยู่ เลยเดินเลี่ยงหนี เนยกับพวกล้อมบิวตี้ไว้
“จะไปไหน” พร้อมกับตะโกนบอกพักตร์พิมล “มาแล้วค่ะๆ อยู่นี่ค่ะ”
บิวตี้ถูกดันให้ไปเผชิญหน้ากับพักตร์พิมลและธีภพ
พักตร์พิมลเน้นเรื่องเป็นคนงาน ไม่ให้บิวตี้เถียง “เป็นคนงาน ทำไมถึงมาสาย”
บิวตี้จ้องหน้าธีภพเขม็ง “ฉันถูกคนใจร้ายไล่ลงจากรถ”
พักตร์พิมลไม่เชื่อ “มาก็สายแล้วยังทำงานสับเพร่า ตรวจรับผ้าที่มีรอยเลอะขนาดนี้ได้ยังไง”
บิวตี้จ้องมองดูรอยเลอะที่ผ้า นึกสงสัย “ตอนตรวจไม่เห็นมีรอยอะไรนี่”
“ตรวจชุ่ยๆน่ะสิ แค่งานง่ายๆ ยังทำพลาด เธอต้องรับผิดชอบ”
บิวตี้เสียงแข็งใส่ “แต่ฉันตรวจดีแล้ว”
“ถ้าเธอมั่นใจ คนเซ็นรับต่อจากเธอก็ต้องรับผิดชอบ” พักตร์พิมลว่า
กระตั้วเจ๋อ “คนเซ็นรับรอง คือนางศรีนวลฮ่ะ”
ศรีนวลตกใจลนลานกลัวโดนชดใช้ “ดิฉันพลาดเองค่ะ ไม่รู้ว่ามันรอดสายตาไปได้ยังไง”
“แต่ฉันตรวจทุกม้วน” บิวตี้บอก
ปีวรารู้สึกเห็นใจ “บางทีมือใหม่อาจจะนึกไม่ถึงว่าต้องดูถึงแกนใน”
“แต่ฉันดู”
ธีภพสวนออกมาเสียงเย็นจับขั้วหัวใจ “ไปชี้แจงที่ออฟฟิศ”
บิวตี้โมโห ฮึดฮัดขัดใจ
พักตร์พิมลจ้องมองอย่างสะใจ บิวตี้ประสานสายตาสู้กับพักตร์พิมลอย่างไม่เกรงกลัว
ด้านอรวิภาเข้าบ้านมา จะเดินขึ้นห้องนอนท่าทีโกรธๆ อดิศักดิ์ตามมาต่อว่าหน้าตึงด้วยความโมโห
“ทำไมอรเสียมารยาทแบบนี้”
“ไม่เอาค่ะปะป๊า อย่าดุลูกแบบนั้นสิคะ”
“ทำไมปะป๊าต้องบังคับน้องอรด้วย”
“ปะป๊าไม่ได้บังคับ แต่น้องอรควรจะมีโอกาสได้คบคนอื่นบ้าง”
“แต่น้องอรคบกับพี่ธีอยู่”
“แล้วเค้าสนใจอรมั้ย งานของลูกเค้ายังไม่มาเลย”
“ปะป๊า” อรวิภาเสียใจร้องไห้
“ลูกร้องไห้แล้ว ปะป๊าอย่าทำให้ลูกสะเทือนใจสิคะ” เครือวรรณติงสามี
อดิศักดิ์ไม่เลิก “ผู้ชายน่ะ ถ้ารู้สึกว่าผู้หญิงเป็นลูกไก่ในกำมือ เขาจะไม่สนใจรู้ไหม ต้องทำให้รู้สึกเสียบ้างว่า ลูกเรามีทางเลือกอีกเยอะ ไม่ใช่ไม่มีคู่แข่ง”
“ป๊าพูดถูกแล้วลูก”
“ให้ห่างๆกันสักพักก็ดี ต่อไปนี้ห้ามไปพบกับนายธีภพโดยไม่บอกปะป๊านะ”
“ทำไมต้องห้ามน้องอรด้วยคะ”
“เอาน่า ป๊าห้ามก็ต้องฟัง” อดิศักดิ์บอกกับภรรยา “คุณคอยดูไว้ด้วยนะ เขาต้องเป็นฝ่ายแอ็คชั่นบ้าง ถ้ายังเฉยอยู่ จะได้รู้กัน”
“ค่ะคุณ”
“ปะป๊า หม่ะมี๊ใจร้าย”
“ไม่ร้ายหรอกลูก ปะป๊าหม่ะมี๊ทำเพื่อลูกนะจ๊ะ”
อรวิภาหันหลังเดินขึ้นห้องร้องไห้ แม่ตามไปลูบหลังปลอบ
ธีภพเปิดห้องนอนเข้ามา เห็นนกบิวตี้อยู่ในห้อง
ธีภพทักนกบิวตี้ “อ้าว มาหลบอยู่นี่เอง” เขาลูบตัวนก นั่งโต๊ะทำงานหยิบผ้าพันคอของบิวตี้มาดู แล้วนึกเคือง “บอกว่าไม่ให้แต่งตัวผิดระเบียบ ยังแอบใช้ผ้าพันคอแบรนด์เนมอีก”
“ผ้าเนี่ย ฉันออกแบบลายเองย่ะ ชุดโรงงานของนายใส่แล้วมันคันจนต้องเอาผ้ามากัน รู้ไว้ซะด้วย”
ธีภพกดโทรศัพท์ถึงกรเทพ “อาครับ บิวตี้ติดต่อมาบ้างไหมครับ” ฟังแล้วถอนใจ “ผมก็คิดว่าเขาคงมีเซฟเฮ้าส์ที่ไหนสักแห่ง แต่หนีไปดื้อๆแบบนี้มันไม่ถูก”
บิวตี้เถียง “ก็มันจำเป็นนี่ บ่นอยู่ได้ ห่วงฉันใช่มั้ยล่ะ”
กรเทพคุยสายอยู่ในบ้าน “อาก็คิดว่าอย่างงั้นเหมือนกัน แต่บิวตี้คงไม่ได้หลบไปอยู่คนเดียวแน่ เพราะเขาเป็นคนขี้เหงา อาสอบถามไปตามเพื่อนๆ เขาก็บอกว่าบิวตี้ไม่ติดต่อมาเป็นเดือนแล้ว”
“ครับอา ถ้าพรุ่งนี้ไม่ได้ข่าวผมจะแจ้งความเอง มีอะไรคืบหน้าช่วยโทร.บอกผมด้วยนะครับ”
“ครับ” กรเทพถอนใจ “แบบนี้มันอันตรายเหมือนกันนะ ถ้าหายไปจริงจะว่ายังไง”
ธีกดวางสาย บ่น “เหลวไหล เดือดร้อนกันไปหมด”
ธีภพ จ้องมองผ้าพันคอของบิวตี้ แล้วหยิบขึ้นมาดม
บิวตี้คนร้องแว้ด “ทำอะไรของนายน่ะ”
ธีภพเบือนหน้าหนีกลิ่นหอม “ยัยบ๊องเอ๊ย ใส่น้ำหอมแพงแบบนี้คนงานก็สงสัยสิ อวดรวยจนเคยตัว มิน่าถึงได้โดนหมั่นไส้”
“ฉันไม่ได้อวดรวย ก็ฉันมีอย่างงี้เอง ช่วยไม่ได้” บิวตี้เถียง
ธีภพแหย่นก “เถียงเหรอ พูดถึงยัยบิวตี้ไม่ได้เลยใช่มั้ย”
“ก็นายไม่เคยพูดถึงฉันดีๆ เหมือนพูดถึงยัยน้องอร”
“โวยวายเดี๋ยวจับอาบน้ำซะเลยนี่ ปะ อาบน้ำด้วยกัน” ธีภพจับตัวนกบิวตี้ขึ้นมา
บิวตี้คนดิ้น จิกกัดมือธีภพไปมา “ไม่นะ บ้า โรคจิต”
ธีภพหัวเราะ “เขินเป็นด้วยเหรอ” แล้วชสยหนุ่มก็เข้าห้องน้ำไป
นกบิวตี้บินปร๋อออกจากห้องธีภพ
นกบิวตี้บินมาหยุดในสวนบ้านธีภพ
บิวตี้คนหงุดหงิด “นายควรจะไปห้ามคนงานสิว่าอย่ามายุ่งกับฉัน ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย ก็แค่ใส่น้ำหอม แต่งหน้า แล้วก็ดัดแปลงเครื่องแบบ...” บิวตี้ชักเริ่มได้คิด “นิดเดียวเอง”
เจ้าเสือแมวของธีภพ เข้ามาเมียงมอง
บิวตี้คนตวาดแมว “แกก็เหมือนกัน จ้องตะปบฉันทำไม ฉันทำผิดอะไร”
เจ้าเสือจ้องขู่เตรียมจะกระโจนใส่
“ฉันสวย ฉันรวย ฉันเริด มันผิดตรงไหน อิจฉาฉันเหรอ ลองมาเป็นฉันดูบ้างมั้ยล่ะ”
แมวร้องขู่
บิวตี้คนทั้งเศร้าและเหงา “ฉันไม่มีใครเลยนะ รอบตัวฉันมีแต่คนไม่จริงใจ เหงาก็เหงา แล้วยังมาโดนสาปอีก” แล้วนึกได้ “ต้องมีใครจ้างยัยแม่มดนั่นมาสาปฉันแน่ๆ” ยิ่งคิดยิ่งแค้น “ฉันต้องหาให้ได้ว่ามันเป็นใคร”
ณ แดนสรวง นางฟ้าทั้งสองจ้องมองจอฉายภาพ
“ลัลน์ลลิต เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว” นางฟ้าลลิตาครวญ
ปรมะเทวีฉุน “ใช่ เมื่อไหร่นางจะเข้าใจเสียทีว่าข้าพเจ้าไม่ใช่แม่มด”
“แทนที่จะพยายามทำตามเงื่อนไข ลูกกลับนำความความโกรธแค้นไปลงกับผู้อื่น เช่นนี้ แบบเรียนของเราดูจะเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี”
“ยังตัดสินไม่ได้หรอก ท่านไม่กำหนดรู้เลยหรือว่า ลัลน์ลลิตเริ่มเห็นสภาพตัวของนางเองอย่างแท้จริง ไม่มีความหลงตนเหมือนแต่ก่อนว่าตัวเองดีพร้อมอีกแล้ว”
นางฟ้าลลิตานึกได้ ดีใจ “ท่านพูดถูก”
“ดูนั่น”
ในจอฉายภาพ เห็นมาตรวัดความสัมฤทธิ์มีประกายทองเส้นบางนิดเดียว แทรกขึ้นมาบนสีดำ
“แม้จะน้อยแต่ก็ยังมีความหวัง แต่สะสมได้เชื่องช้าเช่นนี้จะทันการณ์หรือคะ”
ปรมะเทวีหนักใจอยู่ “คงต้องสุดแท้แต่กรรมดีที่นางเคยกระทำมา”
6 โมงเช้าวันนี้ บิวตี้นอนหลับอุตุด้วยความอ่อนเพลีย มาตรวัดความสัมฤทธิ์มีแสงทองนิดหนึ่ง วางอยู่หลังตู้ไม่มีใครใส่ใจ
พรค่อยๆ ย่องเข้ามา ด้วยความกลัว แต่จำใจ ตกใจที่เห็นบิวตี้นอนเปลือย วางมือถือและข้าวของบิวตี้ลงที่ข้างหมอนแล้วรีบออกไป
สักพักเสียงโทรศัพท์ดัง
บิวตี้เอาหมอนปิดหู “โอ๊ย...ใครโทรมาตอนนี้” หล่อนคว้าโทรศัพท์มาจะปิดเสียง นึกได้ “อ๊ะทำไมมาอยู่ตรงนี้ได้” พอมองดูเห็นชื่อ Fatty จึงกดรับ
“ขอคุยด้วยหน่อย”
บิวตี้ดูนาฬิกา “ตอนหกโมงเนี่ยนะ”
“คุณหายไปไหนเมื่อคืน ตื่น ไปทำงานได้แล้วผมรออยู่ข้างล่าง” เสียงโทรศัพท์ตัดไปเลย
บิวตี้พูดกับโทรศัพท์ “ฉันไม่ทำตามคำสั่งของนายหรอก”
ธีภพหงุดหงิด คอยบิวตี้อยู่ในห้องรับแขก ร่วมชั่วโมง นาฬิกา บอกเวลา 7 โมงเช้ากว่าๆ
ป้าจันถือถาดมาเก็บถ้วยกาแฟ “คุณธีจะรับอาหารเช้าไหมคะ”
“ไม่ละ” ธีภพดูนาฬิกา “ป้าให้เด็กขึ้นไปบอกบิวตี้ว่าถ้าไม่ลงมาเดี๋ยวนี้ ก็ไม่ต้องไปฝึกงานอีก”
ป้าจันมองหน้าหลาน พรดูอึดอัดใจหวาดหวั่นกลัวโดนบิวตี้วีนใส่
เรื่องเต็มเล่ห์นางฟ้า (ตอนที่7/3) วันจันทร์ที่ 28/04/2557
“บอกสโตร์ด้วยว่าถ้าคนงานฝึกงานมาถึงให้โทรมาแจ้งด้วย” ธีภพลังเลนิดๆ แล้วสั่งต่อ “ไม่ต้องบอกว่าผมสั่ง”
“ค่ะ”
พักตร์พิมลเข้ามา อย่างร้อนใจ(คอยดูอยู่แล้วว่าธีภพมาหรือยัง)
“พี่ธี ยัยบิวตี้มาทำงานหรือยังคะ”
ธีภพมีพิรุธ “ไม่รู้สิ ทำไมเหรอ”
“มีเรื่องใหญ่ค่ะ ยัยบิวตี้ก่อเรื่องใหญ่อีกแล้ว เก่งจังมาทำงานไม่กี่วันทำบริษัทเสียหายเกือบล้านแล้ว”
“มีเรื่องอะไร”
พักตร์พิมลฟ้อง “พี่ธีไปดูเองสิคะ เดี๋ยวจะหาว่าแพ็ตใส่ร้าย”
บิวตี้มองหาห้องว่างๆ เพื่อจะทำเป็นห้องลับสำหรับแปลงตัว พบว่าตึกเก่าบางส่วนของบริษัทมีห้องปิดตาย เคยเป็นออฟฟิศบางอย่างแล้วมีการเคลื่อนย้ายไป
บิวตี้พึมพำกับตัวเอง “ห้องปิดทิ้งไว้เยอะเลย มาแปลงร่างแถวนี้ดีกว่าในส้วม”
บิวตี้พยายามเปิดประตูที่ปิดล็อกไว้
เสียงยามดังขึ้น “ทำอะไรน่ะ”
บิวตี้สะดุ้งหันไปเจอยามแก่มองมาดุๆ บิวตี้ตั้งสติเชิดใส่
“ท่านประธานให้มาหาห้องว่างจะเอาของมาเก็บ”
“งั้นเดี๋ยวถามให้” ยามจะวิทยุถามยามส่วนอื่น
“ไม่ต้อง เขา...เอ่อ...ท่าน ต้องการความเป็นส่วนตัว”
ยามมองบิวตี้ สายตาโลมเลีย ยิ้มกริ่มๆ “อ้อ ห้องลับเหรอ งั้นก็ตามสบายนะ”
ยามออกไปแล้วบิวตี้โกรธมาก
“ลามกทั้งบริษัท คอยดูนะจะไล่ออกให้หมด”
บิวตี้เห็นห้องเล็กๆ แง้มอยู่ จึงเปิดเข้าไปดูเห็นห้องเก็บของรกๆ บิวตี้ดึงผ้าผืนใหญ่ที่เตรียมมาอย่างดี คลุมไปบนลัง แล้วเอากระจก ถ้วยใส่น้ำ ถ้วยใส่ อาหารนก วางเตรียมไว้
บิวตี้มองไปรอบๆ ปัดอาหารนกจากมือ “ค่อยยังชั่ว แต่ฉันจะไม่ยอมอยู่ในสภาพนี้อีกนานหรอก” มองกราดตาไปรอบๆ “ยัยแม่มดใจร้าย ได้ยินไหม คนอย่างลัลน์ลลิตไม่มีวันยอมแพ้ง่ายๆ”
บิวตี้ดูมั่นใจ มีการเตรียมตัวมาอย่างดี
ฝ่ายธีภพยืนอยู่ในโกดัง กับหัวหน้าแผนกและป้าศรีนวล คอยดูหลักฐานที่พักตร์พิมลกำลังจะเอามาฟ้อง
เนย นี ติ๋ม และหนุ่มสาวฉันทนาจอมสอดรู้ แอบดูอยู่ห่างออกไป ท่าทางอยากเข้ามาฟังใกล้ๆเต็มที
กระตั้ว กับปีวราคลี่ม้วนผ้าออก ในม้วนผ้าลึกๆ พอคลี่ออกจึงเห็นรอยด่าง สีเข้มชัดเจน
หัวหน้าแผนก และป้าศรีนวลตกใจ พักตร์พิมลสีหน้าสะใจแล้วทำเป็นเครียด
“ฝ่ายการเงินเคยย้ำมาหลายครั้งแล้วว่า ต้องตรวจผ้าให้ละเอียดรอบคอบก่อนเซ็นรับสินค้า”
“ใครเป็นคนเซ็นรับ”
พักตร์พิมลรับเอกสารที่กระตั้วส่งให้ พูดเสียงดัง “เขาใช้ชื่อว่าสวยค่ะ”
ธีภพหันไปสั่งหัวหน้าแผนก
“ไปเชิญ เอ่อ เรียก ตัวมาซิ”
หัวหน้าแผนกอึกอัก “เขา...ยังไม่เข้ามาเลยค่ะ”
บรรดาคนงานที่แอบฟังอยู่ ตื่นเต้นกระซิบกระซาบ คาดเดาต่างๆนานา
พักตร์พิมลโวยวายดังลั่น
“อะไร เพิ่งทำงานไม่กี่วันขาดงานได้เหรอ แล้วนี่ใครจะรับผิดชอบ ผ้าม้วนนี้เมตรละสองพันห้า”
“คอมเพลนไป แล้วสั่งให้ส่งมาใหม่ไม่ได้เหรอ” ธีภพบอก
“เซ็นรับของไปแล้วจะคอมเพลนได้ไงคะ สั่งใหม่ก็ไม่ทันส่งงานแน่ๆ”
บิวตี้กลับมาจากหาห้องลับ เห็น ธีภพและพักตร์พิมล กำลังเครียดอยู่ เลยเดินเลี่ยงหนี เนยกับพวกล้อมบิวตี้ไว้
“จะไปไหน” พร้อมกับตะโกนบอกพักตร์พิมล “มาแล้วค่ะๆ อยู่นี่ค่ะ”
บิวตี้ถูกดันให้ไปเผชิญหน้ากับพักตร์พิมลและธีภพ
พักตร์พิมลเน้นเรื่องเป็นคนงาน ไม่ให้บิวตี้เถียง “เป็นคนงาน ทำไมถึงมาสาย”
บิวตี้จ้องหน้าธีภพเขม็ง “ฉันถูกคนใจร้ายไล่ลงจากรถ”
พักตร์พิมลไม่เชื่อ “มาก็สายแล้วยังทำงานสับเพร่า ตรวจรับผ้าที่มีรอยเลอะขนาดนี้ได้ยังไง”
บิวตี้จ้องมองดูรอยเลอะที่ผ้า นึกสงสัย “ตอนตรวจไม่เห็นมีรอยอะไรนี่”
“ตรวจชุ่ยๆน่ะสิ แค่งานง่ายๆ ยังทำพลาด เธอต้องรับผิดชอบ”
บิวตี้เสียงแข็งใส่ “แต่ฉันตรวจดีแล้ว”
“ถ้าเธอมั่นใจ คนเซ็นรับต่อจากเธอก็ต้องรับผิดชอบ” พักตร์พิมลว่า
กระตั้วเจ๋อ “คนเซ็นรับรอง คือนางศรีนวลฮ่ะ”
ศรีนวลตกใจลนลานกลัวโดนชดใช้ “ดิฉันพลาดเองค่ะ ไม่รู้ว่ามันรอดสายตาไปได้ยังไง”
“แต่ฉันตรวจทุกม้วน” บิวตี้บอก
ปีวรารู้สึกเห็นใจ “บางทีมือใหม่อาจจะนึกไม่ถึงว่าต้องดูถึงแกนใน”
“แต่ฉันดู”
ธีภพสวนออกมาเสียงเย็นจับขั้วหัวใจ “ไปชี้แจงที่ออฟฟิศ”
บิวตี้โมโห ฮึดฮัดขัดใจ
พักตร์พิมลจ้องมองอย่างสะใจ บิวตี้ประสานสายตาสู้กับพักตร์พิมลอย่างไม่เกรงกลัว
ด้านอรวิภาเข้าบ้านมา จะเดินขึ้นห้องนอนท่าทีโกรธๆ อดิศักดิ์ตามมาต่อว่าหน้าตึงด้วยความโมโห
“ทำไมอรเสียมารยาทแบบนี้”
“ไม่เอาค่ะปะป๊า อย่าดุลูกแบบนั้นสิคะ”
“ทำไมปะป๊าต้องบังคับน้องอรด้วย”
“ปะป๊าไม่ได้บังคับ แต่น้องอรควรจะมีโอกาสได้คบคนอื่นบ้าง”
“แต่น้องอรคบกับพี่ธีอยู่”
“แล้วเค้าสนใจอรมั้ย งานของลูกเค้ายังไม่มาเลย”
“ปะป๊า” อรวิภาเสียใจร้องไห้
“ลูกร้องไห้แล้ว ปะป๊าอย่าทำให้ลูกสะเทือนใจสิคะ” เครือวรรณติงสามี
อดิศักดิ์ไม่เลิก “ผู้ชายน่ะ ถ้ารู้สึกว่าผู้หญิงเป็นลูกไก่ในกำมือ เขาจะไม่สนใจรู้ไหม ต้องทำให้รู้สึกเสียบ้างว่า ลูกเรามีทางเลือกอีกเยอะ ไม่ใช่ไม่มีคู่แข่ง”
“ป๊าพูดถูกแล้วลูก”
“ให้ห่างๆกันสักพักก็ดี ต่อไปนี้ห้ามไปพบกับนายธีภพโดยไม่บอกปะป๊านะ”
“ทำไมต้องห้ามน้องอรด้วยคะ”
“เอาน่า ป๊าห้ามก็ต้องฟัง” อดิศักดิ์บอกกับภรรยา “คุณคอยดูไว้ด้วยนะ เขาต้องเป็นฝ่ายแอ็คชั่นบ้าง ถ้ายังเฉยอยู่ จะได้รู้กัน”
“ค่ะคุณ”
“ปะป๊า หม่ะมี๊ใจร้าย”
“ไม่ร้ายหรอกลูก ปะป๊าหม่ะมี๊ทำเพื่อลูกนะจ๊ะ”
อรวิภาหันหลังเดินขึ้นห้องร้องไห้ แม่ตามไปลูบหลังปลอบ
ธีภพเปิดห้องนอนเข้ามา เห็นนกบิวตี้อยู่ในห้อง
ธีภพทักนกบิวตี้ “อ้าว มาหลบอยู่นี่เอง” เขาลูบตัวนก นั่งโต๊ะทำงานหยิบผ้าพันคอของบิวตี้มาดู แล้วนึกเคือง “บอกว่าไม่ให้แต่งตัวผิดระเบียบ ยังแอบใช้ผ้าพันคอแบรนด์เนมอีก”
“ผ้าเนี่ย ฉันออกแบบลายเองย่ะ ชุดโรงงานของนายใส่แล้วมันคันจนต้องเอาผ้ามากัน รู้ไว้ซะด้วย”
ธีภพกดโทรศัพท์ถึงกรเทพ “อาครับ บิวตี้ติดต่อมาบ้างไหมครับ” ฟังแล้วถอนใจ “ผมก็คิดว่าเขาคงมีเซฟเฮ้าส์ที่ไหนสักแห่ง แต่หนีไปดื้อๆแบบนี้มันไม่ถูก”
บิวตี้เถียง “ก็มันจำเป็นนี่ บ่นอยู่ได้ ห่วงฉันใช่มั้ยล่ะ”
กรเทพคุยสายอยู่ในบ้าน “อาก็คิดว่าอย่างงั้นเหมือนกัน แต่บิวตี้คงไม่ได้หลบไปอยู่คนเดียวแน่ เพราะเขาเป็นคนขี้เหงา อาสอบถามไปตามเพื่อนๆ เขาก็บอกว่าบิวตี้ไม่ติดต่อมาเป็นเดือนแล้ว”
“ครับอา ถ้าพรุ่งนี้ไม่ได้ข่าวผมจะแจ้งความเอง มีอะไรคืบหน้าช่วยโทร.บอกผมด้วยนะครับ”
“ครับ” กรเทพถอนใจ “แบบนี้มันอันตรายเหมือนกันนะ ถ้าหายไปจริงจะว่ายังไง”
ธีกดวางสาย บ่น “เหลวไหล เดือดร้อนกันไปหมด”
ธีภพ จ้องมองผ้าพันคอของบิวตี้ แล้วหยิบขึ้นมาดม
บิวตี้คนร้องแว้ด “ทำอะไรของนายน่ะ”
ธีภพเบือนหน้าหนีกลิ่นหอม “ยัยบ๊องเอ๊ย ใส่น้ำหอมแพงแบบนี้คนงานก็สงสัยสิ อวดรวยจนเคยตัว มิน่าถึงได้โดนหมั่นไส้”
“ฉันไม่ได้อวดรวย ก็ฉันมีอย่างงี้เอง ช่วยไม่ได้” บิวตี้เถียง
ธีภพแหย่นก “เถียงเหรอ พูดถึงยัยบิวตี้ไม่ได้เลยใช่มั้ย”
“ก็นายไม่เคยพูดถึงฉันดีๆ เหมือนพูดถึงยัยน้องอร”
“โวยวายเดี๋ยวจับอาบน้ำซะเลยนี่ ปะ อาบน้ำด้วยกัน” ธีภพจับตัวนกบิวตี้ขึ้นมา
บิวตี้คนดิ้น จิกกัดมือธีภพไปมา “ไม่นะ บ้า โรคจิต”
ธีภพหัวเราะ “เขินเป็นด้วยเหรอ” แล้วชสยหนุ่มก็เข้าห้องน้ำไป
นกบิวตี้บินปร๋อออกจากห้องธีภพ
นกบิวตี้บินมาหยุดในสวนบ้านธีภพ
บิวตี้คนหงุดหงิด “นายควรจะไปห้ามคนงานสิว่าอย่ามายุ่งกับฉัน ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย ก็แค่ใส่น้ำหอม แต่งหน้า แล้วก็ดัดแปลงเครื่องแบบ...” บิวตี้ชักเริ่มได้คิด “นิดเดียวเอง”
เจ้าเสือแมวของธีภพ เข้ามาเมียงมอง
บิวตี้คนตวาดแมว “แกก็เหมือนกัน จ้องตะปบฉันทำไม ฉันทำผิดอะไร”
เจ้าเสือจ้องขู่เตรียมจะกระโจนใส่
“ฉันสวย ฉันรวย ฉันเริด มันผิดตรงไหน อิจฉาฉันเหรอ ลองมาเป็นฉันดูบ้างมั้ยล่ะ”
แมวร้องขู่
บิวตี้คนทั้งเศร้าและเหงา “ฉันไม่มีใครเลยนะ รอบตัวฉันมีแต่คนไม่จริงใจ เหงาก็เหงา แล้วยังมาโดนสาปอีก” แล้วนึกได้ “ต้องมีใครจ้างยัยแม่มดนั่นมาสาปฉันแน่ๆ” ยิ่งคิดยิ่งแค้น “ฉันต้องหาให้ได้ว่ามันเป็นใคร”
ณ แดนสรวง นางฟ้าทั้งสองจ้องมองจอฉายภาพ
“ลัลน์ลลิต เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว” นางฟ้าลลิตาครวญ
ปรมะเทวีฉุน “ใช่ เมื่อไหร่นางจะเข้าใจเสียทีว่าข้าพเจ้าไม่ใช่แม่มด”
“แทนที่จะพยายามทำตามเงื่อนไข ลูกกลับนำความความโกรธแค้นไปลงกับผู้อื่น เช่นนี้ แบบเรียนของเราดูจะเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี”
“ยังตัดสินไม่ได้หรอก ท่านไม่กำหนดรู้เลยหรือว่า ลัลน์ลลิตเริ่มเห็นสภาพตัวของนางเองอย่างแท้จริง ไม่มีความหลงตนเหมือนแต่ก่อนว่าตัวเองดีพร้อมอีกแล้ว”
นางฟ้าลลิตานึกได้ ดีใจ “ท่านพูดถูก”
“ดูนั่น”
ในจอฉายภาพ เห็นมาตรวัดความสัมฤทธิ์มีประกายทองเส้นบางนิดเดียว แทรกขึ้นมาบนสีดำ
“แม้จะน้อยแต่ก็ยังมีความหวัง แต่สะสมได้เชื่องช้าเช่นนี้จะทันการณ์หรือคะ”
ปรมะเทวีหนักใจอยู่ “คงต้องสุดแท้แต่กรรมดีที่นางเคยกระทำมา”
6 โมงเช้าวันนี้ บิวตี้นอนหลับอุตุด้วยความอ่อนเพลีย มาตรวัดความสัมฤทธิ์มีแสงทองนิดหนึ่ง วางอยู่หลังตู้ไม่มีใครใส่ใจ
พรค่อยๆ ย่องเข้ามา ด้วยความกลัว แต่จำใจ ตกใจที่เห็นบิวตี้นอนเปลือย วางมือถือและข้าวของบิวตี้ลงที่ข้างหมอนแล้วรีบออกไป
สักพักเสียงโทรศัพท์ดัง
บิวตี้เอาหมอนปิดหู “โอ๊ย...ใครโทรมาตอนนี้” หล่อนคว้าโทรศัพท์มาจะปิดเสียง นึกได้ “อ๊ะทำไมมาอยู่ตรงนี้ได้” พอมองดูเห็นชื่อ Fatty จึงกดรับ
“ขอคุยด้วยหน่อย”
บิวตี้ดูนาฬิกา “ตอนหกโมงเนี่ยนะ”
“คุณหายไปไหนเมื่อคืน ตื่น ไปทำงานได้แล้วผมรออยู่ข้างล่าง” เสียงโทรศัพท์ตัดไปเลย
บิวตี้พูดกับโทรศัพท์ “ฉันไม่ทำตามคำสั่งของนายหรอก”
ธีภพหงุดหงิด คอยบิวตี้อยู่ในห้องรับแขก ร่วมชั่วโมง นาฬิกา บอกเวลา 7 โมงเช้ากว่าๆ
ป้าจันถือถาดมาเก็บถ้วยกาแฟ “คุณธีจะรับอาหารเช้าไหมคะ”
“ไม่ละ” ธีภพดูนาฬิกา “ป้าให้เด็กขึ้นไปบอกบิวตี้ว่าถ้าไม่ลงมาเดี๋ยวนี้ ก็ไม่ต้องไปฝึกงานอีก”
ป้าจันมองหน้าหลาน พรดูอึดอัดใจหวาดหวั่นกลัวโดนบิวตี้วีนใส่