JJNY : 6in1 เท้งมึน│เท้งไม่กลัวโดนฟ้อง│โรมลั่นมาถูกทาง│ปธ.กมธ.ทหารแจง 3 ข้อ│มติกกต.สั่ง 22หน่วย│ยอดแต่งงานในจีน 2024 ต่ำ

เท้ง มึน เสรีพิศุทธ์ อ้างให้เอกสารชั้น 14 รพ.ตร. เป็นซองเปล่า ยันได้มาจริง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5044252
 
เท้ง มึน เสรีพิศุทธ์ อ้างให้เอกสารชั้น 14 รพ.ตร. เป็นซองเปล่า ยันได้มาจริง
 
เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ออกมาระบุว่า ยื่นเอกสารข้อมูลซักฟอกเรื่องชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ในวันที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน เป็นแค่ซองเปล่าว่า ขอสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาว่า การยื่นหนังสือ เกิดจากการประสานของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งทั้ง 2 ท่าน ถือเป็นผู้ใหญ่ในฝั่งการเมือง โดยซองที่มีการยื่นให้ แม้จะไม่ใช่ซองเปล่า และข้อมูลภายในจะนำมาใช้ได้มากหรือน้อยอย่างไร แต่ก่อนหน้ามีการพูดคุยกันว่า จะประสานให้ข้อมูลหลังบ้านอีกครั้ง ซึ่งก็เป็นข้อมูลของผู้ใหญ่ทางการเมืองทั้ง 2 ท่าน และตนก็เปิดกว้างเรื่องการทำงาน แบบให้เกียรติซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้นที่มีการออกมาพูดว่า เป็นการยื่นซองเปล่า ตนเชื่อว่า ความเป็นผู้ใหญ่คงไม่ได้ทำแบบนั้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ที่มีการประสานมา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ก็ยืนยันว่าจะให้ข้อมูลเช่นกัน
 
เมื่อถามว่า พรรคประชาชนถูกใช้เป็นเครื่องมือหรือไม่ นายณัฐพงษ์ระบุว่า ส่วนของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะมีวัตถุประสงค์อย่างไรในการมายื่นซองเอกสารดังกล่าว ไม่สามารถคิดแทนได้ แต่หากมองโดยบริบทแล้ว เมื่อมีการเสนอมาก่อน ก็เห็นว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เป็นผู้ใหญ่ก็ยินดีที่จะรับฟังข้อมูลทุกอย่าง เพื่อนำมาใช้ในการอภิปรายให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน
 
นายณัฐพงษ์ระบุอีกว่า เรื่องนี้ก็อยู่ที่ความจริงใจของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ หากหลังจากนี้ปิดประตู ไม่มาให้ข้อมูลกันตามที่ได้พูดกันไว้ ตนและประชาชนทุกคนก็มองได้ว่า คนที่เป็นผู้ใหญ่ในการเมืองนั้นปฏิบัติตัวอย่างไร
 
ส่วนการปรากฏตัวของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ในวันดังกล่าว ถือว่าเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านแล้วหรือไม่ นายณัฐพงษ์ตอบว่า กลไกการทำงานของพรรคฝ่ายค้าน ใครที่ไม่ได้เป็นรัฐบาลก็เป็นพรรคฝ่ายค้านทั้งหมด ซึ่งการทำงานนั้นมีความแตกต่างกับพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนการจะนับหรือไม่นับนั้น ก็จะต้องดูที่ตัวของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ว่า ทำงานตรวจสอบรัฐบาลอยู่ หรือใช้วิธีการยื่นซองแบบนี้ เพื่อผลประโยชน์อื่นใดหรือไม่



เท้ง ไม่กลัวโดนฟ้องกลับ อภิปรายพาดพิง ทักษิณ ชี้มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5044477

‘เท้ง’ มองเป็นเรื่องของรัฐบาล หลังนายกฯ ขอคุย ‘เพื่อไทย-พรรคร่วม’ ปมแก้ รธน. ไม่หวั่นถูกขู่ฟ้องหากอภิปรายพาดพิง ‘ทักษิณ’ เหตุมีเอกสิทธิ์คุ้มครอง
 
เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 13-14 ก.พ.68 นี้ ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะมีการหารือภายในพรรคเพื่อไทย ก่อนหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล ว่า การมีข้อหารือระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลก็เป็นเรื่องของรัฐบาล หากฟังตามกระแสข่าวจะเห็นว่าจะมีคนไม่ได้อยู่ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) มาร่วมตอบชี้แจงในสภาด้วย จึงขอให้รอดูการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะเราคาดหวังอยากจะให้นายกฯ และรัฐมนตรีมาตอบชี้แจงด้วยคำตอบของตนเองมากกว่า
 
เราอยากเรียกร้องถึงนายกฯ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลที่มีอำนาจยุบสภา ในเมื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาล สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งคือ ภาวะความเป็นผู้นำของนายกฯ หากจะกดดันพรรคร่วมให้ลงชื่อแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ เป็นการลงชื่อของ ครม.ไม่ใช่ของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งก็สามารถทำได้ ส่วนการยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความนั้น ตนไม่ได้มีข้อกังวลอะไร เพราะเราทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาในฐานะ ส.ส.
อย่างไรก็ตาม ที่ฝ่ายรัฐบาลระบุไว้ว่าหากมีการพาดพิงบุคคลภายนอกอย่าง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะมีการฟ้องร้องนั้น นายณัฐพงษ์กล่าวว่า คงไม่มีข้อกังวล เพราะการอภิปรายในสภาได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครอง พวกเราคงทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้ได้มีการเตรียมทีมอภิปรายไว้ค่อนข้างครบครัน และจากการประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านเมื่อวานก่อน ตอนนี้รอเรื่องการจัดสรรเวลา พร้อมยืนยันว่า พรรคประชาชนเรามีข้อมูลเต็มที่ พร้อมที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจ
 


โรม ลั่นมาถูกทางแล้ว ‘หม่อง ชิตตู’ ระดับเฮดเลย ชี้กระบวนการออกหมายจับ สกัดไทยเทา-พม่าเทา
https://www.matichon.co.th/politics/news_5044270

โรม  ลั่นมาถูกทางแล้ว “หม่อง ชิตตู” ระดับเฮดเลย ชี้ กระบวนการออกหมายจับ เป็นการสกัดกั้น “ไทยเทา-พม่าเทา” ไม่ให้รวมหัวกัน

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดีเอสไอนำหลักฐานหารืออัยการออกหมายจับ พันเอกหม่อง ชิตตู ผู้นำกองกำลัง BGF ตามที่ปรากฏหลักฐานช่วยเหลือเครือข่ายค้ามนุษย์ว่า ต้องขอบคุณทางรัฐบาล แต่ในขณะเดียวกันปัญหาคอลเซ็นเตอร์ไม่ได้อยู่ในภูมิภาคเดียว ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ก็มี เมื่อเช้าตอนที่ตนไปหา กอ.รมน. ก็มีการให้ข้อมูลในส่วนนี้ และได้รับการประสานงานจากทางมาเลเซีย ว่ามีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดนภาคใต้ที่หลอกลวงชาวมาเลเซียด้วยกัน ซึ่งได้ฝากประเด็นนี้ให้ กอ.รมน.เรียบร้อยแล้ว โดยหวังว่าจะนำข้อมูลที่ได้ไปสู่การจับกุมได้โดยเร็ว
 
เมื่อถามว่าการออกหมายจับหม่อง ชิตตู จะสะเทือนอะไรบ้าง นายณัฐพงษ์กล่าวว่า อย่างน้อยๆ การที่มีหมายจับก็เป็นเกราะป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐของเราเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องได้โดยง่าย จะทำอะไรก็ต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น ส่วนการดำเนินการจับกุมตัวหม่อง ชิตตู จะอยู่หรือไม่อยู่ในประเทศไทยก็ตาม ก็เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการต่อไปในอนาคต
 
ผมคิดว่าการดำเนินการตามกฎหมายในประเทศไทย ไม่น่าจะเป็นส่วนสาเหตุหรือส่วนที่เกี่ยวข้องที่จะทำให้เพิ่มความรุนแรงในต่างประเทศ” นายณัฐพงษ์กล่าว
 
นายณัฐพงษ์ระบุว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการประสานงานกับต่างประเทศ รวมถึงสิ่งที่เราได้ดำเนินการไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตัดสาธารณูปโภคต่างๆ เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ส่วนหนึ่งก็เป็นสิ่งที่กดดันให้รัฐบาลฝั่งโน้นต้องบังคับใช้กฎหมายในประเทศเขาอย่างจริงจังเช่นเดียวกัน เพราะการตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดอินเตอร์เน็ต จะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับฝั่งนั้นด้วย แต่ในขณะเดียวกันฝั่งเราเองก็ต้องดูมาตรการที่เหมาะสม อีกอย่างหนึ่งก็คือเรื่องของการตัดน้ำมันที่ดำเนินการไปแล้ว ต้องรอดูว่ามีมาตรการอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่
 
เมื่อถามว่าจะมีการดำเนินคดีของคนที่อยู่ในฝั่งไทยด้วย เช่น ข้าราชการระดับสูง นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่อย่างไรเราต้องดำเนินการเต็มที่อยู่แล้วในการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งฝั่งข้าราชการที่เกี่ยวข้องในฝั่งเรา โดยต้องอาศัยกลไกในกรรมาธิการที่เรามีอยู่ผลักดันเรื่องนี้อย่างเต็มที่
 
ด้านนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการ
ชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า หม่อง ชิตตู เป็นกลไกสำคัญในอาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้ เนื่องจากมีทั้งไทยเทา พม่าเทา ไปรับส่วย ไปเกี่ยวข้องเยอะมาก เรื่องการออกหมายจับจะนำไปสู่การจับกุมจริงได้หรือไม่ อยู่ที่ความสามารถของกลไกต่างๆ ตามที่นายณัฐพงษ์ได้ระบุไว้ มันอยู่ที่การพูดคุยกับรัฐบาลกระบวนการต่างๆ ด้วย เรื่องการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เราทำฝ่ายเดียวไม่ได้อยู่แล้ว แต่อย่างน้อยที่สุดสิ่งที่เราเห็นจะเป็นการสกัดไม่ให้ เครือข่ายสีเทาเหล่านี้เจอหน้ากัน รวมกลุ่มกันรวมหัวกัน ต่อติดกัน อย่างน้อยที่สุดมันคือการป้องปรามไม่ให้ไทยเทาทั้งหลาย ไปคุยกับหม่องชิตตู
 
นายรังสิมันต์ระบุต่อว่า เดี๋ยวต้องไปดูว่ารายชื่อที่จะมีการออกหมายจับอีกจะมีใครบ้าง ตนเห็นชื่อมาเพิ่มอีก 2 คน คนหนึ่ง ติ่ง วิน ก็เมคเซนส์ ส่วนอีกคนหนึ่งคงต้องไปเช็กดูในข้อมูล ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐทางฝั่งไทยต้องไปดูว่าจะมีใครบ้างในการดำเนินการ ถ้าจะแค่ย้ายอย่างเดียว ตนคิดว่าอย่าให้เป็นการย้ายในลักษณะที่ทำให้ข่าวเงียบ

ผมขอประสานเสียงกับท่านผู้นำฝ่ายค้านว่าเรื่องนี้มาถูกทางแล้ว ชื่นชมในการที่จะดำเนินการเพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่ ณ วันนี้เราต้องเร่งสปีดให้เร็วขึ้น” นายรังสิมันต์กล่าว
 
เมื่อถามว่ามีข้อกังวลอะไรหรือไม่เกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ตามแนวชายแดน นายรังสิมันต์กล่าวว่า ยังมีอยู่ วันนี้เราก็ได้รับข้อมูล เบื้องต้นก็ได้แจ้งกับทางผู้บัญชาการภาค 9 ไปแล้ว ว่าจะมีการจัดส่งน้ำมันในพื้นที่ภาคใต้ อย่างจังหวัดสตูล เพื่อส่งไปที่เมียวดี หวังว่าจะมีการดำเนินการอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
 
เรื่องท่าข้าม เรายังไม่มีคำตอบอะไรจากท่านอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในเรื่องนี้ หวังว่าท่านนายกรัฐมนตรี จะดำเนินการสั่งการให้ท่านอนุทินมีมาตรการ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความเข้มข้นในด้านความปลอดภัย การตรวจเช็ก การตรวจสอบสินค้าต่างๆ ที่ข้ามไปฝั่งท่าข้าม ซึ่งมันอาจจะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ยาเสพติด หรือสินค้ากลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่างๆ” นายรังสิมันต์กล่าว
 
นายรังสิมันต์ย้ำว่า หม่อง ชิตตู ระดับเฮดเลย ผู้นำ BGF ก็ถือว่าถูกตัว และตนคิดว่าเป็นใจกลางสำคัญของเรื่องนี้ คงต้องช่วยกันทุกฝ่าย ตนคิดว่าเรื่องอยู่อย่าปล่อยให้เงียบ ต้องรวมพลังกันต่อไปและตนคิดว่าความสำเร็จด้านตะวันตกจะเป็นโมเดลสำคัญให้กับฝั่งตะวันออก ฝั่งตะวันออกเรายังไม่เห็นเป็นรูปธรรมมากนัก แต่การที่เราจัดการกวาดล้างฝั่งตะวันตกได้ มันจะกลับเป็นการส่งสัญญาณให้บรรดาจีนเทาทั้งหลายว่าประเทศไทยวันนี้เราไม่ยอม



ปธ.กมธ.ทหาร แจงยิบ 3 ข้อ เหตุขอทราบจำนวนนายพล ยันถ้าอ้างความมั่นคง ยังไงก็ไม่ใช่ข้อมูลลับ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5044130

ปธ.กมธ.ทหาร แจงยิบ 3 ข้อ เหตุขอทราบจำนวนนายพล ยันถ้าอ้างความมั่นคง ยังไงก็ไม่ใช่ข้อมูลลับ
 
จากกรณีหนังสือตอบกลับจากกรมเสมียนตรา ที่ กห 0201/254 ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ระบุว่าไม่สามารถให้รายละเอียดในเรื่องจำนวนนายพล ทั้งในเรื่องของอัตรากำลังพลของนายทหารระดับนายพลได้ เนื่องจากเป็นชั้นข้อมูล “ลับมาก” และ เป็นข้อมูลที่กระทบกับความมั่นคงของประเทศ

ล่าสุด (11 ก.พ.) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร ได้โพสต์ข้อเรียน เรื่อง [ จำนวนนายพล คือ ความลับ ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง จริงหรือ ?] ผ่านเฟสบุ๊ก โดยมีเนื้อหาดังนี้
 
ซึ่งผมคิดว่า ไม่ได้เป็นข้อมูลอะไรที่ลับมากขนาดนั้น เพราะจากข้อมูลที่คุณสุทิน คลังแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เคยแถลงต่อสภาผู้แทนราษฎร ในวาระงบประมาณ 2568 วาระที่ 1 ก็เป็นที่ทราบดีว่า ปัจจุบัน จำนวนานายพล น่าจะมีอยู่ราว 1,398 นาย อยู่ในตำแหน่งหลัก 965 นาย และอยู่ในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ 433 นาย (ข้อมูล ณ วันที่ 4 เมษายน 2567)

ผมทราบดีว่า การลดจำนวนนายพล จะลดลงโดยทันทีไม่ได้ เพราะนายทหารชั้นนายพลเหล่านี้ เกิดจากนโยบายในการผลิตทหารในอดีตเมื่อ 30-40 ปีก่อน ตามการประเมินภัยคุกคาม และบริบทของความมั่นคงประเทศในห้วงเวลานั้น และพวกเขาก็ได้เติบโตในหน้าที่การงาน ตามตามอายุราชการ และควรได้รับการดูแลจากรัฐเป็นอย่างดี ตรงนี้ผมเข้าใจดีครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่