วอนรัฐบาลไทยอย่าส่งแรงงานพม่ากลับประเทศชี้ถูกบังคับเป็นทหาร-โล่มนุษย์ในสงคราม กลุ่ม“ Stars of Myanmar Friendship UK” เตรียมชุมนุมประท้วงไทย-มาเลเซียหน้าสถานทูตในลอนดอน-เรียกร้องหยุดการละเมิดสิทธิมนุษยชน
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 กลุ่ม Stars of Myanmar Friendship UK เตรียมจัดการชุมนุมประท้วงอย่างสันติเพื่อประณามการกระทำของรัฐบาลไทยและมาเลเซียที่ได้จับกุมและส่งกลับแรงงานต่างด้าวชาวพม่าที่ไม่มีเอกสาร โดยการชุมนุมจะเกิดขึ้นที่สถานเอกอัครราชทูตไทยและสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียในกรุงลอนดอนในวันที่ 4 มีนาคม 2568 นี้
การประท้วงครั้งนี้ทางกลุ่มแจ้งว่ามีจุดประสงค์เพื่อเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศหยุดการละเมิดสิทธิมนุษยชนและคุ้มครองศักดิ์ศรีของแรงงานผู้อพยพชาวพม่า โดยเฉพาะในกรณีที่แรงงานเหล่านี้ถูกจับกุมและส่งตัวกลับไปยังประเทศพม่า ซึ่งอาจทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับการถูกบังคับให้เกณฑ์ทหารหรือถูกส่งไปเป็นโล่มนุษย์ในสงคราม ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยผู้ลี้ภัยปี 1951 รวมถึงกฎหมายระหว่างประเทศตามธรรมเนียมที่ห้ามมิให้ประเทศใดส่งบุคคลไปยังสถานที่ที่อาจเผชิญกับการข่มเหงหรืออันตรายถึงชีวิต
“จูนลี่” ผู้ประสานงานองค์กร Stars of Myanmar Friendship UK กล่าวถึงการเตรียมเขียนจดหมายถึงทางการไทยว่า ขณะนี้ชาวพม่าจำนวนมากถูกควบคุมตัวในประเทศไทยและมาเลเซีย ในฐานะที่พวกตนเป็นชาวพม่าที่อาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักร เรามีสิทธิที่จะแสดงความห่วงใยและขอความช่วยเหลือในนามของผู้ที่กำลังทุกข์ทรมาน การกระทำนี้ไม่ได้เกิดจากความเห็นส่วนตัว แต่เป็นความกังวลอย่างแท้จริงต่อสถานการณ์ในพม่าและการปฏิบัติต่อชาวพม่าในประเทศไทย
จูนลี่กล่าวว่า เราต้องการให้รัฐบาลไทยพิจารณาจากมุมมองด้านมนุษยธรรม ขอให้เข้าใจความกังวลของเราเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้น เราเคารพรัฐบาลไทยและคนไทย และเข้าใจว่าบางครั้งอาจมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับชาวพม่า ดังนั้นการแสดงออกนี้จึงไม่ใช่การประท้วง แต่เป็นการขอความช่วยเหลือและการสื่อสารถึงความเสี่ยงที่ชาวพม่าต้องเผชิญหากถูกส่งตัวกลับพม่า เนื่องจากพวกเขาอาจถูกบังคับให้เข้าร่วมกองทัพ ซึ่งเสี่ยงต่อชีวิตและความปลอดภัยของพวกเขา เนื่องจากกองทัพพม่าบังคับให้เยาวชนอายุ 18-35 ปี เข้าร่วมสงคราม และมีผู้ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางการเมืองหลายคนถูกจับกุมและทรมานจนเสียชีวิตระหว่างการสอบสวน
“เราเข้าใจว่ามีคนพม่าจำนวนมากในประเทศไทย เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยพิจารณาถึงด้านมนุษยธรรมในการตัดสินใจเกี่ยวกับผู้ลี้ภัยชาวพม่า โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่กองทัพพม่าต้องการทหารใหม่ และยังคงบังคับให้มีการเกณฑ์ทหาร สถานการณ์ในพม่าทำให้ผู้คนต้องทนทุกข์ทรมานจากสงครามและความรุนแรงที่ไม่มีวันสิ้นสุด เราหวังว่ารัฐบาลไทยจะเข้าใจถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ และขอให้พวกเขาให้ความช่วยเหลือพิจารณาเห็นอกเห็นใจในการดูแลผู้ลี้ภัยชาวพม่า”จูนลี่ กล่าว
จูนลี่กล่าวว่า ขอให้รัฐบาลไทยพิจารณาดูแลและปกป้องผู้ลี้ภัยชาวพม่าในประเทศไทยไม่ให้ถูกส่งกลับไปยังประเทศที่พวกเขาอาจเผชิญกับอันตรายจากการถูกบังคับเกณฑ์ทหาร ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียชีวิตได้ เราขอขอบคุณประชาชนและรัฐบาลของประเทศไทยสำหรับการช่วยเหลือที่ต่อเนื่องแก่ประชาชนพม่า
ขณะที่อูมิน(นามสมมุติ) แรงงานพม่าที่ทำงานในประเทศไทยกล่าวว่า การส่งแรงงานพม่ากลับไปยังประเทศต้นทางเป็นปัญหาหลัก เนื่องจากแรงงานพม่าขาดหลักประกันและเอกสารที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยทั้งประเทศไทยและมาเลเซียไม่ได้ให้สถานะทางกฎหมายแก่แรงงานพม่าที่เข้ามาทำงานในฐานะผู้ลี้ภัย ทำให้แรงงานพม่าต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่จะถูกส่งตัวกลับไปเกณฑ์ทหารและถูกบังคับให้เข้าร่วมสงครามในพม่า การประท้วงในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เรียกร้องให้ทั้งสองประเทศหยุดละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่ยังยืนยันว่าแรงงานทุกคนควรได้รับการคุ้มครองและมีศักดิ์ศรีในฐานะมนุษย์ ทุกชีวิตควรได้รับการเคารพและปฏิบัติอย่างยุติธรรม
“การละเมิดสิทธิของแรงงานพม่ายังรวมถึงการที่พวกเขาต้องทำงานในสภาพที่ยากลำบากและขาดการคุ้มครองจากกฎหมายแรงงาน เช่น การทำงานเกินชั่วโมงโดยไม่ได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม หรือการถูกขูดรีดจากนายจ้าง ซึ่งทำให้แรงงานพม่าต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัยและขาดความมั่นคงในชีวิตประจำวัน ดังนั้นประเทศไทยและมาเลเซียควรยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชนและเคารพสิทธิของแรงงานพม่าที่อพยพเข้ามาทำงานในทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะสิทธิในการได้รับการคุ้มครองทั้งนี้ควรรับรองผู้ลี้ภัยไม่ให้ถูกส่งกลับไปยังพื้นที่ที่เสี่ยงต่อชีวิตและความปลอดภัย และความสร้างสังคมที่ให้ความเคารพในสิทธิและความเป็นมนุษย์ของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนชาติใดหรืออาศัยอยู่ที่ใด ทุกชีวิตควรได้รับการปกป้องจากการข่มเหงและการละเมิดสิทธิในทุกที่ที่พวกเขาอยู่”อูมินกล่าว
ทั้งนี้ กลุ่ม Stars of Myanmar Friendship UK จดหมายจากองค์กรถึงเอกอัครราชทูตไทยมีข้อความสรุปว่า องค์กร Stars of Myanmar Friendship UK ขอกล่าวขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้การสนับสนุนและรับผู้อพยพชาวพม่าตั้งแต่ปี 2021 โดยตระหนักถึงความท้าทายในการต้อนรับผู้อพยพจำนวนมาก พร้อมยอมรับในความพยายามด้านมนุษยธรรมของไทยในการช่วยชีวิตผู้คน อย่างไรก็ตาม เรากังวลเกี่ยวกับการจับกุมและเนรเทศผู้อพยพชาวพม่าที่ไม่มีเอกสารกลับไปยังเมียนมาร์ ซึ่งพวกเขามีความเสี่ยงต่อการเกณฑ์ทหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชน และความตายจากการเป็นโล่มนุษย์ในสงคราม
“ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ประเทศใดไม่ควรส่งบุคคลไปยังสถานที่ที่เสี่ยงต่อการถูกข่มเหงหรือเสียชีวิต แม้ไทยไม่ได้ลงนามในอนุสัญญาผู้ลี้ภัย แต่ยังคงผูกพันตามพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชน รวมถึงอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองเราขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยหยุดการเนรเทศผู้อพยพชาวพม่าและให้การคุ้มครองด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ที่หลบหนีการกดขี่จากระบอบทหารในเมียนมาร์ และขอให้มีการตอบสนองอย่างเร่งด่วนเพื่อชี้แจงจุดยืนของไทยในการปกป้องสิทธิของผู้อพยพ” จดหมายระบุ
ที่มา : สำนักข่าวชายขอบ
ประท้วงไทย-มาเลย์ ส่งแรงงานพม่ากลับประเทศ
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 กลุ่ม Stars of Myanmar Friendship UK เตรียมจัดการชุมนุมประท้วงอย่างสันติเพื่อประณามการกระทำของรัฐบาลไทยและมาเลเซียที่ได้จับกุมและส่งกลับแรงงานต่างด้าวชาวพม่าที่ไม่มีเอกสาร โดยการชุมนุมจะเกิดขึ้นที่สถานเอกอัครราชทูตไทยและสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียในกรุงลอนดอนในวันที่ 4 มีนาคม 2568 นี้
การประท้วงครั้งนี้ทางกลุ่มแจ้งว่ามีจุดประสงค์เพื่อเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศหยุดการละเมิดสิทธิมนุษยชนและคุ้มครองศักดิ์ศรีของแรงงานผู้อพยพชาวพม่า โดยเฉพาะในกรณีที่แรงงานเหล่านี้ถูกจับกุมและส่งตัวกลับไปยังประเทศพม่า ซึ่งอาจทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับการถูกบังคับให้เกณฑ์ทหารหรือถูกส่งไปเป็นโล่มนุษย์ในสงคราม ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยผู้ลี้ภัยปี 1951 รวมถึงกฎหมายระหว่างประเทศตามธรรมเนียมที่ห้ามมิให้ประเทศใดส่งบุคคลไปยังสถานที่ที่อาจเผชิญกับการข่มเหงหรืออันตรายถึงชีวิต
“จูนลี่” ผู้ประสานงานองค์กร Stars of Myanmar Friendship UK กล่าวถึงการเตรียมเขียนจดหมายถึงทางการไทยว่า ขณะนี้ชาวพม่าจำนวนมากถูกควบคุมตัวในประเทศไทยและมาเลเซีย ในฐานะที่พวกตนเป็นชาวพม่าที่อาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักร เรามีสิทธิที่จะแสดงความห่วงใยและขอความช่วยเหลือในนามของผู้ที่กำลังทุกข์ทรมาน การกระทำนี้ไม่ได้เกิดจากความเห็นส่วนตัว แต่เป็นความกังวลอย่างแท้จริงต่อสถานการณ์ในพม่าและการปฏิบัติต่อชาวพม่าในประเทศไทย
จูนลี่กล่าวว่า เราต้องการให้รัฐบาลไทยพิจารณาจากมุมมองด้านมนุษยธรรม ขอให้เข้าใจความกังวลของเราเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้น เราเคารพรัฐบาลไทยและคนไทย และเข้าใจว่าบางครั้งอาจมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับชาวพม่า ดังนั้นการแสดงออกนี้จึงไม่ใช่การประท้วง แต่เป็นการขอความช่วยเหลือและการสื่อสารถึงความเสี่ยงที่ชาวพม่าต้องเผชิญหากถูกส่งตัวกลับพม่า เนื่องจากพวกเขาอาจถูกบังคับให้เข้าร่วมกองทัพ ซึ่งเสี่ยงต่อชีวิตและความปลอดภัยของพวกเขา เนื่องจากกองทัพพม่าบังคับให้เยาวชนอายุ 18-35 ปี เข้าร่วมสงคราม และมีผู้ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางการเมืองหลายคนถูกจับกุมและทรมานจนเสียชีวิตระหว่างการสอบสวน
“เราเข้าใจว่ามีคนพม่าจำนวนมากในประเทศไทย เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยพิจารณาถึงด้านมนุษยธรรมในการตัดสินใจเกี่ยวกับผู้ลี้ภัยชาวพม่า โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่กองทัพพม่าต้องการทหารใหม่ และยังคงบังคับให้มีการเกณฑ์ทหาร สถานการณ์ในพม่าทำให้ผู้คนต้องทนทุกข์ทรมานจากสงครามและความรุนแรงที่ไม่มีวันสิ้นสุด เราหวังว่ารัฐบาลไทยจะเข้าใจถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ และขอให้พวกเขาให้ความช่วยเหลือพิจารณาเห็นอกเห็นใจในการดูแลผู้ลี้ภัยชาวพม่า”จูนลี่ กล่าว
จูนลี่กล่าวว่า ขอให้รัฐบาลไทยพิจารณาดูแลและปกป้องผู้ลี้ภัยชาวพม่าในประเทศไทยไม่ให้ถูกส่งกลับไปยังประเทศที่พวกเขาอาจเผชิญกับอันตรายจากการถูกบังคับเกณฑ์ทหาร ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียชีวิตได้ เราขอขอบคุณประชาชนและรัฐบาลของประเทศไทยสำหรับการช่วยเหลือที่ต่อเนื่องแก่ประชาชนพม่า
ขณะที่อูมิน(นามสมมุติ) แรงงานพม่าที่ทำงานในประเทศไทยกล่าวว่า การส่งแรงงานพม่ากลับไปยังประเทศต้นทางเป็นปัญหาหลัก เนื่องจากแรงงานพม่าขาดหลักประกันและเอกสารที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยทั้งประเทศไทยและมาเลเซียไม่ได้ให้สถานะทางกฎหมายแก่แรงงานพม่าที่เข้ามาทำงานในฐานะผู้ลี้ภัย ทำให้แรงงานพม่าต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่จะถูกส่งตัวกลับไปเกณฑ์ทหารและถูกบังคับให้เข้าร่วมสงครามในพม่า การประท้วงในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เรียกร้องให้ทั้งสองประเทศหยุดละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่ยังยืนยันว่าแรงงานทุกคนควรได้รับการคุ้มครองและมีศักดิ์ศรีในฐานะมนุษย์ ทุกชีวิตควรได้รับการเคารพและปฏิบัติอย่างยุติธรรม
“การละเมิดสิทธิของแรงงานพม่ายังรวมถึงการที่พวกเขาต้องทำงานในสภาพที่ยากลำบากและขาดการคุ้มครองจากกฎหมายแรงงาน เช่น การทำงานเกินชั่วโมงโดยไม่ได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม หรือการถูกขูดรีดจากนายจ้าง ซึ่งทำให้แรงงานพม่าต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัยและขาดความมั่นคงในชีวิตประจำวัน ดังนั้นประเทศไทยและมาเลเซียควรยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชนและเคารพสิทธิของแรงงานพม่าที่อพยพเข้ามาทำงานในทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะสิทธิในการได้รับการคุ้มครองทั้งนี้ควรรับรองผู้ลี้ภัยไม่ให้ถูกส่งกลับไปยังพื้นที่ที่เสี่ยงต่อชีวิตและความปลอดภัย และความสร้างสังคมที่ให้ความเคารพในสิทธิและความเป็นมนุษย์ของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนชาติใดหรืออาศัยอยู่ที่ใด ทุกชีวิตควรได้รับการปกป้องจากการข่มเหงและการละเมิดสิทธิในทุกที่ที่พวกเขาอยู่”อูมินกล่าว
ทั้งนี้ กลุ่ม Stars of Myanmar Friendship UK จดหมายจากองค์กรถึงเอกอัครราชทูตไทยมีข้อความสรุปว่า องค์กร Stars of Myanmar Friendship UK ขอกล่าวขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้การสนับสนุนและรับผู้อพยพชาวพม่าตั้งแต่ปี 2021 โดยตระหนักถึงความท้าทายในการต้อนรับผู้อพยพจำนวนมาก พร้อมยอมรับในความพยายามด้านมนุษยธรรมของไทยในการช่วยชีวิตผู้คน อย่างไรก็ตาม เรากังวลเกี่ยวกับการจับกุมและเนรเทศผู้อพยพชาวพม่าที่ไม่มีเอกสารกลับไปยังเมียนมาร์ ซึ่งพวกเขามีความเสี่ยงต่อการเกณฑ์ทหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชน และความตายจากการเป็นโล่มนุษย์ในสงคราม
“ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ประเทศใดไม่ควรส่งบุคคลไปยังสถานที่ที่เสี่ยงต่อการถูกข่มเหงหรือเสียชีวิต แม้ไทยไม่ได้ลงนามในอนุสัญญาผู้ลี้ภัย แต่ยังคงผูกพันตามพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชน รวมถึงอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองเราขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยหยุดการเนรเทศผู้อพยพชาวพม่าและให้การคุ้มครองด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ที่หลบหนีการกดขี่จากระบอบทหารในเมียนมาร์ และขอให้มีการตอบสนองอย่างเร่งด่วนเพื่อชี้แจงจุดยืนของไทยในการปกป้องสิทธิของผู้อพยพ” จดหมายระบุ
ที่มา : สำนักข่าวชายขอบ