ณัฐพงษ์ หวังนายกฯ ใช้ที่ประชุมครม. แสดงจุดยืนผลักดันรธน.ใหม่ ทำนโยบายรบ.ให้สำเร็จ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5043601
ณัฐพงษ์ หวังนายกฯ ใช้ที่ประชุมครม. สร้างเอกภาพพรรคร่วม แสดงจุดยืนผลักดันรธน.ใหม่ ทำนโยบายรบ.ให้สำเร็จ
เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ นาย
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ประชุมรัฐสภาจะพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 เพื่อเปิดทางให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ในวันที่ 13-14 ก.พ.นี้ว่า ความสำคัญของการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ คือเป็นโอกาสสุดท้ายที่ประเทศไทยจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่บังคับใช้ก่อนการเลือกตั้งครั้งหน้า ต้องย้ำว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่ได้เป็นข้อเสนอของพรรคฝ่ายค้านหรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง แต่เป็นนโยบายของรัฐบาลที่ นายกฯแพทองธาร ชินวัตร ได้แถลงต่อรัฐสภาให้คำมั่นสัญญากับประชาชน เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 67
นาย
ณัฐพงษ์ กล่าวว่า เมื่อการผลักดันรัฐธรรมนูญใหม่เป็นนโยบายหลักของรัฐบาล สิ่งที่เราควรได้เห็นคือการแสดงเจตจำนงและบทบาทนำของนายกฯ ที่จะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ แต่ที่ผ่านมานายกฯแพทองธาร กลับไม่เคยแสดงบทบาทหรือสื่อสารต่อสาธารณะเกี่ยวกับนโยบายนี้ แม้แต่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ไม่ได้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของตนเองเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา มีเพียงร่างของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนเท่านั้น แตกต่างจากแนวทางที่ผ่านมา ที่หากรัฐบาลมีวาระที่ต้องการผลักดันอย่างจริงจัง จะเสนอร่างของ ครม. เข้าสู่สภาด้วย เช่นกรณี พ.ร.บ.ตั๋วร่วม หรือ พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร
นาย
ณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า โจทย์ใหญ่ของการผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขณะนี้ คือการต้องได้เสียงสนับสนุนจาก สว. เกิน 1 ใน 3 ของสมาชิกทั้งหมด ซึ่งตนเชื่อว่าเป็นเรื่องเดียวกันกับการได้เสียงสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาล นายกฯในฐานะหัวหน้ารัฐบาลผสม ท่านไม่สามารถลอยตัวเหนือความขัดแย้ง แต่ท่านต้องเป็นผู้นำในการบริหารจัดการความเห็นต่าง ใช้โอกาสการประชุม ครม. วันนี้ แสดงภาวะผู้นำสร้างเอกภาพภายในพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้สำเร็จ รักษาคำพูดต่อนโยบายเรือธงที่ตัวเองเคยประกาศ รับผิดชอบต่อคำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน
ผู้นำฝ่ายค้าน หารือกระบวนการสันติภาพใต้ ย้ำใช้ การเมืองนำทหาร แม่ทัพภาค4 ยันบังคับใช้กม.เสมอภาค
https://www.matichon.co.th/politics/news_5043626
ผู้นำฝ่ายค้าน ลงใต้ หารือกระบวนการสันติภาพ ย้ำใช้ การเมืองนำทหาร แม่ทัพภาค 4 ยันบังคับใช้กม.เสมอภาคกัน
เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ค่ายเสนาณรงค์ จ.สงขลา นาย
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นำคณะ ประกอบด้วย นาย
รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาฯ , นาย
รอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน , น.ส.
ชลธิชา แจ้งเร็ว สส.ปทุมธานี พรรคประชาชน , นาย
วรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และนาย
อิทธิพล ชลธราศิริ สส.ขอนแก่น พรรคประชาชน เข้าประชุมหารือร่วมกับ พล.ท.
ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.รมน. ภาค 4 , พล.ต.ท.
ปิยะวัตน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 ผบ.กกล.ตร.จชต. และพล.ต.
ชาคริต อุจะรัตน รอง ผอ.รมน.ภาค 5 สน. (2) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็น เกี่ยวกับสถานการณ์ความมั่นคงและการบังคับใช้กฎหมายพิเศษ การดำเนินคดีทางการเมือง และการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.2570 ตามภารกิจผู้นำฝ่ายค้านพบประชาชน
โดยนาย
ณัฐพงษ์ ยืนยันวัตถุประสงค์ที่เดินทางมาหารือในวันนี้ว่า ทางตนเชื่อว่ากระบวนการสันติภาพ ด้วยการใช้การเมืองนำการทหาร เป็นทางออกที่สำคัญนำไปสู่สันติภาพชายแดนใต้ ซึ่งในคณะที่ร่วมเดินทางมา มีผู้เชี่ยวชาญที่ค่อนข้างรอบด้าน จากกรรมาธิการชุดต่างๆ ในสภา ซึ่งเราเตรียมเดินทางไปที่เทศบาลนครยะลา เพื่อพบกับ ศอ.อบต. ฝ่ายองค์กรปกครองท้องถิ่น รวมถึงภาคประชาสังคมด้วย ทั้งนี้ ยังเชื่อว่า กลไกของสภาจะส่งเสริมกระบวนการสันติภาพของชายแดนใต้ด้วยเช่นกัน
ด้านแม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวรายงานสถานการณ์ว่า จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่ที่มีสังคมพหุวัตนธรรม แต่ยังคงเผชิญกับความพยายามแบ่งแยกดินแดนจากกลุ่มที่มีความคิดสุดโต่ง และมีการจัดตั้งขบวนการแบ่งแยกดินแดน หรือ บีอาร์เอ็น ทำงานด้านมวลชนในการปลุกระดม บ่มเพาะ โดยใช้ชุดความคิดที่ไม่ถูกต้อง และด้านการทหารในการก่อเหตุรุนแรงต่อเจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชนให้เกิดความหวาดกลัว โดยแนวทางการต่อสู่ของกลุ่มดังกล่าว ตั้งแต่ปี 2533 จนถึงปัจจุบัน คือ การแข่งชิงมวลชน ควบคู่ไปกับการจัดการข้อมูลข่าวสาร
การแก้ไขปัญหาของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า นำยุทธศาสตร์พระราชทานเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง รวมถึงปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ชาติ และนโยบายของรัฐบาล พร้อมร่วมกับทุกภาคส่วนในการทำแผนสร้างสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปี 2568 ซึ่งได้รับการอนุมัติจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร โดยผ่านความเห็นชอบ และนำมาเป็นกรอบในการดำเนินการของทุกภาคส่วน
พล.ท.
ไพศาลกล่าวว่า ตนได้มอบหมายงานสำคัญเร่งด่วน 5 งาน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน ให้ทุกภาคส่วนดำเนินการสร้างความเข้าใจในทุกมิติ นำหลักศาสนาที่ถูกต้องดำเนินการในทุกชุมชนและหมู่บ้าน ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ทุกชุมชนนั้น มีส่วนร่วมในการดำเนินการ พร้อมเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นในทุกกลุ่ม เพื่อรับทราบปัญหา และความต้องการที่แท้จริง รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐทุกส่วน ต้องปฏิบัติตามหลักนิติรัฐ ภายใต้กรอบกฎหมายตามรัฐธรรมนูญที่กำหนดอย่างเคร่งครัด และไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยความไม่เป็นธรรม
พล.ท.
ไพศาลกล่าวว่า นอกจากนี้ยังบังคับกฎหมายกับ ผู้กระทำความผิดทุกคนอย่างเสมอภาคกัน และดำเนินการปรับลดการใช้กฎหมายความมั่นคง จะคงไว้เฉพาะที่จำเป็นไว้คุ้มครองผู้ปฏิบัติงาน และประชาชนในพื้นที่ รวมถึงการนำผู้กระทำความผิดมาดำเนินการตามกฎหมายในกระบวนการยุติธรรมอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการใช้กฎหมายปกติให้เร็วที่สุด เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ขณะเดียวกันยังมีการปรับลดกำลังทหารมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมไปกับกันสร้างกำลังขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่กองรักษาดินแดน เพื่อเตรียมรับพื้นที่ทดแทนกำลังทหาร หากสถานการณ์ดีขึ้น
“ยืนยันว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ปฏิบัติงานโดยยึดกฎหมายภายใต้รัฐธรรมนูญไทย เพื่อให้ประชาชนมี 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน ได้ใช้ชีวิตอย่างปกติสุข”
“ผอ.อผศ.” ลั่น 7 วันรู้ผลสอบ ส.ส.ประชาชน แฉหมอทหาร นำยาออกมาขาย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9628936
“ผอ.อผศ.” ตั้งกรรมการสอบให้รู้ผล 7 วัน ส.ส.ประชาชน แฉหมอทหาร หากินกับการทุจริต นำยาออกมาขาย ลั่นหากผิดจริง ฟันทั้งวินัย-อาญา
วันที่ 11 ก.พ.2568 กรณี นาย
ธนเดช เพ็งสุข สส. กทม. พรรคประชาชน และรองประธาน กมธ.ทหารฯ ทวิตภาพ และข้อความไว้บนแอพพลิเคชั่นเอ็กซ์ ระบุข้อความว่า
“
อัปยศหมอทหาร ไร้ซึ่งจรรยาบรรณของแพทย์ ได้รับเรื่องร้องเรียนของแพทย์ทหารอาวุโส สังกัดโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ที่หากินกับการทุจริตนำยาออกมาขาย
โดยกระทำเป็นกระบวนการ ซ้ำร้ายคอยสั่งให้ ผู้ป่วยทานของหวาน ทานของมัน ให้นอนน้อย แสร้งเจ็บป่วย เพื่อสั่งเบิกยา และนำออกไปจำหน่าย ผมขอร้องเรียนเรื่องนี้ถึงท่านภูมิธรรม ให้เร่งดำเนินการสอบสวน และยุติวงจรอุบาทนี้เสีย รวมถึงตรวจสอบแพทย์ในสังกัด
ผู้สื่อข่าวตรวจสอบเรื่องราวดังกล่าว จาก พล.อ.
เดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (ผอ.อผศ.) ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ว่า ตนกำลังปฎิบัติภารกิจอยู่ที่ประเทศกัมพูชา ซึ่งได้รับทราบรายงานดังกล่าวแล้วและได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ภายใน 7 วัน
หากผลสอบออกมาอย่างไรนั้น ไม่ว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาจะทำเป็นขบวนการจะได้ลงโทษตามระเบียบทางวินัยและอาญา จะชี้แจงให้ประชาชนคนไทยได้รับทราบว่าตัวแพทย์นั้นสามารถทำอะไรได้มากน้อยเพียงใด โดยจะให้ผู้ที่ร้องเรียน และท่านรองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมรับทราบ
“ก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี 2567 พบความผิดปกติ คือมีรถตู้จำหน่ายยา มาจากจังหวัดลพบุรี ซึ่งกลุ่มนี้จะวนกันไปหลายโรงพยาบาล และนำยาเหมือนว่าเป็นยาส่วนเกินนำไปขาย แต่หลักฐานยังไม่ชัดเจน“ ผอ.อผศ. กล่าว
https://x.com/TanadejP/status/1888831667353301064
JJNY : ณัฐพงษ์ หวังแสดงจุดยืน│หารือกระบวนการสันติภาพใต้│ส.ส.ประชาชนแฉหมอทหาร นำยาออกมาขาย│เตือนไข้หวัดใหญ่ระบาดหนัก
https://www.matichon.co.th/politics/news_5043601
ณัฐพงษ์ หวังนายกฯ ใช้ที่ประชุมครม. สร้างเอกภาพพรรคร่วม แสดงจุดยืนผลักดันรธน.ใหม่ ทำนโยบายรบ.ให้สำเร็จ
เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ประชุมรัฐสภาจะพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 เพื่อเปิดทางให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ในวันที่ 13-14 ก.พ.นี้ว่า ความสำคัญของการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ คือเป็นโอกาสสุดท้ายที่ประเทศไทยจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่บังคับใช้ก่อนการเลือกตั้งครั้งหน้า ต้องย้ำว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่ได้เป็นข้อเสนอของพรรคฝ่ายค้านหรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง แต่เป็นนโยบายของรัฐบาลที่ นายกฯแพทองธาร ชินวัตร ได้แถลงต่อรัฐสภาให้คำมั่นสัญญากับประชาชน เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 67
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เมื่อการผลักดันรัฐธรรมนูญใหม่เป็นนโยบายหลักของรัฐบาล สิ่งที่เราควรได้เห็นคือการแสดงเจตจำนงและบทบาทนำของนายกฯ ที่จะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ แต่ที่ผ่านมานายกฯแพทองธาร กลับไม่เคยแสดงบทบาทหรือสื่อสารต่อสาธารณะเกี่ยวกับนโยบายนี้ แม้แต่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ไม่ได้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของตนเองเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา มีเพียงร่างของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนเท่านั้น แตกต่างจากแนวทางที่ผ่านมา ที่หากรัฐบาลมีวาระที่ต้องการผลักดันอย่างจริงจัง จะเสนอร่างของ ครม. เข้าสู่สภาด้วย เช่นกรณี พ.ร.บ.ตั๋วร่วม หรือ พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร
นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า โจทย์ใหญ่ของการผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขณะนี้ คือการต้องได้เสียงสนับสนุนจาก สว. เกิน 1 ใน 3 ของสมาชิกทั้งหมด ซึ่งตนเชื่อว่าเป็นเรื่องเดียวกันกับการได้เสียงสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาล นายกฯในฐานะหัวหน้ารัฐบาลผสม ท่านไม่สามารถลอยตัวเหนือความขัดแย้ง แต่ท่านต้องเป็นผู้นำในการบริหารจัดการความเห็นต่าง ใช้โอกาสการประชุม ครม. วันนี้ แสดงภาวะผู้นำสร้างเอกภาพภายในพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้สำเร็จ รักษาคำพูดต่อนโยบายเรือธงที่ตัวเองเคยประกาศ รับผิดชอบต่อคำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน
ผู้นำฝ่ายค้าน หารือกระบวนการสันติภาพใต้ ย้ำใช้ การเมืองนำทหาร แม่ทัพภาค4 ยันบังคับใช้กม.เสมอภาค
https://www.matichon.co.th/politics/news_5043626
ผู้นำฝ่ายค้าน ลงใต้ หารือกระบวนการสันติภาพ ย้ำใช้ การเมืองนำทหาร แม่ทัพภาค 4 ยันบังคับใช้กม.เสมอภาคกัน
เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ค่ายเสนาณรงค์ จ.สงขลา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นำคณะ ประกอบด้วย นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาฯ , นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน , น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว สส.ปทุมธานี พรรคประชาชน , นายวรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และนายอิทธิพล ชลธราศิริ สส.ขอนแก่น พรรคประชาชน เข้าประชุมหารือร่วมกับ พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.รมน. ภาค 4 , พล.ต.ท.ปิยะวัตน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 ผบ.กกล.ตร.จชต. และพล.ต.ชาคริต อุจะรัตน รอง ผอ.รมน.ภาค 5 สน. (2) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็น เกี่ยวกับสถานการณ์ความมั่นคงและการบังคับใช้กฎหมายพิเศษ การดำเนินคดีทางการเมือง และการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.2570 ตามภารกิจผู้นำฝ่ายค้านพบประชาชน
โดยนายณัฐพงษ์ ยืนยันวัตถุประสงค์ที่เดินทางมาหารือในวันนี้ว่า ทางตนเชื่อว่ากระบวนการสันติภาพ ด้วยการใช้การเมืองนำการทหาร เป็นทางออกที่สำคัญนำไปสู่สันติภาพชายแดนใต้ ซึ่งในคณะที่ร่วมเดินทางมา มีผู้เชี่ยวชาญที่ค่อนข้างรอบด้าน จากกรรมาธิการชุดต่างๆ ในสภา ซึ่งเราเตรียมเดินทางไปที่เทศบาลนครยะลา เพื่อพบกับ ศอ.อบต. ฝ่ายองค์กรปกครองท้องถิ่น รวมถึงภาคประชาสังคมด้วย ทั้งนี้ ยังเชื่อว่า กลไกของสภาจะส่งเสริมกระบวนการสันติภาพของชายแดนใต้ด้วยเช่นกัน
ด้านแม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวรายงานสถานการณ์ว่า จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่ที่มีสังคมพหุวัตนธรรม แต่ยังคงเผชิญกับความพยายามแบ่งแยกดินแดนจากกลุ่มที่มีความคิดสุดโต่ง และมีการจัดตั้งขบวนการแบ่งแยกดินแดน หรือ บีอาร์เอ็น ทำงานด้านมวลชนในการปลุกระดม บ่มเพาะ โดยใช้ชุดความคิดที่ไม่ถูกต้อง และด้านการทหารในการก่อเหตุรุนแรงต่อเจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชนให้เกิดความหวาดกลัว โดยแนวทางการต่อสู่ของกลุ่มดังกล่าว ตั้งแต่ปี 2533 จนถึงปัจจุบัน คือ การแข่งชิงมวลชน ควบคู่ไปกับการจัดการข้อมูลข่าวสาร
การแก้ไขปัญหาของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า นำยุทธศาสตร์พระราชทานเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง รวมถึงปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ชาติ และนโยบายของรัฐบาล พร้อมร่วมกับทุกภาคส่วนในการทำแผนสร้างสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปี 2568 ซึ่งได้รับการอนุมัติจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร โดยผ่านความเห็นชอบ และนำมาเป็นกรอบในการดำเนินการของทุกภาคส่วน
พล.ท.ไพศาลกล่าวว่า ตนได้มอบหมายงานสำคัญเร่งด่วน 5 งาน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน ให้ทุกภาคส่วนดำเนินการสร้างความเข้าใจในทุกมิติ นำหลักศาสนาที่ถูกต้องดำเนินการในทุกชุมชนและหมู่บ้าน ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ทุกชุมชนนั้น มีส่วนร่วมในการดำเนินการ พร้อมเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นในทุกกลุ่ม เพื่อรับทราบปัญหา และความต้องการที่แท้จริง รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐทุกส่วน ต้องปฏิบัติตามหลักนิติรัฐ ภายใต้กรอบกฎหมายตามรัฐธรรมนูญที่กำหนดอย่างเคร่งครัด และไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยความไม่เป็นธรรม
พล.ท.ไพศาลกล่าวว่า นอกจากนี้ยังบังคับกฎหมายกับ ผู้กระทำความผิดทุกคนอย่างเสมอภาคกัน และดำเนินการปรับลดการใช้กฎหมายความมั่นคง จะคงไว้เฉพาะที่จำเป็นไว้คุ้มครองผู้ปฏิบัติงาน และประชาชนในพื้นที่ รวมถึงการนำผู้กระทำความผิดมาดำเนินการตามกฎหมายในกระบวนการยุติธรรมอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการใช้กฎหมายปกติให้เร็วที่สุด เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ขณะเดียวกันยังมีการปรับลดกำลังทหารมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมไปกับกันสร้างกำลังขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่กองรักษาดินแดน เพื่อเตรียมรับพื้นที่ทดแทนกำลังทหาร หากสถานการณ์ดีขึ้น
“ยืนยันว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ปฏิบัติงานโดยยึดกฎหมายภายใต้รัฐธรรมนูญไทย เพื่อให้ประชาชนมี 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน ได้ใช้ชีวิตอย่างปกติสุข”
“ผอ.อผศ.” ลั่น 7 วันรู้ผลสอบ ส.ส.ประชาชน แฉหมอทหาร นำยาออกมาขาย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9628936
“ผอ.อผศ.” ตั้งกรรมการสอบให้รู้ผล 7 วัน ส.ส.ประชาชน แฉหมอทหาร หากินกับการทุจริต นำยาออกมาขาย ลั่นหากผิดจริง ฟันทั้งวินัย-อาญา
วันที่ 11 ก.พ.2568 กรณี นายธนเดช เพ็งสุข สส. กทม. พรรคประชาชน และรองประธาน กมธ.ทหารฯ ทวิตภาพ และข้อความไว้บนแอพพลิเคชั่นเอ็กซ์ ระบุข้อความว่า
“อัปยศหมอทหาร ไร้ซึ่งจรรยาบรรณของแพทย์ ได้รับเรื่องร้องเรียนของแพทย์ทหารอาวุโส สังกัดโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ที่หากินกับการทุจริตนำยาออกมาขาย
โดยกระทำเป็นกระบวนการ ซ้ำร้ายคอยสั่งให้ ผู้ป่วยทานของหวาน ทานของมัน ให้นอนน้อย แสร้งเจ็บป่วย เพื่อสั่งเบิกยา และนำออกไปจำหน่าย ผมขอร้องเรียนเรื่องนี้ถึงท่านภูมิธรรม ให้เร่งดำเนินการสอบสวน และยุติวงจรอุบาทนี้เสีย รวมถึงตรวจสอบแพทย์ในสังกัด
ผู้สื่อข่าวตรวจสอบเรื่องราวดังกล่าว จาก พล.อ.เดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (ผอ.อผศ.) ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ว่า ตนกำลังปฎิบัติภารกิจอยู่ที่ประเทศกัมพูชา ซึ่งได้รับทราบรายงานดังกล่าวแล้วและได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ภายใน 7 วัน
หากผลสอบออกมาอย่างไรนั้น ไม่ว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาจะทำเป็นขบวนการจะได้ลงโทษตามระเบียบทางวินัยและอาญา จะชี้แจงให้ประชาชนคนไทยได้รับทราบว่าตัวแพทย์นั้นสามารถทำอะไรได้มากน้อยเพียงใด โดยจะให้ผู้ที่ร้องเรียน และท่านรองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมรับทราบ
“ก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี 2567 พบความผิดปกติ คือมีรถตู้จำหน่ายยา มาจากจังหวัดลพบุรี ซึ่งกลุ่มนี้จะวนกันไปหลายโรงพยาบาล และนำยาเหมือนว่าเป็นยาส่วนเกินนำไปขาย แต่หลักฐานยังไม่ชัดเจน“ ผอ.อผศ. กล่าว
https://x.com/TanadejP/status/1888831667353301064