ชาติ การเกิด ความสืบเนื่องกัน แห่ง ธาตุ ขันธ์ และอายตนะทั้งหลาย

1..คัมภีร์วิสุทธิมรรคกล่าวไว้ว่า
ความสืบเนื่องกัน  แห่ง ธาตุ ขันธ์ และอายตนะทั้งหลาย เป็นไปอยู่ไม่ขาดสายเรียกว่าสงสาร
..แต่ผู้หลงในสงสารกำหนดใจไปว่า " สัตว์ผู้นี้ไปสู่โลกอื่นจากโลกนี้ มาสู่โลกนี้จากโลกอื่น " เป็นต้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เป็นผู้หลงในจุติและอุปบาต 
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

@@@@@@@

2...จาก ปฏิจจสมุปบาท
.. แม้จะกล่าวเพียงว่า สังขาร (กรรม)เป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ(วิบาก) แต่ในปัญจโวการภพ ปัจจยาการนั้นก็ครบทั้งขันธ์ 5 ในส่วนปฏิสนธิกาลแล้ว
_____________________
...(ขยายความ)
สังขารเป็นกรรมปัจจัยและอุปนิสสยปัจจัย แก่ปฏิสนธิวิญญาณ ทั้งในส่วนปฏิสนธิกาลและปวัตติกาล 
..ปฏิสนธิวิญญาณ จะไม่เกิดร่วมกับรูปใน อรูปภพ..เกิดร่วมกับรูปที่ไม่มีภาวะ (เพศ) ในรูปภพ..และเกิดร่วมกับรูปที่มีภาวะในกามภพ
...รูปที่มีภาวะ ในกามภพ ในปฏิสนธิกาลอย่างน้อยต้องมีรูปเกิดขึ้น 3 กลุ่มคือ กายทสกะ วัตถุทสกะ และภาวะทสกะ เช่นในปฏิสนธิของปัญจโวการภพของสัตว์ที่เกิดในครรภ์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
....ปฏิสนธิจิตและเจตสิกเกิดพร้อมกันและอาศัยกันเกิด (สหชาตปัจจัยและอัญญมัญปัจจัย)
....ในปฏิสนธิกาล ปฏิสนธิจิตและเจตสิกที่เกิดร่วม เป็นสหชาตปัจจัยและอัญญมัญญปัจจัยของวัตถุทสกะ หรือหทยวัตถุ ..ดังนั้นสำหรับภูมิที่มีขันธ์ 5 ในส่วนปฏิสนธิกาล ก็ครบขันธ์ 5 แล้ว...คำว่าอัญญมัญญปัจจัย นั้นหมายความว่า หากไม่มีปฏิสนธิจิตและเจตสิกแล้ว  หทยวัตถุก็เกิดไม่ได้ ในทำนองเดียวกันหากไม่มีหทยวัตถุ ปฏิสนธิจิตและเจตสิก ก็เกิดไม่ได้เช่นกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

@@@@@

3...จาก วิภังคสูตร..ชาติ เป็นอย่างไร
             คือ ความเกิด ความเกิดพร้อม ความหยั่งลง ความบังเกิดเฉพาะ ความบังเกิดขึ้นเฉพาะ ความปรากฏแห่งขันธ์ ความได้อายตนะ ในหมู่สัตว์นั้นๆ ของเหล่าสัตว์นั้นๆ นี้เรียกว่า ชาติ
อรรถกถา
บัดนี้เป็นปรมัตถเทศนา. จริงอยู่ เมื่อว่าโดยปรมัตถ์ ขันธ์เท่านั้นปรากฏ สัตว์ไม่ปรากฏ. บรรดาบทเหล่านั้น พึงทราบศัพท์ว่า ขนฺธานํ ได้แก่ ขันธ์ ๑ ในเอกโวการภพ ขันธ์ ๔ ในจตุโวการภพ ขันธ์ ๕ ในปัญจโวการภพ. บทว่า ปาตุภาโว แปลว่า การเกิด. ในบทว่า อายตนานํ นี้ พึงทราบการรวบรวมโดยอายตนะที่เกิดในภพนั้นๆ.

@@@@@@

4...จาก มหาตัณหาสังขยสูตร
(พระสูตร)ภิกษุชื่อสาติ ผู้เกวัฏฏบุตร (บุตรชาวประมง) มีทิฏฐิอันลามกเห็นปานนี้เกิดขึ้นว่า เราย่อมรู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่า วิญญาณนี้นั่นแหละย่อมท่องเที่ยว แล่นไปไม่ใช่อื่น.
............
............
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรโมฆบุรุษ เธอรู้ธรรมอย่างนี้ที่เราแสดงแก่ใครเล่า ดูกรโมษบุรุษ วิญญาณอาศัยปัจจัยประชุมกันเกิดขึ้น เรากล่าวแล้วโดยปริยายเป็นอเนกมิใช่หรือ ความเกิดแห่งวิญญาณ เว้นจากปัจจัย มิได้มี 
---------------
อรรถกถา
เธอได้มีความคิดว่า รูป เวทนา สัญญา สังขารเหล่านี้ ย่อมดับไปในที่นั้นๆ นั่นแหละ แต่วิญญาณย่อมท่องเที่ยว ย่อมแล่นไปจากโลกนี้สู่โลกอื่น จากโลกอื่นสู่โลกนี้ ดังนี้ จึงเกิดสัสสตทิฏฐิ. เพราะเหตุนั้น เธอจึงกล่าวว่า วิญญาณนี้นั่นแหละย่อมท่องเที่ยวไป ย่อมแล่นไป ไม่ใช่อย่างอื่น ดังนี้.
.........
.........
               ก็พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า เมื่อปัจจัยมีอยู่ความเกิดขึ้นแห่งวิญญาณจึงมี เว้นจากปัจจัย ความเกิดขึ้นแห่งวิญญาณย่อมไม่มี ดังนี้.

@@@@@@

5...จาก มหานิทานสูตร
เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมพระพุทธองค์จึงตรัสว่านามรูปเป็นปัจจัยแก่วิญญาณ
...........
ในปฏิจจสมุปบาทสูตร 
กล่าวถึง ปัจจยาการ ของวิญญาณและนามรูปนี้  ไว้ว่า
เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย นามรูปจึงมี เพราะนามรูปเป็นปัจจัย สฬายตนะจึงมี
______________
..แต่ในมหานิทานสูตร พระพุทธองค์ตรัสแก่พระอานนท์ถึง ปัจจยาการนี้ในอีกนัยยะหนึ่งดังนี้
...
เขาถามว่า นามรูปมีอะไรเป็นปัจจัย เธอพึงตอบว่า มีวิญญาณเป็นปัจจัย เมื่อเธอถูกถามว่า วิญญาณมีสิ่งเป็นปัจจัยหรือเธอพึงตอบว่า มี ถ้าเขาถามว่าวิญญาณมีอะไรเป็นปัจจัย เธอพึงตอบว่า มีนามรูปเป็นปัจจัย ดูกรอานนท์เพราะนามรูปเป็นปัจจัยดังนี้แล จึงเกิดวิญญาณ เพราะวิญญาณเป็นปัจจัยจึงเกิดนามรูป
.........
อรรถกถา
 บทว่า ตสฺมาติหานนฺท ความว่า เพราะวิญญาณนั่นแลเป็นปัจจัยแห่งนามรูปนั้น ในการถือปฏิสนธิในท้องมารดาบ้าง ในขณะอยู่ในท้องบ้าง ในขณะออกจากท้องบ้าง ในเวลามีอายุ ๑๐ ปี ในการเป็นไปบ้าง ฉะนั้น นี้เป็นเหตุ นี้เป็นปัจจัยแห่งนามรูป คือวิญญาณ วิญญาณย่อมเป็นปัจจัยแห่งนามรูป
 ...............
................
บทว่า ยทิทํ นามรูปํ ความว่า นามรูปนี้ใด นี้เป็นเหตุ นี้เป็นปัจจัย แม้นามรูป ก็ดุจบุคคลกล่าวถึงวิญญาณอย่างนี้โดยความว่า ท่านเป็นปฏิสนธิวิญญาณ ใครทำปฏิสนธิวิญญาณ เราทำมิใช่หรือ ก็หากท่านไม่อาศัยขันธ์ ๓ และหทยวัตถุ จะพึงชื่อว่าปฏิสนธิวิญญาณ เราพึงเห็นความที่ท่านเป็นปฏิสนธิวิญญาณ ดังนี้
.............
 บทว่า เอตฺตาวตา โข ความว่า เมื่อวิญญาณเป็นปัจจัยแห่งนามรูป เมื่อนามรูปเป็นปัจจัยแห่งวิญญาณ เมื่อทั้งสองเป็นไปด้วยสามารถแห่งความเป็นปัจจัยของกันและกัน ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ วิญญาณและนามรูป จึงยังเกิด แก่ ตาย จุติหรืออุบัติ ชาติเป็นต้น หรือจุติปฏิสนธิอื่นๆ พึงปรากฏ

@@@@@@

 6...ทุกสิ่งที่กล่าวมาล้วนแล้วแต่เป็นธรรมไม่มีสัตว์บุคคลตัวตนใดๆทั้งสิ้น


ภาพ : วิสุทธิมรรค
@@@@@
-----------------------------------

.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่