JJNY : ปชน.เดินสายฟังความเห็น│น้ำมันปาล์มขึ้นพรวด ถั่วเหลืองจ่อขยับตาม│ตากใบ-เกาะกูด-รบ.เสื่อมเสี่ยง?│เพิ่มการอารักขาคิม

พรรคประชาชน เดินสายฟังความเห็น ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ หวังยกระดับคุณภาพชีวิต
https://www.matichon.co.th/politics/news_4872440
 
 
‘พรรคประชาชน’ เตรียมเดินสายรับฟังความเห็น ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ เน้นสร้างการมีส่วนร่วมก่อนยื่นสภา ช่วงกลับมาเปิดสมัยประชุม

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคประชาชน กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การศึกษาแห่งชาติ ฉบับพรรคประชาชน โดยระบุว่า พรรคประชาชนเห็นถึงความสำคัญของการศึกษาและการเรียนรู้ในฐานะรากฐานของการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน และการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ทั้งในมิติของการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ การสร้างความเสมอภาคทางโอกาส และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพลเมืองในสังคม

แม้การปฏิรูปการศึกษาและการเรียนรู้ต้องอาศัยหลายมาตรการนอกเหนือจาก พ.ร.บ.การศึกษา แต่เราเห็นว่าการผลักดันกฎหมายการศึกษาฉบับใหม่จะเป็นเสมือนการจัดทำ “ธรรมนูญการศึกษา” ที่วางหลักประกันเชิงนโยบายที่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศปัจจุบัน และสร้างจินตนาการใหม่เกี่ยวกับอนาคตการศึกษาไทย

โดยตลอด 1 ปีที่ผ่านมา พรรคประชาชนได้พยายามผลักดัน พ.ร.บ.การศึกษา ฉบับใหม่ ผ่าน 2 ช่องทางอย่างคู่ขนาน (1) จัดทำร่าง พ.ร.บ.การศึกษา ฉบับพรรคก้าวไกล-พรรคประชาชน ที่ได้ขึ้นโครงไว้ตอนจัดทำนโยบายด้านการศึกษาก่อนการเลือกตั้ง และได้มีการกลั่นกรองภายในพรรคตลอดการทำงานของสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบัน และ (2) แสวงหาความร่วมมือกับพรรคอื่น โดยพยายามนำเสนอประเด็นจากร่างของพรรคก้าวไกลเพื่อบรรจุเข้าไปใน “ร่างฉบับกลาง” ที่จัดทำผ่านกลไกคณะกรรมาธิการการศึกษา และอนุกรรมาธิการร่างพระราชบัญญัติการศึกษา ที่มี นายโสภณ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ เขต 5 พรรคภูมิใจไทย เป็นประธาน และมี ส.ส.พรรคประชาชน เช่น นายปารมี ไวจงเจริญ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ร่วมด้วย

ปัจจุบันสำหรับช่องทางที่ 2 ทาง กมธ.ได้จัดทำ “ร่างฉบับกลาง” เสร็จแล้ว ซึ่งมีทั้งประเด็นที่ทางพรรคผลักดันสำเร็จและหลายฝ่ายมีความเห็นตรงกัน (เช่น การสร้างการศึกษาให้ยืดหยุ่นเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต การปรับรูปแบบการศึกษาให้เหมาะสมต่อการเทียบโอนผลการเรียน การวางหลักการพัฒนาผู้เรียนที่เน้นทักษะ-สมรรถนะ มากกว่าการท่องจำเนื้อหา) รวมถึงประเด็นที่ยังมีความเห็นต่างกัน (เช่น ระดับการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นด้านการศึกษา แนวทางและรายละเอียดในการประกันสิทธิ-สวัสดิภาพของผู้เรียน) โดยเบื้องต้นนับเป็นนิมิตหมายที่ดีที่หลายพรรคการเมืองได้นำเอาร่างดังกล่าวไปปรับปรุงตามจุดยืนของแต่ละพรรคเพื่อทยอยยื่นเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร

นายพริษฐ์กล่าวต่อว่า สำหรับร่างของพรรคประชาชน พรรคจะใช้เวลาช่วงปิดสมัยประชุมนี้นำร่าง พ.ร.บ. การศึกษา ฉบับพรรคก้าวไกล-พรรคประชาชน ไปเดินสายรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน เช่น ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา นักเรียน ผู้ปกครอง ครูและบุคลากรทางการศึกษา ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม เพื่อสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมอย่างรอบด้าน วางหลักการศึกษาและการเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงและประโยชน์ของผู้เรียนอย่างแท้จริง ก่อนจะยื่นอย่างเป็นทางการเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรเมื่อสภา กลับมาเปิดสมัยประชุม

ตัวอย่างของหลักการสำคัญในร่าง พ.ร.บ. การศึกษาฉบับพรรคก้าวไกล/พรรคประชาชน ที่เราจะทยอยขยายความและรณรงค์เพิ่มเติมในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า ประกอบด้วย (1) รับประกันสิทธิผู้เรียนในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพและสวัสดิการด้านการศึกษาที่ครอบคลุม (2) คุ้มครองสิทธิและอำนวยความสะดวกให้ผู้จัดการศึกษาที่หลากหลายอย่างเสมอภาค (3) วางกลไกในการพัฒนาหลักสูตร-การประเมิน-การประกันคุณภาพให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลง (4) วางกลไกการประกันคุณภาพการศึกษาที่เน้นการมีส่วนร่วมและกลไกรับผิดรับชอบ

(5) ยกระดับประสิทธิภาพในการทำงานของครูและบุคลากรทางการศึกษา (6) กระตุ้นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา (7) สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยในสถานศึกษา (8) ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้กับคนทุกช่วงวัย (9) ออกแบบโครงสร้างของหน่วยงานด้านการศึกษาให้ทำงานได้อย่างบูรณาการและคล่องตัว (10) สนับสนุนการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นและสถานศึกษา (11) เพิ่มการมีส่วนร่วมของนักเรียนทุกภาคส่วนในการจัดการศึกษา (12) ปฎิรูปการจัดสรรงบประมาณให้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของผู้เรียน” นายพริษฐ์กล่าว



น้ำมันปาล์ม ปรับราคาขึ้นพรวดขวดละ 10 บาท น้ำมันถั่วเหลือง จ่อขยับตาม
https://www.matichon.co.th/economy/news_4872315
 
น้ำมันปาล์ม ปรับราคาขึ้นพรวดขวดละ 10 บาท น้ำมันถั่วเหลือง จ่อขยับตาม

วันที่ 29 ตุลาคม นายสมชาย พรรัตนเจริญ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันกำลังยังไม่ค่อยคึกคัก เนื่องจากคนมีรายได้เท่าเดิมและเริ่มใช้จ่ายประหยัดขึ้น ทำให้สินค้าที่เป็นของกินของใช้ในครัวเรือน เช่น กะปิ น้ำปลา ที่ไม่ใช่แบรนด์ใหญ่ และราคาไม่เกิน 10-20 บาท จะขายดี ส่วนความเคลื่อนไหวของราคาสินค้า ล่าสุดมีน้ำมันปาล์มขวดปรับราคาขายขึ้นอีก 10 บาทต่อขวดลิตร จากเดิมขายอยู่ที่ 40 กว่าบาท เป็น 50 กว่าบาทต่อขวดลิตร ซึ่งไม่ทราบสาเหตุเกิดจากอะไรถึงทำให้ราคาปรับขึ้นแรง

นายมิลินทร์ วีระรัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ตั้งงี่สุน ซูเปอร์สโตร์ จำกัด จ.อุดรธานี กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันถั่วเหลืองยี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่ง จะปรับราคาขายขึ้นอีก 1-2 บาทต่อขวด ภายในต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ เข้าใจว่าน่าจะเป็นผลมาจากน้ำมันปาล์มปรับราคาขายขึ้น จึงต้องขึ้นตาม


 
ตากใบ-เกาะกูด-รัฐบาลเสื่อมเสี่ยง?
https://www.innnews.co.th/video/general-news-clips/news_795672/

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ไม่แต่แค่เกม “เจาะยาง” ทางการเมือง “รัฐบาลอิ๊งค์” ที่เริ่มต้นด้วยการ “ติดลบ” อยู่แล้วยังมาเจอการเตะสกัดจาก “ฝ่ายอนุรักษ์นิยม” ที่เคยร่วมขบวนการต่อต้าน “ระบอบทักษิณ” ในอดีต ทำให้ “ทักษิณ” ผู้นำจิตวิญญาณ เพื่อไทยทำอะไรไม่ได้เต็มที่ในการช่วยกรุยทางให้ “นายกฯลูกอิ๊งค์” ทะลวงผ่านการเมืองด้วย “เศรษฐกิจ”
  
แม้จะแจกทันทีที่เข้ามาบริหารประเทศกับโครงการ “แจกเงินหมื่นดิจิทัล” โดยแบ่งเป็น 2 งวดทำเอาแต้มขึ้นไม่เท่าไหร่ แต่อาการก็ยังน่าห่วง ไม่แต่การถูก “นักร้อง” จาก “บ้านป่ารอยต่อ” และ “นักร้องนิรนาม”และ “นักร้องวัดอ้อน้อย”รุมจองกฐิน โดยมี 2 ดอกจุกๆที่เชื่อมโยง “นายกพ่อ-ลูก”ทั้งคดีให้หยุดพฤติกรรม“ล้มล้างการปกครอง”และ“คดีครอบงำพรรค”ที่2คดีนี้ ไทม์ไลน์หลังจากนี้ก้ำกึ่งในระดับ “อันตราย”กับรัฐบาล ไม่นับรวมคดี “คนชั้น14”ที่ไล่เบี้ยกับบรรดาผู้ที่ช่วย”ทักษิณ”ไม่ต้องนอนเรือนจำแม้สักวัน

หากแต่ในโหมดการบริหารบ้านเมืองของ “นายกฯอิ๊งค์” รัฐบาลเพื่อไทย ที่แม้จะมี “พี่อ้วนภูมิธรรม”คอยเป็นพี่เลี้ยงประกบใกล้ชิด โดยมี “ทีมกุนซือบ้านพิษฯ”ทีมเดิมของ “นายกฯพ่อทักษิณ”เป็น “แบ๊คอัพ”เติมมาภายหลังกับ “เต้น-ณัฐวุฒิ”และทีมงาน “โฆษกรัฐบาล”แต่ด้วย “เงื่อนไข”การ”ตะบัดสัตย์”พรรคเด็ก ก้าวไกล “พลิกขั้ว”มาอยู่ร่วมกับ“พรรคผู้ใหญ่” ที่มาจาก “รัฐบาลลุงตู่
 
ซึ่งมาในคอนเซ็ปต์“อนุรักษ์นิยม”นำโดย ภูมิใจไทย(ภท.) รวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ชาติไทยพัฒนา โดยดีด “พลังประชารัฐ”(พปชร.)ของ “ลุงป้อม”ทิ้ง ก็ยังไม่ทำให้สถานการณ์ “รัฐบาลอิ๊งค์”ดีขึ้น โดยเฉพาะปัญหาการบริหารจัดการ ความสัมพันธ์และผลประโยชน์ กับ“พรรคร่วมรัฐบาล”เพื่อผลักดันนโยบายที่ต้องการที่มีภาพ ยื่นหมูยื่นแมวกัน “ทุกเม็ด”จนเป็นที่มาของผลโพลนิด้า ทำนอง “รัฐบาลอิ๊งค์”จะอยู่ไม่ครบเทอม ที่ล้อไปกับกระแสข่าว “การยุบสภา”หรือ “รัฐประหารเงียบ”ก่อนหน้านั้น

ที่ภาพรวมแม้จะถูกกระแส “คดีดิไอคอน”กลบ แต่ก็ยังเห็นร่องรอยความพยายาม “บิ๊วกระแส”จากหลายฝ่ายที่พุ่งเป้าไปยัง “รัฐบาลเพื่อไทย”ในประเด็นการบริหารประเทศ โดยกำลังมี 2 ปมประเด็นที่กำลังถูกจับตาใน “เอฟเฟ็กต์”ที่จะส่งผลกระทบต่อรัฐบาลนอกจาก 3 ปมคดีการเมือง คือ

1. กรณี “ศาลสั่งจำหน่ายคดีตากใบ”เมื่อวาน(28ต.ค.)หลังจากคดีหมดอายุความไปเมื่อวันที่ 25ต.ค.67
 
และ 
 
2. ปมเกาะกูด ที่พันไปกับเรื่อง MOU 44 ที่เป็นภาคขยายความคาราคาซังระหว่างไทยกับกัมพูชาในMOU43เรื่องความขัดแย้งเขตแดน ที่ปรากฏ “รัฐบาลเพื่อไทย”ตั้งแต่ช่วง”เศรษฐา”มาถึง “อุ๊งอิ๊ง”มีนโยบายที่จะเจรจาผลประโยชน์ทางพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล” ที่เกาะกูด จังหวัดตราด กับกัมพูชา ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากหลายฝ่าย
 
โดยเฉพาะฝั่งอนุรักษ์นิยม ที่ต่อต้าน”ระบอบทักษิณ” ที่ไม่ไว้ใจว่าเป็นไอเดียมาจาก “ทักษิณ”ซึ่งอาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนธุรกิจพลังงานในเขมรกับ“อดีตนายกฮุนเซ็น” ที่ประเด็นนี้เริ่มมีการเคลื่อนไหวอย่างเป็นระบบอย่างเชื่อมโยง กับ 1 ใน 6 ประเด็น พฤติกรรม“ล้มล้างการปกครอง”ของ “ทักษิณ-เพื่อไทย” ตามคำร้องของ“ทนายวัดอ้อน้อย”ที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ
 
ในขณะที่ประเด็น “คดีตากใบ”หมดอายุความ 20 ปี โดยไม่สามาถดำเนินคดีเอาผิดกับ “ผู้ต้องหา”14คนซึ่งล้วนเป็น “เจ้าหน้าที่รัฐ”และ “อดีตเจ้าหน้าที่รัฐ”และ “นักการเมือง”ที่มีความสัมพันธ์กับ รัฐบาลโดยเฉพาะอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยที่หลบหนีหมายศาล ถูกมองในมิติ ปัญหาการใน “เทคติกนิติสงคราม”แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมจาก “อำนาจ”ของ “รัฐพันลึก” ที่เคยมีอำนาจในช่วงปี 2547 ที่ก็คือ “รัฐบาลทักษิณ”ที่แม้ใน “รัฐบาลอิ๊งค์

โดย “นายกอิ๊งค์”จะมีการ แสดงความเสียใจ“ขอโทษ”แต่ก็ยังมิอาจกลบลบปัญหาได้ ยิ่งเหมือนเป็นการ “ซ้ำเติม”บรรดาญาติผู้เสียชีวิต 85 ศพจากเหตุการณ์ตากใบที่ยังไม่ทันหายเสียใจจากคดีหมดอายุความกลับมาปรากฏมี“อดีตจำเลย”ซึ่งเคยเป็น “พลขับ”ในเหตุการณ์ตากใบ ที่ปัจจุบันเป็น “ปลัดอำเภอท่าอุเทน” จ.นครพนม ซึ่งก็หลบหนีหมายศาล แต่พลันที่คดีหมดอายุความเมื่อวันศุกร์25ต.ค. กลับมาปฏิบัติหน้าที่ทันทีเมื่อวาน (28 ต.ค.)
 
ที่ปมนี้ถูกสังคมวิจารณ์หนักทั้งตัวบุคคล และทั้งต้นสังกัดรวมถึงรัฐบาล ที่เหมือนท้าทายความยุติธรรมและเรื่องนี้จะส่งผลให้ “รัฐบาลเสื่อม”ความนิยม ร้อนถึง “มท.1” “อนุทิน” ต้องออกมาแจงว่าได้สั่งตั้งกรรมการสอบแล้ว เช่นเดียวกับ “นายกฯอิ๊งค์”ที่ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายรัฐบาลมีหลักเรื่องนี้เป็นสำคัญ
 
แต่ก็ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศต่อไป ยืนยันว่าเหตุการณ์นี้จะส่งผลต่อการเติบโตในหน้าที่ราชการแน่นอน ในขณะที่ “รังสิมันต์ โรม”จากพรรคประชาชนบอกว่า รู้สึกไม่ต่างจากหลาย ๆ คนว่ารัฐบาลไม่ได้จริงจังในการตามหาตัวจำเลยในคดีตากใบ การที่คดีไม่ได้จบแบบมีความยุติธรรมให้กับผู้สูญเสีย
 
แต่จบแบบสุดท้ายไม่มีใครสามารถดำเนินการทางกฎหมายกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยและพรรคการเมืองก่อนหน้าที่เป็นต้นสายให้พรรคเพื่อไทยได้อีกต่อไป รวมถึงผู้นำทางจิตวิญญาณก็คงไม่สามารถเอาผิดทางกฎหมายได้เช่นเดียวกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่