เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 2/1
บิวตี้ในชุดนก วิ่งสะเปะสะปะมาตามทาง มุ่งมาทางห้องจัดงาน
เบื้องหน้า เห็นอดิศักดิ์ อรวิภา เครือวรรณ เพิร์ล กำลังแถลงข่าวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ธีภพ ธนา ภาวินี ฟังเป็นกำลังใจให้ บิวตี้คนหยุดแอบฟังข้างต้นไม้ที่ใช้ประดับ
“ลูกของผม มีแต่ความหวังดี แต่ด้วยความที่ไม่ชำนาญเวทีจึงเกิดผิดพลาดขึ้น เจ้าตัวเขาก็รู้สึกเสียใจ ยังไงผมต้องขอโทษคุณลัลน์ลลิตา แทนลูกสาวของผมด้วย” อดิศักดิ์บอก
อรวิภาร้องไห้ซบกับแขนพ่อ นักข่าวเบนไมโครโฟนมาที่เพิร์ลที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
นักข่าว 2 ถามนำ “ได้ข่าวว่าคุณลัลน์ลลิตมักมีปัญหากับผู้จัด จริงไหมครับ”
“ก็ไม่เชิงมีปัญหาหรอกนะคะ เพียงแต่เธอเป็นคน เอ่อ...มาตรฐานสูง ไปนิดนึงเท่านั้นเอง” เพิร์ลตอบ
นักข่าว 1 ซัก “หมายถึงเรื่องมากใช่ไหมคะ (หัวเราะกับนักข่าวอื่นอย่างรู้กันดี)
บิวตี้ฟังแล้วโกรธ “กล้าพูดถึงชั้นขนาดนี้กันเลยเหรอ” ถลาออกมายืน “หยุดเดี๋ยวนี้นะ” บิวตี้ห้ามให้คนหยุดพูดแต่ไม่มีใครหันมาสนใจ
เพิร์ลตอบคำถาม “ทางเราไม่ทราบจริงๆค่ะว่าคุณลัลน์ลลิตจะกลัวนก จนมีอาการทางประสาทแบบนี้”
บิวตี้วี้ดใส่ แต่เป็นเสียงนกร้อง “ฉันไม่ได้เป็นโรคประสาท หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
นักข่าว3 ถาม “แล้วที่ว่าคุณลัลน์ลลิต อิจฉาคุณอรวิภาล่ะคะ ที่ได้เดินฟินาเล่ด้วยกัน”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ ไม่จริงค่ะ” อรวิภาหันมาทางพ่อ “ไม่จริงใช่ไหมคะป่าป๊า”
เพิร์ลช่วยตอบ “อันนี้คงต้องไปถามเธอเอง แต่ต่อไปคงไม่กล้าเสี่ยงให้คุณลัลน์ลลิตเดินแบบกับเราได้อีก”
บิวตี้ลืมตัวปราดเข้ามาจะแย่งเพิร์ลพูด “ฉันต่างหาก ที่จะไม่ยอมรับเชิญมาเดินให้เธออีก” พร้อมกับพุ่งเข้าไปผลักอกเพิร์ลด้วยความโกรธ
ทว่าในสายตาของเพิร์ลและนักข่าวเห็นนกหงส์หยก บินเข้าจิกตีเพิร์ลที่อก
“อ๊าย ว้าย อะไรเนี่ย ว้าย ตายแล้ว ...ยังมีนกหลงอยู่ตรงนี้ตัวนึง...มาจับไปเร็ว” เพิร์ลยกมือปัดนกเป็นที่วุ่นวาย
จากนั้นก็เกิดจลาจลย่อมๆ ในวงแถลงข่าว บ้างหลบ บ้างพยายามจับนก ส่วนใหญ่ยกมือถือถ่ายรูปกันอย่างมันมือ
บิวตี้ในชุดนกวิ่งหนีมาตามทางเดินในโรงแรมหน้าตาตื่น สอดส่ายสายตามองหาที่หลบภัย เพิร์ลนำทีมงานและเจ้าหน้าที่โรงแรม พร้อมสวิงสำหรับจับนก
เพิร์ลโกรธจัด ชี้มาที่นกบิวตี้ “นั่นไง อยู่ทางนั้น จับมันให้ได้”
บิวตี้หันไปมองแล้วตกใจมาก
“บ้าหรือเปล่า ไล่จับกันยังกับบ้านป่าเมืองเถื่อน” สวิงอันหนึ่งโฉบผ่านหน้าพอดี บิวตี้โกรธสุดขีด “พวกแกกล้าดียังไงถึงมาทำกับฉันแบบนี้ ชั้นจะแจ้งตำรวจ..ว้าย” บิวตี้ตกใจวิ่งหนี ไปในห้องที่แง้มประตูอยู่
นกบิวตี้บินเข้ามาในห้อง ซึ่งเป็นห้องจัดเลี้ยงที่รอบห้องเต็มไปด้วยกระจก กลุ่มคนที่ไล่ตามมาไม่ทันเห็น วิ่งเลยห้องไป
บิวตี้วิ่งผ่านกระจกไปหาที่หลบ แต่ในกระจกกลับเห็นเป็นนกบิวตี้บินเข้าไป
ในหางตาบิวตี้เห็นนกบินแวบผ่าน ชะงักหยุดวิ่ง
บิวตี้เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ แล้วค่อยๆ หันไปจ้องมองลึกเข้าไปในกระจก เห็นบิวตี้นกหงส์หยกจ้องกลับมา
บิวตี้ตบหน้าตัวเอง นกหงส์หยกก็ทำเช่นเดียวกัน
บิวตี้พยายามดึงทึ้งขนบนตัว นกก็ทำเช่นเดียวกัน
เสียงปรมะเทวีดังก้องสะท้อนสะท้านไปทั้งห้อง ซ้ำๆ “ชิงชังรังเกียจสิ่งใด เจ้าจะได้เป็นเช่นนั้นๆๆๆ”
บิวตี้เบิกตามองนกหงส์หยกในกระจก หลังจากนั้นเสียงบิวตี้ ก็ดังแทรกด้วยเสียงนกหงส์หยก
“ไม่จริ๊ง.....แอร๊ยย... ไม่จริ๊งง....”
บิวตี้คน กับ บิวตี้นกหงส์หยก มองตะลึงในกันและกันจากอีกด้านของกระจกอยู่อย่างนั้น
บิวตี้เดินโซเซ เคว้งคว้าง อยู่ริมถนน หาทางกลับบ้าน หน้าตาแตกตื่น ตกใจสุดขีด รถของบิวตี้ผ่านมา เห็นเลขา ช่างหน้า ช่างผมนั่งอยู่ในรถ บิวตี้ยังคิดว่าตัวเองเป็นคน พยายามโบกเรียกรถ
“จอดๆ ฉันอยู่นี่ รับฉันไปด้วย” บิ้วตี้วิ่งตาม “บอกให้จอด” แต่รถไม่จอด เลยชักโมโห “ซื่อบื้อไม่มีประโยชน์อะไรเลย” บิวตี้ฮึดฮัด “แล้วฉันจะกลับบ้านยังไงเนี่ย”
รถผ่านไปคันแล้วคันเล่า รวมทั้งแท็กซี่ แต่ไม่มีใครเห็นหรือสนใจบิวตี้เลย
“โอ๊ย จอดซี่ บอกให้จอด” บิวตี้เริ่มท้อแท้ หมดหวัง นั่งแปะบนฟุตบาท “คนอย่างลัลน์ลลิตทั้งสวย ทั้งรวย ทั้งสงสัย...ทำไมต้องเจอเรื่องบ้าๆอย่างนี้ด้วย” หล่อนเงยหน้า มองหาคนสาป “ยายป้าบ้า เธออยู่ไหนฉันทำผิด ตรงไหน มาสาปฉันทำไม” บิวตี้ตะเบ็งเสียงอย่างแค้นเคือง “ยัยแม่มดใจร้าย”
บิวตี้ฟุบหน้าลงกับเข่าด้วยความท้อแท้
ทว่าเมื่อมองจากมุมสูงลงมา จะเห็นเป็นนกหงส์หยกยืนงงๆ อยู่บนฟุตบาธอย่างเดียวดาย
ธีภพ ภาวินี ธนา อยู่บ้านแล้ว ธนาปรารภขึ้น
“น่าสงสารหนูบิวตี้ ถ้าบวรมันมองลงมาเห็น มันคงโกรธที่ชั้นช่วยอะไรลูกของ เพื่อนรักไม่ได้”
“ที่จริงมันก็แค่อุบัติเหตุเล็กๆ แต่พอมาเกิดในงานที่มีคนดูเยอะแบบนี้ แกก็คงจะขายหน้ามาก”
“เรื่องของเรื่องมันก็เป็นเพราะ หนูบิวตี้แกชอบทำตัวเย่อหยิ่งเป็นเจ้าหญิงแบบนั้น พอทำอะไรพลาดไปนิดเดียวก็มีแต่คนหัวเราะเยาะ...ธี ชวนหนูบิวตี้มาทำงานที่บริษัทเราดีกว่า ยังไงน้องเค้าก็เป็นประธานบริษัทร่วมกับแกเหมือนๆ กับที่พ่อเคยเป็นประธานร่วมกับพ่อของเค้าเมื่อก่อน”
ธีภพค่อนขอด ท่าทีหมั่นไส้ “โอ๊ย อากรชวนเค้าเป็นล้านครั้งแล้วครับพ่อ แต่ยายนั่นไม่ใส่ใจ คนแบบนั้นน่ะทำอะไรไม่เป็นหรอกครับ ให้อยู่เฉยๆเป็นประธานร่วมแต่ในนาม คอยรับเงินปันผลแบบทุกวันนี้ก็ดีแล้ว ขืนเข้ามาบริษัทป่วนแน่”
ธนาบ่น “เฮ้อ...เสียดายความสามารถแกจบดีไซเนอร์จากอังกฤษเลยนะ บวรเองก็เคยหวังให้ลูกสาวคนเดียวมาพัฒนาบริษัทแทนตัวเอง”
ธีภพทำหน้าเบะอย่างดูถูก
“เลิกโกรธน้องเขาได้แล้วธี เรื่องสมัยเด็กๆ มันก็ผ่านมานานมากแล้วนะ”
โดนมารดาจี้จุดธี ภพจี๊ด “ผมไม่ได้โกรธครับแม่ แต่ไม่อยากให้คนนิสัยเสียแบบนั้นมายุ่งกับบริษัท มันจะพากันวุ่นวายกันไปใหญ่”
ภาวินีมองโลกสวย “น้องเขาอาจจะเปลี่ยนไปแล้วก็ได้นะลูก...เราก็ไม่ได้ เจอกับเค้ามานานแล้วนะ”
“แม่ไม่เห็นในงานเหรอครับ คนแบบนั้นไม่มีทางเปลี่ยนหรอก แล้วอีกอย่าง...ที่เราไม่เจอเค้าทั้งที่อยู่ใกล้กันแค่นี้ ก็เพราะเค้าเองไม่ใช่เหรอ...เค้าไม่สนใจที่จะคบหากับใครทั้งนั้น” ผู้เป็นลูกชายลุกขึ้นยืน “บอกตรงๆน่ะครับแม่....ผมไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ไหน งี่เง่า สมองกลวงแถมยังไร้สาระขนาดนี้มาก่อน เลยใจชีวิต...อย่าให้เค้ามายุ่งกับผมเลยครับ...ผมขอร้อง”
ธีภพเดินออกไปทางบ้านตัวเอง ธนากับภาวินีพูดไม่ออก อึ้งๆ
ทางด้านนกบิวตี้บินเข้ามาในบ้าน โผลงที่ประตูหน้าบ้าน บิวตี้คนหมดแรงพิงประตู หอบฮัก ด้วยความเหนื่อยที่บินมาไกล
“โอยเหนื่อย” บิวตี้พยายามเอามือตบประตู แต่กลับทำได้แค่ลูบด้วยแรงนก “เปิดประตู เปิดประตูด้วย”
เสียงบิวตี้กลายเป็นเสียงนก
ส่วนด้านในยามที่กำลังสัปปะหงก สะดุ้งเฮือก ผวาลุกพรวดพราด
“เสียงนก! ไปนะ ไปให้พ้น” ยามคว้าไม้ไล่นกออกมาเปิดประตู บิวตี้ที่อุตส่าห์ดีใจเมื่อเห็นประตูเปิดออก แต่ยามกลับไล่ตี ต้องบินหนีเตลิด มียามไล่ไปทางโน้นที ทางนี้ที แต่ก็บินเข้าประตูมาจนได้ ตกใจตาเหลือกอยู่
บิวตี้มองผ่านหน้าต่างเข้าไปเห็นพรกับป้าจันนั่งหาว รอบิวตี้กลับนั่นเอง
“นี่ก็ดึกมากแล้ว ทำไมคุณหนูยังไม่กลับอีกนะ”
“ลองโทร.ถามคุณเลขาดีมั้ยคะ”
พรลุกไปหยิบโทรศัพท์ข้างหน้าต่าง
บิวตี้พยายามเคาะกระจก “เปิด ด้วย บอกให้เปิด เปิดซี้”
แต่ที่คนอื่นเห็นคือ บิวตี้นกบินชนกระจกหน้าต่างอย่างแรง จนงง หงายผลึ่งลงไปบนพื้น
พรได้ยินเสียงแก๊ก ที่หน้าต่างเหมือนมีกรวดลอยมาโดน พอเดินมาดูแต่ไม่เห็นอะไร จึงเดินไปโทร.หาเลขา
บิวตี้ทรุดตัวอยู่ใต้หน้าต่าง กุมหัวที่โหม่งกระจก ทั้งเจ็บ ทั้งเหนื่อย เริ่มหงุดหงิด
“โอย... อุตส่าห์มาถึงแล้ว เข้าบ้านก็ไม่ได้ ฮึ่ย บ้า” นึกบางอย่างได้ “มันต้องเป็นฝันร้ายแน่ๆ ตื่นสิ ลัลน์ลลิต ตื่นได้แล้ว ตื่นๆ” ตบหน้าตัวเองแรงๆ “โอ๊ย เจ็บ” ถีบขาอย่างขัดใจ “ไม่จริง มันต้องไม่จริง”
พอหันไปด้านหลัง ก็พบยามยืนแสยะยิ้มแล้วเอาสวิงเหวี่ยงลงมาอย่างแรง บิวตี้หลบได้หวุดหวิดแล้วบินหนี ยามวิ่งตามมา
บิวตี้นก บินวนหาทางเข้ารอบๆ บ้าน จน วนกลับมาที่หน้าบ้านอีกครั้ง
บิวตี้ทรุดนั่งด้วยความเหนื่อย ท้อแท้ ตะเบ็งเสียง “ยัยแม่มด อยู่ไหน เลิกอิจฉาฉันเสียที ออกมานะ ถอนคำสาปเดี๋ยวนี้”
รอบกายเงียบสงัด บิวตี้เริ่มหวาดหวั่น
“ฉันต้องเป็นไอ้ตัวน่าเกลียดนี่ไปถึงเมื่อไหร่ จะแก้คำสาปได้ยังไงทำไมไม่บอก” บิวตี้ตะโกนอย่างแค้นคลั่ง “ฉันไม่ยอมหรอก ฉันทำผิดอะไร บอกมาซิ บอกมา”
มีแสงไฟจากหน้ารถสาดเข้ามา บิวตี้ชะงัก มองอย่างมีความหวัง รถเคลื่อนมาจอดในโรงรถ เลขา ช่างหน้า ช่างผม ช่างภาพ ลงมา
เลขาคุยโทรศัพท์อยู่กับพร “ไม่รู้เหมือนกันว่าหายไปไหน จะไปไหนก็ไม่บอก นี่ฉันอยู่หน้าบ้านนี่แหละ”
บิวตี้ชะเง้อมอง สีหน้าดีใจ “มากันแล้ว” ส่งเสียงดุคิดว่าตัวเองเป็นคน “ทำไมกลับช้านัก”
เลขา ช่างหน้า ช่างผม ช่างภาพ ไม่สังเกตเห็นนกบิวตี้ พรเปิดประตูรับ ป้าจันตามมาถามทันที
“คุณบิวตี้ล่ะคะ”
“คุณบิวตี้ไม่ได้โทร.กลับมาเลยเหรอ” เลขาถามกลับ
“ไม่ค่ะ” พรว่า
ป้าจันกังวลหนัก “คุณบิวตี้หายไปได้ยังไง พวกคุณไม่ดูแลเธอเลยเหรอคะ”
เลขาเหน็บ “แหมป้า พวกเราไม่ใช่แม่เขานะ ทำยังกะไม่เคยกลับดึก กลับสว่างงั้นแหละ”
ช่างภาพบอก “สงสัยคงจะไปเที่ยวลั้นลาตามเคย แบบนี้ไม่กลับง่ายๆหรอก ป้าจันจ๋ามีอะไรให้พวกเรากินก่อนกลับบ้านมั้ยจ๊ะ”
ป้าจันค้อนโกรธๆ แล้วเดินนำเข้าบ้านไป
“รายงานคุณกรก่อนดีกว่า แต่เอ๊ะ ไม่ใช่ว่ากลับมาแล้วแต่พวกเธอไม่รู้หรอกนะ”
ทุกคนเห็นด้วยกับเลขา นกบิวตี้ได้ทีเห็นประตูเปิดบินตามเข้าไป โดยไม่มีใครสังเกต เลขาเอาโทรศัพท์มากด คนอื่นๆ เดินเข้าบ้านด้านในครัว เลขาตามไป
พักตร์พิมล เปลี่ยนชุดแล้ว ใส่แว่นตาหนาเตอะ นั่งทำงานอยู่ในห้องโถง กรเทพพูดโทรศัพท์กับเลขาบิวตี้ ขณะเดินเข้ามาในห้อง
“ลองเข้าไปดูในห้องนอนนะ เผื่อเค้าจะแอบกลับมาเงียบๆ แล้วไม่ว่ายังไงคุณก็เฝ้าโทรศัพท์ไว้นะ ทั้งโทรศัพท์ที่บ้านแล้วก็มือถือ ถ้าคุณบิวตี้โทรหรือกลับมาตอนไหนก็ให้รีบบอกผมทันทีไม่ว่าจะดึกขนาดไหน” กรเทพกดวางสาย เห็นพักตร์พิมล “อ้าว ยังไม่นอนอีกหรือลูก”
“ดูข่าวค่ะ” หญิงสาวยิ้มเยาะ “เผื่อจะมีข่าวด่วนเรื่องหลานรักพ่อตกเวที” พักตร์พิมลหัวเราะขำ “ทำเป็นเชิดๆ เริดๆ แต่ตอนหัวทิ่มลงมาจากเวทีนี่ดูไม่ได้เลย”
กรเทพดุ “แกควรจะเห็นใจ มากกว่าไปหัวเราะเยาะ บิวตี้เขาเป็นน้องสาวของแกนะ”
พักตร์พิมลไม่แคร์ “ไม่ได้คลอดจากท้องพ่อท้องแม่เดียวกันซะหน่อย”
กรเทพโกรธ “แต่คุณลุงบวร กับพ่อเป็นพี่น้องกันแท้ๆ นะ แพ็ต”
“ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไมไม่ทำพินัยกรรมให้พ่อเป็นประธานบริษัทล่ะคะ แทนที่จะเป็นยายเด็กปัญญาอ่อนนั้นเป็นประธานร่วมกับพี่ธี”
กรเทพนิ่งขึงไปแล้วตอบเสียงขรึมๆ “บริษัทเป็นของลุงเขา ไม่ใช่ของพ่อ”
“ทั้งๆ ที่พ่อทุ่มเททำงานจนไม่เคยมีเวลาเป็นของตัวเองงั้นหรือคะ ไม่ยุติธรรมเลย”
“ถ้าอยากยุติธรรมแก ก็ต้องตั้งบริษัทเอง จะได้ทำอะไรตามใจชอบ”
กรเทพพูดโดยตั้งใจทิ้งความหมายให้มี 2 นัย เหมือนว่าอยากตั้งบริษัทเอง แต่จริงๆ แล้วคือประชดลูกสาว
“ค่ะ ซักวันนึงแพ็ตจะทำให้ได้ และจะไม่เหลวไหล เป็นประธานแต่ชื่อ อย่างยัยบิวตี้ด้วย” พักตร์พิมลลุกเดินกระแทกออกไปอย่างฉุนเฉียว
กรเทพส่ายหน้าระอาใจ
ขอขอบคุณ เว็บผู้จัดการออนไลน์ : )
เรื่องเต็ม เล่ห์นางฟ้าตอนที่ 2/1
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 2/1
บิวตี้ในชุดนก วิ่งสะเปะสะปะมาตามทาง มุ่งมาทางห้องจัดงาน
เบื้องหน้า เห็นอดิศักดิ์ อรวิภา เครือวรรณ เพิร์ล กำลังแถลงข่าวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ธีภพ ธนา ภาวินี ฟังเป็นกำลังใจให้ บิวตี้คนหยุดแอบฟังข้างต้นไม้ที่ใช้ประดับ
“ลูกของผม มีแต่ความหวังดี แต่ด้วยความที่ไม่ชำนาญเวทีจึงเกิดผิดพลาดขึ้น เจ้าตัวเขาก็รู้สึกเสียใจ ยังไงผมต้องขอโทษคุณลัลน์ลลิตา แทนลูกสาวของผมด้วย” อดิศักดิ์บอก
อรวิภาร้องไห้ซบกับแขนพ่อ นักข่าวเบนไมโครโฟนมาที่เพิร์ลที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
นักข่าว 2 ถามนำ “ได้ข่าวว่าคุณลัลน์ลลิตมักมีปัญหากับผู้จัด จริงไหมครับ”
“ก็ไม่เชิงมีปัญหาหรอกนะคะ เพียงแต่เธอเป็นคน เอ่อ...มาตรฐานสูง ไปนิดนึงเท่านั้นเอง” เพิร์ลตอบ
นักข่าว 1 ซัก “หมายถึงเรื่องมากใช่ไหมคะ (หัวเราะกับนักข่าวอื่นอย่างรู้กันดี)
บิวตี้ฟังแล้วโกรธ “กล้าพูดถึงชั้นขนาดนี้กันเลยเหรอ” ถลาออกมายืน “หยุดเดี๋ยวนี้นะ” บิวตี้ห้ามให้คนหยุดพูดแต่ไม่มีใครหันมาสนใจ
เพิร์ลตอบคำถาม “ทางเราไม่ทราบจริงๆค่ะว่าคุณลัลน์ลลิตจะกลัวนก จนมีอาการทางประสาทแบบนี้”
บิวตี้วี้ดใส่ แต่เป็นเสียงนกร้อง “ฉันไม่ได้เป็นโรคประสาท หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
นักข่าว3 ถาม “แล้วที่ว่าคุณลัลน์ลลิต อิจฉาคุณอรวิภาล่ะคะ ที่ได้เดินฟินาเล่ด้วยกัน”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ ไม่จริงค่ะ” อรวิภาหันมาทางพ่อ “ไม่จริงใช่ไหมคะป่าป๊า”
เพิร์ลช่วยตอบ “อันนี้คงต้องไปถามเธอเอง แต่ต่อไปคงไม่กล้าเสี่ยงให้คุณลัลน์ลลิตเดินแบบกับเราได้อีก”
บิวตี้ลืมตัวปราดเข้ามาจะแย่งเพิร์ลพูด “ฉันต่างหาก ที่จะไม่ยอมรับเชิญมาเดินให้เธออีก” พร้อมกับพุ่งเข้าไปผลักอกเพิร์ลด้วยความโกรธ
ทว่าในสายตาของเพิร์ลและนักข่าวเห็นนกหงส์หยก บินเข้าจิกตีเพิร์ลที่อก
“อ๊าย ว้าย อะไรเนี่ย ว้าย ตายแล้ว ...ยังมีนกหลงอยู่ตรงนี้ตัวนึง...มาจับไปเร็ว” เพิร์ลยกมือปัดนกเป็นที่วุ่นวาย
จากนั้นก็เกิดจลาจลย่อมๆ ในวงแถลงข่าว บ้างหลบ บ้างพยายามจับนก ส่วนใหญ่ยกมือถือถ่ายรูปกันอย่างมันมือ
บิวตี้ในชุดนกวิ่งหนีมาตามทางเดินในโรงแรมหน้าตาตื่น สอดส่ายสายตามองหาที่หลบภัย เพิร์ลนำทีมงานและเจ้าหน้าที่โรงแรม พร้อมสวิงสำหรับจับนก
เพิร์ลโกรธจัด ชี้มาที่นกบิวตี้ “นั่นไง อยู่ทางนั้น จับมันให้ได้”
บิวตี้หันไปมองแล้วตกใจมาก
“บ้าหรือเปล่า ไล่จับกันยังกับบ้านป่าเมืองเถื่อน” สวิงอันหนึ่งโฉบผ่านหน้าพอดี บิวตี้โกรธสุดขีด “พวกแกกล้าดียังไงถึงมาทำกับฉันแบบนี้ ชั้นจะแจ้งตำรวจ..ว้าย” บิวตี้ตกใจวิ่งหนี ไปในห้องที่แง้มประตูอยู่
นกบิวตี้บินเข้ามาในห้อง ซึ่งเป็นห้องจัดเลี้ยงที่รอบห้องเต็มไปด้วยกระจก กลุ่มคนที่ไล่ตามมาไม่ทันเห็น วิ่งเลยห้องไป
บิวตี้วิ่งผ่านกระจกไปหาที่หลบ แต่ในกระจกกลับเห็นเป็นนกบิวตี้บินเข้าไป
ในหางตาบิวตี้เห็นนกบินแวบผ่าน ชะงักหยุดวิ่ง
บิวตี้เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ แล้วค่อยๆ หันไปจ้องมองลึกเข้าไปในกระจก เห็นบิวตี้นกหงส์หยกจ้องกลับมา
บิวตี้ตบหน้าตัวเอง นกหงส์หยกก็ทำเช่นเดียวกัน
บิวตี้พยายามดึงทึ้งขนบนตัว นกก็ทำเช่นเดียวกัน
เสียงปรมะเทวีดังก้องสะท้อนสะท้านไปทั้งห้อง ซ้ำๆ “ชิงชังรังเกียจสิ่งใด เจ้าจะได้เป็นเช่นนั้นๆๆๆ”
บิวตี้เบิกตามองนกหงส์หยกในกระจก หลังจากนั้นเสียงบิวตี้ ก็ดังแทรกด้วยเสียงนกหงส์หยก
“ไม่จริ๊ง.....แอร๊ยย... ไม่จริ๊งง....”
บิวตี้คน กับ บิวตี้นกหงส์หยก มองตะลึงในกันและกันจากอีกด้านของกระจกอยู่อย่างนั้น
บิวตี้เดินโซเซ เคว้งคว้าง อยู่ริมถนน หาทางกลับบ้าน หน้าตาแตกตื่น ตกใจสุดขีด รถของบิวตี้ผ่านมา เห็นเลขา ช่างหน้า ช่างผมนั่งอยู่ในรถ บิวตี้ยังคิดว่าตัวเองเป็นคน พยายามโบกเรียกรถ
“จอดๆ ฉันอยู่นี่ รับฉันไปด้วย” บิ้วตี้วิ่งตาม “บอกให้จอด” แต่รถไม่จอด เลยชักโมโห “ซื่อบื้อไม่มีประโยชน์อะไรเลย” บิวตี้ฮึดฮัด “แล้วฉันจะกลับบ้านยังไงเนี่ย”
รถผ่านไปคันแล้วคันเล่า รวมทั้งแท็กซี่ แต่ไม่มีใครเห็นหรือสนใจบิวตี้เลย
“โอ๊ย จอดซี่ บอกให้จอด” บิวตี้เริ่มท้อแท้ หมดหวัง นั่งแปะบนฟุตบาท “คนอย่างลัลน์ลลิตทั้งสวย ทั้งรวย ทั้งสงสัย...ทำไมต้องเจอเรื่องบ้าๆอย่างนี้ด้วย” หล่อนเงยหน้า มองหาคนสาป “ยายป้าบ้า เธออยู่ไหนฉันทำผิด ตรงไหน มาสาปฉันทำไม” บิวตี้ตะเบ็งเสียงอย่างแค้นเคือง “ยัยแม่มดใจร้าย”
บิวตี้ฟุบหน้าลงกับเข่าด้วยความท้อแท้
ทว่าเมื่อมองจากมุมสูงลงมา จะเห็นเป็นนกหงส์หยกยืนงงๆ อยู่บนฟุตบาธอย่างเดียวดาย
ธีภพ ภาวินี ธนา อยู่บ้านแล้ว ธนาปรารภขึ้น
“น่าสงสารหนูบิวตี้ ถ้าบวรมันมองลงมาเห็น มันคงโกรธที่ชั้นช่วยอะไรลูกของ เพื่อนรักไม่ได้”
“ที่จริงมันก็แค่อุบัติเหตุเล็กๆ แต่พอมาเกิดในงานที่มีคนดูเยอะแบบนี้ แกก็คงจะขายหน้ามาก”
“เรื่องของเรื่องมันก็เป็นเพราะ หนูบิวตี้แกชอบทำตัวเย่อหยิ่งเป็นเจ้าหญิงแบบนั้น พอทำอะไรพลาดไปนิดเดียวก็มีแต่คนหัวเราะเยาะ...ธี ชวนหนูบิวตี้มาทำงานที่บริษัทเราดีกว่า ยังไงน้องเค้าก็เป็นประธานบริษัทร่วมกับแกเหมือนๆ กับที่พ่อเคยเป็นประธานร่วมกับพ่อของเค้าเมื่อก่อน”
ธีภพค่อนขอด ท่าทีหมั่นไส้ “โอ๊ย อากรชวนเค้าเป็นล้านครั้งแล้วครับพ่อ แต่ยายนั่นไม่ใส่ใจ คนแบบนั้นน่ะทำอะไรไม่เป็นหรอกครับ ให้อยู่เฉยๆเป็นประธานร่วมแต่ในนาม คอยรับเงินปันผลแบบทุกวันนี้ก็ดีแล้ว ขืนเข้ามาบริษัทป่วนแน่”
ธนาบ่น “เฮ้อ...เสียดายความสามารถแกจบดีไซเนอร์จากอังกฤษเลยนะ บวรเองก็เคยหวังให้ลูกสาวคนเดียวมาพัฒนาบริษัทแทนตัวเอง”
ธีภพทำหน้าเบะอย่างดูถูก
“เลิกโกรธน้องเขาได้แล้วธี เรื่องสมัยเด็กๆ มันก็ผ่านมานานมากแล้วนะ”
โดนมารดาจี้จุดธี ภพจี๊ด “ผมไม่ได้โกรธครับแม่ แต่ไม่อยากให้คนนิสัยเสียแบบนั้นมายุ่งกับบริษัท มันจะพากันวุ่นวายกันไปใหญ่”
ภาวินีมองโลกสวย “น้องเขาอาจจะเปลี่ยนไปแล้วก็ได้นะลูก...เราก็ไม่ได้ เจอกับเค้ามานานแล้วนะ”
“แม่ไม่เห็นในงานเหรอครับ คนแบบนั้นไม่มีทางเปลี่ยนหรอก แล้วอีกอย่าง...ที่เราไม่เจอเค้าทั้งที่อยู่ใกล้กันแค่นี้ ก็เพราะเค้าเองไม่ใช่เหรอ...เค้าไม่สนใจที่จะคบหากับใครทั้งนั้น” ผู้เป็นลูกชายลุกขึ้นยืน “บอกตรงๆน่ะครับแม่....ผมไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ไหน งี่เง่า สมองกลวงแถมยังไร้สาระขนาดนี้มาก่อน เลยใจชีวิต...อย่าให้เค้ามายุ่งกับผมเลยครับ...ผมขอร้อง”
ธีภพเดินออกไปทางบ้านตัวเอง ธนากับภาวินีพูดไม่ออก อึ้งๆ
ทางด้านนกบิวตี้บินเข้ามาในบ้าน โผลงที่ประตูหน้าบ้าน บิวตี้คนหมดแรงพิงประตู หอบฮัก ด้วยความเหนื่อยที่บินมาไกล
“โอยเหนื่อย” บิวตี้พยายามเอามือตบประตู แต่กลับทำได้แค่ลูบด้วยแรงนก “เปิดประตู เปิดประตูด้วย”
เสียงบิวตี้กลายเป็นเสียงนก
ส่วนด้านในยามที่กำลังสัปปะหงก สะดุ้งเฮือก ผวาลุกพรวดพราด
“เสียงนก! ไปนะ ไปให้พ้น” ยามคว้าไม้ไล่นกออกมาเปิดประตู บิวตี้ที่อุตส่าห์ดีใจเมื่อเห็นประตูเปิดออก แต่ยามกลับไล่ตี ต้องบินหนีเตลิด มียามไล่ไปทางโน้นที ทางนี้ที แต่ก็บินเข้าประตูมาจนได้ ตกใจตาเหลือกอยู่
บิวตี้มองผ่านหน้าต่างเข้าไปเห็นพรกับป้าจันนั่งหาว รอบิวตี้กลับนั่นเอง
“นี่ก็ดึกมากแล้ว ทำไมคุณหนูยังไม่กลับอีกนะ”
“ลองโทร.ถามคุณเลขาดีมั้ยคะ”
พรลุกไปหยิบโทรศัพท์ข้างหน้าต่าง
บิวตี้พยายามเคาะกระจก “เปิด ด้วย บอกให้เปิด เปิดซี้”
แต่ที่คนอื่นเห็นคือ บิวตี้นกบินชนกระจกหน้าต่างอย่างแรง จนงง หงายผลึ่งลงไปบนพื้น
พรได้ยินเสียงแก๊ก ที่หน้าต่างเหมือนมีกรวดลอยมาโดน พอเดินมาดูแต่ไม่เห็นอะไร จึงเดินไปโทร.หาเลขา
บิวตี้ทรุดตัวอยู่ใต้หน้าต่าง กุมหัวที่โหม่งกระจก ทั้งเจ็บ ทั้งเหนื่อย เริ่มหงุดหงิด
“โอย... อุตส่าห์มาถึงแล้ว เข้าบ้านก็ไม่ได้ ฮึ่ย บ้า” นึกบางอย่างได้ “มันต้องเป็นฝันร้ายแน่ๆ ตื่นสิ ลัลน์ลลิต ตื่นได้แล้ว ตื่นๆ” ตบหน้าตัวเองแรงๆ “โอ๊ย เจ็บ” ถีบขาอย่างขัดใจ “ไม่จริง มันต้องไม่จริง”
พอหันไปด้านหลัง ก็พบยามยืนแสยะยิ้มแล้วเอาสวิงเหวี่ยงลงมาอย่างแรง บิวตี้หลบได้หวุดหวิดแล้วบินหนี ยามวิ่งตามมา
บิวตี้นก บินวนหาทางเข้ารอบๆ บ้าน จน วนกลับมาที่หน้าบ้านอีกครั้ง
บิวตี้ทรุดนั่งด้วยความเหนื่อย ท้อแท้ ตะเบ็งเสียง “ยัยแม่มด อยู่ไหน เลิกอิจฉาฉันเสียที ออกมานะ ถอนคำสาปเดี๋ยวนี้”
รอบกายเงียบสงัด บิวตี้เริ่มหวาดหวั่น
“ฉันต้องเป็นไอ้ตัวน่าเกลียดนี่ไปถึงเมื่อไหร่ จะแก้คำสาปได้ยังไงทำไมไม่บอก” บิวตี้ตะโกนอย่างแค้นคลั่ง “ฉันไม่ยอมหรอก ฉันทำผิดอะไร บอกมาซิ บอกมา”
มีแสงไฟจากหน้ารถสาดเข้ามา บิวตี้ชะงัก มองอย่างมีความหวัง รถเคลื่อนมาจอดในโรงรถ เลขา ช่างหน้า ช่างผม ช่างภาพ ลงมา
เลขาคุยโทรศัพท์อยู่กับพร “ไม่รู้เหมือนกันว่าหายไปไหน จะไปไหนก็ไม่บอก นี่ฉันอยู่หน้าบ้านนี่แหละ”
บิวตี้ชะเง้อมอง สีหน้าดีใจ “มากันแล้ว” ส่งเสียงดุคิดว่าตัวเองเป็นคน “ทำไมกลับช้านัก”
เลขา ช่างหน้า ช่างผม ช่างภาพ ไม่สังเกตเห็นนกบิวตี้ พรเปิดประตูรับ ป้าจันตามมาถามทันที
“คุณบิวตี้ล่ะคะ”
“คุณบิวตี้ไม่ได้โทร.กลับมาเลยเหรอ” เลขาถามกลับ
“ไม่ค่ะ” พรว่า
ป้าจันกังวลหนัก “คุณบิวตี้หายไปได้ยังไง พวกคุณไม่ดูแลเธอเลยเหรอคะ”
เลขาเหน็บ “แหมป้า พวกเราไม่ใช่แม่เขานะ ทำยังกะไม่เคยกลับดึก กลับสว่างงั้นแหละ”
ช่างภาพบอก “สงสัยคงจะไปเที่ยวลั้นลาตามเคย แบบนี้ไม่กลับง่ายๆหรอก ป้าจันจ๋ามีอะไรให้พวกเรากินก่อนกลับบ้านมั้ยจ๊ะ”
ป้าจันค้อนโกรธๆ แล้วเดินนำเข้าบ้านไป
“รายงานคุณกรก่อนดีกว่า แต่เอ๊ะ ไม่ใช่ว่ากลับมาแล้วแต่พวกเธอไม่รู้หรอกนะ”
ทุกคนเห็นด้วยกับเลขา นกบิวตี้ได้ทีเห็นประตูเปิดบินตามเข้าไป โดยไม่มีใครสังเกต เลขาเอาโทรศัพท์มากด คนอื่นๆ เดินเข้าบ้านด้านในครัว เลขาตามไป
พักตร์พิมล เปลี่ยนชุดแล้ว ใส่แว่นตาหนาเตอะ นั่งทำงานอยู่ในห้องโถง กรเทพพูดโทรศัพท์กับเลขาบิวตี้ ขณะเดินเข้ามาในห้อง
“ลองเข้าไปดูในห้องนอนนะ เผื่อเค้าจะแอบกลับมาเงียบๆ แล้วไม่ว่ายังไงคุณก็เฝ้าโทรศัพท์ไว้นะ ทั้งโทรศัพท์ที่บ้านแล้วก็มือถือ ถ้าคุณบิวตี้โทรหรือกลับมาตอนไหนก็ให้รีบบอกผมทันทีไม่ว่าจะดึกขนาดไหน” กรเทพกดวางสาย เห็นพักตร์พิมล “อ้าว ยังไม่นอนอีกหรือลูก”
“ดูข่าวค่ะ” หญิงสาวยิ้มเยาะ “เผื่อจะมีข่าวด่วนเรื่องหลานรักพ่อตกเวที” พักตร์พิมลหัวเราะขำ “ทำเป็นเชิดๆ เริดๆ แต่ตอนหัวทิ่มลงมาจากเวทีนี่ดูไม่ได้เลย”
กรเทพดุ “แกควรจะเห็นใจ มากกว่าไปหัวเราะเยาะ บิวตี้เขาเป็นน้องสาวของแกนะ”
พักตร์พิมลไม่แคร์ “ไม่ได้คลอดจากท้องพ่อท้องแม่เดียวกันซะหน่อย”
กรเทพโกรธ “แต่คุณลุงบวร กับพ่อเป็นพี่น้องกันแท้ๆ นะ แพ็ต”
“ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไมไม่ทำพินัยกรรมให้พ่อเป็นประธานบริษัทล่ะคะ แทนที่จะเป็นยายเด็กปัญญาอ่อนนั้นเป็นประธานร่วมกับพี่ธี”
กรเทพนิ่งขึงไปแล้วตอบเสียงขรึมๆ “บริษัทเป็นของลุงเขา ไม่ใช่ของพ่อ”
“ทั้งๆ ที่พ่อทุ่มเททำงานจนไม่เคยมีเวลาเป็นของตัวเองงั้นหรือคะ ไม่ยุติธรรมเลย”
“ถ้าอยากยุติธรรมแก ก็ต้องตั้งบริษัทเอง จะได้ทำอะไรตามใจชอบ”
กรเทพพูดโดยตั้งใจทิ้งความหมายให้มี 2 นัย เหมือนว่าอยากตั้งบริษัทเอง แต่จริงๆ แล้วคือประชดลูกสาว
“ค่ะ ซักวันนึงแพ็ตจะทำให้ได้ และจะไม่เหลวไหล เป็นประธานแต่ชื่อ อย่างยัยบิวตี้ด้วย” พักตร์พิมลลุกเดินกระแทกออกไปอย่างฉุนเฉียว
กรเทพส่ายหน้าระอาใจ
ขอขอบคุณ เว็บผู้จัดการออนไลน์ : )