JJNY : รับมีปท.ที่ 3 แต่ไม่พร้อมมีเรื่องกับจีน│มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมร่อนแถลง│สภาเตรียมถามจัดสรรภาษี│เปิดชื่อ 40 จว.

ผู้ช่วยรมต.กต. รับมีประเทศที่ 3 อยากรับอุยกูร์ แต่ไม่พร้อมมีเรื่องกับจีน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5078621
  
 
ผู้ช่วยรมต.กต. รับมีประเทศที่ 3 อยากรับอุยกูร์ แต่ไม่พร้อมมีเรื่องกับจีน
 
จากกรณี สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานอ้างแหล่งข่าวเปิดเผยว่า แคนาดาและสหรัฐอเมริกา ได้เสนอที่จะรับชาวอุยกูร์ 48 คนที่ถูกคุมขังอยู่ในประเทศไทยมาเป็นเวลาหลายสิบปี ให้ไปตั้งรกรากใหม่ แต่ทางฝ่ายไทยไม่ได้ดำเนินการใด ๆ เนื่องจากเกรงว่าจะทำให้จีนไม่พอใจนั้น
 
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ โพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก ทูตนอกแถว The Alternative Ambassador Returns ระบุว่า
 
” ขอเรียนดังนี้ ผมก็ได้เคยบอกไปแล้วว่าเคยมีบางประเทศมาขอรับไป (ซึ่งผมหลีกเลี่ยงเอ่ยนาม โดยอาจไม่ได้อธิบายมากพอเพราะไม่อยากให้กระทบประเทศอื่น) แต่ผมได้ใช้คำว่า “ไม่มีประเทศไหนแน่วแน่ที่จะรับไปจริงจัง” เพราะการมาบอกแค่ว่าพร้อมรับนั้น ในความจริงมันไม่ได้ง่าย หรือแทบทำไม่ได้จริงสำหรับประเทศไทย มันไม่ใช่ว่าเขาพร้อมรับแล้วเราส่งไปมันจะจบแค่นั้น
 
แต่เราอาจต้องเผชิญการตอบโต้จากจีน ที่อาจกระทบชีวิตคนไทยอีกมากมายนับไม่ถ้วน ถามว่าถ้าส่งให้ประเทศที่สาม ลองถามคนไทยทั้งประเทศก่อนหรือยังว่าเขาจะพร้อมรับผลกระทบที่ตามมาไหม? และมันยุติธรรมกับคนไทยไหมที่ต้องมารับผลกระทบกับปัญหาที่เราไม่ได้ก่อ? จะเอาอย่างนั้นจริงหรือเปล่า?
 
เดิมผมเองก็เคยเชื่อว่าเราอาจพอมีทางส่งไปประเทศที่สามได้ ซึ่งจริง ๆ อาจพอทำได้เมื่อ 11 ปีที่แล้ว โดยเฉพาะในช่วงแรก ๆ ที่ยังไม่มีแรงกดดันต่อไทย และอาจช่วยได้มากหากไม่มีการนำเสนอข่าวเรื่องนี้อย่างครึกโครมทั่วไปหมด ที่อาจช่วยให้เราสามารถดำเนินการอย่างแนบเนียนเงียบ ๆ ได้ แต่ก็เป็นอย่างที่ทราบ
 
ผมเองยังเคยหวังว่าเราจะส่งไปประเทศที่สามได้ แต่ก็ยอมรับความเป็นจริงว่าผลกระทบต่อประเทศไทยในการส่งไปประเทศที่สามนั้นมันมหาศาล ที่ยากจะดำเนินการได้จริง (ส่วนตัวเชื่อว่าไม่มีรัฐบาลใด ไม่ว่าจะมาจากพรรคไหน จะกล้าส่งจริง) และคนเหล่านี้ก็จะถูกขังอยู่อย่างนั้น ไปเรื่อย ๆ จนตายคาคุก
อย่างที่บอกข้างต้นว่าการส่งไปประเทศที่สามมันไม่ได้จบแค่นั้น เพราะมันมีผลกระทบตามมามหาศาล การที่ผมบอกว่าไม่มีประเทศไหนที่แน่วแน่ช่วยรับจริงจัง จึงหมายถึงว่า ไม่มีประเทศไหนที่มาบอกว่าจะรับแล้วพร้อมไปช่วยเจรจาล้อบบี้ให้จีนยินดียอมรับให้ไทยส่งตัวไปประเทศที่สามนั้นๆได้ หรือมาบอกว่าพร้อมรับและหากไทยถูกจีนตอบโต้ยินดีจะยื่นมือมาช่วยเหลือเรา ผมเชื่อว่าไม่มีหรอกครับ ในความเห็นของผม แค่บอกพร้อมจะรับเฉย ๆ มันไม่พอ หรือในแง่หนึ่งแค่บอกก็เหมือนไม่ได้บอกนั่นเอง เพราะมันทำไม่ได้จริง
 
การที่ทางการจีนมีคำมั่นที่จะให้คนเหล่านี้กลับคืนสู่สังคมปกติจึงเป็นทางเลือกที่ดีสุดสำหรับคนเหล่านี้ รวมทั้งประเทศไทยและชาวไทยให้ไม่ต้องพลอยรับผลกระทบเรื่องนี้ หรือให้ได้รับน้อยที่สุด จีนเขาเป็นมหาอำนาจที่เขาก็ต้องรักษาคำพูดของเขา ถ้าเราไม่เชื่อคำพูดของเขา เราจะมีปฏิสัมพันธ์ต่อเขาต่อไปในทุกด้านได้อย่างไร
 
ผมขอยืนยันว่า ความคิดการส่งตัวไปประเทศที่สาม คือ ความคิดที่ไม่อยู่บนพื้นฐานความจริง และ ปัดความรับผิดชอบ รวมทั้งไร้มนุษยธรรมอย่างยิ่ง ที่จะขังพวกเขาไว้ต่อไปจนตาย
 
เรื่องนี้ผมเห็นว่ารัฐบาลไม่มีทางเลือกอื่น และการที่เราขอให้จีนมีหนังสือยืนยันความปลอดภัย เป็นทางออกที่ดีที่สุดของทุกฝ่ายแล้ว ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้จึงไม่ใช่อยู่ที่มีประเทศที่สามจะรับจริงหรือไม่ หากแต่อยู่ที่ประเทศไทยมีทางเลือกอะไรที่จะรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติเราได้ดีที่สุด
เรื่องนี้มันซับซ้อนและหลักการสวยหรูอะไร ไม่สามารถช่วยคนไทยได้ เราต้องตอบคำถามให้ได้ว่าจะทำเพื่อคนไทย รวมทั้งคนอุยกูร์เหล่านั้น หรือทำตามประเทศตะวันตกที่สาม ที่ถึงเวลาเขาจะมาช่วยเราจริงจังแค่ไหน
 
ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้จึงไม่ใช่อยู่ที่ว่ามีประเทศที่สามจะรับจริงหรือไม่แค่นั้น หากแต่อยู่ที่ประเทศไทยมีทางเลือกอะไรที่จะรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติเราได้ดีที่สุด

ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการต้องชั่งน้ำหนักว่าจะเลือกทางใดที่จะกระทบคนไทยน้อยที่สุด หรือว่าอยากจะเลือกหนทางที่จะกระทบชีวิตประชาชนคนไทยให้มากที่สุด?”.

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=647078617819567&id=100075523043849&rdid=aDUT0jmwdFp5F1Sd#



มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม ร่อนแถลง ขอให้ตรวจสอบ การปฏิบัติผิดกม. ส่งอุยกูร์กลับจีน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5078099
 
มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม ร่อนแถลง ขอให้ตรวจสอบ การปฏิบัติผิดกม. ส่งอุยกูร์กลับจีน
 
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม เผยแพร่ข้อความระบุว่า วันที่ 3 มีนาคม 2568 มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมได้ส่งหนังสือต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เรื่อง ขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติผิดต่อกฎหมายต่อกรณีการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน
 
สืบเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 ที่รัฐบาลไทยส่งตัวชาวอุยกูร์จำนวน 40 คน กลับประเทศจีน ซึ่งพฤติการณ์การส่งกลับทำอย่างปกปิด ซ่อนเร้น ไม่เปิดเผย อีกทั้งตามข้อมูลที่เปิดเผยทั่วกันชาวอุยกูร์ที่หลบหนีออกจากประเทศจีน ปฏิเสธไม่กลับประเทศจีน เพราะกลัวจะถูกทางการจีนปฏิบัติด้วยความโหดร้าย และขอลี้ภัยไปยังประเทศที่ 3
 
ปัจจุบันภายหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวประเทศต่างๆ ที่ให้ความสนใจเรื่องการคุ้มครอง ปกป้องสิทธิมนุษยชน และองค์การพัฒนาเอกชนภายในประเทศและระหว่างประเทศ ต่างออกมาประณามการที่รัฐบาลไทยส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน และคนไทยโดยทั่วไปวิตกกังวลถึงผลกระทบที่ประเทศไทยและประชาชนในประเทศอาจจะได้รับจากกรณีดังกล่าวนี้ ทั้งในด้านความมั่นคง ความปลอดภัยในชีวิต ด้านเศรษฐกิจ ด้านการค้าการลงทุน
 
การดำเนินการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศจีนดังกล่าวถือได้ว่าหน่วยงานราชการได้กระทำฝ่าฝืนต่อกฎหมายตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 “มาตรา 13 ห้ามมิให้หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐขับไล่ ส่งกลับ หรือส่งบุคคลเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปยังอีกรัฐหนึ่ง หากมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบุคคลนั้น จะไปตกอยู่ในอันตรายที่จะถูกกระทำทรมาน ถูกกระทำการที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือถูกกระทำให้สูญหาย”
 
และขัดต่อสนธิสัญญาหลักด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ กติการะหวางประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง อนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน และการกระทำอื่นๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ
 
และต่อประเด็นการส่งกลับชาวอุยกูร์กลุ่มนี้ เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2568 มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมได้เคยยื่นหนังสือร้องเรียนต่อกรรมาธิการการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ทุกหน่วยงานที่เข้าชี้แจงยืนยันว่าไม่มีนโยบายการส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศจีนแต่อย่างใด
มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม ในฐานะเป็นองค์กรทางกฎหมายทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมทางกฎหมาย จึงขอให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พิจารณาดำเนินการใดๆ ภายใต้กรอบของกฎหมายเพื่อให้มีผู้ต้องรับผิดชอบกับการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศจีนในครั้งนี้ด้วย



สภาเตรียมกระทู้ถามจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มแก่อบจ.
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_850670/

สภาผู้แทนราษฎร เตรียมพิจารณาวาระกระทู้ถาม และพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย
 
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในเวลา 09.00 น. วันนี้ (6 มี.ค.68) หลังเปิดให้ สส. นำปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่เข้าปรึกษาหารือแล้ว จากนั้น เป็นการพิจารณาวาระกระทู้ถามสดและวาระกระทู้ถามทั่วไป เช่น กระทู้ถามเรื่อง ปัญหากลิ่นเหม็นจากศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุช ,เรื่องการเสนอตั้งจังหวัดฝาง และเรื่อง การจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์กฎหมาย
 
รวมถึงพิจารณา เรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว 6 เรื่อง เช่น ญัตติเพื่อพิจารณาศึกษาการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมอย่างบูรณาการ , เรื่อง การพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถด้านเศรษฐกิจของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง และรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย
 
นอกจากนี้ ยังมีวาระพิจารณาเรื่องที่ค้างพิจารณา รวม 56 เรื่อง เช่น เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาศึกษาแนวทางการพัฒนาซอฟต์ พาวเวอร์ (Soft Power) เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย อย่างสมดุล มั่งคั่ง และยั่งยืน , เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ปัญหาขยะ และมลพิษอื่น ๆ และเรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำที่เป็นธรรม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่