เรื่องเต็มเล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 13/2 วันจันทร์ที่ 19/05/2557




อีกฟากหนึ่ง นักธุรกิจด้านเสื้อผ้าแฟชั่น 5-6 คน มาร่วมประชุมเรื่องการจัดงาน ไทยแลนด์แฟชั่นวีค 2014 ที่ห้องประชุมโรงแรมฟอลคอน ธีภพฟังออแกนไนซ์ อธิบายเรื่องโครงการอย่างตั้งใจ
       
       เจตน์ชาญเหลือบมองธีภพหยั่งท่าที ธีภพหันมาเจอสายตานั้นแต่ไม่ได้สนใจ หันกลับไปตั้งใจฟังต่อ
       Powerpoint บนจอ มีคำว่า Thailand Fashion Week 2014 ความร่วมมือจากผู้ประกอบการ
       “เราจะขอความร่วมมือจากท่านผู้ประกอบการ ให้จัดแฟชั่นโชว์มาร่วมงานใน ธีม เจิดจรัสพัสตราภรณ์ไทย” ผู้จัดกล่าวอย่างภาคภูมิ
       Powerpoint ขึ้นคำว่า Haute Gouture เจิดจรัสพัสตราภรณ์ไทย
       ธีภพและผู้ประกอบการ บันทึกข้อความด้วย เครื่องมือสื่อสารต่างๆ กัน
       
       ประชุมเสร็จแล้ว นักธุรกิจทยอยกันออกมา ธีภพออกมาจากห้อง เจอเจตน์ชาญยืนกดโทรศัพท์อยู่หน้าห้องก้มหัวทัก
       “สวัสดีครับ เมื่อกี๊ผมเข้าประชุมช้าเลยไม่ได้ทักทาย”
       “ครับ ช่วงเตรียมงานคงต้องเจอกันอีกหลายครั้ง”
       “ทีมงานของธนบวรพร้อม คงไม่มีปัญหาอะไร ทางผมคงต้องทำงานกันหนักหน่อย”
       “คงไม่มีใครหนักกว่าใครหรอกครับ ผมว่าการรักษาชื่อเสียงก็ยากพอๆ กับการสร้างชื่อเสียง อาจจะยากกว่าด้วยซ้ำ ขอตัวก่อนนะครับ”
       ธีภพเดินไปที่จอดรถ
       เจตน์ชาญมองตาม รู้สึกเคืองเหมือนโดนธีภพสบประมาท อยากเอาชนะ กดโทรศัพท์ถึงบิวตี้
       “คุณบิวตี้ครับ เย็นนี้ให้ผมไปรับได้ไหมครับ”
       
       ขณะที่อรวิภาแต่งช่อดอกไม้อยู่ ธีภพเข้ามาในร้าน หยุดมอง อดรู้สึกอ่อนหวานเอ็นดูไม่ได้
       อรวิภาเงยหน้าขึ้นเจอสายตาอ่อนโยนของธีภพ ก็ทั้งเขิน ทั้งดีใจ “พี่ธี มาไม่บอกกันเลย เชิญค่ะ ทานขนมอะไรดีคะ” สาวโลกสวยจะลุกไปหยิบ
       “ไม่เป็นไรครับ น้องอรจัดดอกไม้ต่อเถอะ”
       อรวิภาเขินจัด “ไม่เป็นไรค่ะ” จังหวะที่ลุกขึ้น มือไปปัดโดนแจกันล้ม
       ธีภพปราดเข้ามาประคองแจกัน แต่ไม่ทัน แจกันตกแตกแล้ว อรกุมมือ แจกันบาด ธีภพกุมมือไว้ รีบหาพลาสเตอร์มาพันแผลให้ เครือวรรณ ซื้อของกลับมา มีพนักงานถือถุงหลายใบตามมา
       “น้องอร หม่ามี๊...” มองไปเห็นสองคนใกล้ชิดกันแอบดีใจ “อุ๊ย”
       “ไม่เป็นไรมากค่ะ ขอบคุณนะคะพี่ธี”
       ธีภพผละออกมา อรวิภาเห็นแม่ “หม่ามี๊”
       “เป็นอะไรคะลูก”
       “น้องอรทำแจกันแตกค่ะ บาดนิ้วนิดหน่อย พี่ธีทำแผลให้”
       ธีภพไหว้ทักเครือวรรณ “ผมมาประชุมที่โรงแรมครับ เลยแวะมาทักทายน้องอร”
       “อ๋อ ดีเลยค่ะ tea time พอดี เชิญทานน้ำชาด้วยกันนะคะ” เครือวรรณเชื้อชวน
       “ขอบคุณครับ”
       “น้องอรจัดให้เองค่ะ” อรวิภากุลีกุจอไปจัดการ
       ธีภพมองตามอรอย่างชื่นชม เสียงนาฬิกาคุกคู ในร้านดังขึ้นเป็นเวลา สี่โมงเย็น
       ธีภพได้สตินึกได้ว่าต้องรับบิวตี้ ดูนาฬิกาพลางบอก “ขอโทษครับ ผมเกือบลืม คือผมมีนัดที่บริษัทต้องรีบกลับไปครับ”
       “แหม เสียดาย โทร.ไปเลื่อนไม่ได้หรือคะ” เครือวรรณว่า
       “คงต้องขอตัวครับ ต้องขอโทษน้องอรด้วยนะครับ” ชายหนุ่มเดินออกไป
       เครือวรรณมองตามแล้วถอนใจ
       อรวิภาออกมา มือถือถาดใส่ขนม มองหาธีภพ “อ้าว พี่ธีล่ะคะ”
       เครือวรรณเบื่อแทน “เขาว่ามีนัดที่บริษัทน่ะ”
       อรวิภาผิดหวัง จะร้องไห้ วิ่งเข้าไปร้องไห้ด้านหลัง
       
       อรวิภาร้องไห้อยู่หลังร้าน น้อยใจที่ธีภพกลับไปก่อน เครือวรรณเข้ามาในมือถือโทรศัพท์ของอรวิภาที่กำลังมีสายเข้า
       เครือวรรณทำหน้าเบื่อนิดๆ “คุณธี โทร.มา จะรับไหมจ๊ะ”
       อรวิภารีบเช็ดน้ำตา รับสาย ทำเสียงเป็นปกติ แต่น้ำเสียงฟังดูหมางเมิน “คะพี่ธี... ไม่เป็นไรค่ะน้องอรรู้ว่าพี่ธีงานยุ่ง”
       เครือวรรณแอบค้อนควักลูก
       อรวิภาอ้อน “แล้วพรุ่งนี้พี่ธีว่างมั้ยล่ะคะ”
       เครือวรรณขึงตาใส่ลูกสาว แล้วส่ายหน้าไม่ให้พูด
       “ก็พรุ่งนี้เป็นวันดินเนอร์โต๊ะแชร์ของกลุ่มป่าป๊า กับคุณลุงธนาไงคะ ถ้าพี่ธีไปน้องอรจะได้มีเพื่อนคุย” อรวิภาฟัง อย่างดีใจ “ได้เหรอคะ งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะคะ” สาวโลกสวยกดวางสาย ท่าทีร่าเริงดีใจมาก “พรุ่งนี้พี่ธีจะไปดินเนอร์โต๊ะแชร์ด้วยค่ะหม่ามี๊”
       “เพิ่งร้องไห้อยู่หยกๆ แค่เขาโทรมาละยิ้มแป้นเชียว”
       “ก็น้องอรคิดว่าพี่ธีไม่อยากคุยกับน้องอรแล้วนี่คะ”
       “ไม่มีผู้ชายคนไหนไม่อยากคุยกับน้องอรหรอกค่ะ จำไว้ เราสวย รวย เลือกได้” เครือวรรณเชิดหน้า
       
       บ่ายคล้อย จวนเย็น ศรีนวลกับส้มเช้งตัดผ้า บิวตี้วางผ้าเตรียมตัด
       “วางใช้ได้ไหมป้า”
       “ดีค่ะ คุณหนู เป็นไว มากเลย” ศรีนวลชม
       “ก็ฉันเรียนมานี่ ถึงจะไม่เคยตัดมากขนาดนี้ แต่ก็เคยทำ”
       ส้มเช้งชมบ้าง “คุณบิวตี้เก่งจัง ไม่เห็นเป็นอย่างที่เขาพูดกันเลยค่ะ”
       ศรีนวลปราม “ส้มเช้ง”
       บิวตี้สนใจ “เขาพูดกันว่าไง”
       ส้มเช้งคราง “อุ่ย แหะ แหะ อย่าไปสนใจเลยค่ะ พวกปากหอยปากปูก็พูดไปเรื่อย”
       บิวตี้เสียงเข้ม “เขาพูดว่าไง”
       ศรีนวลหน็บส้มเช้ง “สม อยากปากมากดีนัก”
       “พูดแล้วอย่าโกรธส้มเช้งนะคะ สมเช้งไม่ได้เป็นคนพูด”
       “บอกมา”
       “เขาว่ากันว่าคุณบิวตี้ ทำอะไรไม่เป็น หยิบโหย่ง เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ”
       บิวตี้เงียบไป
       ส้มเช้งตกใจไหว้บิวตี้ “ส้มเช้งขอโทษค่ะ”
       “ช่างเถอะ” บิวตี้ยักไหล่ “ฉันก็เป็นของฉันแบบเนี้ย คนอย่างฉันไม่จำเป็นต้องทำงาน”
       เสียงออดเลิกงานดังขึ้น
       “ไปล่ะ อ้อ ช่วยไปบอกคุณธีภพด้วยว่าเย็นนี้ฉันไม่กลับด้วยนะ”
       บิวตี้ออกไปเลย โดยไม่เอากระเป๋าไปด้วย ศรีนวลกับส้มเช้งมองตามถอนใจโล่งอก
       
       ธีภพรีบเข้ามาในห้องทำงาน ดูนาฬิกาบอกเวลาเลิกงาน เลขาเข้ามารายงาน
       “เมื่อกลางวันคุณลัลน์ลลิตมาพบค่ะ เห็นว่าจะมาพบอีกทีเมื่อท่านกลับเข้ามาค่ะ แต่เมื่อสักครู่นี้ ทางแผนกตัดแจ้งมาว่า คุณลัลลลิตฝากบอกท่านว่าวันนี้จะกลับเองค่ะ”
       ธีภพโกรธโดยไม่มีเหตุผลบ่นงึม “อุตส่าห์รีบกลับมา” แล้วรีบออกไป
       ต่อมาไม่นานธีภพเดินเข้ามาหน้าโรงงานเพื่อมาพบบิวตี้ เห็นบิวตี้กำลังขึ้นรถไปกับเจตน์ชาญ ก็โมโห และหงุดหงิด
       รถเจตน์ชาญแล่นมาตามถนน พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน มั่นใจว่าคงกลับบ้านไม่ทันบิวตี้มองหาสถานที่เหมาะๆ สำหรับกลายร่าง ไม่พูดไม่จา
       “วันนี้ผมไปประชุมงาน Thailand Fashion Week เจอคุณธีภพ”
       บิวตี้ไม่สนใจ มองหาที่ลง
       เจตน์ชาญเหลือบตามองบิวตี้อย่างสงสัยพยายามชวนคุย
       “นึกออกหรือยังครับว่าจะทานข้าวกันที่ไหนดี”
       แลเห็นห้างใหญ่อยู่ข้างหน้า บิวตี้ชี้ทันที “นั่นเลย ที่ห้างนั่น จอดเลยค่ะ”
       เจตน์ชาญแปลกใจ “ไปหาร้านสวยๆคุยกันดีไหมครับ ผมรู้จักร้านแถวนี้อยู่สองสามร้าน”
       บิวตี้สั่งเข้ม “ไม่ จอดที่นี่”
       เจตน์ชาญงง เลี้ยวเข้าไปจอดในที่จอดรถ
       “ขอบคุณมากที่มาส่ง ไม่ต้องรอนะคะ” บิวตี้ลงจากรถปิดประตูปัง
       เจตน์ชาญงง “คุณบิวตี้”
       วันนี้บิวตี้เตรียมแผนมาดีไม่ถือกระเป๋าใดๆ เร่งฝีเท้าเดินเข้าประตูห้างไป เจตน์ชาญตามลงมา
       
       ห้างกว้างใหญ่ บิวตี้รีบเดินมองหาห้องน้ำ เจตน์ชาญตามมามองหา
       เจตน์ชาญโทร.หาบิวตี้ แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับ เพราะบิวตี้เก็บกระเป๋าไว้ที่โรงงาน
       พอมองไปเห็นหลังบิวตี้อยู่ลิบๆ เจตน์ชาญรีบรุดเดินตาม บิวตี้เข้าห้องน้ำหญิง เจตน์ชาญหยุดรอ
       
       พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว
       ห้องหญิงน้ำเงียบกริบ ไม่มีคน นกบิวตี้บินออกมาจากห้องน้ำด้านใน
       บิวตี้คนเดินผ่านเจตน์ชาญที่รอบิวตี้อยู่อย่างใจเย็น
       “โธ่เอ๊ยบอกว่าไม่ต้องรอๆ จะตามมาทำไมนะ รู้งี้มารถแท็กซี่ดีกว่า เฮ้อ ช่วยไม่ได้”
       บิวตี้คนเดินหนี นกบิวตี้บินห่างจากเจตน์ชาญไป
       เจตน์ชาญดูนาฬิกา แล้วเดินผ่านห้องน้ำหญิง พบว่ามีทางออกอีกด้าน เชื่อว่าบิวตี้ไปทางอื่นแล้ว
       เจตน์ชาญเดินกลับไปทางหน้าห้าง
       
       ริมถนนบางนาตราดตอนกลางคืน นกบิวตี้บินมา เห็นป้ายถนนบางนาตราด บิวตี้คนหยุดที่ต้นไม้ริมทาง
       “กิโล 15” บิวตี้มองหา “กิโล 15 แล้วนี่มันกิโลเท่าไหร่แล้ว” บิวตี้ยกมือไหว้ “เพี้ยงขอให้หาเจอทีเถอะ”
       นางฟ้าลลิตาในแสงสีทองปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
       บิวตี้ดีใจ อบอุ่นใจอย่างประหลาด “ใครนะ ...ใคร” พร้อมกับจะเอื้อมมือไปจับ
       แสงสีทองเคลื่อนหนี บิวตี้คนเดินตาม แสงสีทองเคลื่อนสูงขึ้น นกบิวตี้บินตามแสงสีทองไป
       นกบิวตี้บินตามแสงสีทองเข้ามาที่หน้าบริษัทใหม่ บิวตี้คนหยุดยืนหน้าโรงงาน แสงสีทองลอยสูงขึ้นแล้วหยุดเหมือนอำลา
       บิวตี้คนยกแขนขึ้นไขว่าคว้า “อยู่กับฉันก่อน อย่าเพิ่งไป”
       แสงสีทองลอยนิ่งอยู่เหมือนอาวรณ์ แล้วพุ่งทะยานสูงขึ้น หายวับไป
       “กลับมาก่อน”
       ทุกอย่างเงียบสงบ ได้ยินเสียงเครื่องจักรแว่วๆ บิวตี้ดูรอบตัว เห็นเป็นโรงงานใหม่ ดูทันสมัยรอบบริเวณสวยงาม มีคนงานกะกลางคืนทำงานอยู่
       บิวตี้คนมองไปรอบๆ ด้วยความตกใจและแค้นใจ น้ำตาไหลออกมาด้วยความเสียใจ
       “อาจะเป็นคู่แข่งของธนบวรจริงเหรอ อาทำแบบนี้ได้ยังไง คนทรยศ”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่