Fresh Fruit Cake ความอร่อยง่ายๆที่มากับความหรูและดูแพง

กระทู้สนทนา
สวัสดีครับ ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองของการโพสกระทู้ของหวานของไอดี ยิ้มับม้าลาย วันนี้จะมาทำเสนอ เค้กตัวหนึ่ง ที่ทำไม่ง่ายมาก แต่ก็ไม่ถึงกับยาก ที่มาทั้งความอร่อย และ ความหรู และเป็นเค้กที่เก๋มากที่เหมาะจะให้ผู้อื่นในโอกาศต่างๆ เพราะเป็นเค้กที่เต็มไปด้วยผลไม้สด และกลิ่นหอมของเหล้ารัม ที่ทาอยู่ตามชั้นเค้ก ทานคู่กับวิปครีปนุ่มๆ เย็นๆ อร่อยมากครับ



กระทู้นี้จะขอสาธิตวิธีการตีสปันจ์เค้ก สูตร UFM ของคุณแหม Tiara
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=tiara&month=07-2005&date=25&group=1&gblog=4

ปล. อาจไม่มีรูปครบทุกขั้นตอนนะครับ เพราะ ลืมถ่าย

ก่อนอื่นมาดูส่วนผสมกันก่อนครับ

วัตถุดิบที่ต้องจัดเตรียม
Sponge Cake    ( สำหรับ 3 ปอนด์ ) สูตรนี้ปรับสูตรแล้ว โดยแม่สลิ่ม
1. แป้งเค้กอเนกประสงค์          100    กรัม            ยี่ห้อที่นิยมใช้ ได้แก่ พัดโบก หากไม่มีสามารถใช้ยี่ห้ออื่นได้ครับ
2. ผงฟู                                1       ช้อนชา
3. น้ำตาลทราย                      80     กรัม            แนะนำเป็นน้ำตาลทรายเกล็ดเล็กๆ เพราะละลายง่ายกว่าน้ำตาลทรายปรุงอาหารปกติครับ
4. น้ำข้นจืด                           40     กรัม           
5. น้ำสะอาด                          30     กรัม           
6. ไข่ไก่เบอร์ 0                      3       ฟอง           น้ำหนักของไข่ไก่เบอร์ 0 จะอยู่ที่ 70-75 กรัม ( รวมเปลือก )
7. เกลือ                               1/4    ช้อนชา
8. SP                              10 - 15   กรัม           ผมใช้ 13 กรัม ครับ
9. เนยสดละลาย                    80      กรัม
10. กลิ่นวนิลา                          1/2      ช้อนชา
11. กลิ่นเนย                             1/2      ช้อนชา

* ข้อควรระวัง
- ไข่ไก่เบอร์ 0 ควรใช้ไข่ไก่สด และอยู่ในอุณภูมิห้อง ไข่ที่ตอกออกมาถ้าไม่เป็นน้ำเหลวจนเกินไป ถือว่าใช้ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น ความสดของไข่ไก่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยในปริมาณของเค้กที่จะตีได้ครับ
- SP หลายท่านคงสงสัยว่า SP คืออะไร  เอสพี (SP) หรือ สารอิมัลซิไฟเออร์ (Emulsifier) เป็นสารที่ช่วยลดเวลาการตีของเค้กในขึ้นฟู โดยมักใส่ในปริมาณ 3.5 - 5 % ของสูตรขนม เป็นสารที่ทำให้ ไขมัน กับ ไข่ ที่เป็นศัตรูกัน เข้ากันได้ดีขึ้น

*** สำหรับผู้ที่อยู่ต่างประเทศ หากไม่มี SP แนะนำให้ใช้ โอวาเล็ต ได้ครับในอัตราส่วนที่เท่ากันกับ SP ที่ระบุไว้ อาจจะต่างกันตรงเนื้อเค้กนิดหน่อยแต่แทบไม่มีผลต่อรสชาติของขนมที่ต่างกันเท่าไรครับ
*** ถ้าไม่มีทั้ง 2 อย่างจริงๆ ให้นำ ไข่ น้ำ นม อยู่ในอุณภูมิห้องก่อนใช้งาน โดยเฉพาะไข่ต้องสดจริงๆ และในกรณีที่ไม่ใช้สารเสริมใดๆ เวลาปาดอ่าง ต้องใช้การตะล่อมอย่างเบามือเท่านั้นครับ ไม่สามารถ รุนแรงเหมือนตอนใช้ SP ได้ครับ

- เนยจืด และ เนยเค็ม หากใช้เนยจืด ใส่เกลือตามสูตรได้เลยครับ หากใช้เนยเค็ม จะข้ามขั้นตอนการใส่เกลือก็ได้ครับ แทบจะไม่มีผลต่อรสชาติขนมที่ต่างกันมากนัก ถ้าถามว่าใช้เนยเค็มแล้วใส่เกลือได้ไหม ? ได้ครับ เพราะปริมาณเปอร์เซ็นของเกลือในเนยมีน้อยมากครับ เมื่อพิจรณาจากสัดส่วน   

ส่วนของ rum Syrup

1. น้ำสะอาด                               40    กรัม
2. น้ำตาลทราย                           40    กรัม
3. เหล้ารัม                                 1/2   ช้อนโต๊ะ

ส่วนของ Whipping cream
ส่วนนี้แล้วแต่เลยครับ หากมีวิปครีมสูตรในดวงใจก็ได้เลยครับ ของผม ผมใช้ โฟร์โมส และ ริสโกล อย่างละครึ่ง ครับ
อัตตราส่วนที่ผมใช้คือ 1:1  

1. โฟรโมส                                1 + 1/2   ถ้วยตวง
2. ริสโกล                                  1 + 1/2   ถ้วยตวง




ส่วนของ ผลไม้ ตามชอบเลยครับ  ส่วนใหญ่ จะนิยม พีช กีวี สตอเบอรี่ แก้วมังกร และอื่นๆตามชอบเลยครับ

ส่วนของการเคลือบเงาผลไม้

1. กลาเซพิคอต                            2     ช้อนโต๊ะ
2. น้ำสะิอาด                                1     ช้อนโต๊ะ

* หรือ หากหา กลาเซพิคอต ไม่ได้ สามารถใช้แยมใสได้ครับ แต่ต้อง เพิ่ม แยมใส เป็น 3 ช้อนโต๊ะ กับน้ำ 1 ช้อนโต๊ะ


วิธีการทำ

1. วอร์มเตาที่ 175 องศา ไฟบนไฟล่าง ไม่เปิดพัดลมกระจายความร้อน ขึ้นอยู่กับเตาด้วยว่าเป็นแบบไหน บางเตาอาจต้องเปิดถึง 180 องศาแต่ถ้าเป็นเตาใหญ่ๆที่มีขนาด 50 ลิตรขึ้นไป อุณภูมิคงที่ ไม่สูงๆต่ำๆ ก็เปิด 175 องศาพอครับ
2. ล้างมือและเช็ดมือให้สระอาด
3. ตัดกระดาษไขรองก้นพิมเค้ก ขนาด 3 ปอนด์ ไม่ต้องทาไขมันใดๆทั้งสิ้นครับ

4. ร่อนแป้งกับผงฟู แล้วพักไว้ครับ ร่อนเพื่อให้อากาศแทรกเข้าไปในแป้งและเบากันสิ่งสกปรกที่อยู่ในแป้ง ลงไปในขนม

5. ใส่ น้ำ น้ำข้นจืด น้ำตาลทราย ไข่ไก่ เกลืิ่อ กลิ่นวนิลา กลิ่นเนย และปาด SP ไว้ที่หัวตะกร้อ


*ถ้าถามว่า จำเป็นไหมที่ต้องปาด SP ไว้ที่หัวตระก้อ คำตอบคือไม่จำเป็นครับ แล้วแต่เทคนิค ตรงนี้สำคัญแค่ตีให้SP กระจายตัวได้ให้ดี และไม่นอนก้นอยู่ที่ อ่างผสม
6. นำส่วนผสมที่อยู่ในอ่างผสมในข้อที่ 5 มาตีด้วยความเร็วสูงสุด 5 นาที  ( ระหว่างนี้ล้าง จานชามที่ใช้ตวงส่วนผสมไปด้วยครับจะได้ไม่เป็นภาระตอนหลัง

7. เมื่อครบ 5 นาทีเช็คส่วนผสม ส่วนผสมที่ได้ จะต้องขึ้นฟูข้นเหนียวขาวไม่เป็นฟอง และ ไม่หยดลงเป็นสายครับ

8. ใส่แป้งและผงฟูที่ร่อนไว้ทั้งหมด ครั้งเดียว ตีต่อด้วย สปีดต่ำ 1 นาที เพื่อให้แป้งพอเข้ากันและไม่ฟุ้งกระจาย ตอนนี้ส่วนผสมจะยุบตัวลงไม่ต้องตกใจใดๆครับ เพราะเนื่องจากแป้งมีน้ำหนัก จะถึงทำให้ วอลลูม ของไข่ที่ตียุบตัวลง แต่ยังของปริมาณอยู่

9. เมื่อครบ 1 นาที ใช้พายยาง ปาดขอบอ่างและก้นอ่างผสม เพื่อป้องกันกันส่วนผสมนอนก้น และตีต่อด้วยความเร็วปานกลาง 6 นาทีเพื่อให้ส่วนผสมข้นเหนี่ยว

10. ระหว่างนี้นำเนยที่ตวงไว้ไปละลาย หรือใครจะนำเข้าในไมโครเวฟ ก็รอสัก 2 นาทีให้หลังค่อยนำเนยไปละลายก็ได้ครับ เนยที่ใช้ต้องเป็นเนยอุ่นไปทางร้อน ถ้ากลัวเนยไม่ร้อน แนะนำให้หาชามหนึ่งใบใส่น้ำร้อน และ นำถ้วยใส่เนยตั้งลงไปครับ จะได้ไม่ต้องไปอุ่นเนยให้ร้อนหลายรอบ
11. เมื่อครบ 6 นาที ปาดอ่างและก้นอ่างเพื่อป้องกันส่วนผสมนอนก้อน เมื่อปาดอ่างเสร็จก็ตีด้วยความเร็วต่ำ 1 นาที เพื่อตัดฟองอากาศใหญ่ๆออกไป
12. ครบ 1 นาที ปาดอ่าง และจับเวลาตีต่อ 3 นาที ทุกๆ 1 นาที ใน 3 นาที นี้ ให้ค่อยๆทยอยใส่เนยลงไปทีละช้อน ( ช้อนกินข้าว ) สักนาทีละ 3-4 ช้อนเป็นสายเล็กๆ เมื่อครบ 1 นาที หยุดเครื่อง ปาดอ่าง ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนครบสามรอบ ปาดอ่างทุกๆ 1 นาที เนยต้องอุ่น วิธีนี้เป็นวิธีกันเหนี่ยว เรื่องเค้กเป็นไต ส่วนผสมนอนก้น ครับ ยอมเสียเวลาดีกว่าเสียเค้กต้องเทถิ้งทำใหม่
13.เมื่อครบ 3 นาที ให้ปาดอ่างครั้งสุดท้าย และเพื่อเป็นการตรวจสอบให้แน่ใจว่า ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดีไม่นอนก้น ส่วนผสมที่ได้จะเป็นเนื้อเนียน เหลวแต่ไม่มาก จะอยู่ในระดับ Ribbon Stage คือเทลงมาแล้วเนื้อเค้กมีลักษณะคล้ายริบบิ้น

14. นำส่วนผสมที่ได้เทใส่พิม เทต่ำๆ เพื่อก้นฟองอากาศเข้าไปเพิ่มอีก ใช้วิธีการหมุนพิม เพื่อให้ส่วนผสมเรียบเนียน ยกพิมเค้กไม่ต้องสูงมากและปล่อยลง สัก 1 - 2 ครั้ง เพื่อเป็นการไล่ฟองอากาศ ครั้งสุดท้าย
15. นำเข้าอบ เวลาประมาณ 25 - 30 นาที ขึ้นอยู่กับเตา
16. เมื่อครบเวลา เช็คสุกด้วยการเอามือ แตะที่หน้าเค้กเบาๆ หน้าเค้กจะสปิ้งตัวกลับไม่ทิ้งรอยบุ๋ม เมื่อแน่ใจว่าเค้กสุก ให้กระแทกพิมแรงๆเหมือนก่อนตอนเข้าอบ 1 ที เพื่อลดแรงดัน และให้เค้กอยู่ทรง คว่ำหน้าเค้กลงตระแกรงทันที ( ยังไม่ต้องแซะออกจากพิมพ์ ) คว่ำลงไปเลย เพราะถ้าตั้งไว้เฉยๆ เค้กจะสอบและหดตัวเข้า

17. ทิ้งไว้ 5 นาที และ แซะเค้กออกจากพิม ลอกกระดาษไขออก และทิ้งไว้ต่ออีก 10 นาที เพื่อให้เค้กเย็นก่อนนำมาสไลด์ ใช้มีดฟันเลื่อย เกลาๆเศษเค้กที่เป็นรอยเกลี้ยมๆออกด้วยครับ จะได้สวยงาม


18. พักตรงส่วนนี้ไว้ก่อน แล้วไปทำส่วนประกอบอื่นกันครับ

*เคล็ดไม่ลับ*
- การไม่เปิดพัดลมกระจายความร้อน เพื่อที่จะให้เค้กมีสีสม่ำเสมอกัน เพราะบางทีเปิดพัดลมกระจายความร้อน ขอบเค้กสีเข้ม ตรงนั้น สีอ่อนบ้าง แนะนำว่าไม่เปิดดีกว่า
- อุณภูมิของห้องไม่ควรร้อนจนเกินไป เพราะมีผลต้องการตีไข่ขึ้นฟู
- การปาดอ่างบ่อยๆเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันเค้กเป็นไตได้ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่