หลังจากโดนน้าเทพตามทวงยิกๆทั้งๆที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองแม้แต่นิดเดียว
แถมเวลาตัวตอบไม่ได้ ก็หนีออกจากกระทู้ซะดื้อๆงั้นแหละ
เอาเถอะถึงจะยุ่งๆวุ่นวายหน่อย แต่ก็ตั้งกระทู้ซะจะได้ไม่มีใครขอตามทวงอยู่
ผมขอตั้งกระทู้ไว้ก่อนนะครับ ขอเคลียร์งานให้เสร็จซักพักก่อนแล้วจะมาตอบ
หวังว่าคงไม่มีใครเดือดร้อนอะไรมากมายอีกนะครับ
ช่วงนี้มีเวลาเล็กๆน้อยๆเข้ามาตอบอะไรเล็กๆน้อยๆได้
แต่ของใหญ่ๆอย่างของคุณคนดูต้องใช้เวลาหาหลักฐานพอสมควร
ตอบชุ่ยๆไปเดี๋ยวโดน
ลูกศิษย์คุณคนดูเอาไปอ้าง จะยุ่งกันไปใหญ่ 555
จุดเริ่มต้นขอให้ทุกท่านไปอ่านกระทู้นี้ก่อนครับ จึงจะทราบที่มาที่ไป
http://ppantip.com/topic/30046180 ทารกในครรภ์รับรู้อารมณ์ได้ แล้วปฏิจจสมุปบาทจะไม่เกิดได้อย่างไร
สรุปโดยรวมคร่าวๆคือ
ผมถกว่าปฏิจจสมุปบาทเกิดตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
รู้แต่ว่าในเมื่อทารกในครรภ์สามารถรับรู้อารมณ์ต่างๆได้แสดงว่าตอนนั้นวงจรปฏิจจสมุปบาทได้เกิดขึ้นแล้ว
ก็ยกรายละเอียดในทางวิทยาศาสตร์และพระสูตรต่างๆมาเพื่อแสดงยืนยัน
ทีนี้คุณ คนดู ก็เข้ามาแย้งว่า ไม่น่าเป็นเช่นนั้นโดยยกพระสูตรหลายๆพระสูตรมาแสดง
รวมถึงการแสดงว่าคำว่า”อยู่ในครรภ์”นั้น พระพุทธเจ้าท่านหมายถึงเรื่อง กาม ต่างหาก(ดูรายละเอียดเองนะครับ)
ผมก็เลยแย้งคุณคนดูด้วยการตั้งสมมติฐานว่า ธรรมของพระพุทธเจ้าย่อมไม่ขัดแย้งกันเอง
ดังนั้นถ้าพระพุทธเจ้า ต้องการให้ “กาม”หมายความถึงการ”อยู่ในครรภ์”เท่านั้น
เราต้องเอาคำว่า”กาม” ไปแทนที่สมการ คือคำว่า”อยู่ในครรภ์”ได้
ผมเลยจัดการเอาไปแทนที่แล้วยกมาให้คุณคนดูอธิบาย ก็ยังหาคำตอบเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้
จากนั้นผมก็ขอให้คุณคนดูอธิบายมหานิทานสูตร คุณคนดูก็ตอบว่าลองดูดีๆแล้วจะเข้าใจ
ผมก็บอกดูยังไงผมก็ไม่เข้าใจ กลับไปกลับมาสองสามรอบ แล้วกระทู้ก็จบไป
จากนั้นคุณคนดุจึงมาตอบผมในอีกกระทู้คือ
http://ppantip.com/topic/30125548 พระอภิธรรม ไม่ใช่คำสอนพระพุทธเจ้า? สาวกหลวงพ่อปลาหมอสีทั้งหลายคุณใช้หลักมหาปเทสหรือยังครับ? ตามด้านล่างนี้(ผมขอลบบรรทัดว่างและเครื่องหมาย^^^^^ออกไปนะครับ)
----------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 53
เห็นสนทนากันอยู่ เห็นว่าไม่ควรตอบประเด็นที่ท่าน cantona_z ถาม แทรกระหว่างกลาง ... ขออภัยที่ล่าช้า ...
"คนดู" คิดว่าคำตอบที่อธิบายไปทั้งหมดชัดเจนแล้วนะท่าน cantona_z และในการตอบแต่ละครั้งก็ย้ำประโยคเดิมๆ ด้วย
แต่ไม่เป็นไร ตอบอีกที....
"มหานิทานสูตร" เป็นพระสูตรที่ทรงอธิบายให้พระอานนท์ ผู้โสดาบัน ที่คิดว่า ปฏิจจสมุปบาทเป็นของง่าย
จึงทรงอธิบายอย่างละเอียดลออให้พระอานนท์ฟัง ถึงแต่ละอาการของกระแสปฏิจจสมุปบาท
ที่เกิดขึ้นภายใน "จิต" ว่าอะไรเป็นปัจจัยแก่อะไร
ซึ่งกองทุกข์ทั้งมวลจะเกิดขึ้นด้วยอาการตามที่ทรงตรัส ...
--- >> ไม่เกี่ยวกับ การเกิดทางเนื้อหนัง หรือการเกิดของมนุษย์แต่ประการใด
********** ย้ำ ย้ำ ย้ำ ย้ำ ย้ำ ****************
--- >> ไม่เกี่ยวกับ การเกิดทางเนื้อหนัง หรือการเกิดของมนุษย์แต่ประการใด
ประเด็นที่ท่าน cantona_z ปักอกปักใจ ฝังใจ จนปิดกั้นมุมมองอื่นๆ
ก็น่าจะเป็นว่า ท่านคิดอยู่แต่ว่า วิญญาณที่ทรงตรัสนี้ คือ "ปฏิสนธิวิญญาณ"
และที่ "คนดู" ถามท่านว่า ที่ "คนดู" อธิบายไปทั้งหมดมีส่วนใดที่ขัดแย้งกับพระสูตรต่างๆ นานาที่เกี่ยวเนื่องไหม ?
ท่านไม่ปฏิเสธ ....
หากท่านยืนยันว่าต้องเป็น "ปฏิสนธิวิญญาณ" ท่านจะแปล "มหานิทานสูตร" ได้ใจความไหม ?
แล้วขัดแย้งกับพระสูตรต่างๆ นานาที่เกี่ยวเนื่องไหม ? ท่านได้ถามตัวเองแล้วหรือยัง ?
อย่าลืม ... พระศาสดาทรงตรัสธรรมขัดกันไม่ได้ มิใช่หรือ ?พิจารณาดูอีกที .....
๑. ดูกรอานนท์
เธอพึงทราบความข้อนี้โดยปริยายแม้นี้ เหมือนที่เราได้กล่าวไว้ว่า
---- > เพราะวิญญาณเป็นปัจจัยจึงเกิดนามรูป
ท่าน cantona_z พิจารณาเห็นว่า เพราะมีปฏิสนธิวิญญาณเป็นปัจจัย จึงเกิดทารกในท้องมารดา หรือ ?
๒. ดูกรอานนท์
ก็วิญญาณจักไม่หยั่งลงในท้องแห่งมารดา นามรูปจักขาดในท้องแห่งมารดาได้บ้างไหม ฯ
๒.๑ ปฏิสนธิวิญญาณ "หยั่งลง" สู่ตัวทารกในท้องมารดา ด้วยอาการใด ?
๒.๒ มีทารก "รอ" อยู่ในท้องมารดาแล้วหรือ ?
๒.๓ ปัจจัยของการเกิดทารกที่ทรงตรัสแสดงใน "มหาตัณหาสังขยสูตร" ทรงตรัสเช่นนี้หรือ ?
๓. ดูกรอานนท์
ก็ถ้าวิญญาณหยั่งลงในท้องแห่งมารดาแล้วจักล่วงเลยไป นามรูปจักบังเกิดเพื่อความเป็นอย่างนี้ได้บ้างไหม ฯ
"วิญญาณ" เกิดจากอะไร ท่าน cantona_z องค์ประกอบของวิญญาณคืออะไร ?
"คนดู" นำ "มูลเหตุแห่งการบัญญัติขันธ์ ๕" มาให้ท่าน cantona_z ศึกษา ...
ท่านศึกษาแล้วหรือยัง ถึงได้ถามแต่เรื่องเดิม ? แล้วกล่าวหาว่า "คนดู" ไม่ตอบ ...
ท่านได้ช่วยเหลือตัวท่านเองในการทำความเข้าใจพระสูตรนี้แล้วหรือยัง ?
http://ppantip.com/topic/30046180/comment12
แต่ใช่ว่า "คนดู" จะรบกวนท่านฝ่ายเดียวซะที่ไหน ก็เราคนกันเองนี่นา ...
เลยนำ "มูลเหตุแห่งการบัญญัติขันธ์ ๕" มาฝากอีกเป็นพระสูตรที่ ๒ ....
ภิกษุ ! มหาภูต (ธาตุ) สี่อย่าง เป็นเหตุเป็นปัจจัย เพื่อการบัญญัติ รูปขันธ์;
ภิกษุ ! ผัสสะ (อายตนะใน + นอก + วิญญาณที่อายตนะ) เป็นเหตุเป็นปัจจัย เพื่อการบัญญัติ เวทนาขันธ์;
ภิกษุ ! ผัสสะ เป็นเหตุเป็นปัจจัย เพื่อการบัญญัติ สัญญาขันธ์;
ภิกษุ ! ผัสสะ เป็นเหตุเป็นปัจจัย เพื่อการบัญญัติ สังขารขันธ์;
ภิกษุ ! นามรูป แล เป็นเหตุปัจจัย เพื่อการบัญญัติ วิญญาณขันธ์.
อุปริ. ม. ๑๔/๑๐๒/๑๒๔.
ทรงตรัส ---- > ภิกษุ ! นามรูป แล เป็นเหตุปัจจัย เพื่อการบัญญัติ วิญญาณขันธ์. ใช่ไหม ?
ถ้า "วิญญาณที่ประกอบด้วยความกำหนัดในกาม" "หยั่งลงในครรภ์มารดาแล้ว"
แต่ไม่อาศัยอยู่ ล่วงเลยไปเพราะไม่เพลิน จะมีปัจจัยอะไรไปบัญญัติ "นามรูป" ได้ล่ะ ท่าน cantona_z ?
สังเกตุไหมว่า ทรงตรัสคำว่า "นามรูปจักบังเกิดเพื่อความเป็นอย่างนี้ได้บ้างไหม ฯ"
ไม่ทรงตรัสคำว่า ทารก, กุมาร หรือ กุมาริกา บังเกิดเพื่อความเป็นอย่างนี้ได้บ้างไหม ฯ ใช่หรือไม่ ท่าน cantona_z ?
ท่าน ศึกษาเรื่อง ผัสสะ ๒ แล้วหรือยัง ?
จิต มโน วิญญาณ [("วิญญาณ" ที่เกิดจากผัสสะ ประกอบด้วยองค์ ๓ จากหัวข้อ - ก็คำนี้ว่า
เพราะนามรูปเป็นปัจจัยจึงเกิดผัสสะ (ทรงอธิบาย ผัสสะ ๒)]) --- > ก้าวลงสู่ท้องมารดา/ครรภ์ (กาม) --- > นามรูป
--- > สฬายตนะ --- > (ฯลฯ) --- > ชาติ (คลอด/เกิด) --- > (ฯลฯ)
๔. ดูกรอานนท์
ก็ถ้าวิญญาณ ของกุมารก็ดี ของกุมาริกาก็ดี ผู้ยังเยาว์วัยอยู่ จักขาดความสืบต่อ
นามรูปจักถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ ได้บ้างไหม ฯ
ถ้า "วิญญาณที่ประกอบด้วยความกำหนัดในกาม" อาศัยในครรภ์มารดาแล้ว แต่อยู่ได้ไม่นาน
เพราะมีสติรู้สึกตัวทัน ไม่เพลินไปกับอารมณ์
--- >> ก็ถ้าวิญญาณ ของกุมารก็ดี ของกุมาริกาก็ดี ผู้ยังเยาว์วัยอยู่ จักขาดความสืบต่อ
ในกรณีนี้ "นามรูป" ได้ถูกบัญญัติแล้ว แต่ไม่สืบต่อเพราะไม่เพลิน
จึงทรงตรัสแต่เพียงว่า --- >> นามรูปจักถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ ได้บ้างไหม ฯ
ยังไม่เป็น "อุปาทานขันธ์" ใช่ไหม ?
ท่าน cantona_z ไม่เอะใจหรือว่า ….
๔.๑ คำว่า "สืบต่อ" จะหมายถึง ปฏิสนธิวิญญาณ ที่สืบต่อในตัวกุมาร/กุมาริกา หรือท่าน cantona_z ?
๔.๒ ทำไมทรงตรัส วิญญาณ ของกุมารก็ดี ของกุมาริกาก็ดี อยู่ดีๆ
พอขาดการสืบต่อปั๊ป แล้วกลับไปตรัสถึง "นามรูป" ว่า --- >> จักถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ ได้บ้างไหม ฯ ….
ทำไมท่านไม่ตรัสไปตรงๆ เลยล่ะว่า กุมาร หรือ กุมาริกา ตายหรือสิ้นชีวิตในท้องมารดาไปเรียบร้อยแล้ว ....
ท่าน cantona_z พิจารณาเห็นว่า พระศาสดาจอมอรหันต์ จะทรงหมายถึงปฏิสนธิวิญญาณของกุมาร หรือ กุมาริกาจริงๆ
ที่เมื่อขาดการสืบต่อ แล้วทรงถามให้พระอานนท์ตอบว่า จักถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์หรือไม่ เช่นนั้นหรือ ?
ท่าน cantona_z คิดว่า คำถามทำนองนั้นจะเป็นคำถามจากพระศาสดาจอมอรหันต์ ได้ไหม ?
ท่าน cantona_z ตีโจทย์นี้ไม่ได้เชียวหรือ ?
๕. ดูกรอานนท์ ก็ถ้าวิญญาณจักไม่ได้อาศัยในนามรูปแล้ว
---- > ความเกิดขึ้นแห่งชาติชรามรณะและกองทุกข์ พึงปรากฏต่อไปได้บ้างไหม ฯ
ถ้า "วิญญาณที่ประกอบด้วยความกำหนัดในกาม" ไม่อาศัยใน "นามรูป" เลย
ก็ไม่มีการเกิดขึ้นของ "อุปาทานขันธ์" ไม่มีการเกิดขึ้นแห่งชาติชรามรณะและกองทุกข์ ใช่ไหม ท่าน cantona_z ?
ท่าน cantona_z พิจารณาเห็นว่า พระศาสดาจอมอรหันต์ จะทรงถามพระอานนท์ผู้โสดาบัน ในทำนองที่ว่า ...
ถ้าปฏิสนธิวิญญาณไม่อาศัยในกุมาร หรือ กุมาริกา ในท้องมารดาแล้ว
ดังนั้น ความเกิดขึ้นแห่งชาติชรามรณะและกองทุกข์ จะพึงปรากฏต่อไปได้บ้างไหม ฯ เช่นนั้นหรือ ท่าน cantona_z ?
คนดู
9 กุมภาพันธ์ เวลา 01:25 น.
---------------------------------------------------------------------
ขออภัย copy ลง word วรรคตอนหายหมดต้องมาจัดใหม่[-.-']
คุณคนดู มือวาง#๑ สายพุทธทาสบอกปฏิจจสมุปบาทมีแต่เรื่องจิตอย่างเดียวเท่านั้น? เวียนว่ายตายเกิดไม่มีจริง? จริงรึ?
แถมเวลาตัวตอบไม่ได้ ก็หนีออกจากกระทู้ซะดื้อๆงั้นแหละ
เอาเถอะถึงจะยุ่งๆวุ่นวายหน่อย แต่ก็ตั้งกระทู้ซะจะได้ไม่มีใครขอตามทวงอยู่
ผมขอตั้งกระทู้ไว้ก่อนนะครับ ขอเคลียร์งานให้เสร็จซักพักก่อนแล้วจะมาตอบ
หวังว่าคงไม่มีใครเดือดร้อนอะไรมากมายอีกนะครับ
ช่วงนี้มีเวลาเล็กๆน้อยๆเข้ามาตอบอะไรเล็กๆน้อยๆได้
แต่ของใหญ่ๆอย่างของคุณคนดูต้องใช้เวลาหาหลักฐานพอสมควร
ตอบชุ่ยๆไปเดี๋ยวโดนลูกศิษย์คุณคนดูเอาไปอ้าง จะยุ่งกันไปใหญ่ 555
จุดเริ่มต้นขอให้ทุกท่านไปอ่านกระทู้นี้ก่อนครับ จึงจะทราบที่มาที่ไป
http://ppantip.com/topic/30046180 ทารกในครรภ์รับรู้อารมณ์ได้ แล้วปฏิจจสมุปบาทจะไม่เกิดได้อย่างไร
สรุปโดยรวมคร่าวๆคือ
ผมถกว่าปฏิจจสมุปบาทเกิดตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
รู้แต่ว่าในเมื่อทารกในครรภ์สามารถรับรู้อารมณ์ต่างๆได้แสดงว่าตอนนั้นวงจรปฏิจจสมุปบาทได้เกิดขึ้นแล้ว
ก็ยกรายละเอียดในทางวิทยาศาสตร์และพระสูตรต่างๆมาเพื่อแสดงยืนยัน
ทีนี้คุณ คนดู ก็เข้ามาแย้งว่า ไม่น่าเป็นเช่นนั้นโดยยกพระสูตรหลายๆพระสูตรมาแสดง
รวมถึงการแสดงว่าคำว่า”อยู่ในครรภ์”นั้น พระพุทธเจ้าท่านหมายถึงเรื่อง กาม ต่างหาก(ดูรายละเอียดเองนะครับ)
ผมก็เลยแย้งคุณคนดูด้วยการตั้งสมมติฐานว่า ธรรมของพระพุทธเจ้าย่อมไม่ขัดแย้งกันเอง
ดังนั้นถ้าพระพุทธเจ้า ต้องการให้ “กาม”หมายความถึงการ”อยู่ในครรภ์”เท่านั้น
เราต้องเอาคำว่า”กาม” ไปแทนที่สมการ คือคำว่า”อยู่ในครรภ์”ได้
ผมเลยจัดการเอาไปแทนที่แล้วยกมาให้คุณคนดูอธิบาย ก็ยังหาคำตอบเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้
จากนั้นผมก็ขอให้คุณคนดูอธิบายมหานิทานสูตร คุณคนดูก็ตอบว่าลองดูดีๆแล้วจะเข้าใจ
ผมก็บอกดูยังไงผมก็ไม่เข้าใจ กลับไปกลับมาสองสามรอบ แล้วกระทู้ก็จบไป
จากนั้นคุณคนดุจึงมาตอบผมในอีกกระทู้คือ
http://ppantip.com/topic/30125548 พระอภิธรรม ไม่ใช่คำสอนพระพุทธเจ้า? สาวกหลวงพ่อปลาหมอสีทั้งหลายคุณใช้หลักมหาปเทสหรือยังครับ? ตามด้านล่างนี้(ผมขอลบบรรทัดว่างและเครื่องหมาย^^^^^ออกไปนะครับ)
----------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 53
เห็นสนทนากันอยู่ เห็นว่าไม่ควรตอบประเด็นที่ท่าน cantona_z ถาม แทรกระหว่างกลาง ... ขออภัยที่ล่าช้า ...
"คนดู" คิดว่าคำตอบที่อธิบายไปทั้งหมดชัดเจนแล้วนะท่าน cantona_z และในการตอบแต่ละครั้งก็ย้ำประโยคเดิมๆ ด้วย
แต่ไม่เป็นไร ตอบอีกที....
"มหานิทานสูตร" เป็นพระสูตรที่ทรงอธิบายให้พระอานนท์ ผู้โสดาบัน ที่คิดว่า ปฏิจจสมุปบาทเป็นของง่าย
จึงทรงอธิบายอย่างละเอียดลออให้พระอานนท์ฟัง ถึงแต่ละอาการของกระแสปฏิจจสมุปบาท
ที่เกิดขึ้นภายใน "จิต" ว่าอะไรเป็นปัจจัยแก่อะไร
ซึ่งกองทุกข์ทั้งมวลจะเกิดขึ้นด้วยอาการตามที่ทรงตรัส ...
--- >> ไม่เกี่ยวกับ การเกิดทางเนื้อหนัง หรือการเกิดของมนุษย์แต่ประการใด
********** ย้ำ ย้ำ ย้ำ ย้ำ ย้ำ ****************
--- >> ไม่เกี่ยวกับ การเกิดทางเนื้อหนัง หรือการเกิดของมนุษย์แต่ประการใด
ประเด็นที่ท่าน cantona_z ปักอกปักใจ ฝังใจ จนปิดกั้นมุมมองอื่นๆ
ก็น่าจะเป็นว่า ท่านคิดอยู่แต่ว่า วิญญาณที่ทรงตรัสนี้ คือ "ปฏิสนธิวิญญาณ"
และที่ "คนดู" ถามท่านว่า ที่ "คนดู" อธิบายไปทั้งหมดมีส่วนใดที่ขัดแย้งกับพระสูตรต่างๆ นานาที่เกี่ยวเนื่องไหม ?
ท่านไม่ปฏิเสธ ....
หากท่านยืนยันว่าต้องเป็น "ปฏิสนธิวิญญาณ" ท่านจะแปล "มหานิทานสูตร" ได้ใจความไหม ?
แล้วขัดแย้งกับพระสูตรต่างๆ นานาที่เกี่ยวเนื่องไหม ? ท่านได้ถามตัวเองแล้วหรือยัง ?
อย่าลืม ... พระศาสดาทรงตรัสธรรมขัดกันไม่ได้ มิใช่หรือ ?พิจารณาดูอีกที .....
๑. ดูกรอานนท์
เธอพึงทราบความข้อนี้โดยปริยายแม้นี้ เหมือนที่เราได้กล่าวไว้ว่า
---- > เพราะวิญญาณเป็นปัจจัยจึงเกิดนามรูป
ท่าน cantona_z พิจารณาเห็นว่า เพราะมีปฏิสนธิวิญญาณเป็นปัจจัย จึงเกิดทารกในท้องมารดา หรือ ?
๒. ดูกรอานนท์
ก็วิญญาณจักไม่หยั่งลงในท้องแห่งมารดา นามรูปจักขาดในท้องแห่งมารดาได้บ้างไหม ฯ
๒.๑ ปฏิสนธิวิญญาณ "หยั่งลง" สู่ตัวทารกในท้องมารดา ด้วยอาการใด ?
๒.๒ มีทารก "รอ" อยู่ในท้องมารดาแล้วหรือ ?
๒.๓ ปัจจัยของการเกิดทารกที่ทรงตรัสแสดงใน "มหาตัณหาสังขยสูตร" ทรงตรัสเช่นนี้หรือ ?
๓. ดูกรอานนท์
ก็ถ้าวิญญาณหยั่งลงในท้องแห่งมารดาแล้วจักล่วงเลยไป นามรูปจักบังเกิดเพื่อความเป็นอย่างนี้ได้บ้างไหม ฯ
"วิญญาณ" เกิดจากอะไร ท่าน cantona_z องค์ประกอบของวิญญาณคืออะไร ?
"คนดู" นำ "มูลเหตุแห่งการบัญญัติขันธ์ ๕" มาให้ท่าน cantona_z ศึกษา ...
ท่านศึกษาแล้วหรือยัง ถึงได้ถามแต่เรื่องเดิม ? แล้วกล่าวหาว่า "คนดู" ไม่ตอบ ...
ท่านได้ช่วยเหลือตัวท่านเองในการทำความเข้าใจพระสูตรนี้แล้วหรือยัง ?
http://ppantip.com/topic/30046180/comment12
แต่ใช่ว่า "คนดู" จะรบกวนท่านฝ่ายเดียวซะที่ไหน ก็เราคนกันเองนี่นา ...
เลยนำ "มูลเหตุแห่งการบัญญัติขันธ์ ๕" มาฝากอีกเป็นพระสูตรที่ ๒ ....
ภิกษุ ! มหาภูต (ธาตุ) สี่อย่าง เป็นเหตุเป็นปัจจัย เพื่อการบัญญัติ รูปขันธ์;
ภิกษุ ! ผัสสะ (อายตนะใน + นอก + วิญญาณที่อายตนะ) เป็นเหตุเป็นปัจจัย เพื่อการบัญญัติ เวทนาขันธ์;
ภิกษุ ! ผัสสะ เป็นเหตุเป็นปัจจัย เพื่อการบัญญัติ สัญญาขันธ์;
ภิกษุ ! ผัสสะ เป็นเหตุเป็นปัจจัย เพื่อการบัญญัติ สังขารขันธ์;
ภิกษุ ! นามรูป แล เป็นเหตุปัจจัย เพื่อการบัญญัติ วิญญาณขันธ์.
อุปริ. ม. ๑๔/๑๐๒/๑๒๔.
ทรงตรัส ---- > ภิกษุ ! นามรูป แล เป็นเหตุปัจจัย เพื่อการบัญญัติ วิญญาณขันธ์. ใช่ไหม ?
ถ้า "วิญญาณที่ประกอบด้วยความกำหนัดในกาม" "หยั่งลงในครรภ์มารดาแล้ว"
แต่ไม่อาศัยอยู่ ล่วงเลยไปเพราะไม่เพลิน จะมีปัจจัยอะไรไปบัญญัติ "นามรูป" ได้ล่ะ ท่าน cantona_z ?
สังเกตุไหมว่า ทรงตรัสคำว่า "นามรูปจักบังเกิดเพื่อความเป็นอย่างนี้ได้บ้างไหม ฯ"
ไม่ทรงตรัสคำว่า ทารก, กุมาร หรือ กุมาริกา บังเกิดเพื่อความเป็นอย่างนี้ได้บ้างไหม ฯ ใช่หรือไม่ ท่าน cantona_z ?
ท่าน ศึกษาเรื่อง ผัสสะ ๒ แล้วหรือยัง ?
จิต มโน วิญญาณ [("วิญญาณ" ที่เกิดจากผัสสะ ประกอบด้วยองค์ ๓ จากหัวข้อ - ก็คำนี้ว่า
เพราะนามรูปเป็นปัจจัยจึงเกิดผัสสะ (ทรงอธิบาย ผัสสะ ๒)]) --- > ก้าวลงสู่ท้องมารดา/ครรภ์ (กาม) --- > นามรูป
--- > สฬายตนะ --- > (ฯลฯ) --- > ชาติ (คลอด/เกิด) --- > (ฯลฯ)
๔. ดูกรอานนท์
ก็ถ้าวิญญาณ ของกุมารก็ดี ของกุมาริกาก็ดี ผู้ยังเยาว์วัยอยู่ จักขาดความสืบต่อ
นามรูปจักถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ ได้บ้างไหม ฯ
ถ้า "วิญญาณที่ประกอบด้วยความกำหนัดในกาม" อาศัยในครรภ์มารดาแล้ว แต่อยู่ได้ไม่นาน
เพราะมีสติรู้สึกตัวทัน ไม่เพลินไปกับอารมณ์
--- >> ก็ถ้าวิญญาณ ของกุมารก็ดี ของกุมาริกาก็ดี ผู้ยังเยาว์วัยอยู่ จักขาดความสืบต่อ
ในกรณีนี้ "นามรูป" ได้ถูกบัญญัติแล้ว แต่ไม่สืบต่อเพราะไม่เพลิน
จึงทรงตรัสแต่เพียงว่า --- >> นามรูปจักถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ ได้บ้างไหม ฯ
ยังไม่เป็น "อุปาทานขันธ์" ใช่ไหม ?
ท่าน cantona_z ไม่เอะใจหรือว่า ….
๔.๑ คำว่า "สืบต่อ" จะหมายถึง ปฏิสนธิวิญญาณ ที่สืบต่อในตัวกุมาร/กุมาริกา หรือท่าน cantona_z ?
๔.๒ ทำไมทรงตรัส วิญญาณ ของกุมารก็ดี ของกุมาริกาก็ดี อยู่ดีๆ
พอขาดการสืบต่อปั๊ป แล้วกลับไปตรัสถึง "นามรูป" ว่า --- >> จักถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ ได้บ้างไหม ฯ ….
ทำไมท่านไม่ตรัสไปตรงๆ เลยล่ะว่า กุมาร หรือ กุมาริกา ตายหรือสิ้นชีวิตในท้องมารดาไปเรียบร้อยแล้ว ....
ท่าน cantona_z พิจารณาเห็นว่า พระศาสดาจอมอรหันต์ จะทรงหมายถึงปฏิสนธิวิญญาณของกุมาร หรือ กุมาริกาจริงๆ
ที่เมื่อขาดการสืบต่อ แล้วทรงถามให้พระอานนท์ตอบว่า จักถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์หรือไม่ เช่นนั้นหรือ ?
ท่าน cantona_z คิดว่า คำถามทำนองนั้นจะเป็นคำถามจากพระศาสดาจอมอรหันต์ ได้ไหม ?
ท่าน cantona_z ตีโจทย์นี้ไม่ได้เชียวหรือ ?
๕. ดูกรอานนท์ ก็ถ้าวิญญาณจักไม่ได้อาศัยในนามรูปแล้ว
---- > ความเกิดขึ้นแห่งชาติชรามรณะและกองทุกข์ พึงปรากฏต่อไปได้บ้างไหม ฯ
ถ้า "วิญญาณที่ประกอบด้วยความกำหนัดในกาม" ไม่อาศัยใน "นามรูป" เลย
ก็ไม่มีการเกิดขึ้นของ "อุปาทานขันธ์" ไม่มีการเกิดขึ้นแห่งชาติชรามรณะและกองทุกข์ ใช่ไหม ท่าน cantona_z ?
ท่าน cantona_z พิจารณาเห็นว่า พระศาสดาจอมอรหันต์ จะทรงถามพระอานนท์ผู้โสดาบัน ในทำนองที่ว่า ...
ถ้าปฏิสนธิวิญญาณไม่อาศัยในกุมาร หรือ กุมาริกา ในท้องมารดาแล้ว
ดังนั้น ความเกิดขึ้นแห่งชาติชรามรณะและกองทุกข์ จะพึงปรากฏต่อไปได้บ้างไหม ฯ เช่นนั้นหรือ ท่าน cantona_z ?
คนดู
9 กุมภาพันธ์ เวลา 01:25 น.
---------------------------------------------------------------------
ขออภัย copy ลง word วรรคตอนหายหมดต้องมาจัดใหม่[-.-']