10 เม.ย. 2556
ชวนนท์ ตอบโต้ ข้อมูลการใช้หนี้ IMF ยืนยันเวทีนี้เป็นของผู้มีความรู้ ไม่ใช่พวกจำอวดข้างถนน
(10 เม.ย.2556) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยตอบโต้ข้อมูลการใช้หนี้ IMF และยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ที่มีส่วนสำคัญในการหารายได้เข้าประเทศรวมทั้งเป็นผู้ใช้หนี้ IMF ก่อนกำหนดนั้น ตนยืนยันอีกครั้งว่า ข้อมูลต่างๆ ที่ได้มีการนำมาเปิดเผยนั้นเป็นผู้มูลจริงที่สามารถยืนยันเอกสารทางประวัติศาสตร์ต่างๆ ซึ่งระบุชัดว่า
1. พ.ต.ท.ทักษิณนั้นเข้าร่วม รัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หลังจากที่ได้มีการทำหนังสือแสดงเจตจำนงขอกู้เงินจาก IMF ในวันที่ 14 สค. 2540 เป็นการกู้เงินงวดที่ 1 หลังจากนั้น 1 วัน พ.ต.ท.ทักษิณก็เข้ามาดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีกุมงานด้านเศรษฐกิจ รวมทั้งนั่งตำแหน่งประธานคณะกรรมการ กำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการยอมรับเงื่อนไขการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และกฎหมายที่ออกมาต่อเนื่องอีก 11 ฉบับ ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น กฎหมายขายชาติ
2. พ.ต.ท.ทักษิณ ได้สละเรือไปพร้อมกับ พล.อ.ชวลิต หลังภาวะเศรษฐกิจไทยตกต่ำอย่างหนัก โดยพล.อ.ชวลิตได้มีการประกาศลาออกในวันที่ 14 พ.ย. 2540 หลังจากที่ได้มีการกู้เงินจาก IMF ในงวดที่ 2 แล้ว
3. ต่อมารัฐบาลนายชวน หลีกภัย ได้เข้ารับภาระหน้าที่ในการบริหารประเทศสืบเนื่องต่อ ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. 2540 โดยมีภาระหน้าที่หลักคือการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจที่ตกต่ำอย่างหนัก และยังไม่มีความคล่องตัว เนื่องจากเงื่อนไขต่างๆ ที่รัฐบาลชุดก่อนได้มีการไปลงนามกับ IMF
อย่างไรก็ดี พรรคประชาธิปัตย์สามารถบริหารเศรษฐกิจ ให้ฟื้นตัวกลับขึ้นมาสู่สภาวะปกติได้โดยรับความช่วยเหลือจาก IMF เพียงถึงการเบิกจ่ายงวดที่ 8 วันที่ 14 สค. 2542 และประกาศไม่ขอรับความช่วยเหลือจาก IMF ในงวดที่ 9 – 10 – 11 – 12 ตามที่รัฐบาล พล.อ.ชวลิต ได้ไปทำสัญญาไว้ แต่หยุดการกู้เพียงงวดที่ 8 หรือ ในอีกความหมายหนึ่งก็คือ ทำให้ระยะเวลาการกู้นั้นลดลงประมาณ 1 ปี เนื่องจากในสัญญานั้นจะมีการเบิกจ่ายเงินงวดกับ IMF ในระยะเวลาทุกไตรมาส (3 เดือน)
4. ต่อมา พรรคประชาธิปัตย์ได้เริ่มชำระเงินคืน IMF ในงวดแรกวันที่ 14 ส.ค. 2543 งวดที่ 2 วันที่ 14 พ.ย. 2543 เงื่อนไขการชำระเงินของ IMF นั้นจะชำระเมื่อวงเงินกู้ในแต่ละงวดมีอายุครบ 3 ปี ดังนั้นจะเห็นได้ชัดว่า พรรคประชาธิปัตย์นั้น เป็นผู้ที่ทำให้เงินงวด IMF มีระยะเวลาสั้นและจำนวนเงินที่กู้นั้นน้อยลง อันเป็นเหตุให้ การชำระคืนเงินต้นย่อมมีระยะเวลาสั้นลง 1 ปี เช่นเดียวกัน มิได้เป็นผลงานของรัฐบาลพรรคไทยรักไทย หรือของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่อย่างใด
การกล่าวอ้างดังกล่าวเป็นการกล่าวอ้าง เพียงเพื่อต้องการบิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างราคาให้กับตนเอง ทั้งๆ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ หากจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับ IMF ไม่น่าจะเป็นส่วนของการชำระหนี้ แต่น่าจะเป็นส่วนของผู้ที่มีส่วนกับการก่อหนี้ กู้หนี้ สร้างภาระให้กับประเทศ ซ้ำยังโดดสละเรือหนี ในขณะที่ประเทศได้รับวิกฤติอย่างแสนสาหัส แสดงออกถึงความไม่รับผิดชอบ และอยากจะถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ใครเป็นผู้ได้ประโยชน์จากการลดค่าเงินบาท จนบริษัทของตัวเองนั้นได้กำไร เสวยสุขบนคราบน้ำตาของประชาชน
ดังนั้นตนยืนยันว่าข้อมูลต่างๆ นั้นเป็นข้อมูลจริง และขอท้าทีมเศรษฐกิจ ของพรรคไทยรักไทยในอดีต หรือผู้ที่รู้เรื่องนี้สามารถที่จะนำข้อมูลมายืนยันกันว่าใครเป็นผู้ที่สร้างความเสียหาย ใครเป็นผู้ที่สร้างประโยชน์ให้กับประเทศ และใครเป็นพวกที่เก่งแต่ใช้เงิน และใครเป็นคนที่บริหารเศรษฐกิจเป็น
และขอร้องว่า เรื่องอย่างนี้พวกปลายแถว ไม่ต้องเสนอหน้าออกมาโต้ตอบให้เสียเวลา เพราะนี่เป็นเวทีของผู้ที่มีความรู้ ไม่ใช่เวทีของจำอวดข้างถนน
credit:
http://www.democrat.or.th/th/news-activity/news/detail.php?ELEMENT_ID=14832&SECTION_ID=29#.UWUUAzBlPRI.facebook
คุณเสื้อแดง(บางท่าน) ของยังงี้เค้าพูดพล่อยๆไม่ได้นะ เพราะมันเข้าข่ายหมิ่น เชียวนา 5555
ชวนนท์ ตอบโต้ ข้อมูลการใช้หนี้ IMF ยืนยันเวทีนี้เป็นของผู้มีความรู้ ไม่ใช่พวกจำอวดข้างถนน
(10 เม.ย.2556) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยตอบโต้ข้อมูลการใช้หนี้ IMF และยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ที่มีส่วนสำคัญในการหารายได้เข้าประเทศรวมทั้งเป็นผู้ใช้หนี้ IMF ก่อนกำหนดนั้น ตนยืนยันอีกครั้งว่า ข้อมูลต่างๆ ที่ได้มีการนำมาเปิดเผยนั้นเป็นผู้มูลจริงที่สามารถยืนยันเอกสารทางประวัติศาสตร์ต่างๆ ซึ่งระบุชัดว่า
1. พ.ต.ท.ทักษิณนั้นเข้าร่วม รัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หลังจากที่ได้มีการทำหนังสือแสดงเจตจำนงขอกู้เงินจาก IMF ในวันที่ 14 สค. 2540 เป็นการกู้เงินงวดที่ 1 หลังจากนั้น 1 วัน พ.ต.ท.ทักษิณก็เข้ามาดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีกุมงานด้านเศรษฐกิจ รวมทั้งนั่งตำแหน่งประธานคณะกรรมการ กำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการยอมรับเงื่อนไขการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และกฎหมายที่ออกมาต่อเนื่องอีก 11 ฉบับ ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น กฎหมายขายชาติ
2. พ.ต.ท.ทักษิณ ได้สละเรือไปพร้อมกับ พล.อ.ชวลิต หลังภาวะเศรษฐกิจไทยตกต่ำอย่างหนัก โดยพล.อ.ชวลิตได้มีการประกาศลาออกในวันที่ 14 พ.ย. 2540 หลังจากที่ได้มีการกู้เงินจาก IMF ในงวดที่ 2 แล้ว
3. ต่อมารัฐบาลนายชวน หลีกภัย ได้เข้ารับภาระหน้าที่ในการบริหารประเทศสืบเนื่องต่อ ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. 2540 โดยมีภาระหน้าที่หลักคือการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจที่ตกต่ำอย่างหนัก และยังไม่มีความคล่องตัว เนื่องจากเงื่อนไขต่างๆ ที่รัฐบาลชุดก่อนได้มีการไปลงนามกับ IMF
อย่างไรก็ดี พรรคประชาธิปัตย์สามารถบริหารเศรษฐกิจ ให้ฟื้นตัวกลับขึ้นมาสู่สภาวะปกติได้โดยรับความช่วยเหลือจาก IMF เพียงถึงการเบิกจ่ายงวดที่ 8 วันที่ 14 สค. 2542 และประกาศไม่ขอรับความช่วยเหลือจาก IMF ในงวดที่ 9 – 10 – 11 – 12 ตามที่รัฐบาล พล.อ.ชวลิต ได้ไปทำสัญญาไว้ แต่หยุดการกู้เพียงงวดที่ 8 หรือ ในอีกความหมายหนึ่งก็คือ ทำให้ระยะเวลาการกู้นั้นลดลงประมาณ 1 ปี เนื่องจากในสัญญานั้นจะมีการเบิกจ่ายเงินงวดกับ IMF ในระยะเวลาทุกไตรมาส (3 เดือน)
4. ต่อมา พรรคประชาธิปัตย์ได้เริ่มชำระเงินคืน IMF ในงวดแรกวันที่ 14 ส.ค. 2543 งวดที่ 2 วันที่ 14 พ.ย. 2543 เงื่อนไขการชำระเงินของ IMF นั้นจะชำระเมื่อวงเงินกู้ในแต่ละงวดมีอายุครบ 3 ปี ดังนั้นจะเห็นได้ชัดว่า พรรคประชาธิปัตย์นั้น เป็นผู้ที่ทำให้เงินงวด IMF มีระยะเวลาสั้นและจำนวนเงินที่กู้นั้นน้อยลง อันเป็นเหตุให้ การชำระคืนเงินต้นย่อมมีระยะเวลาสั้นลง 1 ปี เช่นเดียวกัน มิได้เป็นผลงานของรัฐบาลพรรคไทยรักไทย หรือของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่อย่างใด
การกล่าวอ้างดังกล่าวเป็นการกล่าวอ้าง เพียงเพื่อต้องการบิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างราคาให้กับตนเอง ทั้งๆ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ หากจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับ IMF ไม่น่าจะเป็นส่วนของการชำระหนี้ แต่น่าจะเป็นส่วนของผู้ที่มีส่วนกับการก่อหนี้ กู้หนี้ สร้างภาระให้กับประเทศ ซ้ำยังโดดสละเรือหนี ในขณะที่ประเทศได้รับวิกฤติอย่างแสนสาหัส แสดงออกถึงความไม่รับผิดชอบ และอยากจะถาม พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ใครเป็นผู้ได้ประโยชน์จากการลดค่าเงินบาท จนบริษัทของตัวเองนั้นได้กำไร เสวยสุขบนคราบน้ำตาของประชาชน
ดังนั้นตนยืนยันว่าข้อมูลต่างๆ นั้นเป็นข้อมูลจริง และขอท้าทีมเศรษฐกิจ ของพรรคไทยรักไทยในอดีต หรือผู้ที่รู้เรื่องนี้สามารถที่จะนำข้อมูลมายืนยันกันว่าใครเป็นผู้ที่สร้างความเสียหาย ใครเป็นผู้ที่สร้างประโยชน์ให้กับประเทศ และใครเป็นพวกที่เก่งแต่ใช้เงิน และใครเป็นคนที่บริหารเศรษฐกิจเป็น และขอร้องว่า เรื่องอย่างนี้พวกปลายแถว ไม่ต้องเสนอหน้าออกมาโต้ตอบให้เสียเวลา เพราะนี่เป็นเวทีของผู้ที่มีความรู้ ไม่ใช่เวทีของจำอวดข้างถนน
credit: http://www.democrat.or.th/th/news-activity/news/detail.php?ELEMENT_ID=14832&SECTION_ID=29#.UWUUAzBlPRI.facebook