คุณคนดู มือวาง#๑ สายพุทธทาสบอกปฏิจจสมุปบาทมีแต่เรื่องจิตอย่างเดียวเท่านั้น? เวียนว่ายตายเกิดไม่มีจริง? จริงรึ?

หลังจากโดนน้าเทพตามทวงยิกๆทั้งๆที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองแม้แต่นิดเดียว
แถมเวลาตัวตอบไม่ได้ ก็หนีออกจากกระทู้ซะดื้อๆงั้นแหละ
เอาเถอะถึงจะยุ่งๆวุ่นวายหน่อย แต่ก็ตั้งกระทู้ซะจะได้ไม่มีใครขอตามทวงอยู่
ผมขอตั้งกระทู้ไว้ก่อนนะครับ ขอเคลียร์งานให้เสร็จซักพักก่อนแล้วจะมาตอบ
หวังว่าคงไม่มีใครเดือดร้อนอะไรมากมายอีกนะครับ
ช่วงนี้มีเวลาเล็กๆน้อยๆเข้ามาตอบอะไรเล็กๆน้อยๆได้  
แต่ของใหญ่ๆอย่างของคุณคนดูต้องใช้เวลาหาหลักฐานพอสมควร
ตอบชุ่ยๆไปเดี๋ยวโดนลูกศิษย์คุณคนดูเอาไปอ้าง จะยุ่งกันไปใหญ่ 555

จุดเริ่มต้นขอให้ทุกท่านไปอ่านกระทู้นี้ก่อนครับ จึงจะทราบที่มาที่ไป
http://ppantip.com/topic/30046180 ทารกในครรภ์รับรู้อารมณ์ได้ แล้วปฏิจจสมุปบาทจะไม่เกิดได้อย่างไร

สรุปโดยรวมคร่าวๆคือ
ผมถกว่าปฏิจจสมุปบาทเกิดตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
รู้แต่ว่าในเมื่อทารกในครรภ์สามารถรับรู้อารมณ์ต่างๆได้แสดงว่าตอนนั้นวงจรปฏิจจสมุปบาทได้เกิดขึ้นแล้ว
ก็ยกรายละเอียดในทางวิทยาศาสตร์และพระสูตรต่างๆมาเพื่อแสดงยืนยัน
ทีนี้คุณ คนดู ก็เข้ามาแย้งว่า ไม่น่าเป็นเช่นนั้นโดยยกพระสูตรหลายๆพระสูตรมาแสดง
รวมถึงการแสดงว่าคำว่า”อยู่ในครรภ์”นั้น พระพุทธเจ้าท่านหมายถึงเรื่อง กาม ต่างหาก(ดูรายละเอียดเองนะครับ)

ผมก็เลยแย้งคุณคนดูด้วยการตั้งสมมติฐานว่า ธรรมของพระพุทธเจ้าย่อมไม่ขัดแย้งกันเอง
ดังนั้นถ้าพระพุทธเจ้า ต้องการให้ “กาม”หมายความถึงการ”อยู่ในครรภ์”เท่านั้น
เราต้องเอาคำว่า”กาม” ไปแทนที่สมการ คือคำว่า”อยู่ในครรภ์”ได้
ผมเลยจัดการเอาไปแทนที่แล้วยกมาให้คุณคนดูอธิบาย ก็ยังหาคำตอบเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้
จากนั้นผมก็ขอให้คุณคนดูอธิบายมหานิทานสูตร คุณคนดูก็ตอบว่าลองดูดีๆแล้วจะเข้าใจ
ผมก็บอกดูยังไงผมก็ไม่เข้าใจ กลับไปกลับมาสองสามรอบ แล้วกระทู้ก็จบไป


จากนั้นคุณคนดุจึงมาตอบผมในอีกกระทู้คือ
http://ppantip.com/topic/30125548  พระอภิธรรม ไม่ใช่คำสอนพระพุทธเจ้า? สาวกหลวงพ่อปลาหมอสีทั้งหลายคุณใช้หลักมหาปเทสหรือยังครับ?  ตามด้านล่างนี้(ผมขอลบบรรทัดว่างและเครื่องหมาย^^^^^ออกไปนะครับ)
----------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 53
เห็นสนทนากันอยู่  เห็นว่าไม่ควรตอบประเด็นที่ท่าน  cantona_z  ถาม  แทรกระหว่างกลาง ...  ขออภัยที่ล่าช้า ...
"คนดู"  คิดว่าคำตอบที่อธิบายไปทั้งหมดชัดเจนแล้วนะท่าน  cantona_z  และในการตอบแต่ละครั้งก็ย้ำประโยคเดิมๆ ด้วย
แต่ไม่เป็นไร  ตอบอีกที....
"มหานิทานสูตร"  เป็นพระสูตรที่ทรงอธิบายให้พระอานนท์ ผู้โสดาบัน ที่คิดว่า ปฏิจจสมุปบาทเป็นของง่าย  
จึงทรงอธิบายอย่างละเอียดลออให้พระอานนท์ฟัง  ถึงแต่ละอาการของกระแสปฏิจจสมุปบาท
ที่เกิดขึ้นภายใน "จิต"  ว่าอะไรเป็นปัจจัยแก่อะไร  
ซึ่งกองทุกข์ทั้งมวลจะเกิดขึ้นด้วยอาการตามที่ทรงตรัส ...

--- >> ไม่เกี่ยวกับ การเกิดทางเนื้อหนัง  หรือการเกิดของมนุษย์แต่ประการใด

**********   ย้ำ  ย้ำ  ย้ำ  ย้ำ   ย้ำ  ****************

--- >> ไม่เกี่ยวกับ การเกิดทางเนื้อหนัง  หรือการเกิดของมนุษย์แต่ประการใด

ประเด็นที่ท่าน  cantona_z  ปักอกปักใจ ฝังใจ จนปิดกั้นมุมมองอื่นๆ  
ก็น่าจะเป็นว่า  ท่านคิดอยู่แต่ว่า  วิญญาณที่ทรงตรัสนี้  คือ  "ปฏิสนธิวิญญาณ"  
และที่ "คนดู" ถามท่านว่า  ที่ "คนดู" อธิบายไปทั้งหมดมีส่วนใดที่ขัดแย้งกับพระสูตรต่างๆ นานาที่เกี่ยวเนื่องไหม ?  
ท่านไม่ปฏิเสธ ....
หากท่านยืนยันว่าต้องเป็น "ปฏิสนธิวิญญาณ"  ท่านจะแปล "มหานิทานสูตร" ได้ใจความไหม ?
แล้วขัดแย้งกับพระสูตรต่างๆ นานาที่เกี่ยวเนื่องไหม ?   ท่านได้ถามตัวเองแล้วหรือยัง ?  
อย่าลืม ...  พระศาสดาทรงตรัสธรรมขัดกันไม่ได้  มิใช่หรือ ?พิจารณาดูอีกที .....

๑. ดูกรอานนท์
เธอพึงทราบความข้อนี้โดยปริยายแม้นี้  เหมือนที่เราได้กล่าวไว้ว่า  
---- >  เพราะวิญญาณเป็นปัจจัยจึงเกิดนามรูป

ท่าน  cantona_z   พิจารณาเห็นว่า  เพราะมีปฏิสนธิวิญญาณเป็นปัจจัย  จึงเกิดทารกในท้องมารดา หรือ ?

๒.  ดูกรอานนท์
ก็วิญญาณจักไม่หยั่งลงในท้องแห่งมารดา  นามรูปจักขาดในท้องแห่งมารดาได้บ้างไหม ฯ

๒.๑  ปฏิสนธิวิญญาณ "หยั่งลง"  สู่ตัวทารกในท้องมารดา ด้วยอาการใด ?
๒.๒  มีทารก "รอ"  อยู่ในท้องมารดาแล้วหรือ ?
๒.๓  ปัจจัยของการเกิดทารกที่ทรงตรัสแสดงใน "มหาตัณหาสังขยสูตร"  ทรงตรัสเช่นนี้หรือ ?

๓.  ดูกรอานนท์
ก็ถ้าวิญญาณหยั่งลงในท้องแห่งมารดาแล้วจักล่วงเลยไป  นามรูปจักบังเกิดเพื่อความเป็นอย่างนี้ได้บ้างไหม ฯ

"วิญญาณ"  เกิดจากอะไร ท่าน  cantona_z   องค์ประกอบของวิญญาณคืออะไร ?

"คนดู"  นำ  "มูลเหตุแห่งการบัญญัติขันธ์ ๕"  มาให้ท่าน  cantona_z   ศึกษา ...  
ท่านศึกษาแล้วหรือยัง  ถึงได้ถามแต่เรื่องเดิม ?  แล้วกล่าวหาว่า "คนดู"  ไม่ตอบ ...  
ท่านได้ช่วยเหลือตัวท่านเองในการทำความเข้าใจพระสูตรนี้แล้วหรือยัง ?

http://ppantip.com/topic/30046180/comment12
แต่ใช่ว่า "คนดู"  จะรบกวนท่านฝ่ายเดียวซะที่ไหน  ก็เราคนกันเองนี่นา ...
เลยนำ  "มูลเหตุแห่งการบัญญัติขันธ์ ๕"   มาฝากอีกเป็นพระสูตรที่ ๒  ....

ภิกษุ ! มหาภูต (ธาตุ) สี่อย่าง เป็นเหตุเป็นปัจจัย เพื่อการบัญญัติ รูปขันธ์;
ภิกษุ !  ผัสสะ (อายตนะใน + นอก + วิญญาณที่อายตนะ)  เป็นเหตุเป็นปัจจัย เพื่อการบัญญัติ เวทนาขันธ์;
ภิกษุ ! ผัสสะ เป็นเหตุเป็นปัจจัย เพื่อการบัญญัติ สัญญาขันธ์;
ภิกษุ ! ผัสสะ เป็นเหตุเป็นปัจจัย เพื่อการบัญญัติ สังขารขันธ์;
ภิกษุ ! นามรูป แล เป็นเหตุปัจจัย เพื่อการบัญญัติ วิญญาณขันธ์.
อุปริ. ม. ๑๔/๑๐๒/๑๒๔.

ทรงตรัส  ---- >  ภิกษุ ! นามรูป แล เป็นเหตุปัจจัย เพื่อการบัญญัติ วิญญาณขันธ์.  ใช่ไหม ?
ถ้า   "วิญญาณที่ประกอบด้วยความกำหนัดในกาม"   "หยั่งลงในครรภ์มารดาแล้ว"
แต่ไม่อาศัยอยู่ ล่วงเลยไปเพราะไม่เพลิน  จะมีปัจจัยอะไรไปบัญญัติ  "นามรูป" ได้ล่ะ  ท่าน  cantona_z   ?

สังเกตุไหมว่า  ทรงตรัสคำว่า  "นามรูปจักบังเกิดเพื่อความเป็นอย่างนี้ได้บ้างไหม ฯ"  
ไม่ทรงตรัสคำว่า  ทารก, กุมาร หรือ กุมาริกา บังเกิดเพื่อความเป็นอย่างนี้ได้บ้างไหม ฯ   ใช่หรือไม่ ท่าน  cantona_z   ?  
ท่าน ศึกษาเรื่อง ผัสสะ ๒  แล้วหรือยัง ?

จิต มโน วิญญาณ [("วิญญาณ" ที่เกิดจากผัสสะ ประกอบด้วยองค์ ๓  จากหัวข้อ -   ก็คำนี้ว่า
เพราะนามรูปเป็นปัจจัยจึงเกิดผัสสะ  (ทรงอธิบาย ผัสสะ ๒)])  --- > ก้าวลงสู่ท้องมารดา/ครรภ์ (กาม) --- >  นามรูป
--- > สฬายตนะ --- > (ฯลฯ) --- > ชาติ (คลอด/เกิด) --- > (ฯลฯ)

๔. ดูกรอานนท์
ก็ถ้าวิญญาณ  ของกุมารก็ดี  ของกุมาริกาก็ดี ผู้ยังเยาว์วัยอยู่ จักขาดความสืบต่อ  
นามรูปจักถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ ได้บ้างไหม ฯ

ถ้า   "วิญญาณที่ประกอบด้วยความกำหนัดในกาม"  อาศัยในครรภ์มารดาแล้ว แต่อยู่ได้ไม่นาน  
เพราะมีสติรู้สึกตัวทัน ไม่เพลินไปกับอารมณ์
--- >> ก็ถ้าวิญญาณ  ของกุมารก็ดี ของกุมาริกาก็ดี ผู้ยังเยาว์วัยอยู่  จักขาดความสืบต่อ

ในกรณีนี้  "นามรูป"  ได้ถูกบัญญัติแล้ว แต่ไม่สืบต่อเพราะไม่เพลิน  
จึงทรงตรัสแต่เพียงว่า --- >> นามรูปจักถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ ได้บ้างไหม ฯ
ยังไม่เป็น "อุปาทานขันธ์"  ใช่ไหม ?  

ท่าน cantona_z    ไม่เอะใจหรือว่า ….
๔.๑  คำว่า "สืบต่อ"  จะหมายถึง ปฏิสนธิวิญญาณ ที่สืบต่อในตัวกุมาร/กุมาริกา หรือท่าน cantona_z   ?  
๔.๒   ทำไมทรงตรัส วิญญาณ  ของกุมารก็ดี ของกุมาริกาก็ดี อยู่ดีๆ  
พอขาดการสืบต่อปั๊ป  แล้วกลับไปตรัสถึง "นามรูป"  ว่า  --- >>  จักถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ ได้บ้างไหม ฯ  ….  

ทำไมท่านไม่ตรัสไปตรงๆ เลยล่ะว่า  กุมาร หรือ กุมาริกา ตายหรือสิ้นชีวิตในท้องมารดาไปเรียบร้อยแล้ว ....

ท่าน cantona_z   พิจารณาเห็นว่า พระศาสดาจอมอรหันต์ จะทรงหมายถึงปฏิสนธิวิญญาณของกุมาร หรือ กุมาริกาจริงๆ  
ที่เมื่อขาดการสืบต่อ  แล้วทรงถามให้พระอานนท์ตอบว่า  จักถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์หรือไม่  เช่นนั้นหรือ ?  

ท่าน cantona_z  คิดว่า คำถามทำนองนั้นจะเป็นคำถามจากพระศาสดาจอมอรหันต์ ได้ไหม ?
ท่าน cantona_z   ตีโจทย์นี้ไม่ได้เชียวหรือ ?  
๕.  ดูกรอานนท์ ก็ถ้าวิญญาณจักไม่ได้อาศัยในนามรูปแล้ว
---- > ความเกิดขึ้นแห่งชาติชรามรณะและกองทุกข์  พึงปรากฏต่อไปได้บ้างไหม ฯ
ถ้า  "วิญญาณที่ประกอบด้วยความกำหนัดในกาม"    ไม่อาศัยใน "นามรูป"  เลย  
ก็ไม่มีการเกิดขึ้นของ  "อุปาทานขันธ์"   ไม่มีการเกิดขึ้นแห่งชาติชรามรณะและกองทุกข์  ใช่ไหม ท่าน cantona_z  ?

ท่าน  cantona_z   พิจารณาเห็นว่า  พระศาสดาจอมอรหันต์ จะทรงถามพระอานนท์ผู้โสดาบัน  ในทำนองที่ว่า ...  
ถ้าปฏิสนธิวิญญาณไม่อาศัยในกุมาร หรือ กุมาริกา ในท้องมารดาแล้ว  
ดังนั้น ความเกิดขึ้นแห่งชาติชรามรณะและกองทุกข์  จะพึงปรากฏต่อไปได้บ้างไหม ฯ  เช่นนั้นหรือ ท่าน  cantona_z  ?

คนดู
9 กุมภาพันธ์ เวลา 01:25 น.
---------------------------------------------------------------------


ขออภัย copy ลง word วรรคตอนหายหมดต้องมาจัดใหม่[-.-']
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่