เมื่อปี 2559 ขณะบวชพระที่วัดถ้ำสหาย ได้นำสภาวะจากการปฏิบัติของตนเอง เรื่อง “จิตรวมใหญ่ตกกระแส” ไปเรียนถาม หลวงตาบุญเรือง ท่านเข้า นิโรธสมาบัติ 3 วัน 3 คืน ไม่รุกจากที่นั่งและองค์หลวงปู่จันทร์เรียนรับรองคุณธรรมของท่าน

คือ สภาวะ จิตประภัสสร ส่องสว่างท่ามกลางความว่างไร้สมมุติบัญญัติ ไร้รูปไร้กาย ไร้ลมหายใจ ไร้ความคิดปรุงแต่ง ไร้สัญญา ไร้ความสัญญาความจำ ไร้เวทนา สุขและทุกข์ จิตหลุดพ้นขันธ์ 5 เกิดปัญญาตื่นรู้ ขันธ์ 5 แตกสลายเป็นธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ จิตและเราไม่ใช่ขันธ์ 5 และเราไม่ใช่จิต เรา คือ สังขารปรุงแต่งของจิตที่มีอวิชชา

หลวงตาตอบว่า ใช่แล้ว แต่ยังไปไม่สุด ถ้าไปให้สุดจิตต้องรวมใหญ่ตกกระแส 4 รอบ ในที่นั่งเดียว รอบแรก รู้แจ้งในรูป รอบสอง รู้แจ้งในเวทนา รอบสาม รู้แจ้งในจิต รอบสี่ รู้แจ้งในธรรม

เมื่อรู้แจ้งในธรรมแล้ว จิตจะแยกออกจากขันธ์ 5 ตลอดเวลาทุกวินาที 100% เหมือนคนสองคนแยกออกจากกัน คนหนึ่ง คือ ขันธ์ 5 อีกคน คือ จิต ขันธ์ 5 จะดำเนินชีวิตตามปกติ มีทุกข์ มีสุข เจ็บป่วยเป็นปกติตามวิบากกรรม แต่ความทุกข์ ความสุข ความเศร้าใจไม่กระทบใดๆต่อจิตเลย เหมือนแยกเป็นคนละคน จิตเป็นเพียงผู้ตามรู้ ตามดู รู้แล้วปล่อยด้วยปัญญาไม่มีอารมณ์ทำให้จิตเศร้าหมองได้

ซึ่งเรื่องนี้ตรงกับพระอาจารย์วรพรต เมื่อปี 2562 ได้ให้ผมนั่งสมาธิให้ท่านดู ประมาณ 30 นาที เมื่อนั่งเสร็จ ท่านกล่าวว่า จิตตกกระแสแล้ว 1 รอบ ต้องทำให้ได้ 4 รอบพระโพธิสัตว์ก็ทำได้นะ ไม่มีในตำราบารมีจะยิ่งเต็มเร็ว สอดคล้องกับองค์หลวงปู่ดู่ กล่าวว่า ภูมิธรรมของพระโพธิสัตว์บารมีเต็มเท่ากับพระอนาคามีรอตรัสรผู้เป็นพระพุทธเจ้าเท่านั้น