เพ่งให้เห็นธรรม เพ่งให้ทะลุระบอบทักษิณ กวนน้ำให้ใส สารส้ม แนวหน้าออนไลน์

กระทู้สนทนา
พระครูสุเทพสิทธิคุณ หรือ “หลวงพ่อพันเทวา” เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง
เกจิอาจารย์ชื่อดังของเมืองเชียงใหม่ ขึ้นชื่อด้านวิชาอาคม
เป็นที่นับถือในกลุ่มคนเสื้อแดง และเป็นพระอาจารย์ของทักษิณ ชินวัตร
ได้ประกอบพิธี “เพ่งดวงอาทิตย์ด้วยตาเปล่า” ที่บริเวณหน้าวิหารของ
วัดศรีบุญเรือง เมื่อวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา เป็นเวลานานกว่า 30 นาที

ในพิธีนี้ มีการสวดปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายที่กำลังคุกคามนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
สวดแผ่เมตตา และสวดขอบารมีสุริยะเทพปัดเป่าคุณไสย์ที่มีคนทำไว้ใน
ทำเนียบรัฐบาลให้เบาบางลง เพื่อบรรเทาเคราะห์กรรมของรัฐบาล
หลวงพ่อพันเทวา กล่าวว่า วันนี้เป็นวันเสาร์ 5 เป็นวันดีที่เหมาจะประกอบพิธี
เพราะในอดีตมีกลุ่มคนเข้าไปชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล
ซึ่งคนเหล่านั้นมีจุดประสงค์ต้องการล้มล้างรัฐบาล มีการทำคุณไสย์ใส่รัฐบาล
โดยการนำดิน ทราย ในโรงศพ และกระดูก 7 ป่าช้า มาใส่ไว้ที่ประตูทำเนียบรัฐบาล
ทุกประตู แม้รัฐบาลใหม่หลายยุคจะเข้ามาและมีการทำพิธีและทำความสะอาดแล้ว
แต่พิธีเหล่านั้นทำแบบไม่ถูกหลัก คุณไสย์ยังคงอยู่ ทำให้รัฐบาลประสพปัญหาต่างๆ นานา
ทั้งตัวนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเอง พิธีในวันนี้เป็นการขอบารมีสุริยะเทพ
ลดกระแสความร้อนแรงของสถานการณ์บ้านเมืองลง และปัดเป่าคลายปัญหา
ให้เบาบางลง เรื่องนี้ทาง พ.ต.ท.ทักษิณได้ทราบเรื่องแล้ว และก็เห็นดีด้วย

1) พระรูปนี้ เคยขึ้นเวทีเสื้อแดงมาแล้วท่านเป็นพระอาจารย์ของทักษิณ
ในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เคยเอาเลือดไปเทที่หน้าค่ายทหาร จังหวัดเชียงใหม่
เพราะฉะนั้น เมื่อท่านอ้างว่า ทักษิณได้ทราบเรื่องพิธีกรรมนี้แล้ว และเห็นชอบด้วย
ก็พอจะเชื่อท่านได้

2) นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พระรูปนี้ประกอบพิธีพรรค์อย่างนี้
ปีที่แล้วท่านก็ทำ… ท่านเคยบอกกล่าวว่า ไม่ใช่ทำเพื่อสาปแช่งบุคคลให้ยิ้ม
ไม่ได้ใช้ในทางที่ผิดที่จะไปทำร้ายใคร ในเรื่องการเพ่งตะวัน
ในผู้ที่เรียนรู้การเพ่งกสิณ จะรู้กันว่ามีการเพ่งกสิณไฟ กสิณน้ำ กสิณลม กสิณดิน
อาตมาเพ่งกสิณดวงอาทิตย์  ท่านยืนยันว่าไม่ผิดพระธรรมวินัย
ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรืออวดอ้างวิชาเหนือมนุษย์ใดๆ
“อาตมาจะบอกเลยว่า ถึงแม้กระทั่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ลูกศิษย์คนหนึ่ง ถูกพวกที่ไม่หวังดี นำเดรัจฉานวิชา ทั้งผงกระดูกผีตายโหง
สิ่งอัปมงคล เข้าไปไว้ตามหน้าประตูบ้านจันทร์ส่องหล้า อาตมาก็ทราบดี
แต่ไม่กล้าบอกไม่กล้าเตือน เพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์ จน พ.ต.ท.ทักษิณ หมดสง่าราศี
คนที่รักก็หน่ายหนีไป คนที่ร้ายก็ชังและชังหนักขึ้นไป กลายเป็นคนดวงตก”

3) ที่น่าสนใจ คือ วิธีอธิบายภาวะเสื่อมความนิยมของทักษิณและยิ่งลักษณ์  
พระรูปนี้พยายามจะอ้างว่า เป็นเพราะถูกคุณไสย์เล่นงาน กระดูกผีเจ็ดป่าช้าบ้าง
กระดูกผีตายโหงบ้าง
คือพยายามจะอ้างว่า สาเหตุที่คนด่านายกฯ ยิ่งลักษณ์ หรือรังเกียจทักษิณ มิใช่เพราะ
“กรรม” หรือ พฤติกรรมการใช้อำนาจ การบริหารประเทศที่บกพร่อง ผิดพลาด ล้มเหลว
ไม่ปกป้องดูแลผลประโยชน์ส่วนรวม ลอยแพปัญหาชาวบ้าน
เอาผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องมาก่อนผลประโยชน์ของประชาชน
ทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน ฯลฯ แต่ตัดตอนว่าเป็นเพราะถูกคุณไสย์เล่นงาน
มีคำพังเพยว่า “รำไม่ได้โทษปี่โทษกลอง” แต่ครั้งนี้ “เป็นนายกฯ ไม่ดี โทษผีตายโหง”

4) คอลัมน์ “ประกายสำนึก” ในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ โดย “พระจันทร์”
เคยเขียนกลอนธรรมะว่าด้วยเรื่อง “เพี้ยนพุทธเพื่อไทย?” เตือนว่า
“พระเพ่งดวงอาทิตย์ ทำเสื่อมถอย
เพี้ยนพุทธด่างพร้อย พลอยผิดผัน
เลิกนับถือพระพุทธเจ้า มัวเมามัน    
เปลี่ยนนับถือเทพเทวัญ-มิเว้นวาย
ศาสนาพุทธสุดสิ้น อินเดียประเทศ                
เพราะนำพาเรื่องอาเพศ มาผันผาย
เพิ่มพูนขยะ "เทวนิยม" ผู้โง่งมงาย              
พุทธล้มพับกลับกลาย หายจากอินเดีย”

5) หากจะว่าด้วยเรื่องเพ่งกสิณ หรือการปฏิบัติพระกรรมฐาน
ก็จะมีกฎที่พระนักปฏิบัติท่านสอนสั่งกันไว้
                “การปฏิบัติพระกรรมฐานในพระพุทธศาสนา
มีกฎของการปฏิบัติเพื่อผลของการบรรลุ เพราะฉะนั้น จะต้องรักษาศีลให้บริสุทธิ์  
แม้แต่ศีลจะมัวหมองก็มิยอม ด้วยมีวิธีรักษาดังนี้ จะไม่ทำลายศีลให้ขาดเอง
ไม่แนะนำให้คนอื่นทำลายศีล และไม่ยินดีต่อเมื่อเห็นผู้อื่นทำลายศีล...”
น่าคิดว่า การเพ่งกสิณด้วยการจ้องดวงอาทิตย์ เพื่อหวังจะช่วยนักการเมืองอย่างทักษิณ
และ/หรือยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งมีพฤติกรรมผิดศีล ทำลายศีลอยู่เสมอ ไม่ว่าจะโกหก
โป้ปด หลอกลวง รวมถึงศีลห้าอีกหลายข้อ
และโดยเฉพาะการกระทำหรือปล่อยให้ผู้อื่นกระทำการทุจริตโกงกินบ้านเมือง
ซึ่งในกรณีของทักษิณนั้นถึงกับมีคำพิพากษาชี้ขาด
คำพิพากษาระบุพฤติกรรมการทุจริตชัดเจนเอาไว้แล้วด้วยซ้ำ
เพ่งกสิณรับใช้คนพรรค์นี้ มันจะไหวหรือท่าน?

6) พุทธศาสนาสอนเรื่องการปฏิบัติธรรม การปฏิบัติสมาธิ เพื่อนำไปสู่พุทธิปัญญา
รู้แจ้งเห็นจริง และนำไปสู่การดับทุกข์ของตนเอง
มิใช่เพื่อดับทุกข์ให้คนเลวคนชั่ว แก้กรรมให้คนชั่ว
กรณีความเสื่อมทรามหรือความเลวร้ายของระบอบทักษิณนี้ ก็ควรจะเพ่งพินิจด้วยหลัก
“ปฏิจจสมุปบาท” หรือ  “อิทัปปจยตา” คือ พิจารณาด้วยหลักเหตุและผล
เพราะเหตุนี้จึงมีสิ่งนี้ เพราะสิ่งนี้จึงเกิดสิ่งนั้น
เพราะรัฐบาลระบอบทักษิณมีกการใช้อำนาจมิชอบ ไม่ถือธรรมะในการปกครอง เลือกปฏิบัติ
ไม่รักษาคำพูด ไม่ทำนุบำรุงอาณาประชาราษฎร์อย่างแท้จริง แพงทั้งแผ่นดิน
แต่ใช้วิธีตลบตะแลง ตบตาประชาชนด้วยนโยบายเอาหน้าประชานิยม สร้างภาพ สร้างหนี้
สร้างภาระทางการคลังแก่แผ่นดิน เกิดการทุจริตแพร่หลาย หนักหน่วง
มีการฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ผ่านนโยบายสงครามยาเสพติด ไฟใต้ ทำลายระบบกฎหมาย
ทำลายรัฐธรรมนูญ ฯลฯเพราะเหตุนี้จึงมีคนไม่พอใจ ประท้วงคัดค้าน กระทั่งมีคนอ้าง
เหตุรัฐประหารถึงวันนี้ ยิ่งลักษณ์ก็กำลังกระทำการ “ก่อกรรมซ้ำรอย”
ประชาชนทั่วไปเขาจึงวิพากษ์วิจารณ์ ติฉินนินทา ไปจนถึงประท้วงคัดค้าน
และยื่นศาลตรวจสอบตามกฎหมาย
เพ่งอะไรก็เพ่งเถิด แต่เพ่งให้เห็นความจริง
เพ่งให้ทะลุม่านกิเลส มิใช่แค่ว่ามันเป็น “ลูกศิษย์ku” หรือ “พวกku”
ก็เลยจะต้องช่วยกันอุ้มมันตลอดไป

สารส้ม

http://www.naewna.com/politic/columnist/8997

บทความแบบนี้  หาอ่านได้ที่เดียว  ใน "แนวหน้า"
อ่านแล้วจะกด "ถูกใจ"  หรือ  "ขำกลิ้ง"  ยิ้ม

สาวแว่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่