เรื่องเต็มเล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 13/1 วันจันทร์ที่ 19/05/2557



โรงอาหารในบริษัทธนบวร เช้านี้คึกคัก สดใส ส้มเช้ง เนย นี ติ๋ม และบรรดาสาวฉันทนารอบิวตี้กันอยู่ ทุกคนแต่งหน้าด้วยฝีมือตัวเอง แต่งหน้าทำผมได้รูปได้ทรงขึ้น ท่าทางร่าเริงกระตือรือร้น
       
       บิวตี้เดินนวยนาดเข้ามาแต่งตัวในชุดทำงานของแผนกตัดผ้า แต่ผ่านการแก้ไขให้เข้ารูปร่าง เพราะไม่ต้องปิดบังแล้ว ทุกคนยืนเข้าแถวให้บิวตี้ตรวจ
       บิวตี้มองสำรวจแต่ละคนโดยละเอียดเหมือนนายทหารตรวจความเรียบร้อย
       บิวตี้ประชดเนย “ปากกระโดดออกมาจากแถวเลยนะ”
       เนยอาย ลนลาน “ขอโทษค่ะ”
       บิวตี้เห็นใจ ท่าทีอ่อนลง “ซับออก แล้วใช้สีนี้” พลางหยิบลิบสติกจากกระเป๋าส่งให้
       เนยไหว้ ยิ้มแป้น “ขอบคุณค่ะ”
       บิวตี้พยักหน้าให้นี “หน้า ผม ใช้ได้” นียิ้มรับ แต่แล้วบิวตี้กลับดุ “แต่น้ำหอมไม่ผ่าน ได้กลิ่นแล้วจะเป็นลม”
       “อุ่ย” นีดมซอกแขนตัวเอง
       บิวตี้สอนทุกคน “น้ำหอม ใส่แต่พอดีก็พอไม่งั้นมันจะรบกวนคนอื่น น้ำหอมเนี่ย มันบอกนิสัยได้ด้วยนะ อย่างบางคน แค่ได้กลิ่นน้ำหอมก็รู้เลยว่าเฉิ่มเบ๊อะ” พลางหันขวับไปทางด้านหลัง
       ก็เห็นพักตร์พิมลที่ทำท่าว่ามาตรวจการทำงาน ถึงสะดุ้งสีหน้าโกรธจัด กระตั้วกับปีวราตามมาเป็นกองหนุนด้วย
       กระตั้วกระซิบบอกพักตร์พิมล “เค้ากัดคุณแพ็ตค่ะ”
       พักตร์พิมลกระซิบตอบโกรธๆ “รู้แล้ว” แล้วพูดกับบิวตี้น้ำเสียงเยาะหยัน “ยังไม่เลิกหาคะแนนนิยมอีกเหรอ”
       “โครงการดีๆ จะเลิกทำไม ทุกคนแฮปปี้ดีออก” บิวตี้หันมาพูดกับคนงาน “จริงไหมพวกเรา”
       คนงานหญิงประสานเสียง “จริงค่า”
       บิวตี้ประกาศต่อ “ฟังนะ ต่อไปฉันจะออกกฎของบริษัท ใครหน้ามันปากซีด ไม่ดูแลเล็บ ใส่น้ำหอมผิดกลิ่น จะโดนตัดเงิน คนไหนหน้าเด้ง เนี้ยบทั้งตัวจะได้โบนัส”
       คนงานหญิงและกระตั้วร้อง “เฮ้” ดังลั่น
       พักตร์พิมลดุ “กลับไปทำงานได้แล้ว” พลางดูนาฬิกา “ไม่งั้นจะตัดเงินชั่วโมงแรก”
       คนงานแยกย้ายกันไปเซ็งๆ
       พักตร์พิมลตำหนิ “เธอทำให้ระเบียบของบริษัทเสียหายหมด
       บิวตี้ยักไหล่ “บริษัทของฉัน ฉันจะทำยังไงก็ได้” แล้วเดินหนีไปอย่างกวนประสาท
       พักตร์พิมลแทบแดดิ้น โมโหจนตัวสั่น
       
       สีหน้าของธีภพเคร่งเครียดทันที เมื่อฟังที่พักตร์พิมลรายงาน
       “เขาประกาศต่อหน้าคนงานเลยนะคะว่าบริษัทเป็นของเขา เขาจะทำยังไงก็ได้” พักตร์พิมลถามกระตั้ว และปีวรา “จริงมั้ย”
       ปีวราพยักหน้ารับอย่างเกรงๆ กระตั้วสาระแน
       “คุณลัลน์ลลิตไม่สนใจฟังคำเตือน ทำเหมือนคุณแพ็ตเป็นหัวหลักหัวตอเลยค่ะ”
       พักตร์พิมลถลึงตาใส่ “พอแล้ว”
       “สองคนกลับไปทำงานต่อได้แล้ว”
       ปีวรากับกระตั้วออกไป กระตั้วมีท่าอยากรู้และอยากอยู่ต่อ
       พักตร์พิมลบอกกับธีภพ “ขืนปล่อยให้ยัยบิวตี้ทำตามใจแบบนี้ บริษัทเราแย่แน่เลยค่ะ”
       “ที่นี่ก็บริษัทของเขาเหมือนกัน เขาพูดถูกแล้ว”
       พักตร์พิมลฉุน “พี่ธี จะไม่ทำอะไรเลยหรือคะ ให้ยัยบิวตี้เลิกฝึกงาน ไม่ต้องให้มายุ่งที่นี่อีกไม่ได้หรือคะ”
       “ไม่ได้หรอกแพ็ต ดูเขาตั้งใจจริง”
       พักตร์พิมลไม่เชื่อ “ไม่จริงหรอกค่ะ ยัวบิวตี้ก็แค่อยากจะเอาชนะ เดี๋ยวก็เบื่อ”
       ธีภพย้อน “ถ้างั้น แพ็ตจะเดือดร้อนทำไม”
       “ก็แพ็ตกลัวเขาจะทำบริษัทเสียหายน่ะสิคะ ชื่อเสียงธนบวรป่นปี้แน่ แพ็ตทนทำงานกับเขาไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าเขาอยู่แพ็ตก็จะไป”
       “ทำไมต้องถึงขนาดนั้น แพ็ตเองก็เป็น พรรษบวรพงศ์ คนหนึ่งเหมือนกัน”
       “ไม่ค่ะ แพ็ตไม่อยากใช้นามสกุลเดียวกับบิวตี้ แพตจะเปลี่ยนนามสกุล และถ้าเขามาเป็นผู้บริหารเมื่อไหร่แพ็ตก็จะลาออก”
       “กว่าจะถึงตอนนั้น อาจมีการเปลี่ยนแปลงอะไรอีกเยอะ” ธีภพพูดลอยๆ
       พักตร์พิมลชะงัก “พี่ธีหมายความว่าอะไรคะ” หล่อนออกอาการตื่นเต้น “พี่ธีมีแผนอะไรหรือคะ”
       ธีภพพูดจาดูคลุมเครือชวนสงสัย “เปล่า ก็แค่...เผื่อว่า เขาอาจจะเปลี่ยนตัวเองได้”
       พักตร์พิมลโกรธขึ้นมาอีก “ไม่มีทาง คนอย่างยัยบิวตี้ ไม่มีทางเปลี่ยนหรอกค่ะ”
       
       ส้มเช้งตัดผ้าอยู่ ศรีนวลสอนวิธีการวางแบบให้ประหยัดผ้าที่สุด
       “เวลาวางคุณหนูต้องดูด้วยนะคะว่าต้องให้มีผ้าเหลือทิ้งน้อยที่สุด”
       บิวตี้ลองวางดู “อย่างงี้ได้ไหมป้า”
       “ชิดเข้ามาอีกก็ได้ค่ะ” ศรีนวลขยับแบบให้ดู
       “จะต้องประหยัดไปทำไมล่ะ ในเมื่อมันก็ต้องมีผ้าเหลืออยู่ดี”
       ศรีนวลสอน “เหลือเป็นผืนใหญ่เอาไปทำประโยน์อื่นได้อีกค่ะ อย่างเก็บไว้ตกแต่ง”
       บิวตี้ยิ้ม “ดีนะที่มีคนอย่างป้า คอยช่วยประหยัดให้บริษัท ขอบคุณนะ”
       “บริษัทธนบวรดีกับป้า เอ๊ย ดิฉัน กับครอบครัวที่สุดค่ะ ชีวิตนี้ไม่รู้จะตอบแทนยังไงหมด”
       “อยากตอบแทนก็อยู่ทำงานที่นี่นานๆ อย่าย้ายไปไหน”
       “แม่เค้าไม่ย้ายหรอกค่ะ ขนาดเพื่อนชวนให้ส้มเช้งไปทำงานที่โรงงานใหม่ของคุณกรเทพแม่ยังไม่ให้ไปเลยค่ะ”
       บิวตี้ชะงักกับคำว่าโรงงานใหม่ สีหน้าแปลกใจ “โรงงานใหม่ของอากรเทพ อยู่ที่ไหน”
       “แถวถนนบางนาตราดค่ะ”
       “อาจจะไม่ใช่ของคุณกรเทพก็ได้ แกก็พูดไปเรื่อย ส้มเช้ง” ศรีนวลติง
       ส้มเช้งชักลังเล “เห็นเพื่อนมันว่าอย่างนั้นนะแม่” แล้วหันไปพูดกับบิวตี้ “วันที่ส้มเช้งไปยังเห็นคุณ
       กรเทพเลยค่ะ เพื่อนๆ บอกว่าเห็นคุณกรเทพบ่อย รู้สึกจะไปดูไลน์ผลิตหรือไงเนี่ยค่ะ”
       บิวตี้นิ่งคิด นึกถึงที่คนขับรถกรเทพพูดว่าโรงงานหม้อแปลงระเบิดเมื่อเช้าวันที่ไปหัวหิน
       บิวตี้อยากฝึกโรงงานให้เสร็จไวๆ เพื่อจะได้เข้าไปที่สำนักงานใหญ่ จะได้จับผิดกรเทพได้ง่ายขึ้น
       
       บิวตี้เดินดุ่มๆ เข้ามาให้ห้องทำงานของธีภพ เลขาสะดุ้ง รีบเปิดประตูให้ เลิกคิดที่จะทักท้วงแล้ว บิวตี้พบว่าห้องทำงานธีภพว่างเปล่า
       “คุณธีภพไปไหน”
       “ไปประชุมงาน ไทยแลนด์แฟชั่นวีค ค่ะ”
       บิวตี้หันรีหันขวาง ร้อนใจ “เอาเอกสารเรื่องโรงงานใหม่มาให้ดูหน่อย”
       เลขางง “โรงงานใหม่ ที่ไหนคะ”
       “ก็ที่ถนนบางนาตราดไง”
       “ไม่มีนะคะ ไม่เคยได้ยินท่านประธานพูดถึงเลยค่ะ”
       บิวตี้ครุ่นคิดหาวิธีพิสูจน์ความจริง
       “ถ้าคุณธีภพกลับเข้ามา ให้โทร.บอกฉันด้วยนะ”
       “ค่ะ”
       
       บิวตี้ออกมาจากสำนักงานเพื่อกลับโรงงาน กรเทพกลับจากตรวจโรงงานจะเข้าบริษัท ทั้งสองเจอกันที่หน้าสำนักงานพอดี
       กรเทพออกอาการดีใจ “บิวตี้ อาจะไปเยี่ยมที่อยู่พอดีเลย”
       บิวตี้ไหว้ตามหน้าที่ “บิวตี้ไปทำงานต่อล่ะค่ะ” พร้อมกับจะเลี่ยงไป
       “ขยันจัง เหนื่อยมากไหม” กรเทพขยับตัวจะลูบหัว
       บิวตี้ถอยหนี ไม่ให้ลูบ “จะหมดเวลาพักแล้ว บิวตี้ไปก่อน”
       กรเทพเก้อ “บิวตี้มาทำอะไรที่ออฟฟิศ มาหาอาหรือเปล่า”
       บิวตี้บอกเสียงแข็งกร้าว “เปล่าหรอกค่ะ บิวตี้แค่แวะมาในฐานะที่บิวตี้เป็นเจ้าของธนบวรโดยชอบธรรม และอีกหน่อยก็จะมาบริหารบริษัทนี้อย่างเต็มตัวเหมือนที่พ่อเคยทำไงคะ”
       กรเทพฟังแล้วปลื้มใจ “อาดีใจที่ได้ยินแบบนี้ คุณพ่อคุณแม่บิวตี้ต้องชื่นใจมาก”
       บิวตี้ประชด “จริงเหรอคะ”
       “พ่อกับแม่รับรู้ได้แน่จ้ะ” กรเทพถอนใจมองบิวตี้ ด้วยสีหน้าชื่นชม “การฝึกงานทำให้หนูเติบโตขึ้นมากจริงๆ อามั่นใจว่าบิวตี้ต้องเป็นประธานที่เก่งไม่แพ้พ่อ”
       “บิวตี้ก็มั่นใจค่ะ บิวตี้จะทำให้บริษัทของพ่อก้าวหน้า ใครทำดีกับบริษัทจะได้รับการตอบแทนอย่างดีที่สุด ส่วนคนที่คิดทรยศ จะไม่มีที่ยืน ในธนบวร” บิวตี้จ้องหน้ากรเทพเขม็ง
       กรเทพยิ้มชื่นชม “เยี่ยมมาก หลานอา เด็ดขาดดี หนูจะทำให้บริษัทของเราเจริญรุ่งเรืองอย่างแน่นอน อาภูมิใจในตัวหนูจริงๆ”
       บิวตี้ทั้งรักทั้งแค้นอาจนน้ำตารินไหล รีบเดินหนี
       กรเทพมองตามบิวตี้งง ไม่เข้าใจในทีท่าแปลกไปของบิวตี้ ในระยะหลังๆ
       
       นางฟ้าลลิตา แตะที่จอภาพฉาย ตรงที่มีภาพบิวตี้ เหมือนจะช่วยปลอบประโลมใจ ปรมะเทวี มองอย่างเห็นใจ
       “หากไม่มีทุกข์ ลัลน์ลลิตคงไม่เกิดความมานะ พากเพียร”
       “แต่กรเทพ คือสายใยสุดท้ายระหว่างลัลน์ลลิตกับคุณพ่อของเธอ ไม่มีกรเทพ ลัลน์ลลิตก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลก”
       “กรรมที่ลัลน์ลลิตก่อ ได้พาเธอมาถึงจุดนี้ หวังว่านางจะเลือกทางเดินต่อไปได้ถูกต้อง”
       “หากเป็นเหตุปกติคงปล่อยไปเช่นนั้น แต่ขณะนี้เวลาลดน้อยลงเต็มที ขอให้ข้าพเจ้าชี้นำทางแก่เธอได้บ้างเถิดเทวี”
       ปรมะครุ่นคิดไตร่ตรอง “หน้าที่ของฝ่ายดี ควรเป็นเช่นนั้น มิใช่รึ”
       
       บิวตี้กลับเข้ามาในห้องทำงาน ด้วยสีหน้าเครียดจัด ศรีนวลกับส้มเช้งกลับมาจากโรงอาหารกำลังเตรียมจะทำงานต่อ เห็นสีหน้าบิวตี้ รู้สึกถึงความผิดปกติ
       ศรีนวลห่วง “คุณหนู หายไปไหนมา รับ-ทานข้าวหรือยังคะ”
       ส้มเช้งว่า “ลูกศิษย์รอเรียนแต่งหน้าเก้อเลยค่ะ”
       “ส้มเช้งมากับฉันหน่อย” บิวตี้ไม่ตอบ เดินนำไป
       “ค่ะ ค่ะ” ส้มเช้งสบตากับศรีนวลอย่างสงสัย ก่อนจะรีบตามบิวตี้ไป
       ศรีนวลมองตามอย่างสงสัย
       
       บิวตี้เดินมาหยุดตรงมุมเงียบๆ แถวโรงงาน ส้มเช้งหยุดตาม
       “ส้มเช้ง เธอเก็บความลับได้ไหม”
       “ได้ค่ะ”
       “ห้ามบอกใครว่าพูดเรื่องนี้กับฉันเป็นอันขาด แม้แต่แม่ก็บอกไม่ได้ เข้าใจไหม” บิวตี้ว่า
       ส้มเช้งรับคำท่าทีหวั่นใจ “ด...ได้ค่ะ แต่ส้มเช้งยังไม่รู้เลยว่าเรื่องอะไรน่ะค่ะ”
       “เล่าเรื่องบริษัทที่ถนนบางนาตราด ให้ฉันฟังหน่อย เล่าให้หมดเท่าที่รู้เลยนะ”
       “ส้มเช้งก็ไม่รู้อะไรมากหรอกค่ะ เคยไปหาเพื่อนแค่ครั้งเดียว”
       “โรงงานอยู่ตรงไหนจำได้ไหม”
       “คิดว่าได้นะคะ ส้มเช้งนั่งรถไปจากบ้าน แล้วก็...”
       
       ส้มเช้งเล่ารายละเอียด บิวตี้ฟังอย่างตั้งใจ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่