เช้านี้ ธีภพพาบิวตี้ มาที่แผนกตัดผ้าของธนบวร หัวหน้าแผนกมาต้อนรับ ธีภพพาบิวตี้ไปดูด้วย
ส้มเช้ง พนักงานฝีมือดีของแผนกกำลังใช้เครื่องมือตัดผ้าอยู่ บิวตี้ดูหวั่นๆ กลัวอันตราย
บิวตี้หยุดเดิน กระซิบถามกับธีภพ “จะให้ฉันฝึกงานอันตรายแบบนี้ ถ้าตัดนิ้วฉันขาดไปจะว่ายังไง”
“เขายังไม่ให้คนฝึกงานตัดง่ายๆ หรอกน่า”
หัวหน้าบอกกับธีภพ “ให้ฝึกงานกับ นวลจันทร์แล้วกันนะคะเขาชำนาญที่สุด”
ส้มเช้ง หรือ นวลจันทร์ มีสีหน้าเบื่อหน่าย จำใจไหว้ธีภพ และหัวหน้า มองสำรวจบิวตี้
ธีภพบอกกับหัวหน้า “วันนี้ให้สังเกตการณ์ไปก่อน ช่วยจัดเครื่องแบบให้ด้วย”
“ค่ะ”
ธีภพออกไป
“ฝากด้วยนะส้มเช้ง”
ส้มเช้งมีสีหน้าเบื่อ ดูออกว่าไม่เต็มใจ “ให้คนอื่นไม่ได้หรือคะ”
“เอาน่า ท่านประธานอุตส่าห์มาฝากเอง”
หัวหน้าออกไป
“ชื่ออะไรน่ะเรา” ส้มเช้งถาม
“สวย” บิวตี้บอก
“เคยตัดผ้ามั้ย”
“เคยตัดทีละตัว ไม่มากแบบนี้”
“เฮ้อ งั้นก็อีกนาน ยืนดูไป ระวังตัวให้ดีด้วย” ส้มเช้งทำเสียงเหี้ยม “เผลอเมื่อไหร่ ได้เลือดแน่”
ส้มเช้งตัดผ้า บิวตี้หวาดหวั่น มองอย่างเสียวไส้
พักเที่ยง หนุ่มสาวฉันทนา แผนกตัดผ้า รวมตัวกันอยู่ที่เพิงอาหารตามสั่งใกล้โรงงาน
บิวตี้ตามส้มเช้งมาที่เพิงอาหารตามสั่งนี้
ส้มเช้งร้องสั่งห้วนๆ อย่างรู้กัน “กะเพราไก่”
บิวตี้มองสภาพร้านอย่างรังเกียจ ฝืนใจสั่ง “ข้าวไข่เจียว ลวกจาน ลวกช้อนใหม่ด้วยนะ”
แม่ค้าฉุนกึกสวนกลับทันที “มีแบบเนี้ย กินไม่ได้อย่ากิน”
บิวตี้เจอคนจริง ต้องจำยอมสงบปาก นั่งข้างๆ ส้มเช้งที่นั่งเงียบหน้าบึ้งตลอดเวลา
บิวตี้พยายามชวนคุย “เธอ เอ่อ ส้มเช้ง ทำไมไม่ไปกินข้าวที่โรงอาหารล่ะ”
“กินๆ ไปเหอะ ไม่ต้องถาม เสียเวลา” ส้มเช้งตัดบทอย่างรำคาญ
บิวตี้ชักฉุน “คนแถวนี้ทำไมหงุดหงิดกันจัง ถามจริงเธอโกรธฉันเรื่องอะไร ฉันไปทำอะไรให้”
ส้มเช้งโกรธ “ก็ทำให้เสียเวลาไง แทนที่จะได้งานเพิ่มก็ไม่ได้”
บิวตี้โกรธ “เห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า ฝึกงานให้ฉันก็เป็นหน้าที่เหมือนกันนะ”
ส้มเช้งโกรธเสียงดังใส่ “แต่ฉันต้องหาเงินไปให้แม่รักษาน้อง ถ้ามัวเสียเวลาแบบเนี้ยจะไปเอาเงินที่ไหน”
ทุกคนในเพิงหันมามองส้มเช้งกับบิวตี้
บิวตี้หน้าสลด หดหู่ใจ “ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
ส้มเช้ง ท่าทีอ่อนลงเมื่อเห็นบิวตี้เสียใจ “ช่างเถอะ ฉันเองก็ไม่ดีที่ไปหัวเสียใส่คนไม่รู้เรื่องอย่างเธอ”
บิวตี้มองส้มเช้งอย่างเห็นใจ
ด้านปีวรามารายงานข่าวคืบหน้าของบิวตี้ให้พักตร์พิมลฟัง โดยนัดเจอกันที่ร้านอาหารใกล้โรงงาน กระตั้วตามมาเป็นติ่ง ตามเคย
“พวกที่แผนกตัดเขาบอกว่าเห็นท่านประธานไปที่แผนกค่ะ มีพนักงานใหม่ไปด้วย”
พักตร์พิมลมั่นใจ “ยัยบิวตี้ แน่ๆ”
“ข้อมูลของตั้วละเอียดกว่าค่ะ” กระตั้วเลื่อนโทรศัพท์ดูข้อความ “แก๊งสับปะรดรายงานด่วนมาว่า พนักงานฝึกงานที่เคยอยู่แผนกโกดังไปกินข้าวกับพนักงานตัดผ้าที่ชื่อ ส้มเช้ง”
พักตร์พิมลมีสีหน้าดุดัน ตาเป็นประกาย เจ็บแค้นใจ “ทำเป็นยอมลดตัวลงคบพนักงานเหรอ ฉันไม่เชื่อหรอก ยัยบิวตี้มันก็แค่เล่นละคร คนคนเนี้ยไม่เคยคิดถึงคนอื่นนอกจากตัวเอง”
กระตั้วสอพลอ พลอยพยัก “ร้ายนะคะ ถ้าได้ขึ้นเป็นประธาน พวกเราตายยกเข่งแน่”
ปีวรานึกตาม มีสีหน้าหวาดหวั่น “น่ากลัวจัง”
“ฉันถึงต้องรีบสกัดไง ถ้าพวกเธอไม่ช่วยก็ระวังตัวไว้เถอะ”
กระตั้วทำหน้าจริงจัง ตัดสินใจเด็ดขาด “ค่ะ ถอยไม่ได้แล้ว ต้องเดินหน้าอย่างเดียว”
บิวตี้กับส้มเช้งกลับจากกินข้าว กำลังกลับแผนก เจอศรีนวลที่มาดักรอส้มเช้ง
บิวตี้ดีใจ เข้าไปหา “ป้านวล สบายดีหรือคะ”
“อ้าวสวย ย้ายมาอยู่นี่เอง ส้มเช้ง แม่ลาครึ่งวันไปเฝ้าน้องนะ คืนนี้ไม่กลับ”
“จ้ะแม่”
บิวตี้แปลกใจ “ป้านวลเป็นแม่ของส้มเช้งเหรอ”
“ใช่จ้ะ สวยฝึกงานกับส้มเช้งใช่ไหม ฝากด้วยนะส้มเช้ง สวยนี่แหละที่ช่วยแม่ตอนมีเรื่องหนก่อน” ศรีนวลบอกลูกสาว
“ป้าต่างหากที่ช่วยฉัน”
“เอาละๆ ใครช่วยใครก็ช่างเถอะ แต่ป้าต้องรีบไปดูเจ้าคนเล็กก่อนนะ ไปล่ะ”
“เดี๋ยวแม่” ส้มเช้งหยิบเงินส่งให้ศรีนวล “เอาให้ไปแค่นี้ก่อนนะ พรุ่งนี้ค่างวดออกหนูจะให้อีก”
ศรีนวลออกไป
“น้องของส้มเช้งเป็นโรคอะไรเหรอ” บิวตี้ถาม
“โรคไต ต้องฟอกไตประจำ เงินเดือนได้มาก็ไม่เคยพอใช้เลย”
บิวตี้มองตามศรีนวลที่เดินไป และหันมามองส้มเช้งอย่างเห็นใจ
บิวตี้มาหาธีภพที่ห้องทำงาน ก่อนเวลาเลิกงาน ถามเลขา ท่าทีดูให้เพื่อนเกียรติมนุษย์ ไม่กร่างอย่างแต่ก่อน
“คุณธีภพว่างหรือเปล่า”
เลขาแปลกใจท่าทีนั้น “ว่างค่ะ” พลางจะเปิดประตู
ธีภพเปิดประตูออกมาพอดี “มีธุระอะไร”
“ป้าศรีนวล พนักงานอาวุโสกำลังมีปัญหา บริษัทช่วยอะไรเขาได้ไหม”
ธีภพมองบิวตี้อย่างทึ่งๆ “เก่งนี่รู้ปัญหาของคนงานด้วย ว่ามาซิ”
“ป้าศรีนวลกับลูกสาวส้มเช้ง ที่อยู่แผนกตัด ต้องทำงานเลี้ยงครอบครัว แต่รายได้ไม่พอ เพราะมีลูกที่ป่วยต้องฟอกไต อีกคนก็มอเตอร์ไซค์คว่ำ”
ธีหันมาทางเลขา “ขอดูประวัติ ป้าศรีนวลจากHR ให้ด้วย”
“บริษัทเรามีค่ารักษาพยาบาลหรืออะไรช่วยได้บ้างไหม”
“ต้องดูประวัติและความเหมาะสมก่อน”
“รีบตัดสินใจเลยสิ นี่มันเรื่องด่วนนะ”
“พนักงานเราไม่ได้มีแค่คนเดียว ถ้าทำทุกอย่างตามใจจะวุ่นวาย เรามีหลักเกณฑ์อยู่แล้ว”
“หลักเกณฑ์ๆ ป้าแกลำบากมาตั้งนานแล้ว ทำไมไม่ช่วย กฎบอกว่าพนักงานมีความสุข งานก็จะออกมาดี ไม่ใช่เหรอ”
ธีภพจ้องบิวตี้ดุๆ บิ้วตี้สู้สายตาไม่ลดละ
ณ แดนสรวง นางฟ้าลลิตาเพ่งมองมาตรวัดความดี ที่มีเส้นทองเพิ่มขึ้นมาบางๆ อย่างแปลกใจ
“ลัลน์ลลิตกล่าวถูกต้อง และคิดถึงผู้อื่น แต่เหตุใดความดีจึงขึ้นมาเพียงน้อยนิด”
ปรมะเทวีพิจารณาอย่างครุ่นคิด “เพราะนางยังเลือกปฏิบัติ และมีความต้องการที่จะเอาชนะ เมื่อไม่ได้ดังใจก็มีความโกรธ เหล่านี้ล้วนบั่นทอนคุณความดี”
“หากกฎเกณฑ์เป็นไปอย่างเคร่งครัดถึงเพียงนี้ เกรงว่าลัลน์ลลิตจะหมดกำลังใจ เหมือนคนดีที่ทำดีแล้วไม่ได้ดี”
“หากทำดีแล้วหวังจะได้สิ่งใด นั่นย่อมมิใช่ความดีที่แท้”
นางฟ้าลลิตาค้อมศีรษะน้อมรับ “เทวีกล่าวถูกต้องแล้ว”
เย็นนั้น อรวิภาอยู่ที่ร้านดอกไม้และร้านกาแฟ ส่งช่อดอกไม้ให้ลูกค้ารายสุดท้ายของวัน อรวิภามองไปทางหน้าร้านอย่างเหงาๆ โดยไม่รู้ตัว
เครือวรรณดูนาฬิกา “น้องอร ปิดร้านเถอะลูก”
“อีกซักครึ่งชั่วโมงได้ไหมคะหม่ามี๊”
เครือวรรณถามยิ้มๆ อยากดูใจลูก “รอใครเหรอจ๊ะ”
อรวิภาตกใจแก้ตัว “เปล่านะคะ อรไม่ได้รอซักหน่อย ก็แค่สงสัย”
“สงสัยว่าทำไมวันนี้คุณเจตน์ไม่มาเหรอจ๊ะ อืม หม่ามี๊ก็สงสัยเหมือนกัน”
“น้องอรไม่ได้อยากให้เขามานะคะ ไม่มาก็ดี รำคาญ”
เสียงกระดิ่งที่ประตูดังเพราะมีคนเข้ามา เห็นเจตน์ชาญ ถือกระถางสวยน่ารักใส่ต้นไม้ออกดอกสีสวยมาด้วย
อรวิภาเผลอตื่นเต้น
เครือวรรณพึมพำขำๆ “อ้าว ไหนว่ารำคาญ”
“เมื่อวานตอนขากลับ เพื่อนชวนแวะไปที่ราชบุรีครับ” ชายหนุ่มส่งกระถางดอกไม้ให้
อรวิภาตื่นเต้นเพราะชอบดอกไม้ “อุ๊ย น่ารักจัง”
“ครับ เห็นแล้วทำให้นึกถึงน้องอร” เจตน์ชาญสบตาหวานซึ้ง
อรวิภาเผลอสบตา แล้วทำหน้าบึ้ง “แต่อร คงรับไม่ได้ขอบคุณนะคะ” พลางส่งกระถางดอกไม้คืนเจตน์ชาญแล้วเดินหนี
เจตน์ชาญมองตามอรวิภา ขำๆ สนุกทุกทีที่ได้แหย่หล่อนเล่น
“น้องอรเขาแพ้เกสรดอกไม้บางอย่างน่ะค่ะ เนี่ยคงคัดจมูก”
เจตน์ชาญยิ้มรู้ทัน “อ้อ เหรอ ครับ”
หลังกินข้าว ภาวินีดูทีวีอยู่ ธีภพดูประวัติศรีนวลในจอโน้ตบุ๊ก
ธนาเดินมานั่ง เห็นภาพศรีนวลในจอ “อ้อ พนักงานเก่าแก่ มีปัญหาอะไรหรือ”
“เปล่าครับ บิวตี้เขาเสนอให้ย้ายกลับไปอยู่แผนกตัด”
“บิวตี้ สนใจพนักงานอย่างงั้นเชียว ไม่เลวนี่” ธนาทึ่ง
ภาวินีหันมามอง “บิวตี้น่ะ ถ้าเขาสนใจจะทำอะไร เขาก็ทำได้ดี อย่างงานนางแบบ หรือตอนเรียน ก็ได้ยินคุณบวรอวดว่าชนะประกวดนี่คะ”
“ประกวดอะไรครับ” ธีภพถาม
“รางวัลดีไซเนอร์ อะไรนี่แหละจ้ะ เห็นว่าเป็นรางวัลใหญ่ทีเดียว” ภาวินีบอก
“ทีแรกพ่อก็นึกว่าคงไม่ไหว แต่เท่าที่เห็น ดูจะได้เรื่องเลยล่ะ” ธนาชม
ธีภพหัวเราะขำ “ฟังดูก็ดีหรอกครับ แต่อยากให้พ่อเห็นว่าร้านเราวุ่นขนาดไหน ตอนยัยบิวตี้เป็นพนักงานขาย”
มีเสียงเคาะกระจกก๊อกๆๆๆ
ธีภพมองที่หน้าต่างเห็นนกบิวตี้ ก็ดีใจยิ้มร่า “บิวตี้” แล้วรีบไปเปิดหน้าต่างรับ
ธีภพเอานกบิวตี้มาเกาะนิ้ว ลูบขนอย่างอ่อนโยน
“ไงเจ้าตัวเล็ก นึกว่าจะหายไปซะแล้ว” ภาวินีทักทาย
ธีภพอยู่ในห้องนอน กำลังป้อนข้าวนกให้นกบิวตี้ทีละคำๆ
“หายไปไหนมาซะหลายวัน” เขาลูบขนนก ผอมไปหรือเปล่าเนี่ย”
บิวตี้คนกินอาหารจากมือธีภพ ปล่อยให้ธีภพลูบหลัง
“ไม่ต้องมาพูดดี ฉันยังไม่หายโกรธนายนะ ฉันแค่มาดูว่านายจัดการเรื่องป้าศรีนวลหรือยัง”
“หายไปกกไข่อยู่ใช่ไหม มีลูกหรือยังเนี่ย” ธีภพลูบท้องดู
บิวตี้จิกนิ้ว ไม่ให้ลูบท้อง “ทะลึ่ง คิดได้ไง”
ธีภพหัวเราะ “เขินเหรอ นกเขินเป็นด้วย ตกลงไม่ได้ออกไข่ใช่มั้ย อะไร แก่ป่านนี้แล้วยังไม่มีลูกอีก”
บิวตี้จิกธีใหญ่ “บ้า ลามก ไม่เอาแล้ว ฉันกลับบ้านดีกว่า” ทำท่างอนจะผละหนี
ธีภพจับนกบิวตี้ไว้แนบอก ลูบไล้ให้หายตื่น
“ชูว์ จุ๊จุ๊จุ๊ ไม่เอา ไม่ตกใจนะ”
บิวตี้คนตกอยู่ในอ้อมกอดของธีภพ เผลอหลับตาลงด้วยความเคลิบเคลิ้ม
ธีภพลูบหลังบิวตี้ ปลอบโยนให้หายตื่น
เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 12/1 วันอังคารที่ 13/05/2557
เช้านี้ ธีภพพาบิวตี้ มาที่แผนกตัดผ้าของธนบวร หัวหน้าแผนกมาต้อนรับ ธีภพพาบิวตี้ไปดูด้วย
ส้มเช้ง พนักงานฝีมือดีของแผนกกำลังใช้เครื่องมือตัดผ้าอยู่ บิวตี้ดูหวั่นๆ กลัวอันตราย
บิวตี้หยุดเดิน กระซิบถามกับธีภพ “จะให้ฉันฝึกงานอันตรายแบบนี้ ถ้าตัดนิ้วฉันขาดไปจะว่ายังไง”
“เขายังไม่ให้คนฝึกงานตัดง่ายๆ หรอกน่า”
หัวหน้าบอกกับธีภพ “ให้ฝึกงานกับ นวลจันทร์แล้วกันนะคะเขาชำนาญที่สุด”
ส้มเช้ง หรือ นวลจันทร์ มีสีหน้าเบื่อหน่าย จำใจไหว้ธีภพ และหัวหน้า มองสำรวจบิวตี้
ธีภพบอกกับหัวหน้า “วันนี้ให้สังเกตการณ์ไปก่อน ช่วยจัดเครื่องแบบให้ด้วย”
“ค่ะ”
ธีภพออกไป
“ฝากด้วยนะส้มเช้ง”
ส้มเช้งมีสีหน้าเบื่อ ดูออกว่าไม่เต็มใจ “ให้คนอื่นไม่ได้หรือคะ”
“เอาน่า ท่านประธานอุตส่าห์มาฝากเอง”
หัวหน้าออกไป
“ชื่ออะไรน่ะเรา” ส้มเช้งถาม
“สวย” บิวตี้บอก
“เคยตัดผ้ามั้ย”
“เคยตัดทีละตัว ไม่มากแบบนี้”
“เฮ้อ งั้นก็อีกนาน ยืนดูไป ระวังตัวให้ดีด้วย” ส้มเช้งทำเสียงเหี้ยม “เผลอเมื่อไหร่ ได้เลือดแน่”
ส้มเช้งตัดผ้า บิวตี้หวาดหวั่น มองอย่างเสียวไส้
พักเที่ยง หนุ่มสาวฉันทนา แผนกตัดผ้า รวมตัวกันอยู่ที่เพิงอาหารตามสั่งใกล้โรงงาน
บิวตี้ตามส้มเช้งมาที่เพิงอาหารตามสั่งนี้
ส้มเช้งร้องสั่งห้วนๆ อย่างรู้กัน “กะเพราไก่”
บิวตี้มองสภาพร้านอย่างรังเกียจ ฝืนใจสั่ง “ข้าวไข่เจียว ลวกจาน ลวกช้อนใหม่ด้วยนะ”
แม่ค้าฉุนกึกสวนกลับทันที “มีแบบเนี้ย กินไม่ได้อย่ากิน”
บิวตี้เจอคนจริง ต้องจำยอมสงบปาก นั่งข้างๆ ส้มเช้งที่นั่งเงียบหน้าบึ้งตลอดเวลา
บิวตี้พยายามชวนคุย “เธอ เอ่อ ส้มเช้ง ทำไมไม่ไปกินข้าวที่โรงอาหารล่ะ”
“กินๆ ไปเหอะ ไม่ต้องถาม เสียเวลา” ส้มเช้งตัดบทอย่างรำคาญ
บิวตี้ชักฉุน “คนแถวนี้ทำไมหงุดหงิดกันจัง ถามจริงเธอโกรธฉันเรื่องอะไร ฉันไปทำอะไรให้”
ส้มเช้งโกรธ “ก็ทำให้เสียเวลาไง แทนที่จะได้งานเพิ่มก็ไม่ได้”
บิวตี้โกรธ “เห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า ฝึกงานให้ฉันก็เป็นหน้าที่เหมือนกันนะ”
ส้มเช้งโกรธเสียงดังใส่ “แต่ฉันต้องหาเงินไปให้แม่รักษาน้อง ถ้ามัวเสียเวลาแบบเนี้ยจะไปเอาเงินที่ไหน”
ทุกคนในเพิงหันมามองส้มเช้งกับบิวตี้
บิวตี้หน้าสลด หดหู่ใจ “ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
ส้มเช้ง ท่าทีอ่อนลงเมื่อเห็นบิวตี้เสียใจ “ช่างเถอะ ฉันเองก็ไม่ดีที่ไปหัวเสียใส่คนไม่รู้เรื่องอย่างเธอ”
บิวตี้มองส้มเช้งอย่างเห็นใจ
ด้านปีวรามารายงานข่าวคืบหน้าของบิวตี้ให้พักตร์พิมลฟัง โดยนัดเจอกันที่ร้านอาหารใกล้โรงงาน กระตั้วตามมาเป็นติ่ง ตามเคย
“พวกที่แผนกตัดเขาบอกว่าเห็นท่านประธานไปที่แผนกค่ะ มีพนักงานใหม่ไปด้วย”
พักตร์พิมลมั่นใจ “ยัยบิวตี้ แน่ๆ”
“ข้อมูลของตั้วละเอียดกว่าค่ะ” กระตั้วเลื่อนโทรศัพท์ดูข้อความ “แก๊งสับปะรดรายงานด่วนมาว่า พนักงานฝึกงานที่เคยอยู่แผนกโกดังไปกินข้าวกับพนักงานตัดผ้าที่ชื่อ ส้มเช้ง”
พักตร์พิมลมีสีหน้าดุดัน ตาเป็นประกาย เจ็บแค้นใจ “ทำเป็นยอมลดตัวลงคบพนักงานเหรอ ฉันไม่เชื่อหรอก ยัยบิวตี้มันก็แค่เล่นละคร คนคนเนี้ยไม่เคยคิดถึงคนอื่นนอกจากตัวเอง”
กระตั้วสอพลอ พลอยพยัก “ร้ายนะคะ ถ้าได้ขึ้นเป็นประธาน พวกเราตายยกเข่งแน่”
ปีวรานึกตาม มีสีหน้าหวาดหวั่น “น่ากลัวจัง”
“ฉันถึงต้องรีบสกัดไง ถ้าพวกเธอไม่ช่วยก็ระวังตัวไว้เถอะ”
กระตั้วทำหน้าจริงจัง ตัดสินใจเด็ดขาด “ค่ะ ถอยไม่ได้แล้ว ต้องเดินหน้าอย่างเดียว”
บิวตี้กับส้มเช้งกลับจากกินข้าว กำลังกลับแผนก เจอศรีนวลที่มาดักรอส้มเช้ง
บิวตี้ดีใจ เข้าไปหา “ป้านวล สบายดีหรือคะ”
“อ้าวสวย ย้ายมาอยู่นี่เอง ส้มเช้ง แม่ลาครึ่งวันไปเฝ้าน้องนะ คืนนี้ไม่กลับ”
“จ้ะแม่”
บิวตี้แปลกใจ “ป้านวลเป็นแม่ของส้มเช้งเหรอ”
“ใช่จ้ะ สวยฝึกงานกับส้มเช้งใช่ไหม ฝากด้วยนะส้มเช้ง สวยนี่แหละที่ช่วยแม่ตอนมีเรื่องหนก่อน” ศรีนวลบอกลูกสาว
“ป้าต่างหากที่ช่วยฉัน”
“เอาละๆ ใครช่วยใครก็ช่างเถอะ แต่ป้าต้องรีบไปดูเจ้าคนเล็กก่อนนะ ไปล่ะ”
“เดี๋ยวแม่” ส้มเช้งหยิบเงินส่งให้ศรีนวล “เอาให้ไปแค่นี้ก่อนนะ พรุ่งนี้ค่างวดออกหนูจะให้อีก”
ศรีนวลออกไป
“น้องของส้มเช้งเป็นโรคอะไรเหรอ” บิวตี้ถาม
“โรคไต ต้องฟอกไตประจำ เงินเดือนได้มาก็ไม่เคยพอใช้เลย”
บิวตี้มองตามศรีนวลที่เดินไป และหันมามองส้มเช้งอย่างเห็นใจ
บิวตี้มาหาธีภพที่ห้องทำงาน ก่อนเวลาเลิกงาน ถามเลขา ท่าทีดูให้เพื่อนเกียรติมนุษย์ ไม่กร่างอย่างแต่ก่อน
“คุณธีภพว่างหรือเปล่า”
เลขาแปลกใจท่าทีนั้น “ว่างค่ะ” พลางจะเปิดประตู
ธีภพเปิดประตูออกมาพอดี “มีธุระอะไร”
“ป้าศรีนวล พนักงานอาวุโสกำลังมีปัญหา บริษัทช่วยอะไรเขาได้ไหม”
ธีภพมองบิวตี้อย่างทึ่งๆ “เก่งนี่รู้ปัญหาของคนงานด้วย ว่ามาซิ”
“ป้าศรีนวลกับลูกสาวส้มเช้ง ที่อยู่แผนกตัด ต้องทำงานเลี้ยงครอบครัว แต่รายได้ไม่พอ เพราะมีลูกที่ป่วยต้องฟอกไต อีกคนก็มอเตอร์ไซค์คว่ำ”
ธีหันมาทางเลขา “ขอดูประวัติ ป้าศรีนวลจากHR ให้ด้วย”
“บริษัทเรามีค่ารักษาพยาบาลหรืออะไรช่วยได้บ้างไหม”
“ต้องดูประวัติและความเหมาะสมก่อน”
“รีบตัดสินใจเลยสิ นี่มันเรื่องด่วนนะ”
“พนักงานเราไม่ได้มีแค่คนเดียว ถ้าทำทุกอย่างตามใจจะวุ่นวาย เรามีหลักเกณฑ์อยู่แล้ว”
“หลักเกณฑ์ๆ ป้าแกลำบากมาตั้งนานแล้ว ทำไมไม่ช่วย กฎบอกว่าพนักงานมีความสุข งานก็จะออกมาดี ไม่ใช่เหรอ”
ธีภพจ้องบิวตี้ดุๆ บิ้วตี้สู้สายตาไม่ลดละ
ณ แดนสรวง นางฟ้าลลิตาเพ่งมองมาตรวัดความดี ที่มีเส้นทองเพิ่มขึ้นมาบางๆ อย่างแปลกใจ
“ลัลน์ลลิตกล่าวถูกต้อง และคิดถึงผู้อื่น แต่เหตุใดความดีจึงขึ้นมาเพียงน้อยนิด”
ปรมะเทวีพิจารณาอย่างครุ่นคิด “เพราะนางยังเลือกปฏิบัติ และมีความต้องการที่จะเอาชนะ เมื่อไม่ได้ดังใจก็มีความโกรธ เหล่านี้ล้วนบั่นทอนคุณความดี”
“หากกฎเกณฑ์เป็นไปอย่างเคร่งครัดถึงเพียงนี้ เกรงว่าลัลน์ลลิตจะหมดกำลังใจ เหมือนคนดีที่ทำดีแล้วไม่ได้ดี”
“หากทำดีแล้วหวังจะได้สิ่งใด นั่นย่อมมิใช่ความดีที่แท้”
นางฟ้าลลิตาค้อมศีรษะน้อมรับ “เทวีกล่าวถูกต้องแล้ว”
เย็นนั้น อรวิภาอยู่ที่ร้านดอกไม้และร้านกาแฟ ส่งช่อดอกไม้ให้ลูกค้ารายสุดท้ายของวัน อรวิภามองไปทางหน้าร้านอย่างเหงาๆ โดยไม่รู้ตัว
เครือวรรณดูนาฬิกา “น้องอร ปิดร้านเถอะลูก”
“อีกซักครึ่งชั่วโมงได้ไหมคะหม่ามี๊”
เครือวรรณถามยิ้มๆ อยากดูใจลูก “รอใครเหรอจ๊ะ”
อรวิภาตกใจแก้ตัว “เปล่านะคะ อรไม่ได้รอซักหน่อย ก็แค่สงสัย”
“สงสัยว่าทำไมวันนี้คุณเจตน์ไม่มาเหรอจ๊ะ อืม หม่ามี๊ก็สงสัยเหมือนกัน”
“น้องอรไม่ได้อยากให้เขามานะคะ ไม่มาก็ดี รำคาญ”
เสียงกระดิ่งที่ประตูดังเพราะมีคนเข้ามา เห็นเจตน์ชาญ ถือกระถางสวยน่ารักใส่ต้นไม้ออกดอกสีสวยมาด้วย
อรวิภาเผลอตื่นเต้น
เครือวรรณพึมพำขำๆ “อ้าว ไหนว่ารำคาญ”
“เมื่อวานตอนขากลับ เพื่อนชวนแวะไปที่ราชบุรีครับ” ชายหนุ่มส่งกระถางดอกไม้ให้
อรวิภาตื่นเต้นเพราะชอบดอกไม้ “อุ๊ย น่ารักจัง”
“ครับ เห็นแล้วทำให้นึกถึงน้องอร” เจตน์ชาญสบตาหวานซึ้ง
อรวิภาเผลอสบตา แล้วทำหน้าบึ้ง “แต่อร คงรับไม่ได้ขอบคุณนะคะ” พลางส่งกระถางดอกไม้คืนเจตน์ชาญแล้วเดินหนี
เจตน์ชาญมองตามอรวิภา ขำๆ สนุกทุกทีที่ได้แหย่หล่อนเล่น
“น้องอรเขาแพ้เกสรดอกไม้บางอย่างน่ะค่ะ เนี่ยคงคัดจมูก”
เจตน์ชาญยิ้มรู้ทัน “อ้อ เหรอ ครับ”
หลังกินข้าว ภาวินีดูทีวีอยู่ ธีภพดูประวัติศรีนวลในจอโน้ตบุ๊ก
ธนาเดินมานั่ง เห็นภาพศรีนวลในจอ “อ้อ พนักงานเก่าแก่ มีปัญหาอะไรหรือ”
“เปล่าครับ บิวตี้เขาเสนอให้ย้ายกลับไปอยู่แผนกตัด”
“บิวตี้ สนใจพนักงานอย่างงั้นเชียว ไม่เลวนี่” ธนาทึ่ง
ภาวินีหันมามอง “บิวตี้น่ะ ถ้าเขาสนใจจะทำอะไร เขาก็ทำได้ดี อย่างงานนางแบบ หรือตอนเรียน ก็ได้ยินคุณบวรอวดว่าชนะประกวดนี่คะ”
“ประกวดอะไรครับ” ธีภพถาม
“รางวัลดีไซเนอร์ อะไรนี่แหละจ้ะ เห็นว่าเป็นรางวัลใหญ่ทีเดียว” ภาวินีบอก
“ทีแรกพ่อก็นึกว่าคงไม่ไหว แต่เท่าที่เห็น ดูจะได้เรื่องเลยล่ะ” ธนาชม
ธีภพหัวเราะขำ “ฟังดูก็ดีหรอกครับ แต่อยากให้พ่อเห็นว่าร้านเราวุ่นขนาดไหน ตอนยัยบิวตี้เป็นพนักงานขาย”
มีเสียงเคาะกระจกก๊อกๆๆๆ
ธีภพมองที่หน้าต่างเห็นนกบิวตี้ ก็ดีใจยิ้มร่า “บิวตี้” แล้วรีบไปเปิดหน้าต่างรับ
ธีภพเอานกบิวตี้มาเกาะนิ้ว ลูบขนอย่างอ่อนโยน
“ไงเจ้าตัวเล็ก นึกว่าจะหายไปซะแล้ว” ภาวินีทักทาย
ธีภพอยู่ในห้องนอน กำลังป้อนข้าวนกให้นกบิวตี้ทีละคำๆ
“หายไปไหนมาซะหลายวัน” เขาลูบขนนก ผอมไปหรือเปล่าเนี่ย”
บิวตี้คนกินอาหารจากมือธีภพ ปล่อยให้ธีภพลูบหลัง
“ไม่ต้องมาพูดดี ฉันยังไม่หายโกรธนายนะ ฉันแค่มาดูว่านายจัดการเรื่องป้าศรีนวลหรือยัง”
“หายไปกกไข่อยู่ใช่ไหม มีลูกหรือยังเนี่ย” ธีภพลูบท้องดู
บิวตี้จิกนิ้ว ไม่ให้ลูบท้อง “ทะลึ่ง คิดได้ไง”
ธีภพหัวเราะ “เขินเหรอ นกเขินเป็นด้วย ตกลงไม่ได้ออกไข่ใช่มั้ย อะไร แก่ป่านนี้แล้วยังไม่มีลูกอีก”
บิวตี้จิกธีใหญ่ “บ้า ลามก ไม่เอาแล้ว ฉันกลับบ้านดีกว่า” ทำท่างอนจะผละหนี
ธีภพจับนกบิวตี้ไว้แนบอก ลูบไล้ให้หายตื่น
“ชูว์ จุ๊จุ๊จุ๊ ไม่เอา ไม่ตกใจนะ”
บิวตี้คนตกอยู่ในอ้อมกอดของธีภพ เผลอหลับตาลงด้วยความเคลิบเคลิ้ม
ธีภพลูบหลังบิวตี้ ปลอบโยนให้หายตื่น