ชุมนุมหน้าสถานทูตไทยในลอนดอน วอนรัฐบาลไทย-มาเลย์หยุดส่งแรงงานพม่ากลับไปเป็นทหารเกณฑ์-เครื่องมือในสงคราม

ชุมนุมหน้าสถานทูตไทยในลอนดอน วอนรัฐบาลไทย-มาเลย์หยุดส่งแรงงานพม่ากลับไปเป็นทหารเกณฑ์-เครื่องมือในสงคราม

เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2025 เวลา 13:30 น.(ตามเวลาอังกฤษ) ที่บริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตไทย ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ กลุ่ม Stars of Myanmar Friendship UK จัดการประท้วงอย่างสันติเพื่อต่อต้านการจับกุมแรงงานข้ามชาติพม่าที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนจากประเทศไทยและมาเลเซีย เพื่อขอให้ยุติการส่งตัวแรงงานกลับประเทศ เนื่องจากรัฐบาลทหารของเมียนมายังคงบังคับเกณฑ์ประชาชนเข้าสู่กองทัพ
ทั้งนี้มีผู้เข้าร่วมชุมนุมมากกว่า 100 คน โดยผู้ชุมนุมชูป้ายโดยมีข้อความระบุว่า ประเทศไทย โปรดรับฟังเสียงของเรา ,ชีวิตของผู้คนในมาเลเซียกำลังถูกคุกคาม, หยุดการเนรเทศ หยุดความตาย , ประเทศไทย โปรดยื่นมือเข้าช่วยเหลือ, ประเทศไทย จงยืนหยัดเพื่อมนุษยธรรม, การเนรเทศคือโทษประหารชีวิต,พม่ากำลังหลั่งเลือด หยุดการเนรเทศเสียที, ประเทศไทยในฐานะเพื่อนบ้าน โปรดเมตตาต่อเรา และข้อความอื่น ๆ ที่สะท้อนถึงความเดือดร้อนของแรงงานข้ามชาติ พร้อมเรียกร้องให้ประเทศไทยและมาเลเซียแสดงจุดยืนเพื่อมนุษยธรรม

จูลี่ ผู้ประสานงาน Stars of Myanmar Friendship UK กล่าวว่า สิ่งที่ไทยและมาเลเซียกำลังทำอยู่ในขณะนี้ ไม่ใช่แค่การผลักดันแรงงานพม่ากลับประเทศ แต่เป็นการผลักพวกเขาเข้าสู่วงจรของ การเกณฑ์ทหารบังคับ ซึ่งเท่ากับเป็นการสนับสนุนรัฐบาลทหารเมียนมาโดยทางอ้อม

“หลายคนที่ถูกส่งกลับ ไม่มีทางเลือก พวกเขาถูกบังคับให้เข้าร่วมกองทัพ ถูกใช้งานเหมือนเครื่องมือสงคราม ซึ่งขัดกับหลักสิทธิมนุษยชนโดยสิ้นเชิง” จูลี่กล่าว

จูลี่กล่าวว่า หากไทยและมาเลเซียยังคงผลักดันแรงงานพม่ากลับไป โดยไม่คำนึงถึงสถานการณ์ในประเทศของพวกเขาเท่ากับว่ากำลังช่วยเหลือรัฐบาลเผด็จการทหารให้มีแรงงานบังคับและกำลังพลมากขึ้นในการกดขี่ประชาชนของตัวเอง

นอกจากนี้ผู้ชุมนุมได้ยื่นจดหมายถึงสถานทูตไทยและมาเลเซีย เนื้อหาสำคัญระบุว่า ขอแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจต่อประชาชนและรัฐบาลไทยสำหรับการสนับสนุนและการยอมรับผู้ย้ายถิ่นฐานชาวพม่าตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2021 การเป็นเจ้าภาพให้กับผู้ย้ายถิ่นฐานจำนวนมากนั้นทั้งเป็นโอกาสและความท้าทาย แต่ความพยายามด้านมนุษยธรรมของไทยในการช่วยชีวิตผู้คนจำนวนมากไม่อาจมองข้ามได้ และเราขอขอบคุณในความเมตตาอย่างลึกซึ้ง ในขณะเดียวกัน เรากังวลอย่างมากเกี่ยวกับการจับกุมชาวพม่าที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย ขณะนี้มีผู้ย้ายถิ่นฐานชาวพม่าหลายคนที่ไม่มีเอกสารถูกกักตัวและถูกส่งกลับไปยังประเทศพม่าภายใต้รัฐบาลทหาร ซึ่งพวกเขาต้องเผชิญกับการบังคับเกณฑ์ทหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชนที่รุนแรง และในหลายกรณีต้องเสียชีวิตในสนามรบ

“ตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะหลักการไม่ผลักดันผู้ลี้ภัยที่ระบุไว้ในอนุสัญญาผู้ลี้ภัยปี 1951 และกฎหมายระหว่างประเทศที่ยอมรับโดยทั่วไป ไม่มีประเทศใดควรส่งผู้ใดกลับไปยังสถานที่ที่พวกเขาจะเสี่ยงต่อการถูกข่มเหง ความเสียหาย หรือความตาย แม้ว่าประเทศไทยจะไม่ได้เป็นภาคีของอนุสัญญาผู้ลี้ภัย แต่ก็ยังคงอยู่ภายใต้พันธกรณีที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนพื้นฐาน รวมถึงกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ซึ่งห้ามการบังคับใช้แรงงานและการกักขังโดยพลการ เราเข้าใจว่าแต่ละประเทศมีกฎหมายการเข้าเมืองของตนเอง และผู้ย้ายถิ่นฐานทั้งหมดต้องปฏิบัติตามกฎหมายเหล่านั้น แต่สถานการณ์ที่ผู้ย้ายถิ่นฐานชาวพม่าเผชิญนั้นเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ รัฐบาลทหารพม่าได้เริ่มบังคับใช้กฎหมายเกณฑ์ทหารหลังจากที่เกิดความล้มเหลวในสนามรบ ส่งผลให้ชาวพม่าที่ถูกส่งกลับต้องเผชิญกับความเป็นจริงที่โหดร้ายในการถูกใช้เป็นโล่มนุษย์ การทำงานในพื้นที่ทุ่นระเบิด และการถูกบังคับให้เข้ารับราชการทหาร การส่งผู้อพยพชาวพม่ากลับไป พวกเขาต้องเผชิญกับการบังคุบเกณฑ์ทหารในกองทัพที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน อาจถือเป็นการร่วมมือในการกระทำอาชญากรรมสงครามตามอนุสัญญากรุงเจนีวา”จดหมายระบุ

หนังสือระบุว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยหยุดการส่งผู้ย้ายถิ่นฐานชาวพม่าโดยทันที และให้การคุ้มครองด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ที่หลบหนีจากความขัดแย้งและการปราบปรามในเมียนมาร์ ในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันยาวนานกับพม่า ขอเรียกร้องให้ไทยพิจารณาเรื่องนี้ในมิติด้านมนุษยธรรมและขอให้ประเทศไทยยังคงให้การสนับสนุนแก่ผู้ที่กำลังประสบทุกข์จากการปกครองของรัฐบาลทหาร


แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่