อาทิตย์อับแสง (บทที่ 2)
ยังดีที่เมื่อคืนชินนภาทำตามที่เธอพูดไว้ว่าจะส่งเพียงข้างล่าง เพราะแม้กระทั่งเช้าของวันใหม่นี้ ภูเก็ตก็ยังรู้สึกเหนื่อยล้า
ร่างสูงนอนนิ่งแช่ในอ่างน้ำอุ่นภายใต้ไฟสลัวของห้องน้ำกว้าง อีกนานกว่ามือใหญ่จะยกขึ้นลูบใบหน้าของตนราวพยายามปัดไล่ความรู้สึกทั้งปวง เคราที่เป็นไรจางๆ เพราะขาดการดูแลในช่วงวันสองวันที่ผ่านมาถูกโกนออกไปแล้ว
เขาชอบความสะอาดเรียบร้อย อาจเป็นเพราะกฏเกณฑ์มากมายที่เขารับรู้และจำต้องทำตาม จนติดเป็นนิสัยมาตั้งแต่เด็ก และอีกทั้ง หน้าที่การงานของเขาก็ต้องการเช่นนั้นเหมือนกัน อีกเกือบสิบนาทีที่เขาลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศของห้องนอน โชยเข้ามาภายในห้องน้ำ ความอุ่นที่ร่างกายเพิ่งได้รับจากน้ำในอ่างแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นเยือกเล็กน้อย ทว่าเขาไม่ได้รีบร้อนที่จะคว้าผ้าขนหนูสีขาว การกระทำทุกอย่างราวเป็นจังหวะขั้นตอน ไม่ช้าเฉื่อย แต่ก็ไม่รีบเร่ง
ร่างสูงสมสัดส่วนในเสื้อคุมสีขาว พาดผ้าขนหนูบนราว แล้วเดินออกมายังตู้เสื้อผ้าในห้องนอน เสื้อเชิ้ตทำงานเรียงรายตามสีผ้านั้นถูกรีดแขวนไว้อย่างเรียบร้อย การเลือกเสื้อผ้าเนื้อดีที่จะใส่นั้นเป็นไปอย่างเร็ว ก่อนจะหยิบกางเกงทำงานสีเข้มออกมาสวมตาม แล้วจึงคว้าเน็คไทราคาแพงยี่ห้อดังมาผูกอย่างคล่องแคล่ว
ม่านหน้าต่างที่เปิดออกทำให้แสงแดดยามเช้าของกรุงเทพฯ ส่องตรงมุมนั้นเพียงไรอ่อนๆ แลดูสบายตา
ห้องพักใหญ่ขนาดสองห้องนอนที่อยู่บนชั้นสูงทำให้สามารถมองเห็นวิวของบรรดาตึกระฟ้าได้ถนัดตา พอๆ กับที่เขาสามารถเห็นการจราจรบนท้องถนนด้านล่างได้เป็นอย่างดี
และเมื่อแต่งตัวเสร็จ ภูเก็ตจึงเดินออกมาด้านนอก การตกแต่งของห้องรับแขกและบริเวณมุมโต๊ะอาหารนั้นด้วยเฟอร์นิเจอร์ชั้นดีเฉดเช่นในห้องนอน ของหลายอย่างแลดูมีราคาสำหรับคนที่ได้มาเยือน มาเห็น ทว่าคงมีเพียงเจ้าตัวที่รู้ว่า ราคาที่แท้จริงนั้นไม่ได้แพงลิบลิ่วอย่างที่หลายคนคิด
หนึ่งในความสามารถของเขาก็คือการหาและใช้ของที่ดูดีมีราคา หากไม่มีค่าเอาเสียเลย
ดวงตาคมแฝงรอยหม่นๆ กวาดมองไปรอบๆ อีกครั้ง ก่อนที่เขาจะหันเปิดเครื่องรับฝากข้อความของโทรศัพท์ แล้วจึงสาวเท้าเนือยๆ ไปบริเวณครัวเพื่อดื่มน้ำที่เย็นฉ่ำ
ข้อความแรกนั้นจากผู้เป็นมารดา ถามไถ่ถึงสารทุกข์สุขดิบของเขาเช่นเคย เพียงแต่ว่าชายหนุ่มจัดแจงลบข้อความนั้นเสียโดยไม่รอฟังให้จบ
เขาทำจนชินเสียแล้ว
มันจึงไม่มีอะไรแปลก
ไม่แปลกสำหรับคนที่ชินชากับการอยู่เพียงลำพังเช่นเขา
ชิน…มานานแล้ว
ข้อความที่สองนั้นน่าสนใจกว่า เจ้าของห้องพักที่เขาเช่าอยู่บอกในสิ่งที่ได้ระแคะระคายมาบ้างแล้ว
“เรื่องการเช่าและสัญญานั้นไม่มีปัญหา เจ้าของห้องคนใหม่เขาไม่เปลี่ยนอะไร แต่ถ้าหมดสัญญาซึ่งก็อีกเก้าเดือนข้างหน้า เจ้าของห้องคนใหม่เขาบอกว่าจะไม่ต่อค่ะ พอดีคนซื้อเขาซื้อห้องข้างๆ ที่ว่างอยู่ของพี่ไปด้วย คงกะจะตีทะลุกันให้ถึงสองห้อง ยังไงคุณภูเก็ตคงต้องเตรียมหาห้องพักใหม่ค่ะ”
การถอนหายใจหลังจากฟังข้อความทั้งหมดนั้นแสดงถึงความเหนื่อยหน่าย
“ไหนว่าจะขายต่อให้เรา” มือของเขาปรับปมเน็คไทให้เข้าที่ “สงสัยทางโน้นเงินถึง เพราะเล่นซื้อตั้งสองห้อง ยัยป้าเลยสบายไป มีเงินก้อนใหญ่ในมือ”
เงิน…ปัจจัยสำคัญของชีวิต ที่แทบทุกคนพยายามไขว่คว้าให้ได้มา
แต่ก็มีหลายสิ่งที่เงินกลับซื้อไม่ได้เลย
มือใหญกำถือกระเป๋าโน๊ตบุ๊คแน่นเสียจนเห็นเป็นนูนเส้นเลือด ต่างจากมือข้างที่มีเสื้อสูทสีเข้มพาดไว้บนแขน ภูเก็ตกดลิฟท์ลงมาด้านล่าง ส่งรอยยิ้มและน้ำเสียงทักทายพนักงานต้อนรับของฝั่งคอนโดอย่างสดใส ไร้แววเหนื่อยล้าใดๆ ที่เคยปรากฏก่อนหน้า
เขาเดินตัวตรง มาดมั่นจนเป็นบุคลิคที่ทำให้คนที่เดินสวนไปต้องเหลียวมอง
“ขอบใจ” ภูเก็ตไม่ลืมที่จะบอกกับพนักงานเบลล์บอยที่ขึ้นไปรับกุญแจรถพร้อมถุงสัมภาระข้าวของ และจัดการนำรถมาจอดรอด้านหน้าให้เช่นเคย
รถยุโรปคันเล็กขนาดสี่ประตูกลางเก่ากลางใหม่ออกตัวอย่างรวดเร็วเพื่อเข้าสู่ถนนใหญ่ การจราจรในช่วงเช้ามีติดขัดบ้างด้วยปริมาณรถ และถึงแม้ว่าคอนโดที่พักของเขาจะอยู่ไม่ไกลจากออฟฟิศนัก แต่การเดินทางโดยปรกติทั่วไปของวันทำงานนั้นมักใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง
สำนักงานใหญ่ของธนาคาร ‘ลูกครึ่ง’ กินเนื้อที่ทั้งตึกของอาคารสูงใจกลางกรุง
ภูเก็ตไม่จำเป็นต้องกดชั้นทำงานของเขา เพราะมีผู้หญิงคนหนึ่งจัดการให้เสร็จสรรพ แถมยังชวนคุยอีกต่างหาก
การสนทนานั้นตามมารยาทเท่านั้น เพราะคนอย่างเขาไม่สนใจที่จะคบหากับใครในธนาคารอยู่แล้ว
‘ปล่อยให้พวกสาวๆ เพ้อไปแบบนั้นดีกว่า’
นั่นคือข้ออ้างกับเพื่อนร่วมงานบางคน
หากกับคนที่สนิท เขาก็จะบอกความจริง
‘เจอหน้ากันเช้า สาย บ่าย เย็น ดึก ฉันคงกระอักตายก่อนพอดี’ แล้วไหนยัง ‘ปล่อยให้พวกสาวๆ เพ้อไปแบบนั้นแหละ บางทีเวลาขอให้ฝ่ายอื่นๆ ช่วยงานจะได้ง่าย’
เพราะภูเก็ตมักคิดถึง…
ผล
ผลเสีย
ผลพลอยได้
ผลประโยชน์
และถ้าเสียมากกว่าได้ ก็อย่าเสี่ยงเลยดีกว่า
“ซื้อขนมมาฝาก”
เสียงกังวานสดใสประกาศลั่นเมื่อเจ้าตัวเข้ามาที่ฝ่าย พร้อมกับวางถุงที่บรรจุขนมของฝากไว้บนโต๊ะกลางที่ใช้สำหรับวางขนมของจุกจิกต่างๆ
ยังดีที่คนในแผนกนั้นมีเพียงสิบกว่าคน ไม่เช่นนั้นเขาคนต้องแบบของมาจนหลังอานเลยก็เป็นได้
การทักทายกับคนอื่นๆ ในฝ่ายนั้นเป็นไปอีกครู่อย่างสนุกสนาน ก่อนที่จะมีเสียงเตือน
“มีประชุมฝ่ายเก้าโมงนะจ๊ะ” ผู้เป็นเลขาฯ ของฝ่ายย้ำเฉพาะเจาะจง
“ครับผม” ภูเก็ตลากเสียงหวานบอก รอยยิ้มสดใสแกมกรุ้มกริมเป็นที่คุ้นตาของคนที่ได้เห็น
“แต่ก็ยังกล้ามาซะเส้นยาแดงฝ่าแปด แถมยืนเมาท์อย่างใจเย็นได้อีก”
“ก็ผมเป็นคนใจเย็นนี่ครับพี่” ชายหนุ่มบอกอย่างอารมณ์ดี “แล้วก็เข้าสายนิดหน่อยก็จะได้ทำให้คนที่มาสายยิ่งกว่าไม่ดูน่าเกลียดจนเกินไปนัก”
ผู้เป็นเลขาฯ ได้แต่หัวเราะบอกว่า “คุณภูเก็ตรู้จักพูดจริงๆ มิน่าต่อให้ลูกค้าร้ายกาจแค่ไหนก็เอาได้อยู่หมัดหมด”
“ไม่จริงหรอกครับพี่” เขาแย้งอย่างสนุก “เพราะถ้าเจอลูกค้าสวยๆ ผมน่ะซิจะอยู่ใต้กรงเล็บหล่อน นี่คิดว่าผมมาเป็นคนสุดท้ายซะอีก คราวนี้คงได้กินกาแฟจากเศษเงินของยัยธิแน่ๆ” คนพูดหันไปทางหญิงสาวที่เพิ่งเดินเข้ามา “เธอยังสายไม่สร่างซานะ”
“ไม่สายย่ะ นี่แปดโมงห้าสิบเจ็ดนาที” ผู้หญิงค่อนข้างเจ้าเนื้อรูปร่างสูงกว่าหญิงสาวทั่วไปบอก “แล้วไหนของฝากของฉันล่ะ ขนมกล่องใหญ่ที่เสัญญาไว้น่ะ”
“ไม่ต้องทวงหรอกน่า อุตส่าห์เอามาวางไว้ให้บนโต๊ะแล้ว ยังมองข้ามอีก”
“แหม…คงเพราะราศีของท่านจับน่ะซิ แกเพิ่งได้โปร์โมตใหม่ๆ แถมควบทั้งทีมเอและทีมซี แสงออร่ามันออกวาววับวูบวาบ ฉันเลยมองไม่เห็น” สาธิณีบอกพร้อมกับวางกระเป๋าสะพาย แล้วหยิบขนมกล่องใหญ่ขึ้นมา
“ให้ถึงทีเธอบ้างเถอะธิ ฉันจะดูว่าแสงอะไรมันออก”
การสนทนาอย่างสนุกเป็นไปอีกเพียงครู่ก็มีเสียงเรียกจากห้องประชุม
เมื่อนั้นภูเก็ตจึงรีบบอก “นายเรียกแล้ว รีบไปกันเถอะ ฉันกลัวออร่าฉันหายว่ะ”
คำบอกนี้เรียกเสียงหัวเราะในยามเช้าได้ ทุกคนต่างรีบหยิบสมุดปากกาของตนเองแล้วเดินตรงไปยังห้องประชุมใหญ่
“แกเตรียมตัวไว้ด้วยนะ” สาธิณีกระซิบเตือน “เพราะมีลูกค้ารายหนึ่งกำลังถอนเงินลงทุนออกไป ได้ข่าวว่าคู่แข่งปล่อยข่าวไม่ดีเกี่ยวกับเราเพื่อจะแย่งบัญชีนี้”
“ใคร”
“ก็ลูกค้าของฉัน ที่มีธุรกิจรีสอร์ทที่ภูเก็ต อาจต้องให้แกเข้าไปช่วยว่ะ โทษทีนะ”
“ไม่เป็นไร ช่วยเท่าที่จะทำได้”
“ไอ้สาริกาลิ้นทองอย่างแกก็คงทำได้ล่ะ” คนพูดหัวเราะ “คราวนี้ภูเก็ตได้ไปภูเก็ตซะที”
“เพื่อเงินของลูกค้าและโบนัสก้อนโตของฝ่ายเรา จะให้ฉันไปไหนก็ไปได้ สบายมาก”
คนพูดย่อมรู้ว่านั่นคือความจริง
ให้เป็นเรื่องงาน…เขาไปไหนก็ได้ที่ต้องไป
เพื่อความสำเร็จ
ในเรื่องส่วนตัว…ถ้าเขาทำได้เช่นนี้ก็คงดี
(ต่อ)
อาทิตย์อับแสง (บทที่ 2) โดย มานัส
ยังดีที่เมื่อคืนชินนภาทำตามที่เธอพูดไว้ว่าจะส่งเพียงข้างล่าง เพราะแม้กระทั่งเช้าของวันใหม่นี้ ภูเก็ตก็ยังรู้สึกเหนื่อยล้า
ร่างสูงนอนนิ่งแช่ในอ่างน้ำอุ่นภายใต้ไฟสลัวของห้องน้ำกว้าง อีกนานกว่ามือใหญ่จะยกขึ้นลูบใบหน้าของตนราวพยายามปัดไล่ความรู้สึกทั้งปวง เคราที่เป็นไรจางๆ เพราะขาดการดูแลในช่วงวันสองวันที่ผ่านมาถูกโกนออกไปแล้ว
เขาชอบความสะอาดเรียบร้อย อาจเป็นเพราะกฏเกณฑ์มากมายที่เขารับรู้และจำต้องทำตาม จนติดเป็นนิสัยมาตั้งแต่เด็ก และอีกทั้ง หน้าที่การงานของเขาก็ต้องการเช่นนั้นเหมือนกัน อีกเกือบสิบนาทีที่เขาลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศของห้องนอน โชยเข้ามาภายในห้องน้ำ ความอุ่นที่ร่างกายเพิ่งได้รับจากน้ำในอ่างแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นเยือกเล็กน้อย ทว่าเขาไม่ได้รีบร้อนที่จะคว้าผ้าขนหนูสีขาว การกระทำทุกอย่างราวเป็นจังหวะขั้นตอน ไม่ช้าเฉื่อย แต่ก็ไม่รีบเร่ง
ร่างสูงสมสัดส่วนในเสื้อคุมสีขาว พาดผ้าขนหนูบนราว แล้วเดินออกมายังตู้เสื้อผ้าในห้องนอน เสื้อเชิ้ตทำงานเรียงรายตามสีผ้านั้นถูกรีดแขวนไว้อย่างเรียบร้อย การเลือกเสื้อผ้าเนื้อดีที่จะใส่นั้นเป็นไปอย่างเร็ว ก่อนจะหยิบกางเกงทำงานสีเข้มออกมาสวมตาม แล้วจึงคว้าเน็คไทราคาแพงยี่ห้อดังมาผูกอย่างคล่องแคล่ว
ม่านหน้าต่างที่เปิดออกทำให้แสงแดดยามเช้าของกรุงเทพฯ ส่องตรงมุมนั้นเพียงไรอ่อนๆ แลดูสบายตา
ห้องพักใหญ่ขนาดสองห้องนอนที่อยู่บนชั้นสูงทำให้สามารถมองเห็นวิวของบรรดาตึกระฟ้าได้ถนัดตา พอๆ กับที่เขาสามารถเห็นการจราจรบนท้องถนนด้านล่างได้เป็นอย่างดี
และเมื่อแต่งตัวเสร็จ ภูเก็ตจึงเดินออกมาด้านนอก การตกแต่งของห้องรับแขกและบริเวณมุมโต๊ะอาหารนั้นด้วยเฟอร์นิเจอร์ชั้นดีเฉดเช่นในห้องนอน ของหลายอย่างแลดูมีราคาสำหรับคนที่ได้มาเยือน มาเห็น ทว่าคงมีเพียงเจ้าตัวที่รู้ว่า ราคาที่แท้จริงนั้นไม่ได้แพงลิบลิ่วอย่างที่หลายคนคิด
หนึ่งในความสามารถของเขาก็คือการหาและใช้ของที่ดูดีมีราคา หากไม่มีค่าเอาเสียเลย
ดวงตาคมแฝงรอยหม่นๆ กวาดมองไปรอบๆ อีกครั้ง ก่อนที่เขาจะหันเปิดเครื่องรับฝากข้อความของโทรศัพท์ แล้วจึงสาวเท้าเนือยๆ ไปบริเวณครัวเพื่อดื่มน้ำที่เย็นฉ่ำ
ข้อความแรกนั้นจากผู้เป็นมารดา ถามไถ่ถึงสารทุกข์สุขดิบของเขาเช่นเคย เพียงแต่ว่าชายหนุ่มจัดแจงลบข้อความนั้นเสียโดยไม่รอฟังให้จบ
เขาทำจนชินเสียแล้ว
มันจึงไม่มีอะไรแปลก
ไม่แปลกสำหรับคนที่ชินชากับการอยู่เพียงลำพังเช่นเขา
ชิน…มานานแล้ว
ข้อความที่สองนั้นน่าสนใจกว่า เจ้าของห้องพักที่เขาเช่าอยู่บอกในสิ่งที่ได้ระแคะระคายมาบ้างแล้ว
“เรื่องการเช่าและสัญญานั้นไม่มีปัญหา เจ้าของห้องคนใหม่เขาไม่เปลี่ยนอะไร แต่ถ้าหมดสัญญาซึ่งก็อีกเก้าเดือนข้างหน้า เจ้าของห้องคนใหม่เขาบอกว่าจะไม่ต่อค่ะ พอดีคนซื้อเขาซื้อห้องข้างๆ ที่ว่างอยู่ของพี่ไปด้วย คงกะจะตีทะลุกันให้ถึงสองห้อง ยังไงคุณภูเก็ตคงต้องเตรียมหาห้องพักใหม่ค่ะ”
การถอนหายใจหลังจากฟังข้อความทั้งหมดนั้นแสดงถึงความเหนื่อยหน่าย
“ไหนว่าจะขายต่อให้เรา” มือของเขาปรับปมเน็คไทให้เข้าที่ “สงสัยทางโน้นเงินถึง เพราะเล่นซื้อตั้งสองห้อง ยัยป้าเลยสบายไป มีเงินก้อนใหญ่ในมือ”
เงิน…ปัจจัยสำคัญของชีวิต ที่แทบทุกคนพยายามไขว่คว้าให้ได้มา
แต่ก็มีหลายสิ่งที่เงินกลับซื้อไม่ได้เลย
มือใหญกำถือกระเป๋าโน๊ตบุ๊คแน่นเสียจนเห็นเป็นนูนเส้นเลือด ต่างจากมือข้างที่มีเสื้อสูทสีเข้มพาดไว้บนแขน ภูเก็ตกดลิฟท์ลงมาด้านล่าง ส่งรอยยิ้มและน้ำเสียงทักทายพนักงานต้อนรับของฝั่งคอนโดอย่างสดใส ไร้แววเหนื่อยล้าใดๆ ที่เคยปรากฏก่อนหน้า
เขาเดินตัวตรง มาดมั่นจนเป็นบุคลิคที่ทำให้คนที่เดินสวนไปต้องเหลียวมอง
“ขอบใจ” ภูเก็ตไม่ลืมที่จะบอกกับพนักงานเบลล์บอยที่ขึ้นไปรับกุญแจรถพร้อมถุงสัมภาระข้าวของ และจัดการนำรถมาจอดรอด้านหน้าให้เช่นเคย
รถยุโรปคันเล็กขนาดสี่ประตูกลางเก่ากลางใหม่ออกตัวอย่างรวดเร็วเพื่อเข้าสู่ถนนใหญ่ การจราจรในช่วงเช้ามีติดขัดบ้างด้วยปริมาณรถ และถึงแม้ว่าคอนโดที่พักของเขาจะอยู่ไม่ไกลจากออฟฟิศนัก แต่การเดินทางโดยปรกติทั่วไปของวันทำงานนั้นมักใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง
สำนักงานใหญ่ของธนาคาร ‘ลูกครึ่ง’ กินเนื้อที่ทั้งตึกของอาคารสูงใจกลางกรุง
ภูเก็ตไม่จำเป็นต้องกดชั้นทำงานของเขา เพราะมีผู้หญิงคนหนึ่งจัดการให้เสร็จสรรพ แถมยังชวนคุยอีกต่างหาก
การสนทนานั้นตามมารยาทเท่านั้น เพราะคนอย่างเขาไม่สนใจที่จะคบหากับใครในธนาคารอยู่แล้ว
‘ปล่อยให้พวกสาวๆ เพ้อไปแบบนั้นดีกว่า’
นั่นคือข้ออ้างกับเพื่อนร่วมงานบางคน
หากกับคนที่สนิท เขาก็จะบอกความจริง
‘เจอหน้ากันเช้า สาย บ่าย เย็น ดึก ฉันคงกระอักตายก่อนพอดี’ แล้วไหนยัง ‘ปล่อยให้พวกสาวๆ เพ้อไปแบบนั้นแหละ บางทีเวลาขอให้ฝ่ายอื่นๆ ช่วยงานจะได้ง่าย’
เพราะภูเก็ตมักคิดถึง…ผล
ผลเสีย
ผลพลอยได้
ผลประโยชน์
และถ้าเสียมากกว่าได้ ก็อย่าเสี่ยงเลยดีกว่า
“ซื้อขนมมาฝาก”
เสียงกังวานสดใสประกาศลั่นเมื่อเจ้าตัวเข้ามาที่ฝ่าย พร้อมกับวางถุงที่บรรจุขนมของฝากไว้บนโต๊ะกลางที่ใช้สำหรับวางขนมของจุกจิกต่างๆ
ยังดีที่คนในแผนกนั้นมีเพียงสิบกว่าคน ไม่เช่นนั้นเขาคนต้องแบบของมาจนหลังอานเลยก็เป็นได้
การทักทายกับคนอื่นๆ ในฝ่ายนั้นเป็นไปอีกครู่อย่างสนุกสนาน ก่อนที่จะมีเสียงเตือน
“มีประชุมฝ่ายเก้าโมงนะจ๊ะ” ผู้เป็นเลขาฯ ของฝ่ายย้ำเฉพาะเจาะจง
“ครับผม” ภูเก็ตลากเสียงหวานบอก รอยยิ้มสดใสแกมกรุ้มกริมเป็นที่คุ้นตาของคนที่ได้เห็น
“แต่ก็ยังกล้ามาซะเส้นยาแดงฝ่าแปด แถมยืนเมาท์อย่างใจเย็นได้อีก”
“ก็ผมเป็นคนใจเย็นนี่ครับพี่” ชายหนุ่มบอกอย่างอารมณ์ดี “แล้วก็เข้าสายนิดหน่อยก็จะได้ทำให้คนที่มาสายยิ่งกว่าไม่ดูน่าเกลียดจนเกินไปนัก”
ผู้เป็นเลขาฯ ได้แต่หัวเราะบอกว่า “คุณภูเก็ตรู้จักพูดจริงๆ มิน่าต่อให้ลูกค้าร้ายกาจแค่ไหนก็เอาได้อยู่หมัดหมด”
“ไม่จริงหรอกครับพี่” เขาแย้งอย่างสนุก “เพราะถ้าเจอลูกค้าสวยๆ ผมน่ะซิจะอยู่ใต้กรงเล็บหล่อน นี่คิดว่าผมมาเป็นคนสุดท้ายซะอีก คราวนี้คงได้กินกาแฟจากเศษเงินของยัยธิแน่ๆ” คนพูดหันไปทางหญิงสาวที่เพิ่งเดินเข้ามา “เธอยังสายไม่สร่างซานะ”
“ไม่สายย่ะ นี่แปดโมงห้าสิบเจ็ดนาที” ผู้หญิงค่อนข้างเจ้าเนื้อรูปร่างสูงกว่าหญิงสาวทั่วไปบอก “แล้วไหนของฝากของฉันล่ะ ขนมกล่องใหญ่ที่เสัญญาไว้น่ะ”
“ไม่ต้องทวงหรอกน่า อุตส่าห์เอามาวางไว้ให้บนโต๊ะแล้ว ยังมองข้ามอีก”
“แหม…คงเพราะราศีของท่านจับน่ะซิ แกเพิ่งได้โปร์โมตใหม่ๆ แถมควบทั้งทีมเอและทีมซี แสงออร่ามันออกวาววับวูบวาบ ฉันเลยมองไม่เห็น” สาธิณีบอกพร้อมกับวางกระเป๋าสะพาย แล้วหยิบขนมกล่องใหญ่ขึ้นมา
“ให้ถึงทีเธอบ้างเถอะธิ ฉันจะดูว่าแสงอะไรมันออก”
การสนทนาอย่างสนุกเป็นไปอีกเพียงครู่ก็มีเสียงเรียกจากห้องประชุม
เมื่อนั้นภูเก็ตจึงรีบบอก “นายเรียกแล้ว รีบไปกันเถอะ ฉันกลัวออร่าฉันหายว่ะ”
คำบอกนี้เรียกเสียงหัวเราะในยามเช้าได้ ทุกคนต่างรีบหยิบสมุดปากกาของตนเองแล้วเดินตรงไปยังห้องประชุมใหญ่
“แกเตรียมตัวไว้ด้วยนะ” สาธิณีกระซิบเตือน “เพราะมีลูกค้ารายหนึ่งกำลังถอนเงินลงทุนออกไป ได้ข่าวว่าคู่แข่งปล่อยข่าวไม่ดีเกี่ยวกับเราเพื่อจะแย่งบัญชีนี้”
“ใคร”
“ก็ลูกค้าของฉัน ที่มีธุรกิจรีสอร์ทที่ภูเก็ต อาจต้องให้แกเข้าไปช่วยว่ะ โทษทีนะ”
“ไม่เป็นไร ช่วยเท่าที่จะทำได้”
“ไอ้สาริกาลิ้นทองอย่างแกก็คงทำได้ล่ะ” คนพูดหัวเราะ “คราวนี้ภูเก็ตได้ไปภูเก็ตซะที”
“เพื่อเงินของลูกค้าและโบนัสก้อนโตของฝ่ายเรา จะให้ฉันไปไหนก็ไปได้ สบายมาก”
คนพูดย่อมรู้ว่านั่นคือความจริง
ให้เป็นเรื่องงาน…เขาไปไหนก็ได้ที่ต้องไป
เพื่อความสำเร็จ
ในเรื่องส่วนตัว…ถ้าเขาทำได้เช่นนี้ก็คงดี
(ต่อ)