สื่อนอกตีแผ่แคนาดา-สหรัฐฯ เสนอรับ 48 ชาวอุยกูร์ แต่ถูกรัฐบาลไทยเพิกเฉย ก่อนโดนส่งตัวกลับไปจีน
https://ch3plus.com/news/political/morning/434485
รอยเตอร์สเผยรายงานเอ็กซ์คลูซีฟ ระบุแคนาดา-สหรัฐฯ เสนอรับ 48 ชาวอุยกูร์ที่ถูกกักตัวอยู่ในไทยนานกว่า 10 ปีไปดูแลแล้ว แต่ถูกเพิกเฉยจากรัฐบาลไทย เพราะหวั่นกระทบความสัมพันธ์กับจีน
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า แม้จะมีการเรียกร้องจากผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ แต่ไทยยังคงดำเนินการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีน โดยอ้างว่าได้ดำเนินการตามกฎหมายและพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชน
รอยเตอร์สรายงานคำพูดของนาย
ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีของไทยที่กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา ไม่มีประเทศใดเสนอข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมในการรับชาวอุยกูร์ 48 คนไปตั้งถิ่นฐานใหม่เลย
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่รายหนึ่งจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า สหรัฐฯ เสนอที่จะรับชาวอุยกูร์ 48 คนไปตั้งถิ่นฐานใหม่แล้วหลายครั้ง และสหรัฐฯ ได้ทำงานร่วมกับประเทศไทยมานานหลายปีเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ชาวอุยกูร์เหล่านี้ถูกส่งตัวกลับไปยังประเทศจีน
ขณะเดียวกัน รอยเตอร์สยังอ้างแหล่งข่าวอีก 4 รายซึ่งเป็นนักการทูตและผู้ที่มีความรู้โดยตรงว่า แคนาดาได้เสนอให้ชาวอุยกูร์เหล่านี้ลี้ภัยไปอยู่ในประเทศด้วย นอกจากนี้ แหล่งข่าวอีก 2 แห่งก็บอกว่ามีข้อเสนอมาจากออสเตรเลียด้วย
แหล่งข่าวระบุว่า รัฐบาลไทยไม่ได้ปฏิบัติตามข้อเสนอเหล่านี้เพราะกลัวกระทบต่อความสัมพันธ์กับจีน อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวทั้งหมดปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อเนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
อย่างไรก็ดี รอยเตอร์สบอกว่ากระทรวงการต่างประเทศของไทยและจีนยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อรายงานนี้ ขณะที่โฆษกของกระทรวงการตรวจคนเข้าเมืองของแคนาดาก็บอกว่าพวกเขาจะไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว
ขณะที่ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศและการค้าของออสเตรเลียพูดถึงเรื่องนี้ด้วยการอ้างอิงแถลงการณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
เพนนี หว่อง ซึ่งกล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า ออสเตรเลียไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการตัดสินใจของประเทศไทย
ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยระบุในแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ 28 ก.พ.ว่า ผู้อพยพผิดกฎหมายชาวจีน 40 คน ซึ่งไม่ได้ก่ออาชญากรรมร้ายแรงใดๆ ได้เดินทางกลับบ้านเพื่อกลับไปอยู่กับครอบครัวหลังจากพลัดพรากจากกันมานานกว่า 10 ปี
นอกจากชาวอุยกูร์ 40 คนที่ถูกส่งตัวกลับเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยังมีอีก 5 คนที่อยู่ในเรือนจำไทยเนื่องจากคดีอาญา ขณะเดียวกัน รอยเตอร์สยังไม่สามารถยืนยันที่อยู่ของอีก 3 คนได้ในตอนนี้
ในรายงานของรอยเตอรส์ยังอ้างถึงคำพูดของนาย
พิศาล มณีพัฒน์ อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำแคนาดาและสหรัฐอเมริการะหว่างปี 2556 ถึง 2560 และอดีตสมาชิกวุฒิสภาที่บอกว่า มีอย่างน้อย 3 ประเทศที่ยื่นข้อเสนอกับประเทศไทย ขอรับชาวอุยกูร์ไปดูแลแต่ไม่ระบุว่าเป็นประเทศใดบ้าง นาย
พิศาลได้บอกกับรอยเตอร์สว่า ไทยไม่ต้องการทำให้จีนไม่พอใจ จึงไม่ได้ตัดสินใจที่จะดำเนินการเรื่องนี้
แม้จีนจะยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไทยจะได้รับอนุญาตให้ติดตามความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ในประเทศจีนหลังจากการเดินทางกลับ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติกล่าวว่า กลุ่มชาวอุยกูร์จะมีความเสี่ยงต่อการถูกทรมาน การปฏิบัติที่โหดร้าย และ “
ความเสียหายที่ไม่สามารถแก้ไขได้” หากถูกส่งตัวกลับไปยังประเทศจีน และการส่งตัวกลับของพวกเขาได้รับการประณามอย่างกว้างขวาง
เปิดชวเลขชัด กต.แจงมี 3 ชาติ พร้อมรับอุยกูร์ แต่ต้องระวังท่าทีจีน กดดันส่งกลับหนัก.
https://www.matichon.co.th/politics/news_5077763
เปิดชวเลขชัด กต.แจงมี 3 ชาติ พร้อมรับอุยกูร์ แต่ต้องระวังท่าทีจีน กดดันส่งกลับหนัก
วันที่ 5 มีนาคม นาย
กัณวีร์ สืบแสง ส.ส.พรรคเป็นธรรม โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า
มาตามหา!! คนที่ถามหาหลักฐานครับ ว่าทางผู้แทนกระทรวงต่างประเทศแจ้งกับผมว่ามีประเทศที่ 3 มาขอรับชาวอุยกูร์ เอามาให้แล้วนะครับ
“ชวเลข ของการประชุม กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน วันที่ 10 กรกฎาคม 2567” ทางผู้แทน กต. ได้ให้ข้อมูลในที่ประชุมว่า “บางประเทศก็แสดงความพร้อมรับชาวอุยกูร์ ไปตั้งถิ่นฐาน อย่างเช่น สหรัฐ สวีเดน ออสเตรเลีย” (ครบ 3 ประเทศที่ทวงยังครับ?)
ผมให้หลักฐานที่ทางกลไลสภาฯ สามารถให้ได้แล้วนะครับ ทีนี้ต้องนำเรียนถาม ท่านที่เกี่ยวข้องในรัฐบาลทั้งหมดว่าสรุปว่าความจริงเป็นยังไง และที่สำคัญ สมัครใจกลับหรือไม่?
ทำไมอ่านไปมา เหมือนว่าจะบอกเลยว่า จีนกดดันตลอดเวลาจนส่งไม่ได้น๊ออ
ทั้งนี้รายงานดังกล่าว เป็นรายงานการประชุมคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2567 โดยมีท่อนหนึ่งที่กระทรวงต่างประเทศ ระบุว่า มีการกดดันตลอดเวลา กับทางการไทยในเรื่องนี้ จีนก็ขอให้ไทยส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปจีนโดยตรง หรือผ่านประเทศเพื่อนบ้าน และขอไม่ให้ส่งไปประเทศที่สาม
ขณะที่มีคำร้องขออย่างเป็นทางการ หรือไม่เป็นทางการจากรัฐบาลอื่น เพื่อขอตัวผู้ต้องกักชาวอุยกูร์กลับไปตั้งถิ่นฐานใหม่ บางประเทศแสดงความพร้อมรับชาวอุยกูร์ไปตั้งถิ่นฐาน อย่างเช่น สหรัฐฯ สวีเดน ออสเตรเลีย แต่ด้วยท่าทีของจีน หากส่งอุยกูร์ไปประเทศที่สาม จีนน่าจะไม่พอใจ และมีการตอบโต้ ที่คาดไม่ได้ว่าการตอบโต้จะมีขอบเขตถึงขั้นไหน นอกจากนี้ยังต้องระวัง เนื่องจากจะมีการฉลอง 50 ปีความสัมพันธ์ไทย-จีน
https://www.facebook.com/NolKannavee/posts/pfbid0qyrng5uReFUWsa59YPpD56nawFoM3MwJjxBfv9LGVjXinEsmWw6YkmaTQDQ1dvZfl
น.ศ. มธ. ร้อง 2 กมธ.ถูกตร.คุกคาม หลังทำขบวนล้อการเมืองงานบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5077944
กลุ่มอิสระล้อการเมืองฯ บุกสภาฯ ร้องกมธ.ความมั่นคง-กมธ.กฎหมาย หลังถูก จนท.รัฐคุกคาม มีชื่อใน Watch List ติดตามถึงมหาวิทยาลัย-บ้าน ตั้งแต่งานบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ที่รัฐสภา กลุ่มอิสระล้อการเมือง ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์และการปฏิรูปประเทศ และคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร และกมธ.การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ขอให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐที่มีการติดตามคุกคามติดกล้องวงจรปิดในบริเวณมหาวิทยาลัย และทำรายชื่อ watch list เป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนและละเมิดกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองซึ่งประเทศไทยเป็นรัฐภาคี
โดยน.ส.
ธันยชนก ชาลีเขียว ตัวแทนกลุ่มอิสระล้อการเมืองแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ที่ผ่านมานักศึกษาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่รัฐติดตามคุกคามในบริเวณมหาวิทยาลัย หอพัก และบ้านที่ต่างจังหวัด ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 75 พวกเราใช้ศิลปะในการสื่อสารประเด็นทางการเมือง แต่ถูกคุกคามโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามทั้งในมหาวิทยาลัยและบริเวนหอพัก ซึ่งถือเป็นการคุกคามสร้างความหวาดกลัว และจากกิจกรรมในงานฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ ปรากฎหลักฐานว่ามีการติดตั้งกล้องวงจรปิดในพื้นที่ทำงานของกลุ่มอิสระล้อการเมืองฯ จากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง และในช่วงเวลาเดียวกันมีการแจ้งจากเจ้าหน้าที่กองกิจการนักศึกษาว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้จัดทำรายชื่อบุคคลติดตามเฝ้าระวัง โดยมีชื่อของสมาชิกกลุ่มอิสระล้อการเมืองฯ ด้วย จึงขอให้ กมธ.ฯ ช่วยตรวจสอบและสืบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
“
สำหรับจุดยืนของกลุ่มอิสระล้อการเมืองฯ เห็นว่าการติดตามคุกคามและการสอดส่องข้อมูลส่วนบุคคลถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งไม่ทราบว่ามหาวิทยาลัยในฐานะเจ้าของสถานที่ และสมาคมธรรมศาสตร์ในพระบรมราชูปถัมภ์ในฐานะผู้จัดงาน ละเลยให้มีเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร จึงขอส่งเสียงไปยังรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย และประกาศตัวว่ามีความใส่ใจกับเรื่องสิทธิมนุษยชน รัฐบาลไม่ควรปล่อยให้มีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้น และรัฐบาลควรมีความรับผิดชอบโดยการกำกับดูแลหน่วยงานความมั่นคงภายใต้สังกัดของรัฐบาล ไม่ให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนไม่ว่าจะกับกลุ่มใดก็ตาม” น.ส.
ธันยชนก กล่าว
กมธ.ความมั่นคงฯ กล่าวว่า การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกล้องไปติดในมหาวิทยาลัยถูกสั่งการโดยใคร รวมถึงการทำ watch list เพื่อจะติดตามนักศึกษาซึ่งเป็นอนาคตของชาติไม่ควรจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในยุครัฐบาลประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งอีก เพราะว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่แทบไม่ต่างจากรัฐบาลสมัย คสช. ดังนั้นการเปลี่ยนผ่านมาสู่ยุคของระบอบประชาธิปไตยที่มีนายฯมาจากการเลือกตั้ง ไม่ควรมีเรื่องเช่นนี้ จึงขอฝากไปยังนายกฯในฐานะกำกับดูแลตำรวจ นายกฯ รับทราบเรื่องนี้มาก่อนหรือไม่ ถ้ารับทราบแล้วยังจะมีนโยบายแบบนี้ต่อหรือไม่ อย่างไรก็ตาม กมธ.จะรับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณาในวาระถัดไป
ด้านน.ส.
ชลธิชา แจ้งเร็ว ส.ส.ปทุมธานี พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกกมธ.กฎหมายฯ กล่าวว่า รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยที่มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาได้แสดงเจตจำนงว่าจะยึดมั่นในหลักคุณค่าสิทธิมนุษยชนมาโดยตลอด และประเทศไทยได้เข้าไปอยู่ในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ดังนั้นภารกิจสำคัญของรัฐบาลชุดนี้คือต้องทำให้ประชาชนทุก ๆ คนมั่นใจได้ว่าการใช้สิทธิเสรีภาพจะไม่ถูกละเมิด ไม่ถูกขัดขวาง เฉกเช่นเดียวกับรัฐบาลในยุคของเผด็จการ แต่การที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงหรือแม้กระทั่งมหาวิทยาลัยพยายามขัดขวางการใช้สิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกของนักศึกษาในมหาวิทยาลัย รวมถึงการทำรายชื่อ watch list เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างชัดเจน การมองว่าประชาชนเป็นภัยความมั่นคงของรัฐเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น ดังนั้นขอให้นักศึกษามั่นใจว่า คณะ กมธ.การกฎหมายฯ จะบรรจุเรื่องนี้เข้าในวาระการประชุมของคณะ กมธ. อย่างแน่นอน และจะมีมาตรการ ข้อเสนอแนะให้กับทางรัฐบาล โดยเฉพาะหน่วยงานความมั่นคง เพื่อย้ำว่า ประชาชนนั้นอยู่ในรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและเป็นรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตย
กลุ่มประชาชนร่างรธน. จี้ กกต. ตรวจสอบเลือก ส.ว.67 พบพิรุธหลายข้อ เข้าข่ายจัดตั้ง จ้างคนลงสมัคร
https://www.matichon.co.th/politics/news_5077734
กลุ่มประชาชนร่างรัฐธรรมนูญ ยื่นหลักฐานถึง กกต.ตรวจสอบเลือก สว.ปี67 พบพิรุธเข้าข่ายจัดตั้งจ้าง คนลงสมัคร เลือกกันเอง แต่ละกลุ่มอาชีพ ระบุ ส.ว.ที่ได้คะแนนสูงส่วนใหญ่เป็นจังหวัดบ้านใหญ่พรรคการเมืองหนึ่ง
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้มีตัวแทนกลุ่มประชาชนร่างรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย นาย
ณัชปกร นามเมือง เครือข่ายรณรงค์รัฐธรรมนูญ,นาย
ชยพล ดโนทัย iLaw,นาง
จีรนุช เปรมชัยพร เครือข่ายรณรงค์รัฐธรรมนูญ นาย
พงษ์ศักดิ์ จันทร์อ่อน We Watch,นาย
นันทวัฒน์ ศักดิ์สกุลคุณากร คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ได้ร่วมกันได้นำหลักฐานยื่นถึง กกต. ให้ตรวจสอบการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาครั้งที่ผ่านมา หลังพบว่ามีข้อพิรุธหลายอย่างตั้งแต่เริ่มสมัคร
โดยเชื่อว่าการได้มาซึ่ง สว.มาจากการจัดตั้ง มีการจ้างวานให้ลงสมัครเลือกกันเองตั้งแต่ระดับตำบลจนถึงระดับประเทศ ซึ่งในรอบที่เลือกกันเองมีกลุ่ม 8 จังหวัด ที่มีคะแนนทิ้งห่างจากผู้สมัครส่วนใหญ่ผ่านเข้าสู่รอบเลือกไขว้เกือบทั้งจังหวัด ได้แก่ บุรีรัมย์ พระนคร ศรีอยุธยา อ่างทอง สตูล
เลย อำนาจเจริญ ยโสธร สุรินทร์ ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ภายใต้อิทธิพลทางการเมืองของพรรคการเมืองหนึ่ง โดยเห็นชัดว่าใครเป็นผู้ที่เข้ามาเพื่อโยนคะแนนให้กับคนอื่น
JJNY : 5in1 สื่อนอกตีแผ่เสนอรับอุยกูร์│เปิดชวเลขชัดกต.│น.ศ.มธ.ร้อง 2กมธ.│กลุ่มปชช.ร่างรธน.จี้กกต.│ร้านเบเกอรี่อั้นไม่ไหว
https://ch3plus.com/news/political/morning/434485
รอยเตอร์สเผยรายงานเอ็กซ์คลูซีฟ ระบุแคนาดา-สหรัฐฯ เสนอรับ 48 ชาวอุยกูร์ที่ถูกกักตัวอยู่ในไทยนานกว่า 10 ปีไปดูแลแล้ว แต่ถูกเพิกเฉยจากรัฐบาลไทย เพราะหวั่นกระทบความสัมพันธ์กับจีน
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า แม้จะมีการเรียกร้องจากผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ แต่ไทยยังคงดำเนินการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีน โดยอ้างว่าได้ดำเนินการตามกฎหมายและพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชน
รอยเตอร์สรายงานคำพูดของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีของไทยที่กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา ไม่มีประเทศใดเสนอข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมในการรับชาวอุยกูร์ 48 คนไปตั้งถิ่นฐานใหม่เลย
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่รายหนึ่งจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า สหรัฐฯ เสนอที่จะรับชาวอุยกูร์ 48 คนไปตั้งถิ่นฐานใหม่แล้วหลายครั้ง และสหรัฐฯ ได้ทำงานร่วมกับประเทศไทยมานานหลายปีเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ชาวอุยกูร์เหล่านี้ถูกส่งตัวกลับไปยังประเทศจีน
ขณะเดียวกัน รอยเตอร์สยังอ้างแหล่งข่าวอีก 4 รายซึ่งเป็นนักการทูตและผู้ที่มีความรู้โดยตรงว่า แคนาดาได้เสนอให้ชาวอุยกูร์เหล่านี้ลี้ภัยไปอยู่ในประเทศด้วย นอกจากนี้ แหล่งข่าวอีก 2 แห่งก็บอกว่ามีข้อเสนอมาจากออสเตรเลียด้วย
แหล่งข่าวระบุว่า รัฐบาลไทยไม่ได้ปฏิบัติตามข้อเสนอเหล่านี้เพราะกลัวกระทบต่อความสัมพันธ์กับจีน อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวทั้งหมดปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อเนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
อย่างไรก็ดี รอยเตอร์สบอกว่ากระทรวงการต่างประเทศของไทยและจีนยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อรายงานนี้ ขณะที่โฆษกของกระทรวงการตรวจคนเข้าเมืองของแคนาดาก็บอกว่าพวกเขาจะไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว
ขณะที่ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศและการค้าของออสเตรเลียพูดถึงเรื่องนี้ด้วยการอ้างอิงแถลงการณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพนนี หว่อง ซึ่งกล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า ออสเตรเลียไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการตัดสินใจของประเทศไทย
ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยระบุในแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ 28 ก.พ.ว่า ผู้อพยพผิดกฎหมายชาวจีน 40 คน ซึ่งไม่ได้ก่ออาชญากรรมร้ายแรงใดๆ ได้เดินทางกลับบ้านเพื่อกลับไปอยู่กับครอบครัวหลังจากพลัดพรากจากกันมานานกว่า 10 ปี
นอกจากชาวอุยกูร์ 40 คนที่ถูกส่งตัวกลับเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยังมีอีก 5 คนที่อยู่ในเรือนจำไทยเนื่องจากคดีอาญา ขณะเดียวกัน รอยเตอร์สยังไม่สามารถยืนยันที่อยู่ของอีก 3 คนได้ในตอนนี้
ในรายงานของรอยเตอรส์ยังอ้างถึงคำพูดของนายพิศาล มณีพัฒน์ อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำแคนาดาและสหรัฐอเมริการะหว่างปี 2556 ถึง 2560 และอดีตสมาชิกวุฒิสภาที่บอกว่า มีอย่างน้อย 3 ประเทศที่ยื่นข้อเสนอกับประเทศไทย ขอรับชาวอุยกูร์ไปดูแลแต่ไม่ระบุว่าเป็นประเทศใดบ้าง นายพิศาลได้บอกกับรอยเตอร์สว่า ไทยไม่ต้องการทำให้จีนไม่พอใจ จึงไม่ได้ตัดสินใจที่จะดำเนินการเรื่องนี้
แม้จีนจะยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไทยจะได้รับอนุญาตให้ติดตามความเป็นอยู่ของชาวอุยกูร์ในประเทศจีนหลังจากการเดินทางกลับ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติกล่าวว่า กลุ่มชาวอุยกูร์จะมีความเสี่ยงต่อการถูกทรมาน การปฏิบัติที่โหดร้าย และ “ความเสียหายที่ไม่สามารถแก้ไขได้” หากถูกส่งตัวกลับไปยังประเทศจีน และการส่งตัวกลับของพวกเขาได้รับการประณามอย่างกว้างขวาง
เปิดชวเลขชัด กต.แจงมี 3 ชาติ พร้อมรับอุยกูร์ แต่ต้องระวังท่าทีจีน กดดันส่งกลับหนัก.
https://www.matichon.co.th/politics/news_5077763
เปิดชวเลขชัด กต.แจงมี 3 ชาติ พร้อมรับอุยกูร์ แต่ต้องระวังท่าทีจีน กดดันส่งกลับหนัก
วันที่ 5 มีนาคม นายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.พรรคเป็นธรรม โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า
มาตามหา!! คนที่ถามหาหลักฐานครับ ว่าทางผู้แทนกระทรวงต่างประเทศแจ้งกับผมว่ามีประเทศที่ 3 มาขอรับชาวอุยกูร์ เอามาให้แล้วนะครับ
“ชวเลข ของการประชุม กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน วันที่ 10 กรกฎาคม 2567” ทางผู้แทน กต. ได้ให้ข้อมูลในที่ประชุมว่า “บางประเทศก็แสดงความพร้อมรับชาวอุยกูร์ ไปตั้งถิ่นฐาน อย่างเช่น สหรัฐ สวีเดน ออสเตรเลีย” (ครบ 3 ประเทศที่ทวงยังครับ?)
ผมให้หลักฐานที่ทางกลไลสภาฯ สามารถให้ได้แล้วนะครับ ทีนี้ต้องนำเรียนถาม ท่านที่เกี่ยวข้องในรัฐบาลทั้งหมดว่าสรุปว่าความจริงเป็นยังไง และที่สำคัญ สมัครใจกลับหรือไม่?
ทำไมอ่านไปมา เหมือนว่าจะบอกเลยว่า จีนกดดันตลอดเวลาจนส่งไม่ได้น๊ออ
ทั้งนี้รายงานดังกล่าว เป็นรายงานการประชุมคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2567 โดยมีท่อนหนึ่งที่กระทรวงต่างประเทศ ระบุว่า มีการกดดันตลอดเวลา กับทางการไทยในเรื่องนี้ จีนก็ขอให้ไทยส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปจีนโดยตรง หรือผ่านประเทศเพื่อนบ้าน และขอไม่ให้ส่งไปประเทศที่สาม
ขณะที่มีคำร้องขออย่างเป็นทางการ หรือไม่เป็นทางการจากรัฐบาลอื่น เพื่อขอตัวผู้ต้องกักชาวอุยกูร์กลับไปตั้งถิ่นฐานใหม่ บางประเทศแสดงความพร้อมรับชาวอุยกูร์ไปตั้งถิ่นฐาน อย่างเช่น สหรัฐฯ สวีเดน ออสเตรเลีย แต่ด้วยท่าทีของจีน หากส่งอุยกูร์ไปประเทศที่สาม จีนน่าจะไม่พอใจ และมีการตอบโต้ ที่คาดไม่ได้ว่าการตอบโต้จะมีขอบเขตถึงขั้นไหน นอกจากนี้ยังต้องระวัง เนื่องจากจะมีการฉลอง 50 ปีความสัมพันธ์ไทย-จีน
https://www.facebook.com/NolKannavee/posts/pfbid0qyrng5uReFUWsa59YPpD56nawFoM3MwJjxBfv9LGVjXinEsmWw6YkmaTQDQ1dvZfl
น.ศ. มธ. ร้อง 2 กมธ.ถูกตร.คุกคาม หลังทำขบวนล้อการเมืองงานบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5077944
กลุ่มอิสระล้อการเมืองฯ บุกสภาฯ ร้องกมธ.ความมั่นคง-กมธ.กฎหมาย หลังถูก จนท.รัฐคุกคาม มีชื่อใน Watch List ติดตามถึงมหาวิทยาลัย-บ้าน ตั้งแต่งานบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ที่รัฐสภา กลุ่มอิสระล้อการเมือง ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์และการปฏิรูปประเทศ และคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร และกมธ.การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ขอให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐที่มีการติดตามคุกคามติดกล้องวงจรปิดในบริเวณมหาวิทยาลัย และทำรายชื่อ watch list เป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนและละเมิดกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองซึ่งประเทศไทยเป็นรัฐภาคี
โดยน.ส.ธันยชนก ชาลีเขียว ตัวแทนกลุ่มอิสระล้อการเมืองแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ที่ผ่านมานักศึกษาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่รัฐติดตามคุกคามในบริเวณมหาวิทยาลัย หอพัก และบ้านที่ต่างจังหวัด ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 75 พวกเราใช้ศิลปะในการสื่อสารประเด็นทางการเมือง แต่ถูกคุกคามโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามทั้งในมหาวิทยาลัยและบริเวนหอพัก ซึ่งถือเป็นการคุกคามสร้างความหวาดกลัว และจากกิจกรรมในงานฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ ปรากฎหลักฐานว่ามีการติดตั้งกล้องวงจรปิดในพื้นที่ทำงานของกลุ่มอิสระล้อการเมืองฯ จากเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง และในช่วงเวลาเดียวกันมีการแจ้งจากเจ้าหน้าที่กองกิจการนักศึกษาว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้จัดทำรายชื่อบุคคลติดตามเฝ้าระวัง โดยมีชื่อของสมาชิกกลุ่มอิสระล้อการเมืองฯ ด้วย จึงขอให้ กมธ.ฯ ช่วยตรวจสอบและสืบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
“สำหรับจุดยืนของกลุ่มอิสระล้อการเมืองฯ เห็นว่าการติดตามคุกคามและการสอดส่องข้อมูลส่วนบุคคลถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งไม่ทราบว่ามหาวิทยาลัยในฐานะเจ้าของสถานที่ และสมาคมธรรมศาสตร์ในพระบรมราชูปถัมภ์ในฐานะผู้จัดงาน ละเลยให้มีเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร จึงขอส่งเสียงไปยังรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย และประกาศตัวว่ามีความใส่ใจกับเรื่องสิทธิมนุษยชน รัฐบาลไม่ควรปล่อยให้มีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้น และรัฐบาลควรมีความรับผิดชอบโดยการกำกับดูแลหน่วยงานความมั่นคงภายใต้สังกัดของรัฐบาล ไม่ให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนไม่ว่าจะกับกลุ่มใดก็ตาม” น.ส.ธันยชนก กล่าว
กมธ.ความมั่นคงฯ กล่าวว่า การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกล้องไปติดในมหาวิทยาลัยถูกสั่งการโดยใคร รวมถึงการทำ watch list เพื่อจะติดตามนักศึกษาซึ่งเป็นอนาคตของชาติไม่ควรจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในยุครัฐบาลประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งอีก เพราะว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่แทบไม่ต่างจากรัฐบาลสมัย คสช. ดังนั้นการเปลี่ยนผ่านมาสู่ยุคของระบอบประชาธิปไตยที่มีนายฯมาจากการเลือกตั้ง ไม่ควรมีเรื่องเช่นนี้ จึงขอฝากไปยังนายกฯในฐานะกำกับดูแลตำรวจ นายกฯ รับทราบเรื่องนี้มาก่อนหรือไม่ ถ้ารับทราบแล้วยังจะมีนโยบายแบบนี้ต่อหรือไม่ อย่างไรก็ตาม กมธ.จะรับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณาในวาระถัดไป
ด้านน.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว ส.ส.ปทุมธานี พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกกมธ.กฎหมายฯ กล่าวว่า รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยที่มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาได้แสดงเจตจำนงว่าจะยึดมั่นในหลักคุณค่าสิทธิมนุษยชนมาโดยตลอด และประเทศไทยได้เข้าไปอยู่ในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ดังนั้นภารกิจสำคัญของรัฐบาลชุดนี้คือต้องทำให้ประชาชนทุก ๆ คนมั่นใจได้ว่าการใช้สิทธิเสรีภาพจะไม่ถูกละเมิด ไม่ถูกขัดขวาง เฉกเช่นเดียวกับรัฐบาลในยุคของเผด็จการ แต่การที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงหรือแม้กระทั่งมหาวิทยาลัยพยายามขัดขวางการใช้สิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกของนักศึกษาในมหาวิทยาลัย รวมถึงการทำรายชื่อ watch list เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างชัดเจน การมองว่าประชาชนเป็นภัยความมั่นคงของรัฐเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น ดังนั้นขอให้นักศึกษามั่นใจว่า คณะ กมธ.การกฎหมายฯ จะบรรจุเรื่องนี้เข้าในวาระการประชุมของคณะ กมธ. อย่างแน่นอน และจะมีมาตรการ ข้อเสนอแนะให้กับทางรัฐบาล โดยเฉพาะหน่วยงานความมั่นคง เพื่อย้ำว่า ประชาชนนั้นอยู่ในรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและเป็นรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตย
กลุ่มประชาชนร่างรธน. จี้ กกต. ตรวจสอบเลือก ส.ว.67 พบพิรุธหลายข้อ เข้าข่ายจัดตั้ง จ้างคนลงสมัคร
https://www.matichon.co.th/politics/news_5077734
กลุ่มประชาชนร่างรัฐธรรมนูญ ยื่นหลักฐานถึง กกต.ตรวจสอบเลือก สว.ปี67 พบพิรุธเข้าข่ายจัดตั้งจ้าง คนลงสมัคร เลือกกันเอง แต่ละกลุ่มอาชีพ ระบุ ส.ว.ที่ได้คะแนนสูงส่วนใหญ่เป็นจังหวัดบ้านใหญ่พรรคการเมืองหนึ่ง
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้มีตัวแทนกลุ่มประชาชนร่างรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย นายณัชปกร นามเมือง เครือข่ายรณรงค์รัฐธรรมนูญ,นายชยพล ดโนทัย iLaw,นางจีรนุช เปรมชัยพร เครือข่ายรณรงค์รัฐธรรมนูญ นายพงษ์ศักดิ์ จันทร์อ่อน We Watch,นายนันทวัฒน์ ศักดิ์สกุลคุณากร คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ได้ร่วมกันได้นำหลักฐานยื่นถึง กกต. ให้ตรวจสอบการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาครั้งที่ผ่านมา หลังพบว่ามีข้อพิรุธหลายอย่างตั้งแต่เริ่มสมัคร
โดยเชื่อว่าการได้มาซึ่ง สว.มาจากการจัดตั้ง มีการจ้างวานให้ลงสมัครเลือกกันเองตั้งแต่ระดับตำบลจนถึงระดับประเทศ ซึ่งในรอบที่เลือกกันเองมีกลุ่ม 8 จังหวัด ที่มีคะแนนทิ้งห่างจากผู้สมัครส่วนใหญ่ผ่านเข้าสู่รอบเลือกไขว้เกือบทั้งจังหวัด ได้แก่ บุรีรัมย์ พระนคร ศรีอยุธยา อ่างทอง สตูล
เลย อำนาจเจริญ ยโสธร สุรินทร์ ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ภายใต้อิทธิพลทางการเมืองของพรรคการเมืองหนึ่ง โดยเห็นชัดว่าใครเป็นผู้ที่เข้ามาเพื่อโยนคะแนนให้กับคนอื่น