กมธ.มั่นคงฯ ถกปมส่งอุยกูร์ โรม ชี้ กล่าวหาประเทศอื่น ไม่แน่วแน่รับตัว ทะเลาะคนอื่นทำไม.
https://www.matichon.co.th/politics/news_5078919
“กมธ.มั่นคงฯ” ถกผลกระทบส่ง อุยกูร์ กลับจีน โรม ซัดเดือด แกว่งปากหาเสี้ยน! ไปกล่าวหาประเทศอื่นไม่แน่วแน่รับตัว มองจะทำให้ปัญหาเลวร้ายขึ้น ด้าน ทูตรัศม์ ยันทำตามกม.ระหว่างประเทศ การันตีเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
เวลา 9.30 น. วันที่ 6 มีนาคม ที่อาคารรัฐสภา นาย
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมกมธ. ถึงประเด็นการส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศจีนว่า วันนี้ได้เชิญนายกรัฐมนตรี นาย
ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นาย
มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การต่างประเทศ พ.ต.อ.
ทวี สอดส่อง
รวมไปถึงสภาความมั่นคงแห่งชาติ มาชี้แจงเรื่องการส่งอุยกูร์กลับประเทศจีน แต่ปรากฏว่า ไม่ได้รับความร่วมมือ มีเพียงนาย
ฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ นาย
รัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ พ.ต.ต.
ปรัชญา ประสานสุข รองผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง มาชี้แจง
นาย
รังสิมันต์กล่าวว่า เรื่องการส่งอุยกูร์ กลับจีน ทั้งที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นศาล จะถือเป็นการละเมินอำนาจศาลหรือไม่ และมีพ.ร.บ.ป้องกันการซ้อมทรมานและการอุ้มหาย บังคับภายในประเทศด้วย ดังนั้นเรื่องนี้อาจจะกระทบต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง อีกหนึ่งประเด็นที่ต้องพิจารณา คือผลกระทบกับประเทศไทย เพราะตอนนี้เริ่มมีสถานทูตหลายประเทศประกาศแจ้งเตือนคนของประเทศเขาที่มาท่องเที่ยวในประเทศไทย ให้ระมัดระวัง
ซึ่งมันเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในประเทศไทยแล้ว จึงต้องถามถึงมาตรการในการรับมือ ยอมรับว่าวันนี้เราเอาคนอุยกูร์กลับมา เป็นไปไม่ได้แล้ว ไม่สามารถเริ่มต้นอะไรใหม่ได้ แต่สิ่งที่ต้องบริหารกันต่อไปคือ ผลกระทบที่เกิดขึ้น ทางด้านสังคมและทางด้านของการก่อการร้าย รวมไปถึงด้านมิติเศรษฐกิจต่างๆ และสิ่งสำคัญคือเราอยากรู้ว่าเราได้อะไรจากการทำเรื่องนี้ เพราะราคาที่ประเทศไทยต้องจ่ายมันเป็นราคาที่แพง
เมื่อถามถึง การเรียกร้องให้มีการเปิดกล้องวงจรปิดระหว่างส่งตัว คณะกรรมาธิการ จะขอดูด้วยหรือไม่ นาย
รังสิมันต์กล่าวว่า ยืนยันว่าจะต้องมีการพูดคุยกันในการบริการเพื่อขอดูกล้องวงจรปิดด้วย เพื่อที่จะได้ดูพฤติกรรมระหว่างการส่งตัวว่าเขายินยอมที่จะไปจริงหรือไม่ ตนเชื่อว่ามีแน่นอนแต่อยู่ที่ว่าจะให้หรือไม่ และตนเชื่อว่านี่ไม่ใช่การส่งตัวครั้งแรก ผู้แทนที่เดินทางไปดูได้เข้าไปดู 109 คน
ก่อนหน้านี้หรือไม่ว่าความเป็นอยู่เป็นอย่างไร เพราะตนเชื่อว่าหากจะดูความเป็นอยู่ของ 48 คนที่ส่งไปล่าสุด จะเป็นอย่างไรก็ต้องไปดู 109 คนที่ถูกส่งไปก่อนหน้านี้ ตอนนี้มีภาพออกมาว่าเขาได้เจอครอบครัวเป็นภาพอันหวานชื่น แต่ตนสังเกตหน้าตาของคนที่เดินทางกลับดูไม่เต็มใจ และหน้าตาดูเศร้าหมองไม่ได้มีความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้น ดังนั้น หลายๆอย่างมันมีพิรุธ รวมถึงจะต้องมีการถามถึงหนังสือสัญญาว่า สรุปแล้วมีจริงหรือไม่และหน้าตาเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่า กรณีจะมีการพาสื่อมวลชนไทยไปดูความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ 48 คน ดูแล้วมันสมเหตุสมผลหรือไม่ นาย
รังสิมันต์ โรม กล่าวว่า เวลาไปดูแบบนั้น มันไม่ใช่วิธีการที่นำไปสู่การตรวจสอบที่แท้จริง เพราะว่าถ้าจะมีการตรวจสอบที่แท้จริงต้องให้อิสระ แต่ตนไม่มั่นใจว่าสื่อมวลชนที่จะไปครั้งนี้จะมีอิสระหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า เอกสารที่ทางจีนการันตีถึงความปลอดภัยของชาวอุยกูร์ เพียงพอหรือไม่ นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่าความปลอดภัยต้องดูในหลายบริบท ไม่ใช่ดูแค่จากคำสัญญาเท่านั้น เพราะชีวิตคนเวลามันเกิดอะไรไปแล้ว มันเอาคืนไม่ได้ และ บริบทหลายอย่างทั้งเรื่องการแอบส่งไปยามวิกาล การติดสติ๊กเกอร์ดำ มันทำให้เราไม่มั่นใจ ว่ามันเป็นการทำเพื่อคนอุยกูร์จริงๆ
เมื่อถามว่า มีประเทศที่ 3 มีความประสงค์รับตัวจริงหรือไม่ นาย
รังสิมันต์ โรม กล่าวว่า ตั้งแต่สภาชุดที่แล้ว ตอนตนอยู่ในคณะกรรมาธิการกฎหมาย และได้พูดคุยกับ สมช. ยืนยันว่ามีประเทศที่ 3 ประสงค์ที่จะรับชาวอุยกูร์ แต่เราไม่สามารถจะส่งไปได้ เพราะเรากังวลความสัมพันธ์กับจีน
“
ไม่ต้องไปโทษคนอื่น ว่าเขาไม่แน่วแน่ เพราะการโทษแบบนั้นเป็นการแกว่งปากหาเสี้ยน และการไปตำหนิประเทศอื่นไม่แน่วแน่แก้ไข ไม่แน่วแน่ที่จะรับ ผมงงมากว่าการพูดของคุณเป็นอะไรไปแล้ว คุณจะไปทะเลาะกับคนอื่นทำไม ก็ตอบกันตรงๆว่าทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องที่คุณกังวลว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างไทยจีน แต่ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่พูดคุยกันได้
มันมีวิธีการอย่างไรในการแก้ไข แต่คุณจะไปโทษประเทศอื่น ทั้งสหรัฐอเมริกา ตุรกี ไม่แน่วแน่เพียงพอ มันจะยิ่งทำให้เรื่องนี้เลวร้ายยิ่งขึ้น มันทำให้เกิดปัญหาระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น” นาย
รังสิมันต์ กล่าว
จากนั้นนาย
รังสิมันต์ ได้เปิดการประชุม โดยนาย
รัศม์ กล่าวชี้แจงว่า การที่จีนให้คำมั่นกับทางการไทยเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่เรามี ทั้งในแง่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เรามีกับจีนและการปกป้องผลประโยชน์ของชาติและประชาชนชาวไทย รวมทั้งเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับชาวอุยกูร์เหล่านั้น ซึ่งทั้งหมดได้ทำไปบนพื้นฐานของกฎหมาย ทั้งกฎหมายไทยและกฎหมายระหว่างประเทศ
โรม ชี้มาตรการปราบแก๊งคอลได้ผล แต่ยังไม่หมด จี้รบ.ลุยต่อ เหตุได้แค่ลูกกระจ๊อก ต้องเอาผิดจนท.รัฐด้วย
https://www.matichon.co.th/politics/news_5078941
โรม ชี้มาตรการปราบแก๊งคอลได้ผล แต่ยังไม่หมด จี้รบ.ลุยต่อ เหตุได้แค่ลูกกระจ๊อก ต้องเอาผิดจนท.รัฐด้วย งง ยังปล่อยหม่อง ชิตตู่ ลอยนวล
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 6 มีนาคม ที่อาคารรัฐสภา นาย
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ
(กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวกรณีการประเมินการทำงานของรัฐบาลในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ว่า ต้องยอมรับว่าการตัดไฟ อินเตอร์เน็ต และน้ำมัน เป็นก้าวแรกที่ดี และส่งผลกระทบต่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้จริง แต่ไม่หมด ตอนนี้เรามีข้อบ่งชี้หลายอย่างว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะกลับมาเห็นได้จากตัวเลข ที่ไปทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์
7,000 กว่าคน เป็นสัดส่วนที่น้อยมาก ถ้ายังค้างอยู่แบบนี้ เผลอๆใน 7,000 คนนี้ อาจจะกลับไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใหม่ นอกจากนี้การตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตยังไม่เพียงพอ เพราะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้สตาร์ลิงค์มารองรับ หากรัฐบาลไม่คุยกับเจ้าของบริษัท สุดท้ายเขากลับไปใช้สตาร์ลิงค์ได้
นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า เราต้องการมาตรการที่มากกว่านี้ วันนี้ไทยเทาที่จับได้เป็นแค่ระดับลูกกระจ๊อกเท่านั้น คนที่เราต้องการจริงๆ คือระดับเจ้าหน้าที่รัฐที่สมคบคิดรับส่วย แต่เรายังไม่เห็นความคืบหน้า และอัยการสูงสุดยังไม่ดำเนินการอะไรกับ พ.อ.หม่อง ชิตตู ผู้นำกองกำลัง BGF และปล่อยให้เรื่องนี้ค้างคาต่อไป เกิดอะไรขึ้นกับหน่วยงานของรัฐ ตนชื่นชมกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว แต่ข้อหาก็ยังแปลก เน้นไปที่เรื่องค้ามนุษย์ ควรจะตั้งข้อหาอาชญากรรมข้ามชาติ ค้ายาเสพติด ก็สามารถทำได้ เนื่องจากมีหลักฐานบ่งชี้
“
ต้องยอมรับว่าการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไปให้ถึงรากแก้ว เรายังไม่ประสบความสำเร็จ ผมเป็นห่วงว่ารัฐบาลจะสูญเสียความมุ่งมั่นในเรื่องนี้ และจะกลายเป็นการลูบหน้าปะจมูกเท่านั้น” นาย
รังสิมันต์กล่าว
เมื่อถามว่า การคัดกรองไม่ประสบความสำเร็จใช่หรือไม่ นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า แน่นอน เราไปทลายฝั่งกัมพูชา แล้วนำมาเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง นำไปสู่การขยายผลจับกุม แต่ฝั่งเมียนมา เราไม่ได้คัดกรอง เราส่งอย่างเดียว กลายเป็นว่าเราต้องไปพึ่งพาประเทศอื่นให้เขาจัดการ สุดท้ายไม่รู้ว่าจะจบอย่างไร
โรม บอกยังไม่รู้รายละเอียดไฟไหม้ศาลาตรีมุข ชายแดนไทย-กัมพูชา ขอหารือกมธ.ก่อน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5078934
โรม ยังไม่รู้รายละเอียดไฟไหม้ศาลาตรีมุข ชายแดนไทย-กัมพูชา ขอหารือกมธ.ก่อน
เมื่อเวลา 09.30 วันที่ 6 มีนาคม ที่อาคารรัฐสภา นาย
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีไฟไหม้ศาลาตรีมุข หรือที่เรียกว่า ศาลารวมใจ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ว่า ยอมรับว่าตนยังไม่ได้ไปดูในรายละเอียดมาก เบื้องต้นเห็นในข่าวแล้ว แต่จะต้องขอหารือกันในกรรมาธิการก่อนแล้วจะรายงานกันต่อไป
JJNY : โรมชี้กล่าวหาประเทศอื่น│โรมชี้ปราบแก๊งคอลได้ผล แต่ยังไม่หมด│ไม่รู้รายละเอียดไฟไหม้ศาลาตรีมุข│ประท้วงรื้อ USAID
https://www.matichon.co.th/politics/news_5078919
“กมธ.มั่นคงฯ” ถกผลกระทบส่ง อุยกูร์ กลับจีน โรม ซัดเดือด แกว่งปากหาเสี้ยน! ไปกล่าวหาประเทศอื่นไม่แน่วแน่รับตัว มองจะทำให้ปัญหาเลวร้ายขึ้น ด้าน ทูตรัศม์ ยันทำตามกม.ระหว่างประเทศ การันตีเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
เวลา 9.30 น. วันที่ 6 มีนาคม ที่อาคารรัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมกมธ. ถึงประเด็นการส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศจีนว่า วันนี้ได้เชิญนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การต่างประเทศ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง
รวมไปถึงสภาความมั่นคงแห่งชาติ มาชี้แจงเรื่องการส่งอุยกูร์กลับประเทศจีน แต่ปรากฏว่า ไม่ได้รับความร่วมมือ มีเพียงนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ พ.ต.ต.ปรัชญา ประสานสุข รองผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง มาชี้แจง
นายรังสิมันต์กล่าวว่า เรื่องการส่งอุยกูร์ กลับจีน ทั้งที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นศาล จะถือเป็นการละเมินอำนาจศาลหรือไม่ และมีพ.ร.บ.ป้องกันการซ้อมทรมานและการอุ้มหาย บังคับภายในประเทศด้วย ดังนั้นเรื่องนี้อาจจะกระทบต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง อีกหนึ่งประเด็นที่ต้องพิจารณา คือผลกระทบกับประเทศไทย เพราะตอนนี้เริ่มมีสถานทูตหลายประเทศประกาศแจ้งเตือนคนของประเทศเขาที่มาท่องเที่ยวในประเทศไทย ให้ระมัดระวัง
ซึ่งมันเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในประเทศไทยแล้ว จึงต้องถามถึงมาตรการในการรับมือ ยอมรับว่าวันนี้เราเอาคนอุยกูร์กลับมา เป็นไปไม่ได้แล้ว ไม่สามารถเริ่มต้นอะไรใหม่ได้ แต่สิ่งที่ต้องบริหารกันต่อไปคือ ผลกระทบที่เกิดขึ้น ทางด้านสังคมและทางด้านของการก่อการร้าย รวมไปถึงด้านมิติเศรษฐกิจต่างๆ และสิ่งสำคัญคือเราอยากรู้ว่าเราได้อะไรจากการทำเรื่องนี้ เพราะราคาที่ประเทศไทยต้องจ่ายมันเป็นราคาที่แพง
เมื่อถามถึง การเรียกร้องให้มีการเปิดกล้องวงจรปิดระหว่างส่งตัว คณะกรรมาธิการ จะขอดูด้วยหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า ยืนยันว่าจะต้องมีการพูดคุยกันในการบริการเพื่อขอดูกล้องวงจรปิดด้วย เพื่อที่จะได้ดูพฤติกรรมระหว่างการส่งตัวว่าเขายินยอมที่จะไปจริงหรือไม่ ตนเชื่อว่ามีแน่นอนแต่อยู่ที่ว่าจะให้หรือไม่ และตนเชื่อว่านี่ไม่ใช่การส่งตัวครั้งแรก ผู้แทนที่เดินทางไปดูได้เข้าไปดู 109 คน
ก่อนหน้านี้หรือไม่ว่าความเป็นอยู่เป็นอย่างไร เพราะตนเชื่อว่าหากจะดูความเป็นอยู่ของ 48 คนที่ส่งไปล่าสุด จะเป็นอย่างไรก็ต้องไปดู 109 คนที่ถูกส่งไปก่อนหน้านี้ ตอนนี้มีภาพออกมาว่าเขาได้เจอครอบครัวเป็นภาพอันหวานชื่น แต่ตนสังเกตหน้าตาของคนที่เดินทางกลับดูไม่เต็มใจ และหน้าตาดูเศร้าหมองไม่ได้มีความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้น ดังนั้น หลายๆอย่างมันมีพิรุธ รวมถึงจะต้องมีการถามถึงหนังสือสัญญาว่า สรุปแล้วมีจริงหรือไม่และหน้าตาเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่า กรณีจะมีการพาสื่อมวลชนไทยไปดูความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ 48 คน ดูแล้วมันสมเหตุสมผลหรือไม่ นายรังสิมันต์ โรม กล่าวว่า เวลาไปดูแบบนั้น มันไม่ใช่วิธีการที่นำไปสู่การตรวจสอบที่แท้จริง เพราะว่าถ้าจะมีการตรวจสอบที่แท้จริงต้องให้อิสระ แต่ตนไม่มั่นใจว่าสื่อมวลชนที่จะไปครั้งนี้จะมีอิสระหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า เอกสารที่ทางจีนการันตีถึงความปลอดภัยของชาวอุยกูร์ เพียงพอหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่าความปลอดภัยต้องดูในหลายบริบท ไม่ใช่ดูแค่จากคำสัญญาเท่านั้น เพราะชีวิตคนเวลามันเกิดอะไรไปแล้ว มันเอาคืนไม่ได้ และ บริบทหลายอย่างทั้งเรื่องการแอบส่งไปยามวิกาล การติดสติ๊กเกอร์ดำ มันทำให้เราไม่มั่นใจ ว่ามันเป็นการทำเพื่อคนอุยกูร์จริงๆ
เมื่อถามว่า มีประเทศที่ 3 มีความประสงค์รับตัวจริงหรือไม่ นายรังสิมันต์ โรม กล่าวว่า ตั้งแต่สภาชุดที่แล้ว ตอนตนอยู่ในคณะกรรมาธิการกฎหมาย และได้พูดคุยกับ สมช. ยืนยันว่ามีประเทศที่ 3 ประสงค์ที่จะรับชาวอุยกูร์ แต่เราไม่สามารถจะส่งไปได้ เพราะเรากังวลความสัมพันธ์กับจีน
“ไม่ต้องไปโทษคนอื่น ว่าเขาไม่แน่วแน่ เพราะการโทษแบบนั้นเป็นการแกว่งปากหาเสี้ยน และการไปตำหนิประเทศอื่นไม่แน่วแน่แก้ไข ไม่แน่วแน่ที่จะรับ ผมงงมากว่าการพูดของคุณเป็นอะไรไปแล้ว คุณจะไปทะเลาะกับคนอื่นทำไม ก็ตอบกันตรงๆว่าทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องที่คุณกังวลว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างไทยจีน แต่ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่พูดคุยกันได้
มันมีวิธีการอย่างไรในการแก้ไข แต่คุณจะไปโทษประเทศอื่น ทั้งสหรัฐอเมริกา ตุรกี ไม่แน่วแน่เพียงพอ มันจะยิ่งทำให้เรื่องนี้เลวร้ายยิ่งขึ้น มันทำให้เกิดปัญหาระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น” นายรังสิมันต์ กล่าว
จากนั้นนายรังสิมันต์ ได้เปิดการประชุม โดยนายรัศม์ กล่าวชี้แจงว่า การที่จีนให้คำมั่นกับทางการไทยเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่เรามี ทั้งในแง่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เรามีกับจีนและการปกป้องผลประโยชน์ของชาติและประชาชนชาวไทย รวมทั้งเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับชาวอุยกูร์เหล่านั้น ซึ่งทั้งหมดได้ทำไปบนพื้นฐานของกฎหมาย ทั้งกฎหมายไทยและกฎหมายระหว่างประเทศ
โรม ชี้มาตรการปราบแก๊งคอลได้ผล แต่ยังไม่หมด จี้รบ.ลุยต่อ เหตุได้แค่ลูกกระจ๊อก ต้องเอาผิดจนท.รัฐด้วย
https://www.matichon.co.th/politics/news_5078941
โรม ชี้มาตรการปราบแก๊งคอลได้ผล แต่ยังไม่หมด จี้รบ.ลุยต่อ เหตุได้แค่ลูกกระจ๊อก ต้องเอาผิดจนท.รัฐด้วย งง ยังปล่อยหม่อง ชิตตู่ ลอยนวล
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 6 มีนาคม ที่อาคารรัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ
(กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวกรณีการประเมินการทำงานของรัฐบาลในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ว่า ต้องยอมรับว่าการตัดไฟ อินเตอร์เน็ต และน้ำมัน เป็นก้าวแรกที่ดี และส่งผลกระทบต่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้จริง แต่ไม่หมด ตอนนี้เรามีข้อบ่งชี้หลายอย่างว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะกลับมาเห็นได้จากตัวเลข ที่ไปทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์
7,000 กว่าคน เป็นสัดส่วนที่น้อยมาก ถ้ายังค้างอยู่แบบนี้ เผลอๆใน 7,000 คนนี้ อาจจะกลับไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใหม่ นอกจากนี้การตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ตยังไม่เพียงพอ เพราะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้สตาร์ลิงค์มารองรับ หากรัฐบาลไม่คุยกับเจ้าของบริษัท สุดท้ายเขากลับไปใช้สตาร์ลิงค์ได้
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เราต้องการมาตรการที่มากกว่านี้ วันนี้ไทยเทาที่จับได้เป็นแค่ระดับลูกกระจ๊อกเท่านั้น คนที่เราต้องการจริงๆ คือระดับเจ้าหน้าที่รัฐที่สมคบคิดรับส่วย แต่เรายังไม่เห็นความคืบหน้า และอัยการสูงสุดยังไม่ดำเนินการอะไรกับ พ.อ.หม่อง ชิตตู ผู้นำกองกำลัง BGF และปล่อยให้เรื่องนี้ค้างคาต่อไป เกิดอะไรขึ้นกับหน่วยงานของรัฐ ตนชื่นชมกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว แต่ข้อหาก็ยังแปลก เน้นไปที่เรื่องค้ามนุษย์ ควรจะตั้งข้อหาอาชญากรรมข้ามชาติ ค้ายาเสพติด ก็สามารถทำได้ เนื่องจากมีหลักฐานบ่งชี้
“ต้องยอมรับว่าการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไปให้ถึงรากแก้ว เรายังไม่ประสบความสำเร็จ ผมเป็นห่วงว่ารัฐบาลจะสูญเสียความมุ่งมั่นในเรื่องนี้ และจะกลายเป็นการลูบหน้าปะจมูกเท่านั้น” นายรังสิมันต์กล่าว
เมื่อถามว่า การคัดกรองไม่ประสบความสำเร็จใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า แน่นอน เราไปทลายฝั่งกัมพูชา แล้วนำมาเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง นำไปสู่การขยายผลจับกุม แต่ฝั่งเมียนมา เราไม่ได้คัดกรอง เราส่งอย่างเดียว กลายเป็นว่าเราต้องไปพึ่งพาประเทศอื่นให้เขาจัดการ สุดท้ายไม่รู้ว่าจะจบอย่างไร
โรม บอกยังไม่รู้รายละเอียดไฟไหม้ศาลาตรีมุข ชายแดนไทย-กัมพูชา ขอหารือกมธ.ก่อน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5078934
โรม ยังไม่รู้รายละเอียดไฟไหม้ศาลาตรีมุข ชายแดนไทย-กัมพูชา ขอหารือกมธ.ก่อน
เมื่อเวลา 09.30 วันที่ 6 มีนาคม ที่อาคารรัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีไฟไหม้ศาลาตรีมุข หรือที่เรียกว่า ศาลารวมใจ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ว่า ยอมรับว่าตนยังไม่ได้ไปดูในรายละเอียดมาก เบื้องต้นเห็นในข่าวแล้ว แต่จะต้องขอหารือกันในกรรมาธิการก่อนแล้วจะรายงานกันต่อไป