เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 12/4-12/5 วันอังคารที่ 13/05/2557




เช้าวันต่อมา คนงานกลุ้มรุมรวมตัวกันอยู่ที่โรงอาหารแน่นขนัด ราวกับมีมหกรรมอะไรที่น่าสนใจสุดๆ มีการตั้งโต๊ะวางเครื่องสำอางเพื่อแจกอยู่
       
       พนักงานต่อคิวรับเครื่องสำอางอยู่ มีส้มเช้ง ศรีนวล และพนักงานอีก 2 คนคอยช่วยแจกอยู่
       พนักงานบางกลุ่มมารุมล้อมรอบิวตี้สอนแต่งหน้า
       “เพื่อเป็นการขอบใจที่พวกเธอพูดความจริงกับฉัน ฉันจะสอนวิธีการเลือกเครื่องสำอางดีๆที่เหมาะกับผิวสาว และสอนการแต่งหน้าอย่างถูกวิธีให้ รับรองว่าทุกคนจะสวยอย่างน้อยก็หนึ่งส่วนสิบของฉันแน่นอน”
       บิวตี้แต่งหน้าเนย สาธิตให้ส้มเช้ง นี ติ๋ม สาวฉันทนาอื่นๆ ทำตาม
       ทุกคนมีตลับบรัชออน และแปรงเป็นของแจกประจำตัว
       “พวกเธอโชคดีมากนะที่เจอฉันซึ่งเป็นกูรูด้านความงามอันดับหนึ่งของประเทศ ฉันไม่บอกเคล็ดลับใครง่ายๆหรอกนะ แต่ฉันจะสอนทุกคนในโรงงานนี้ เริ่มจากเลือกสีรองพื้นนะคะทุกคน”
       บิวตี้อธิบายเรื่องสีผิวและการเลือกสีรองพื้น แล้วลงรองพื้นให้นี ทุกคนทำตามบิวตี้บอกอย่างกระตือรือร้น
       
       อีกฝั่งหนึ่งธีภพได้รับรายงานรีบมาดู พักตร์พิมล กระตั้ว ปีวราตามมาด้วย
       “คนงานมุงดูอะไรกันคะพี่ธี”
       “ยังไม่รู้เหมือนกัน”
       ธีภพเดินเข้าไป คนงานที่เห็นยกมือไหว้
       “เกิดอะไรขึ้น”
       “ดูการสาธิตการแต่งหน้าของกูรูค่ะ”
       ธีภพงง “กูรูเป็นใคร แล้วทำไมต้องมาสาธิตที่โรงงานเรา”
       “ไร้สาระมาก ทำไมฉันถึงไม่ได้รับรายงานมาก่อนเลยว่าจะมีการอบรมแบบนี้ให้พนักงาน” พักตร์พิมลหันไปทางปีวรา “ปี เธอได้รับรายงานเรื่องนี้รึเปล่า”
       “ไม่ค่ะ เพิ่งทราบพร้อมคุณแพ็ตนี่แหละค่ะ”
       กระตั้วสนใจเครื่องสำอางแจกฟรี และสนใจการสาธิตแต่งหน้า จึงเบียดตัวเข้าไปรับเครื่องสำอาง
       
       “แจกฟรีค่ะ คุณแพ็ตคะ”
       “ของปลอมล่ะสิไม่ว่า”
       “ของจริงค่ะ กูรูด้านความงามเป็นพยานได้” สาวฉันทนาบอก
       “หลงเชื่อก็โง่แล้ว กูรงกูรูของเธอมันเป็นใคร และใครอนุญาตให้มันเข้ามา ขอดูหน้าหน่อยจะได้ลงโทษถูก”
       พักตร์พิมลเดินอาดๆ เข้าไป กลุ่มคนตรงหน้าเริ่มเคลื่อนตัวออก เผยให้เห็นผู้หญิงเครื่องแบบโรงงานสองคนกลางวง บิวตี้กำลังแต่งหน้าให้นีอย่างสวยงาม
       “ยายบิวตี้!” พักตร์พิมลอุทาน
       กระตั้วอุทานตาม “กูรูบิวตี้!”
       ธีภพก็อุทาน “บิวตี้!”
       บิวตี้หันมาเห็นสองคน พักตร์พิมลเดินเข้าไปกระชากเสียงถาม
       “เธอทำอะไรของเธอน่ะบิวตี้”
       “ไม่มีตาเหรอ ถึงมองไม่เห็นว่าฉันทำอะไร”
       “อย่ามาเล่นลิ้นนะ ทำอะไรไม่รู้จักคิด ไม่มีเงินแล้วหรือไงถึงต้องมาหลอกขายเครื่องสำอางปลอมให้พนักงาน”
       “ผิดแล้วจ้ะ เครื่องสำอางพวกนี้ไม่ได้มีไว้ขาย แต่ฉันแจกฟรีทั้งหมดทุกคน ไม่มีเว้น ฉันแจกเธอด้วยนะ”
       กระตั้วดี๊ด๊า “ขอกระตั้วหลายๆ ชุดเลยนะคะคุณบิวตี้”
       แพ็ตค้อนกระตั้วขวับ
       ธีภพฉงน “คุณหมายความว่ายังไง”
       “ก็หมายความว่า ฉัน แจก ฟรี ให้กับทุกคนที่มาเข้าคอร์สแต่งหน้ากับฉันน่ะสิ”
       พักตร์พิมล-ดัน “อวดรวย”
       “ฉันรวยแล้วผิดตรงไหน ฉันไม่ได้เสียเงินกับเครื่องสำอางพวกนี้สักบาท อย่าลืมสิว่าฉันคือลัลน์ลลิต เครื่องสำอางยี่ห้อนี้ทาบทามฉันเป็นพรีเซ็นเตอร์มานานแล้ว ฉันแค่ตอบตกลง แล้วก็ต่อรอง ยอมรับเงินน้อยลง และกับอภินันทนาการเครื่องสำอางให้สาวๆ ในโรงงานของเราแทน เห็นไหมว่าฉันฉลาดแค่ไหน”
       ธีภพมองบิวตี้ที่ดูจริงจังด้วยความทึ่ง
       “แต่การเปิดคอร์สงี่เง่านี่โดยพลการเป็นการผิดกฎ” พักตร์พิมลว่า
       “พลการตรงไหน อย่าลืมสิว่าฉันเป็นถึงประธานบริษัทเชียวนะ แล้วฉันก็บอกผู้จัดการโรงงานไว้แล้ว จริงมั้ยคะคุณวิทย์” พลางหันไปทางวิทย์ ผู้จัดการโรงงาน
       “แค่แจ้งผู้จัดการโรงงานไม่พอหรอกครับ คุณต้องทำเรื่องขออนุญาตฝ่ายบริหารด้วย” ธีภพบอก
       “ใช่ค่ะพี่ธี กฎแค่นี้ยังไม่รู้ จะเป็นประธานบริษัทที่ดีได้ยังไง”
       บิวตี้กับพักตร์พิมลจ้องหน้าเหมือนจะโดดเข้าไปตบกันในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง
       ธีภพดุเสียงเบาแต่เฉียบขาด “อย่าทะเลาะกันต่อหน้าคนงาน ไปเคลียร์ที่ห้องผม”
       จากนั้นธีภพเดินนำออกไป ตามด้วยแพ็ตและบิวตี้
       กระตั้วดี๊ด๊าเข้าไปเล่นเครื่องสำอางต่อกับสาวโรงงาน ปีวรามองทุกอย่างที่เกิดขึ้น ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
       
       ส่วนบิวตี้กับพักตร์พิมลยังใส่กันไม่ยั้ง ต่อหน้าธีภพ
       “ไหนๆ ก็รู้กันแล้วว่าฉันเป็นประธาน ฉันก็อยากทำกิจกรรมสร้างสรรค์ให้เป็นประโยชน์บ้าง ผิดตรงไหน”    
       “แล้วมันสร้างสรรค์ตรงไหน”
       ธีภพพยายามอธิบาย “มันจะทำให้คนงานฟุ้งเฟ้อ”
       “ฟุ้งเฟ้ออะไร ฉันแจกฟรี” บิวตี้เถียง
       “แล้วคิดหรือเปล่าว่าถ้ามันหมด คนงานจะมีปัญญาที่ไหนไปซื้อของแพงๆ อย่างนั้น”
       “คิดสิ ฉันคิดรอบคอบกว่าเธออีก ฉันจะแนะนำให้ทุกคนรู้จักใช้เครื่องสำอางคุณภาพดีที่ราคาไม่แพง”
       ธีภพทักท้วง “แต่มันก็ไม่จำเป็นอยู่ดี”
       บิวตี้ย้อน “ทำไมจะไม่จำเป็น บริษัทของเราทำเสื้อผ้า ทำของสวยๆ งามๆ ขาย ก็ต้องสอนให้คนผลิตใส่ใจเรื่องความสวยความงาม ถ้าทุกคนรู้สึกว่าตัวเองสวย หันไปทางไหนก็เจอแต่ความสวยงาม เห็นแล้วชื่นตาชื่นใจ ผลงานก็จะออกมาดี ความสุขจากภายใน มีผลต่อคุณภาพของงาน”
       “ไร้สาระ บริษัทเราทำงานมีคุณภาพมาแต่ไหนแต่ไร ไม่เห็นต้องลุกขึ้นมาแต่งหน้าทาปากเลย”
       “พูดเรื่องรสนิยม กับคนไม่มีรสนิยมอย่างเธอไม่มีวันเข้าใจหรอก”
       “รสนิยมหรือไร้สมองกันแน่ ถ้าบริหารงานตามใจชอบแบบนี้ธนบวรเจ๊งแน่”
       “ฟังให้ดีนะแพ็ต คนอย่างเธอมันใจแคบ ขี้อิจฉา กลัวว่าฉันเข้ามาแล้วเธอจะหมดความสำคัญ แต่บริษัทนี้เป็นของพ่อฉัน แล้วมันจะเป็นของฉันด้วย ต่อให้มีคนสร้างเรื่องเลวร้ายต่างๆ นานา เพื่อยึดมันไปจากฉันยังไง ก็ไม่สำเร็จหรอก”
       ธีภพขึ้นเสียงดัง “บิวตี้! พอได้แล้ว แพ็ตเป็นพี่สาวของคุณนะ แพ็ตทำงานเพื่อคุณมาตั้งเท่าไหร่ คุณควรจะขอบคุณเธอถึงจะถูก”
       บิวตี้มองธีภพอย่างตัดพ้อ
       “นายไม่รู้อะไรอย่ามาว่าฉันดีกว่า ฉันรู้นะว่าเธอเป็นคนปล่อยข่าวลือร้ายๆ เกี่ยวกับฉันไปทั่วโรงงาน ถ่ายคลิปลงยูทูป ปาปาราซซี่ แล้วก็ใบปลิวว่าฉันคือลัลน์ลลิตนั่นด้วย เธออยากให้ทุกคนหมดความเชื่อถือในตัวฉัน และทำให้ฉันเป็นประธานไม่ได้ แต่เสียใจที่เธอทำไม่สำเร็จ เพราะสวรรค์เข้าข้างคนดีอย่างฉันเสมอ”
       บิวตี้กับแพ็ตจ้องหน้าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ    
       ธีภพเห็นแววตาตัดพ้อในท่าทีอันหมางเมินนั้นแล้วรู้สึกใจหาย บิวตี้เดินหุนหันออกไป

  เย็นนั้น บริษัทใหม่แห่งนี้ ยังมีบางส่วนก่อสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ กรเทพเดินตรวจดูการตกแต่ภายในบริษัทใหม่อย่างเอาใจใส่
       มีเสียงโทรศัพท์ดัง มาจากชายลึกลับ กรเทพเดินออกมาด้านนอกเพื่อหาที่เงียบๆ คุย
       “ครับ ผมกำลังดูงานตกแต่งภายในอยู่” กรเทพฟังอย่างสนใจ “อ้าว เปิดตัวแล้วเหรอ งั้นก็หมายความว่าคงไม่ทำเล่นๆแล้วล่ะ คงหวังจะเป็นประธานจริงๆ” กรเทพฟังแล้วตอบเสียงเครียด “ดีเหมือนกัน จะได้เร่งเปิดบริษัทใหม่ แล้วแยกตัวออกมาเลย”
       กรเทพยืนเครียดอยู่หน้าอาคารใหญ่โต ชวนให้คิดว่า ที่นี่อาจเป็นบริษัทลับๆ ของกรเทพเอง




เล่ห์นางฟ้า ตอนที่ 12/5 (ต่อ)

  ขณะเดียวกัน ที่โรงอาหาร การอบรมแต่งหน้าเสร็จสิ้นลง ส้มเช้งกำลังช่วยบิวตี้เก็บของ สาวโรงงานทุกคน สวยเช้งผิดจากเมื่อก่อน
       บิวตี้ยังหงุดหงิดเรื่องที่ธีภพติเตียนตนต่อหน้าแพ็ตเมื่อเช้า ในมือบีบพัฟผัดหน้าจนบิดผิดรูป สะบัดหัวไล่ความน้อยใจออกไปก่อนจะเก็บของต่อให้เสร็จแล้วรีบกลับ
       ส้มเช้งช่วยเก็บอุปกรณ์สาธิตเสร็จ
       “ขอบใจนะส้มเช้ง”
       “จะให้ส้มเช้งยกไปที่รถคุณธีภพเลยมั้ยคะ”
       “ไม่ต้องหรอก ฉันยกให้เธอ”
       ส้มเช้งงง “อะไรนะคะ”
       “ฉันไม่ชอบใช้เครื่องสำอางร่วมกับคนอื่น เธอเอาไปเถอะ จะได้แต่งหน้าสวยๆ มาทำงานไง”
       “แต่ว่าส้มเช้ง...”
       “เธอแต่งหน้าแล้วสวยนะ ดีกว่าปล่อยให้หน้ามันจืดเป็นไก่ต้มเหมือนทุกวันต่อไปฉันจะออกกฎใหม่ของบริษัท ใครหน้ามันปากซีด ฉันจะปรับเงิน ถ้าใครแต่งหน้าสวยเด้งมาจะได้โบนัส นอกจากได้โบนัสแล้ว จะขายออกก็ตอนนี้แหละ”
       “อูย ส้มเช้งไม่คิดเรื่องขายออกไม่ขายออกตอนนี้หรอกค่ะ ส้มเช้งยังมีแม่มีน้องที่ต้องดูแล ไม่มีเวลาหาแฟนตอนนี้หรอกค่ะ” ส้มเช้งว่า
       “ผู้หญิงเรา วันนึงก็ต้องแต่งงาน”
       จู่ๆ บิวตี้คิดถึงภาพตัวเองใส่ชุดเจ้าสาว ความคิดผุดขึ้น และดันเห็นธีภพใส่ชุดเจ้าบ่าว บิวตี้รีบสั่นหัวไล่ความคิดนั้นออกไป
       “เป็นไปไม่ได้ บ้าจริงเรา”
       บิวตี้เก็บกระเป๋าแล้วเดินออกไป
       
       ณ แดนสรวง นางฟ้าลลิตาลืมตาขึ้นจากสมาธิ ที่กำลังบำเพ็ญ ได้รับรู้ความคิดของบิวตี้แล้วสงสารจับใจ ห่างออกไปหน่อย ปรมะเทวีก็กำลังอยู่ในสมาธิขั้นสูง
       “เวลาเหลือน้อยนัก ถ้าลัลน์ลลิตทำตามเงื่อนไขไม่สำเร็จ เธอจะไม่เหลือแม้ความฝัน ช่างน่าเวทนาเสียเหลือเกิน”
       ปรมะเทวีบอกทั้งที่ยังหลับตาอยู่ “ท่านเองก็เช่นกัน หากยังพะวงแต่เรื่องของอดีตบุตร จนบำเพ็ญเพียรไม่สำเร็จ จะไม่มีวันช่วยแก้ไขสิ่งใดได้”
       “เช่นนั้นเราจะตั้งใจ ปฏิบัติเพื่อช่วยเหลือนาง” นางฟ้าลลิตาหลับตาผ่อนลมหายใจ ให้สงบเข้าสู่ฌาน
       
       เย็นนั้น ระหว่างทางกลับบ้าน บิวตี้นั่งเงียบไปตลอดทาง
       
       ธีภพรับรู้ได้ถึงอาการหมางเมิน แววตาตัดพ้อที่ยังไม่จางหายไป จากเหตุการณ์เมื่อเช้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่