อังคณา โพสต์หมายเรียกกกต. ชี้ 7 เดือน เจอร้องเพิ่งไต่สวน ทั้งที่เปิดกูเกิลข้อมูลเพียบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5067758
อังคณา โพสต์หมายกกต. ชี้ 7 เดือน เจอร้องเพิ่งถูกเรียกไต่สวน ทั้งๆที่เปิดกูเกิลข้อมูลเพียบ สงสัยคดีฮั้วสว. ยากกว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน ?
เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 อังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กหมายเรียก จากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หลังถูกร้องเรียนได้รับเลือกให้เป็นส.ว. ถึงคุณสมบัติในการทำงานภาคประชาสังคม โดยมีเนื้อหาดังนี้
เรื่อง #ฮั้วส.ว. อาจต้องถามถึงความล่าช้าในการทำงานของกกต. ส่วนตัวเพิ่งได้รับหมายเรียกไปพบกรรมการไต่สวน และสอบสวนกกต. เรื่องมีคนร้องว่า ทำงานภาคประชาสังคมมาไม่ถึง 10 ปี นี่ก็ไปพบในฐานะพลเมืองที่มีหน้าที่ แต่มีคำถามถึง กกต. คือ
1. ทำไมต้องออกหมายเรียกทั้งที่ยังอยู่สมัยประชุม แถมเป็นวันประชุมวุฒิสภาด้วย
2. เรื่องทำงานมากี่ปีแค่ค้นใน google ก็เจอข้อมูลเพียบ ทำไมต้องให้เสียเวลาประชุมไปให้การด้วยตัวเอง
มีข้อสังเกต คือ แค่ข้อร้องเรียนว่าทำงานมากี่ปี กกต. ใช้เวลาร่วม 7 เดือนกว่าจะเรียกมาสืบสวนไต่สวนข้อเท็จจริง แล้วแบบนี้กรณี ส.ว.อื่นๆ ที่ข้อร้องเรียนมีความซับซ้อนกว่านี้ จะใช้เวลานานเท่าไหร่ แล้วจะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการ กกต. เพื่อพิจารณาตัดสินการร้องเรียน ส.ว.
ทั้ง 200 คน และเผยแพร่ต่อสาธารณะ เรื่องนี้ กกต. ควรออกมาแถลงให้สาธารณะชนทราบ ถึงเหตุความล่าช้า เพราะเรื่องเลือก ส.ว. เป็นที่คลางแคลงใจอย่างมากของประชาชน เพราะหากมีการฮั้วจริง ถือเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายรากฐานที่สำคัญของระบอบประชาธิปไตย เพราะ ส.ว.ทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ และมีหน้าที่พิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติองค์กรอิสระ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานต่างๆของรัฐ ป้องกันการทุจริต และคุ้มครองประชาชนให้มีความเท่าเทียม เป็นธรรมและไม่ถูกเลือกปฏิบัติ
ส่วนตัวมองว่า การตรวจสอบการคัดเลือก ส.ว.ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (กรณีอั้งยี่) หรือ กกต. (ทุจริตเลือกตั้ง) จะเป็นการพิสูจน์ข้อครหาถึงความชอบธรรมเกี่ยวกับที่มาของ ส.ว. และจะเป็นการคืนศักดิ์ศรีให้ ส.ว. ทุกคนที่เข้ามาโดยอิสระ และชอบธรรม ปราศจากการฮั้ว หรืออยู่ภายใต้กลุ่มอิทธิพลใดๆ ทั้งนี้ ไม่เห็นด้วยกับการที่ ส.ว. บางคนจะเปิดอภิปรายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หรือการเรียกมาสอบใน กมธ. หรือฟ้องร้องดำเนินคดี เพราะเห็นว่า เป็นการตอบโต้หรือแก้แค้น หรืออาจถูกมองว่า เป็นการกระทำเพื่อปิดปาก หรือปิดกั้นการเปิดเผยข้อเท็จจริงเพื่อประโยชน์สาธารณะ สุดท้ายประชาชนคงต้องติดตามว่าเรื่อง #ฮั้วส.ว. ว่าจะจบลงอย่างไร จะสามารถเปิดเผยความจริง นำคนผิดมาลงโทษ หรือจะจบลงโดยการฮั้วของพรรคการเมืองและนักการเมือง โดยทิ้งความคลางแคลงใจต่อการได้มาของ ส.ว. ต่อไป
https://www.facebook.com/angkhana.nee/posts/pfbid02wbJQUvzr2JrRaZod8PdizBizBNGAkex8qNSZUBVwShkme8TdFmC2wdSYpA5NHl
รอมฎอน จับตารัฐบาลส่งอุยกูร์กลับจีน โพสต์คลิป มีรถถอยเข้าสถานกักกันฯ สวนพลู
https://www.matichon.co.th/politics/news_5068064
รอมฎอน จับตารัฐบาลส่งอุยกูร์กลับจีน พร้อมโพสต์คลิป รถขนผู้ต้องกักขัง ถอยเข้าสถานกักกันคนต่างด้าว สวนพลู
จากกรณีมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลไทยเตรียมส่งชาวอุยกูร์ 48 คนกลับประเทศจีน พร้อมกับที่ทางการจีนจะส่งเครื่องบินมารับคนจีนในแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับประเทศ ระหว่างวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์ ขณะที่บางสำนักข่าวรายงานว่าชาวอุยกูร์ทั้ง 48 คน ขาดการติดต่อตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา และยังไม่ให้เจ้าหน้าที่จาก UNHCR เข้าไปด้านในของสถานกักกันคนต่างด้าว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สวนพลู)ด้วยนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 20.05 น. วันที่ 26 กุมภาพันธ์ นาย
รอมฎอน ปันจอร์ ส.ส.พรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่าน X ระบุว่า
20.05 น. รถขนผู้ต้องกักขนาดความจุคนได้หลายสิบคนกำลังถอยเข้าสถานกักกันคนต่างด้าว สวนพลู ระหว่างที่เรากำลังจับตาดูว่ารัฐบาลไทย จะส่งกลับ อุยกูร์ ไปจีนหรือไม่
https://x.com/romadonity/status/1894738033087508928
กัณวีร์ เปิดภาพรถติดเทปดำ 6 คันออกจาก ตม.สวนพลู จับตารัฐไทยส่ง 48 อุยกูร์ กลับจีน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5068180
อุยกูร์ – จากกรณีมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลไทยเตรียมส่งชาวอุยกูร์ 48 คนกลับประเทศจีน พร้อมกับที่ทางการจีนจะส่งเครื่องบินมารับคนจีนในแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับประเทศ ระหว่างวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์ ขณะที่บางสำนักข่าวรายงานว่าชาวอุยกูร์ทั้ง 48 คน ขาดการติดต่อตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา และยังไม่ให้เจ้าหน้าที่จาก UNHCR เข้าไปด้านในของสถานกักกันคนต่างด้าว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สวนพลู) ด้วยนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ นาย
กัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม โพสต์เฟซบุ๊กเปิดเผยว่า
“
ด่วนครับ !! มีรถบรรทุกของ ตม.ต้องสงสัยว่าจะขนชาวอุยกูร์ 48 คน ออกจากสำนักงาน ตม.สวนพลู เมื่อเวลา 02.14 น. ที่ผ่านมา มีการติดเทปดำทั้งคัน จำนวน 6 คัน มีรถตำรวจตามขบวน และปิดกั้นไม่ให้ขึ้นทางด่วนตาม
ท่านใดพบเห็นรถลักษณะนี้ แจ้งด้วยนะครับเพราะขณะนี้ยังไม่พบว่ากลับเข้าไปในสำนักงาน ตม.และผิดปกติ เพราะรถขนผู้ต้องกัก ปกติจะไม่ติดเทปดำมืดสนิทแบบนี้
รัฐบาลไทยกำลังทำอะไร นายกรัฐมนตรี ต้องตอบประชาชนอย่างเร่งด่วนนะครับ จะต้องไม่มีการส่งกลับชาวอุยกูร์ไปสู่การประหัตประหาร พวกเขาถูกขังฟรีมา 11 ปีแล้ว เราะละเมิดสิทธิมนุษยชนเขามากพอแล้ว สามารถมีแนวทางแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้ครับ”
อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา เอเอฟพี รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของไทยว่า ไทยปฏิเสธว่าไม่มีแผนที่จะส่งตัวชาวอุยกูร์ 48 คนที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในศูนย์กักขังของไทยกลับประเทศจีน ทั้งนี้ หน่วยงานที่ตัดสินใจคือสภาความมั่นคงแห่งชาติ แต่ถึงขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งให้ส่งตัวพวกเขากลับจีนแต่อย่างใด
เช่นเดียวกับที่ พล.ต.อ.
กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ยืนยันก่อนหน้านี้ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองยังไม่ได้ได้รับรายงานใดๆ เกี่ยวกับการเนรเทศบุคคลเหล่านี้
ด้าน กระทรวงการต่างประเทศจีน ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับชาวอุยกูร์ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในไทยระหว่างการแถลงข่าวว่า พวกเขาไม่ทราบถึงประเด็นใดเป็นการเฉพาะเจาะจง แต่จีนทำการปราบปรามการอพยพเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายในทุกรูปแบบอย่างเด็ดขาด และคัดค้านการผ่อนปรนใดๆ รวมถึงไม่สนับสนุนพฤติกรรมการอพยพเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
ฮิวแมนไรท์วอทช์ ได้เปิดเผยว่า กลุ่มชายชาวอุยกูร์ 48 คนได้ถูกกักตัวเป็นเวลานานกว่าทศวรรษในสถานกักตัวคนต่างด้าวของ ประเทศไทย พวกเขาเสี่ยงจะตกเป็นเหยื่อของการบังคับให้สูญหาย การถูกคุมขังเป็นเวลานาน การทรมาน และการปฏิบัติมิชอบที่ร้ายแรงอย่างอื่น หากประเทศไทยบังคับส่งกลับพวกเขาไป ประเทศจีน
อีเลน เพียร์สัน ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย ฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลไทยที่ผ่านมากักตัวชาวอุยกูร์ในสภาพที่ขาดมนุษยธรรม แต่ก็ได้รับแรงกดดันจากรัฐบาลจีนให้ส่งตัวพวกเขาไปประเทศจีน ทว่ารัฐบาลไทยภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร สามารถยุติวัฏจักรที่มิชอบเช่นนี้ได้ โดยการปล่อยตัวชาวอุยกูร์ที่ถูกกักตัวเหล่านี้ทันที และอนุญาตให้พวกเขาเดินทางไปอาศัยอยู่ในประเทศที่สามอย่างปลอดภัย
ทั้งนี้ ในเดือนมีนาคม 2557 ตำรวจที่จังหวัดสงขลา ใกล้กับพรมแดนประเทศมาเลเซีย ได้จับกุมชาวอุยกูร์ 220 คน รวมทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก และดำเนินคดีฐานเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย และต่อมาได้ส่งตัวพวกเขาไปยังสถานกักตัวคนต่างด้าวในกรุงเทพฯ ในช่วงเวลาเดียวกัน ทางการไทยยังได้จับกุมตัวชาวอุยกูร์คนอื่น ๆ อีกหลายสิบคน และนำตัวไปไว้ที่สถานกักตัวคนต่างด้าวทั่วประเทศ ในเดือนกรกฎาคม 2558 ผู้หญิงและเด็กชาวอุยกูร์ประมาณ 170 คนซึ่งถูกกักตัวที่จังหวัดสงขลา ได้รับการปล่อยตัวและเดินทางไปประเทศตุรกีแต่อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ทางการไทยกลับ บังคับส่งตัวชายชาวอุยกูร์กว่า 100 คนไปให้ทางการจีน โดยเดินทางด้วยเครื่องบินไปประเทศจีน
ชาวอุยกูร์ 48 คนที่ยังคงถูกกักตัว ได้ถูกควบคุมตัวมาแล้วกว่า 10 ปี ในสภาพที่เลวร้าย ขาดสุขอนามัยและขาดการรักษาพยาบาลที่เพียงพอภายใต้ ความหวาดกลัวอย่างต่อเนื่องว่าอาจถูกส่งตัวไปให้ทางการจีนควบคุมตัวชาวอุยกูร์ห้าคนที่ถูกกักตัวตั้งแต่ปี 2557 เสียชีวิตระหว่างการควบคุมตัว รวมทั้งเด็กแรกเกิดและเด็กอายุสามขวบอีกคนหนึ่ง
ในจดหมายซึ่งสื่อมวลชนได้รับมาจากผู้ต้องกัก 48 คนลงวันที่ 10 มกราคม 2568 กลุ่มชาวอุยกูร์กล่าวว่า “เราอาจถูกคุมขัง และเราอาจจะต้องเสียชีวิต เราขอวิงวอนอย่างเร่งด่วนต่อหน่วยงานระหว่างประเทศและประเทศที่ใส่ใจต่อสิทธิมนุษยชน ให้ทำการแทรกแซงอย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือพวกเราให้รอดพ้นจากชะตากรรมอันเลวร้าย ก่อนจะสายเกินไป” พวกเขาอยู่ระหว่างการอดอาหารประท้วง
สำหรับ ชาวอุยกูร์ เป็นชาวมุสลิมที่พูดภาษาเตอร์กิก ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน รัฐบาลจีน มีท่าทีต่อต้านมาเป็นเวลานาน ต่อการแสดงออกตามอัตลักษณ์ของชาวอุยกูร์ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การปราบปรามของจีนต่อชาวอุยกูร์ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยทางการได้ปฏิบัติมิชอบด้านสิทธิมนุษยชนต่อพวกเขาอย่างกว้างขวางและเป็นระบบ ถึงขั้นเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ทางการยังได้ควบคุมตัวบุคคลโดยพลการ ได้ลงโทษอย่างไม่เป็นธรรม มีการสอดแนมข้อมูลอย่างกว้างขวาง มีการ บังคับใช้แรงงาน และมีการจำกัดเสรีภาพในการเดินทางของประชากรกลุ่มนี้ คาดการณ์ว่าชาวอุยกูร์ครึ่งล้านคน ยังคงถูกคุมขัง โดยเป็นส่วนหนึ่งของการปราบปรามอย่างต่อเนื่อง โดยทางการมักกล่าวหาว่าการปฏิบัติอย่างสงบในชีวิตประจำวันของพวกเขา รวมทั้งการทำละหมาดหรือการติดต่อกับญาติที่อยู่ในต่างประเทศ เป็นการก่อการร้ายและแสดงถึงความคิดที่สุดโต่ง
ชาวอุยกูร์ที่หาทางหลบหนีจากประเทศจีนอย่างผิดกฎหมาย หากถูกส่งตัวกลับมา จะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยและเสี่ยงที่จะถูกควบคุมตัว ถูกสอบปากคำ ตกเป็นเหยื่อของการทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม และย่ำยีศักดิ์ศรีอื่น ๆ
https://www.facebook.com/NolKannavee/posts/pfbid0jdviXR5uFKxJhXyF6im5Kyz6oD6d5Uz2JBADSvDY2CVX46bug79AScSixJdWguyyl
JJNY : อังคณาโพสต์หมายเรียก กกต.│รอมฎอน จับตารัฐบาลส่งอุยกูร์กลับจีน│กัณวีร์จับตาส่ง 48 อุยกูร์กลับจีน│สภาพอากาศวันนี้
https://www.matichon.co.th/politics/news_5067758
เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 อังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กหมายเรียก จากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หลังถูกร้องเรียนได้รับเลือกให้เป็นส.ว. ถึงคุณสมบัติในการทำงานภาคประชาสังคม โดยมีเนื้อหาดังนี้
เรื่อง #ฮั้วส.ว. อาจต้องถามถึงความล่าช้าในการทำงานของกกต. ส่วนตัวเพิ่งได้รับหมายเรียกไปพบกรรมการไต่สวน และสอบสวนกกต. เรื่องมีคนร้องว่า ทำงานภาคประชาสังคมมาไม่ถึง 10 ปี นี่ก็ไปพบในฐานะพลเมืองที่มีหน้าที่ แต่มีคำถามถึง กกต. คือ
1. ทำไมต้องออกหมายเรียกทั้งที่ยังอยู่สมัยประชุม แถมเป็นวันประชุมวุฒิสภาด้วย
2. เรื่องทำงานมากี่ปีแค่ค้นใน google ก็เจอข้อมูลเพียบ ทำไมต้องให้เสียเวลาประชุมไปให้การด้วยตัวเอง
มีข้อสังเกต คือ แค่ข้อร้องเรียนว่าทำงานมากี่ปี กกต. ใช้เวลาร่วม 7 เดือนกว่าจะเรียกมาสืบสวนไต่สวนข้อเท็จจริง แล้วแบบนี้กรณี ส.ว.อื่นๆ ที่ข้อร้องเรียนมีความซับซ้อนกว่านี้ จะใช้เวลานานเท่าไหร่ แล้วจะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการ กกต. เพื่อพิจารณาตัดสินการร้องเรียน ส.ว.
ทั้ง 200 คน และเผยแพร่ต่อสาธารณะ เรื่องนี้ กกต. ควรออกมาแถลงให้สาธารณะชนทราบ ถึงเหตุความล่าช้า เพราะเรื่องเลือก ส.ว. เป็นที่คลางแคลงใจอย่างมากของประชาชน เพราะหากมีการฮั้วจริง ถือเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายรากฐานที่สำคัญของระบอบประชาธิปไตย เพราะ ส.ว.ทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ และมีหน้าที่พิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติองค์กรอิสระ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานต่างๆของรัฐ ป้องกันการทุจริต และคุ้มครองประชาชนให้มีความเท่าเทียม เป็นธรรมและไม่ถูกเลือกปฏิบัติ
ส่วนตัวมองว่า การตรวจสอบการคัดเลือก ส.ว.ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (กรณีอั้งยี่) หรือ กกต. (ทุจริตเลือกตั้ง) จะเป็นการพิสูจน์ข้อครหาถึงความชอบธรรมเกี่ยวกับที่มาของ ส.ว. และจะเป็นการคืนศักดิ์ศรีให้ ส.ว. ทุกคนที่เข้ามาโดยอิสระ และชอบธรรม ปราศจากการฮั้ว หรืออยู่ภายใต้กลุ่มอิทธิพลใดๆ ทั้งนี้ ไม่เห็นด้วยกับการที่ ส.ว. บางคนจะเปิดอภิปรายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หรือการเรียกมาสอบใน กมธ. หรือฟ้องร้องดำเนินคดี เพราะเห็นว่า เป็นการตอบโต้หรือแก้แค้น หรืออาจถูกมองว่า เป็นการกระทำเพื่อปิดปาก หรือปิดกั้นการเปิดเผยข้อเท็จจริงเพื่อประโยชน์สาธารณะ สุดท้ายประชาชนคงต้องติดตามว่าเรื่อง #ฮั้วส.ว. ว่าจะจบลงอย่างไร จะสามารถเปิดเผยความจริง นำคนผิดมาลงโทษ หรือจะจบลงโดยการฮั้วของพรรคการเมืองและนักการเมือง โดยทิ้งความคลางแคลงใจต่อการได้มาของ ส.ว. ต่อไป
https://www.facebook.com/angkhana.nee/posts/pfbid02wbJQUvzr2JrRaZod8PdizBizBNGAkex8qNSZUBVwShkme8TdFmC2wdSYpA5NHl
รอมฎอน จับตารัฐบาลส่งอุยกูร์กลับจีน โพสต์คลิป มีรถถอยเข้าสถานกักกันฯ สวนพลู
https://www.matichon.co.th/politics/news_5068064
รอมฎอน จับตารัฐบาลส่งอุยกูร์กลับจีน พร้อมโพสต์คลิป รถขนผู้ต้องกักขัง ถอยเข้าสถานกักกันคนต่างด้าว สวนพลู
จากกรณีมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลไทยเตรียมส่งชาวอุยกูร์ 48 คนกลับประเทศจีน พร้อมกับที่ทางการจีนจะส่งเครื่องบินมารับคนจีนในแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับประเทศ ระหว่างวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์ ขณะที่บางสำนักข่าวรายงานว่าชาวอุยกูร์ทั้ง 48 คน ขาดการติดต่อตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา และยังไม่ให้เจ้าหน้าที่จาก UNHCR เข้าไปด้านในของสถานกักกันคนต่างด้าว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สวนพลู)ด้วยนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 20.05 น. วันที่ 26 กุมภาพันธ์ นายรอมฎอน ปันจอร์ ส.ส.พรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่าน X ระบุว่า
20.05 น. รถขนผู้ต้องกักขนาดความจุคนได้หลายสิบคนกำลังถอยเข้าสถานกักกันคนต่างด้าว สวนพลู ระหว่างที่เรากำลังจับตาดูว่ารัฐบาลไทย จะส่งกลับ อุยกูร์ ไปจีนหรือไม่
https://x.com/romadonity/status/1894738033087508928
กัณวีร์ เปิดภาพรถติดเทปดำ 6 คันออกจาก ตม.สวนพลู จับตารัฐไทยส่ง 48 อุยกูร์ กลับจีน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5068180
อุยกูร์ – จากกรณีมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลไทยเตรียมส่งชาวอุยกูร์ 48 คนกลับประเทศจีน พร้อมกับที่ทางการจีนจะส่งเครื่องบินมารับคนจีนในแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับประเทศ ระหว่างวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์ ขณะที่บางสำนักข่าวรายงานว่าชาวอุยกูร์ทั้ง 48 คน ขาดการติดต่อตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา และยังไม่ให้เจ้าหน้าที่จาก UNHCR เข้าไปด้านในของสถานกักกันคนต่างด้าว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สวนพลู) ด้วยนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ นายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม โพสต์เฟซบุ๊กเปิดเผยว่า
“ด่วนครับ !! มีรถบรรทุกของ ตม.ต้องสงสัยว่าจะขนชาวอุยกูร์ 48 คน ออกจากสำนักงาน ตม.สวนพลู เมื่อเวลา 02.14 น. ที่ผ่านมา มีการติดเทปดำทั้งคัน จำนวน 6 คัน มีรถตำรวจตามขบวน และปิดกั้นไม่ให้ขึ้นทางด่วนตาม
ท่านใดพบเห็นรถลักษณะนี้ แจ้งด้วยนะครับเพราะขณะนี้ยังไม่พบว่ากลับเข้าไปในสำนักงาน ตม.และผิดปกติ เพราะรถขนผู้ต้องกัก ปกติจะไม่ติดเทปดำมืดสนิทแบบนี้
รัฐบาลไทยกำลังทำอะไร นายกรัฐมนตรี ต้องตอบประชาชนอย่างเร่งด่วนนะครับ จะต้องไม่มีการส่งกลับชาวอุยกูร์ไปสู่การประหัตประหาร พวกเขาถูกขังฟรีมา 11 ปีแล้ว เราะละเมิดสิทธิมนุษยชนเขามากพอแล้ว สามารถมีแนวทางแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้ครับ”
อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา เอเอฟพี รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของไทยว่า ไทยปฏิเสธว่าไม่มีแผนที่จะส่งตัวชาวอุยกูร์ 48 คนที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในศูนย์กักขังของไทยกลับประเทศจีน ทั้งนี้ หน่วยงานที่ตัดสินใจคือสภาความมั่นคงแห่งชาติ แต่ถึงขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งให้ส่งตัวพวกเขากลับจีนแต่อย่างใด
เช่นเดียวกับที่ พล.ต.อ.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ยืนยันก่อนหน้านี้ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองยังไม่ได้ได้รับรายงานใดๆ เกี่ยวกับการเนรเทศบุคคลเหล่านี้
ด้าน กระทรวงการต่างประเทศจีน ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับชาวอุยกูร์ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในไทยระหว่างการแถลงข่าวว่า พวกเขาไม่ทราบถึงประเด็นใดเป็นการเฉพาะเจาะจง แต่จีนทำการปราบปรามการอพยพเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายในทุกรูปแบบอย่างเด็ดขาด และคัดค้านการผ่อนปรนใดๆ รวมถึงไม่สนับสนุนพฤติกรรมการอพยพเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
ฮิวแมนไรท์วอทช์ ได้เปิดเผยว่า กลุ่มชายชาวอุยกูร์ 48 คนได้ถูกกักตัวเป็นเวลานานกว่าทศวรรษในสถานกักตัวคนต่างด้าวของ ประเทศไทย พวกเขาเสี่ยงจะตกเป็นเหยื่อของการบังคับให้สูญหาย การถูกคุมขังเป็นเวลานาน การทรมาน และการปฏิบัติมิชอบที่ร้ายแรงอย่างอื่น หากประเทศไทยบังคับส่งกลับพวกเขาไป ประเทศจีน
อีเลน เพียร์สัน ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย ฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลไทยที่ผ่านมากักตัวชาวอุยกูร์ในสภาพที่ขาดมนุษยธรรม แต่ก็ได้รับแรงกดดันจากรัฐบาลจีนให้ส่งตัวพวกเขาไปประเทศจีน ทว่ารัฐบาลไทยภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร สามารถยุติวัฏจักรที่มิชอบเช่นนี้ได้ โดยการปล่อยตัวชาวอุยกูร์ที่ถูกกักตัวเหล่านี้ทันที และอนุญาตให้พวกเขาเดินทางไปอาศัยอยู่ในประเทศที่สามอย่างปลอดภัย
ทั้งนี้ ในเดือนมีนาคม 2557 ตำรวจที่จังหวัดสงขลา ใกล้กับพรมแดนประเทศมาเลเซีย ได้จับกุมชาวอุยกูร์ 220 คน รวมทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก และดำเนินคดีฐานเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย และต่อมาได้ส่งตัวพวกเขาไปยังสถานกักตัวคนต่างด้าวในกรุงเทพฯ ในช่วงเวลาเดียวกัน ทางการไทยยังได้จับกุมตัวชาวอุยกูร์คนอื่น ๆ อีกหลายสิบคน และนำตัวไปไว้ที่สถานกักตัวคนต่างด้าวทั่วประเทศ ในเดือนกรกฎาคม 2558 ผู้หญิงและเด็กชาวอุยกูร์ประมาณ 170 คนซึ่งถูกกักตัวที่จังหวัดสงขลา ได้รับการปล่อยตัวและเดินทางไปประเทศตุรกีแต่อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ทางการไทยกลับ บังคับส่งตัวชายชาวอุยกูร์กว่า 100 คนไปให้ทางการจีน โดยเดินทางด้วยเครื่องบินไปประเทศจีน
ชาวอุยกูร์ 48 คนที่ยังคงถูกกักตัว ได้ถูกควบคุมตัวมาแล้วกว่า 10 ปี ในสภาพที่เลวร้าย ขาดสุขอนามัยและขาดการรักษาพยาบาลที่เพียงพอภายใต้ ความหวาดกลัวอย่างต่อเนื่องว่าอาจถูกส่งตัวไปให้ทางการจีนควบคุมตัวชาวอุยกูร์ห้าคนที่ถูกกักตัวตั้งแต่ปี 2557 เสียชีวิตระหว่างการควบคุมตัว รวมทั้งเด็กแรกเกิดและเด็กอายุสามขวบอีกคนหนึ่ง
ในจดหมายซึ่งสื่อมวลชนได้รับมาจากผู้ต้องกัก 48 คนลงวันที่ 10 มกราคม 2568 กลุ่มชาวอุยกูร์กล่าวว่า “เราอาจถูกคุมขัง และเราอาจจะต้องเสียชีวิต เราขอวิงวอนอย่างเร่งด่วนต่อหน่วยงานระหว่างประเทศและประเทศที่ใส่ใจต่อสิทธิมนุษยชน ให้ทำการแทรกแซงอย่างเร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือพวกเราให้รอดพ้นจากชะตากรรมอันเลวร้าย ก่อนจะสายเกินไป” พวกเขาอยู่ระหว่างการอดอาหารประท้วง
สำหรับ ชาวอุยกูร์ เป็นชาวมุสลิมที่พูดภาษาเตอร์กิก ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน รัฐบาลจีน มีท่าทีต่อต้านมาเป็นเวลานาน ต่อการแสดงออกตามอัตลักษณ์ของชาวอุยกูร์ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การปราบปรามของจีนต่อชาวอุยกูร์ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยทางการได้ปฏิบัติมิชอบด้านสิทธิมนุษยชนต่อพวกเขาอย่างกว้างขวางและเป็นระบบ ถึงขั้นเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ทางการยังได้ควบคุมตัวบุคคลโดยพลการ ได้ลงโทษอย่างไม่เป็นธรรม มีการสอดแนมข้อมูลอย่างกว้างขวาง มีการ บังคับใช้แรงงาน และมีการจำกัดเสรีภาพในการเดินทางของประชากรกลุ่มนี้ คาดการณ์ว่าชาวอุยกูร์ครึ่งล้านคน ยังคงถูกคุมขัง โดยเป็นส่วนหนึ่งของการปราบปรามอย่างต่อเนื่อง โดยทางการมักกล่าวหาว่าการปฏิบัติอย่างสงบในชีวิตประจำวันของพวกเขา รวมทั้งการทำละหมาดหรือการติดต่อกับญาติที่อยู่ในต่างประเทศ เป็นการก่อการร้ายและแสดงถึงความคิดที่สุดโต่ง
ชาวอุยกูร์ที่หาทางหลบหนีจากประเทศจีนอย่างผิดกฎหมาย หากถูกส่งตัวกลับมา จะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยและเสี่ยงที่จะถูกควบคุมตัว ถูกสอบปากคำ ตกเป็นเหยื่อของการทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม และย่ำยีศักดิ์ศรีอื่น ๆ
https://www.facebook.com/NolKannavee/posts/pfbid0jdviXR5uFKxJhXyF6im5Kyz6oD6d5Uz2JBADSvDY2CVX46bug79AScSixJdWguyyl