อานาปานุสสติกรรมฐาน ตอนที่ 1
สำหรับต่อนี้ไป ขอท่านทั้งหลายตั้งใจสดับคำแนะนำในการเจริญพระกรรมฐาน สำหรับการเจริญพระกรรมฐานต่อไปนี้ ขอให้ชื่อว่า เป็นคำสอนในระหว่างเข้าพรรษา 2521 จะได้ทบทวนกันมาตั้งแต่ต้น เป็นตามลำดับไป ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าพิสูจน์แล้วจากคำสอนที่สอนมาในอันดับแรกๆ ยังเห็นว่า บรรดาภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ที่รับฟังคำสอนกันมาตั้งแต่ต้น แต่ก็ยังมีปฏิปทาหรืออารมณ์ใจที่เข้าถึงไม่สมควรแก่คำสอน เพราะว่าเวลากาลผ่านมามาก ก็ยังมีอีกหลายท่านที่ยังบูชากิเลสอยู่เป็นอย่างหนัก ทั้งนี้ก็เป็นที่น่าเสียดายเวลาที่ผ่านมาอย่างยิ่ง เพราะว่าการรับอบรมในการเจริญพระกรรมฐานก็ดี การอุทิศตัวเข้ามาอยู่ในขอบเขตของพระพุทธศาสนาก็ดี เวลากาลผ่านมานับเป็นปี แม้แต่ฌานโลกีย์เบื้องต้น คือ
อุปจารสมาธิ ก็ไม่สามารถจะทรงได้ เป็นที่น่าเสียดายต่อกาลเวลาที่ผ่านไปอย่างยิ่ง
ฉะนั้น ต่อแต่นี้ไป ขอบรรดาท่านพุทธบริษัทชายหญิง ภิกษุและสามเณร จงมีความตั้งใจดี อย่าบูชากิเลส เราอุทิศตนเข้ามาในขอบเขตในศาสนาขององค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ เพื่อหวังความดี ความจริงคำสอนต่างๆที่มีมาแล้ว ครบถ้วน ภิกษุบางรุ่นรับคำสอนมาหลายๆ รอบ ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง ที่บรรดาท่านพุทธบริษัทชายหญิงซึ่งยังเป็นผู้ครองเรือนอยู่ สามารถก้าวหน้าเลยท่านไปมาก อาการอย่างนี้เป็นที่น่าละอายมาก เพราะว่าเราเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เราเป็นปูชนียบุคคล แต่ก็ทำกำลังใจของตนไม่คู่ควรกับปฏิปทาที่สมควรแก่การบูชา
นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สำหรับท่านที่มีกำลังใจยังประกอบไปด้วยกิเลส มิได้มุ่งหมายความดีตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ ผมจะให้โอกาสท่านอีกวาระหนึ่ง ถ้าคำสอนนี้ผ่านพรรษาไปแล้ว ท่านทั้งหลายยังเอาดีทางกำลังใจไม่ได้ตามสมควร อันนี้ก็ต้องขออาราธนาท่านสึกออกไปจากขอบเขตของพระพุทธศาสนา เพราะว่าท่านเป็นอภัพบุคคล ไม่ควรแก่ผ้ากาสาวพัสตร์ แม้แต่บรรดาท่านพุทธบริษัทที่เป็นอุบาสกอุบสิกาก็เช่นเดียวกัน ระเบียบวินัยใดๆของสำนักมีอยู่ แต่แสดงถึงอาการไม่เคารพในคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระบรมครู คือฝ่าฝืนระเบียบปฏิบัติ ก็จะขอเชิญท่านกลับไปบ้านของท่าน ไปปฏิบัติให้สบายใจตามอัธยาศัย ทั้งนี้เพราะว่าท่านไม่คู่ควรจะอยู่ในขอบเขตของพระพุทธศาสนา ต่อแต่นี้ไปก็มาตั้งใจกันเสียใหม่ อบรมใจกันให้ดี
ความจริงการเจริญพระกรรมฐานนี้เป็นการเจริญเพื่อทรงสติสัมปชัญญะ และก็เป็นการเจริญให้มีหิริและโอตตัปปะ คือมีความละอายต่อความชั่ว เกรงกลัวผลของความชั่ว แต่ทว่าเรายังฝืนคบความชั่วอยู่ ก็แสดงว่าทำตัวไม่คู่ควรกับขอบเขตของพระพุทธศาสนา จัดว่าเป็นอลัชชี มีใจด้านเกินไป ถ้ามีอาการอย่างนี้ อารมณ์ใจไม่แจ่มใส เราจะเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนาเพื่อประโยชน์อะไร เสียเวลาประกอบกรรมความเลวของท่านของเราในสมัยเป็นฆราวาส
ต่อแต่นี้ไปขอท่านทั้งหลายจงตั้งใจสดับ เมื่อฟังแล้วก็ต้องจำ จะจำได้หรือไม่ได้ก็ต้องถือว่าจำได้ เมื่อจำได้แล้วก็ต้องปฏิบัติได้ ถ้าปฏิบัติไม่ได้ขึ้นชื่อว่าคำว่าให้อภัยซึ่งกันและกันไม่มี เพราะพระพุทธศาสนาต้องการคนดี ตัวอย่างขององค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ องค์สมเด็จพระบรมครูไม่เคยง้อคนเลว อย่าง
พระฉันนะ ซึ่งเป็นสหชาติ นำองค์สมเด็จพระบรมโลกนาถออกสู่มหาภิเนษกรมณ์ แต่ว่าพระฉันนะมาบวชเข้ามาแล้ว เป็นคนเลว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่ทรงเหลียวแล และในตอนหลังก็สั่งให้สงฆ์ลงพรหมทัณฑ์ คือไม่คบหาสมาคมด้วย นี่เป็นตัวอย่าง จงอย่าถือว่าเข้ามาเป็นพระแล้ว ผู้บังคับบัญชาจะต้องประคับประคองง้ออยู่เสมอ คนประเภทนี้ไม่มีใครเขาต้องการ จะง้อกันเพื่อประโยชน์อะไร เขาเอาใจกันแต่คนดีเท่านั้น คนเลวมีหน้าที่อย่างเดียวคือจะขับไล่ออกไปนอกสถานที่
การที่เราจะปฏิบัติความดีในอันดับต้น วันนี้เราพูดกันต้นจริงๆ เรียกว่าขึ้น ก. กันจริงๆ ตามที่โบราณาจารย์ หรือพระอาจารย์ต่างๆ นับตั้งแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าลงมา สืบสานกันเป็นลำดับ อันดับแรก องค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคทรงแนะนำ ให้นักเจริญกรรมฐาน ทรงอานาปานุสสติกรรมฐานเป็นปรกติ ทั้งนี้เราจะเห็นได้ว่าในมหาสติปัฏฐานสูตร พระพุทธเจ้าทรงหยิบเอาอานาปานุสสติกรรมฐานขึ้นมาก่อน ถ้าอานาปานุสสติกรรมฐานไม่ดีแล้ว องค์สมเด็จพระชินวรก็ไม่นำยกขึ้นมาให้ปฏิบัติก่อนเป็นอันดับต้นของกรรมฐานอื่นๆ
ตอนนี้สำหรับอานาปานุสสติกรรมฐาน ก็หมายถึงว่า การกำหนดรู้ลมหายใจเข้าหายใจออก นี่เรื่องนี้เราพูดกันมาหลายพันครั้ง ปีนึง 365 วัน ดูเหมือนว่าจะพูดทุกวัน จำกันได้หรือเปล่าสำหรับท่านผู้อยู่เก่า สำหรับท่านที่มาใหม่ก็ควรจะเข้าใจไว้ด้วย อย่าถือว่าเป็นผู้มาใหม่นะ จะมาใหม่ขณะนี้ก็ดี ใหม่ทีหลังก็ดี คำสอนใดก็ตามที่สอนไปแม้แต่สอนก่อน ก็ต้องถือว่ารู้คำสอนนี้ เพราะว่าคนถ้าไม่หวังดีจงอย่ามาอยู่ที่นี่ จะตอบใช้คำว่าไม่รู้อยู่ก่อนนั้นไม่ได้ ในศาสนาขององค์สมเด็จพระจอมไตร ไม่ใช้คำว่าไม่รู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระเบียบและวินัยมีฟังกันไว้ทุกวัน สำหรับท่านที่บวชเก่า กลับทำตาเป็นตากระทู้ หูเป็นหูกะทะ ไม่สนใจกับระเบียบวินัยที่กล่าวไปแล้ว นั่นเป็นความเลวที่สุดของท่าน จงมีความสำนึกตัวไว้ด้วย ว่าเราเลวเกินกว่าที่ใครเขาจะคบเราได้ และนอกจากนั้น ความเลวของท่านผู้เก่าที่มีอยู่ ยังมียิ่งไปกว่านี้ ซึ่งได้รับรายงานจากคนภายนอกที่ควรจะเชื่อได้ อันนี้ก็จะยกกันไป รู้ตัวจงกลับใจกลับความประพฤติเสีย ถ้าไม่กลับใจไม่กลับความประพฤติ พึงรู้สึกเถิดว่าไม่ช้าท่านก็ต้องออกไปจากที่นี่ เพราะว่าจะต้องปฏิบัติตามปฏิปทาขององค์สมเด็จพระชินสีห์ อย่าง
พระวักกลิ ไม่สนใจในการปฏิบัติธรรม เป็นผู้นั่งฟังธรรมองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใกล้ชิดทุกวัน สิ้นเวลา 3 ปี แต่ทว่าพระวักกลินี้ก็ไม่เคยได้อะไร สนใจแต่พระรูปพระโฉมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฉะนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นว่าพระวักกลิไม่เอาไหน สมเด็จพระจอมไตรจึงทรงตัดสินพระทัยขับพระวักกลิออกจากสำนัก
นี่จงจำไว้ด้วยว่า สำนักในพระพุทธศาสนา ไม่ได้ตั้งใจประคับประคองคนเลว เขาประคับประคองกันแต่คนดี แม้แต่องค์สมเด็จพระชินสีห์ก็เช่นเดียวกัน จึงขอบรรดาภิกษุสามเณร อุบาสกอุบาสิกาทุกท่านจงรู้สำนึกตัว ที่ใครเขาไม่ว่าไม่กล่าวไม่ติ ไม่เตียน อย่าพึงคิดว่าเขาต้องการเรา ความจริงนั่นเขานั่งดูจริยาของเราต่างหาก ว่าเราพอจะคลายความเลวลงบ้างหรือไม่ ถ้าไม่คลายความเลวลงเพียงใด ไม่ช้าความเลวที่เราทำไว้มันจะสะสมตัว แล้วก็จะไม่มีทางเลี่ยง มันจะให้ผลต่อท่านเมื่อถึงเวลาอันสมควร ความจริงเราให้โอกาสกันมากเกินไปแล้ว ต่อนี้ไปจงพยายามกลับใจทรงไว้ซึ่งความดี
ในอันดับแรกขอทุกท่านทั้งเก่าและใหม่ เลวหรือดี กลับตัวกลับใจปฏิบัติตามนี้ อันดับแรกที่สุด ให้ทุกท่านสนใจกับอานาปานุสสติกรรมฐาน อย่าลืมนะ ผมแนะนำให้ท่านสนใจกับอานาปานุสสติกรรมฐาน ผมไม่ได้บอกให้ท่านสนใจในเพลงละครใดๆ ไม่ได้สอนให้ท่านสนใจในความเป็นคนเจ้าชู้ ไม่ได้สอนให้ท่านสนใจเป็นคนละโมบโลภมากในลาภสักการะ ซึ่งเป็นจริยาที่มีการไม่สมควร พระประกอบอาชีพไม่มี พระพุทธเจ้าไม่ทรงต้องการ ประกอบอาชีพก็เป็นความโลภ เมื่ออยากจะโลภบวชเข้ามาในพระพุทธศาสนาทำไม อยู่เป็นฆราวาสโลภได้ตามสบาย และก็ผมไม่ได้สอนให้ท่านตั้งใจหรือตั้งไว้ในความโกรธ ความพยาบาท การอิจฉาริษยาบุคคลอื่น แม้แต่ครูบาอาจารย์ก็สามารถจะไปนินทาได้ ทั้งๆ ที่ครูบาอาจารย์ไม่ได้ทำอะไร ก็ร้อนตัวกันไปเอง คิดว่าทำ หาว่าครูบาอาจารย์บีบบังคับส่วนโน้นบ้าง ส่วนนี้บ้าง ดีก็ด่า ชั่วก็ด่า อันนี้ไม่ได้เตือนท่าน ไม่ได้เตือนให้มีจิตคิดอย่างนี้ และก็ไม่ได้สอนให้ท่านมีความหลงตัวเองเป็นสำคัญ ถ้ายังนึกว่าท่านดีอยู่ ก็แสดงว่าท่านเลวถึงที่สุดของความเลว ใครบ้างปฏิบัติตามนี้ก็จำไว้ก็แล้วกัน รู้ตัวเอาไว้ ความจริงเขารู้กันมากแล้ว ทั้งฆราวาสชาวบ้าน ก็รู้กันทั่วเกือบจะหมดประเทศแล้ว ถ้าตัวของตัวเองยังไม่รู้ก็เลวเกินไป
สำหรับอานาปานุสสติกรรมฐาน ผมขอแนะนำให้ทุกท่านใช้ทุกอิริยาบถที่ทรงอยู่ จำไว้ให้ดีด้วยนะ ถ้าว่าท่านใช้ทุกอิริยาบถที่ทรงอยู่ล่ะก็ อารมณ์จิตมันเลี้ยวเข้าไปหาความเลวไม่ได้ จะมีเวลาว่างเพื่อสร้างความเลวตรงไหน จะกินอยู่ก็ดี จะเดินอยู่ก็ดี จะนั่งอยู่ จะนอนอยู่ จะทำการงานอยู่ จะพูดจาปราศรัยก็ดี ให้เอาใจของทุกท่าน กำหนดจับอานาปานุสสติกรรมฐานไว้เป็นปรกติ จำได้ไหม และก็ลองคิดดูทีเถอะว่า ถ้าเราเอาจิตไปจับอานาปานุสสติกรรมฐานไว้เป็นปรกติ จิตมันไม่มีเวลาว่างจากการกำหนดรู้ลมหายใจเข้าหายใจออก แล้วจิตดวงนี้มันจะเอาอารมณ์เลวมาจากไหน อกุศลกรรมใดๆ ที่ให้มาเข้าแทรกจิตได้
โปรดจำไว้ด้วยว่า การกำหนดจิตรู้ลมหายใจเข้าลมหายใจออก จงทำเป็นปกติ นี่ผมไม่ได้บอกว่าให้ท่านเลือกเวลาทำ ขณะใดที่ใจของท่านยังตื่นอยู่ แม้ตาจะหลับแต่ว่าใจยังตื่นอยู่ ให้เอาจิตกำหนดรู้ลมหายใจเข้าหายใจออกไว้เสมอ เวลาหายใจเข้ารู้อยู่ว่าหายใจเข้า เวลาหายใจออกรู้อยู่ว่าหายใจออก ในด้านของมหาสติปัฏฐานสูตร เท่านี้ก็พอ รู้ไว้เสมอแม้แต่เวลาที่เราจะพูดจะคุยกัน จิตใจก็ต้องกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกไว้ด้วย บางท่านคิดว่าจะเครียดเกินไป แต่อย่าลืมว่าผมทำมาแล้ว มันไม่ใช่ของหนักของ คนที่มีความประสงค์ดีกับตัว ระยะเวลาใหม่ๆ ก็อาจจะลืมบ้าง ถ้าเราตั้งใจไว้ ทรงสติสัมปชัญญะไว้ว่าเราจะกำหนดรู้ลมหายใจเข้าหายใจออก คือหายใจเข้ารู้อยู่ว่าหายใจเข้า หายใจออกรู้อยู่ว่าหายใจออก หายใจเข้ายาวหรือสั้น หายใจออกยาวหรือสั้นก็รู้อยู่ ถ้าหากว่าจิตรู้สึกว่าจะว่างไปนิดหนึ่ง ถ้าเราจะกำหนดรู้เฉพาะลมหายใจเข้าหายใจออก รู้สึกว่าจะว่างๆ ไป สำหรับท่านที่ต้องการภาวนา แม้แต่ท่านที่เจริญวิปัสสนาญาณ ก้าวไปสู่ระยะไกล เขาก็ไม่ทิ้งลมหายใจเข้าหายใจออก
การเจริญพระกรรมฐานตั้งแต่เริ่มต้น จนกระทั่งจบความเป็นอรหันต์ และก็ทรงความเป็นพระอรหันต์แล้ว เขาก็ไม่ทิ้งลมหายใจเข้าหายใจออก แม้แต่องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าเอง ก็ทรงตรัสกับพระสารีบุตรว่า
“สารีปุตตะ ดูก่อน สารีบุตร เราเองก็เป็นผู้มากไปด้วยอานาปานุสสติกรรมฐาน” คำว่า
มาก ก็หมายความว่า พระพุทธเจ้าทรงกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกเป็นปรกติ ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าอานาปานุสสติกรรรมฐาน และการกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกนี่ เป็นกรรมฐานระงับกายสังขาร คือเป็นกรรมฐานคลายอารมณ์เครียดของจิตใจ และก็เป็นกรรมฐานคลายอารมณ์เครียดทางด้านร่างกาย อาการเครียดทางด้านร่างกายมีทุกขเวทนาเป็นต้น เราทรงฌานในอานาปานุสสติกรรมฐานได้ ก็คล้ายๆ กับคนฉีดมอร์ฟีน ซึ่งเป็นยาระงับปวด ยาระงับเวทนา อานาปานุสสติกรรมฐานจงทำให้มาก จงอย่าละ
ต่อแต่นี้ไปเราจะสังเกตกันได้ ว่าพระเณรองค์ใดก็ดี อุบาสกอุบาสิกาคนใดก็ดี ที่พูดเลว ทำเลว คิดเลว แสดงอาการเลว จะได้รู้ได้ว่า คนนั้นทิ้งการกำหนดรู้ลมหายใจเข้าหายใจออก จำไว้ให้ดีนะว่าปีต่อไปหรือระยะต่อไปนี้มีความจำเป็น ที่จะต้องเคร่งเครียดต่อปฏิปทาหนัก เพราะว่าเวลานี้ พระพุทธศาสนากำลังถูกย่ำยี ถ้าพระเณรอุบาสกอุบาสิกาของเราไม่ดี มันก็พาพระพุทธศาสนาเศร้าหมองไปด้วย สำหรับอุบาสกอุบาสิกาที่เข้ามาอยู่นี้จงรู้ตัวไว้ด้วย อย่าสร้างตนทำตนให้ผิดระเบียบวินัย จะมาจากไหนไม่สำคัญ มีฐานะเช่นใดไม่สำคัญ มีความสำคัญอยู่อย่างเดียว ปฏิบัติตนอยู่ในระเบียบวินัย มีความสะอาดมัธยัสถ์หมดจดมั้ย มีจริยาวาจาดีมั้ย ถ้าไม่ดีเชิญไปได้ทันที ถ้าไม่ไปก็จะเชิญไป ระมัดระวัง คนที่ทำตัวทำใจเลวๆน่ะมีอยู่
ต่อนี้ไป ถ้าหากว่าเห็นว่า การกำหนดรู้ลมหายใจเข้าหายใจออกมันว่างเกินไป ก็ใช้คำภาวนาควบ คำภาวนาเป็นของไม่ยาก เวลาหายใจเข้านึกว่า
พุท เวลาหายใจออกนึกว่า
โธ หากว่าทุกท่านมีความขยันหมั่นเพียรด้วยการตั้งใจจริง พยายามกำหนดรู้ลมหายใจเข้าลมหายใจออกไว้เป็นปกติ และเวลาหายใจเข้านึกว่า
พุท เวลาหายใจออกนึกว่า
โธ นี่เวลาปีนี้เราสอนกันเฉพาะกิจ ไม่อนุญาตในระบบใดๆ ทั้งหมด อนุญาตกันตามใจนี่รู้สึกว่าจะเลอะเทอะเกินไป ระวังนะ พระก็ดี เณรก็ดี อุบาสกอุบาสิกาก็ดี ใครก็ตามถ้าเลอะ ถ้าเลอะเมื่อไรขับกันเมื่อนั้น ไม่เลือกว่าเวลาเข้าพรรษาออกพรรษา ตอนนี้คบคนชั่วไม่ได้แล้ว เพราะ
หนังสือ คู่มือปฎิบัติคู่วัดท่าซุง เล่ม 1 อานาปานุสสติกรรมฐาน ตอนที่ 1
สำหรับต่อนี้ไป ขอท่านทั้งหลายตั้งใจสดับคำแนะนำในการเจริญพระกรรมฐาน สำหรับการเจริญพระกรรมฐานต่อไปนี้ ขอให้ชื่อว่า เป็นคำสอนในระหว่างเข้าพรรษา 2521 จะได้ทบทวนกันมาตั้งแต่ต้น เป็นตามลำดับไป ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าพิสูจน์แล้วจากคำสอนที่สอนมาในอันดับแรกๆ ยังเห็นว่า บรรดาภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ที่รับฟังคำสอนกันมาตั้งแต่ต้น แต่ก็ยังมีปฏิปทาหรืออารมณ์ใจที่เข้าถึงไม่สมควรแก่คำสอน เพราะว่าเวลากาลผ่านมามาก ก็ยังมีอีกหลายท่านที่ยังบูชากิเลสอยู่เป็นอย่างหนัก ทั้งนี้ก็เป็นที่น่าเสียดายเวลาที่ผ่านมาอย่างยิ่ง เพราะว่าการรับอบรมในการเจริญพระกรรมฐานก็ดี การอุทิศตัวเข้ามาอยู่ในขอบเขตของพระพุทธศาสนาก็ดี เวลากาลผ่านมานับเป็นปี แม้แต่ฌานโลกีย์เบื้องต้น คือ อุปจารสมาธิ ก็ไม่สามารถจะทรงได้ เป็นที่น่าเสียดายต่อกาลเวลาที่ผ่านไปอย่างยิ่ง
ฉะนั้น ต่อแต่นี้ไป ขอบรรดาท่านพุทธบริษัทชายหญิง ภิกษุและสามเณร จงมีความตั้งใจดี อย่าบูชากิเลส เราอุทิศตนเข้ามาในขอบเขตในศาสนาขององค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ เพื่อหวังความดี ความจริงคำสอนต่างๆที่มีมาแล้ว ครบถ้วน ภิกษุบางรุ่นรับคำสอนมาหลายๆ รอบ ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง ที่บรรดาท่านพุทธบริษัทชายหญิงซึ่งยังเป็นผู้ครองเรือนอยู่ สามารถก้าวหน้าเลยท่านไปมาก อาการอย่างนี้เป็นที่น่าละอายมาก เพราะว่าเราเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เราเป็นปูชนียบุคคล แต่ก็ทำกำลังใจของตนไม่คู่ควรกับปฏิปทาที่สมควรแก่การบูชา
นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สำหรับท่านที่มีกำลังใจยังประกอบไปด้วยกิเลส มิได้มุ่งหมายความดีตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ ผมจะให้โอกาสท่านอีกวาระหนึ่ง ถ้าคำสอนนี้ผ่านพรรษาไปแล้ว ท่านทั้งหลายยังเอาดีทางกำลังใจไม่ได้ตามสมควร อันนี้ก็ต้องขออาราธนาท่านสึกออกไปจากขอบเขตของพระพุทธศาสนา เพราะว่าท่านเป็นอภัพบุคคล ไม่ควรแก่ผ้ากาสาวพัสตร์ แม้แต่บรรดาท่านพุทธบริษัทที่เป็นอุบาสกอุบสิกาก็เช่นเดียวกัน ระเบียบวินัยใดๆของสำนักมีอยู่ แต่แสดงถึงอาการไม่เคารพในคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระบรมครู คือฝ่าฝืนระเบียบปฏิบัติ ก็จะขอเชิญท่านกลับไปบ้านของท่าน ไปปฏิบัติให้สบายใจตามอัธยาศัย ทั้งนี้เพราะว่าท่านไม่คู่ควรจะอยู่ในขอบเขตของพระพุทธศาสนา ต่อแต่นี้ไปก็มาตั้งใจกันเสียใหม่ อบรมใจกันให้ดี
ความจริงการเจริญพระกรรมฐานนี้เป็นการเจริญเพื่อทรงสติสัมปชัญญะ และก็เป็นการเจริญให้มีหิริและโอตตัปปะ คือมีความละอายต่อความชั่ว เกรงกลัวผลของความชั่ว แต่ทว่าเรายังฝืนคบความชั่วอยู่ ก็แสดงว่าทำตัวไม่คู่ควรกับขอบเขตของพระพุทธศาสนา จัดว่าเป็นอลัชชี มีใจด้านเกินไป ถ้ามีอาการอย่างนี้ อารมณ์ใจไม่แจ่มใส เราจะเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนาเพื่อประโยชน์อะไร เสียเวลาประกอบกรรมความเลวของท่านของเราในสมัยเป็นฆราวาส
ต่อแต่นี้ไปขอท่านทั้งหลายจงตั้งใจสดับ เมื่อฟังแล้วก็ต้องจำ จะจำได้หรือไม่ได้ก็ต้องถือว่าจำได้ เมื่อจำได้แล้วก็ต้องปฏิบัติได้ ถ้าปฏิบัติไม่ได้ขึ้นชื่อว่าคำว่าให้อภัยซึ่งกันและกันไม่มี เพราะพระพุทธศาสนาต้องการคนดี ตัวอย่างขององค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ องค์สมเด็จพระบรมครูไม่เคยง้อคนเลว อย่าง พระฉันนะ ซึ่งเป็นสหชาติ นำองค์สมเด็จพระบรมโลกนาถออกสู่มหาภิเนษกรมณ์ แต่ว่าพระฉันนะมาบวชเข้ามาแล้ว เป็นคนเลว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่ทรงเหลียวแล และในตอนหลังก็สั่งให้สงฆ์ลงพรหมทัณฑ์ คือไม่คบหาสมาคมด้วย นี่เป็นตัวอย่าง จงอย่าถือว่าเข้ามาเป็นพระแล้ว ผู้บังคับบัญชาจะต้องประคับประคองง้ออยู่เสมอ คนประเภทนี้ไม่มีใครเขาต้องการ จะง้อกันเพื่อประโยชน์อะไร เขาเอาใจกันแต่คนดีเท่านั้น คนเลวมีหน้าที่อย่างเดียวคือจะขับไล่ออกไปนอกสถานที่
การที่เราจะปฏิบัติความดีในอันดับต้น วันนี้เราพูดกันต้นจริงๆ เรียกว่าขึ้น ก. กันจริงๆ ตามที่โบราณาจารย์ หรือพระอาจารย์ต่างๆ นับตั้งแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าลงมา สืบสานกันเป็นลำดับ อันดับแรก องค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคทรงแนะนำ ให้นักเจริญกรรมฐาน ทรงอานาปานุสสติกรรมฐานเป็นปรกติ ทั้งนี้เราจะเห็นได้ว่าในมหาสติปัฏฐานสูตร พระพุทธเจ้าทรงหยิบเอาอานาปานุสสติกรรมฐานขึ้นมาก่อน ถ้าอานาปานุสสติกรรมฐานไม่ดีแล้ว องค์สมเด็จพระชินวรก็ไม่นำยกขึ้นมาให้ปฏิบัติก่อนเป็นอันดับต้นของกรรมฐานอื่นๆ
ตอนนี้สำหรับอานาปานุสสติกรรมฐาน ก็หมายถึงว่า การกำหนดรู้ลมหายใจเข้าหายใจออก นี่เรื่องนี้เราพูดกันมาหลายพันครั้ง ปีนึง 365 วัน ดูเหมือนว่าจะพูดทุกวัน จำกันได้หรือเปล่าสำหรับท่านผู้อยู่เก่า สำหรับท่านที่มาใหม่ก็ควรจะเข้าใจไว้ด้วย อย่าถือว่าเป็นผู้มาใหม่นะ จะมาใหม่ขณะนี้ก็ดี ใหม่ทีหลังก็ดี คำสอนใดก็ตามที่สอนไปแม้แต่สอนก่อน ก็ต้องถือว่ารู้คำสอนนี้ เพราะว่าคนถ้าไม่หวังดีจงอย่ามาอยู่ที่นี่ จะตอบใช้คำว่าไม่รู้อยู่ก่อนนั้นไม่ได้ ในศาสนาขององค์สมเด็จพระจอมไตร ไม่ใช้คำว่าไม่รู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระเบียบและวินัยมีฟังกันไว้ทุกวัน สำหรับท่านที่บวชเก่า กลับทำตาเป็นตากระทู้ หูเป็นหูกะทะ ไม่สนใจกับระเบียบวินัยที่กล่าวไปแล้ว นั่นเป็นความเลวที่สุดของท่าน จงมีความสำนึกตัวไว้ด้วย ว่าเราเลวเกินกว่าที่ใครเขาจะคบเราได้ และนอกจากนั้น ความเลวของท่านผู้เก่าที่มีอยู่ ยังมียิ่งไปกว่านี้ ซึ่งได้รับรายงานจากคนภายนอกที่ควรจะเชื่อได้ อันนี้ก็จะยกกันไป รู้ตัวจงกลับใจกลับความประพฤติเสีย ถ้าไม่กลับใจไม่กลับความประพฤติ พึงรู้สึกเถิดว่าไม่ช้าท่านก็ต้องออกไปจากที่นี่ เพราะว่าจะต้องปฏิบัติตามปฏิปทาขององค์สมเด็จพระชินสีห์ อย่าง พระวักกลิ ไม่สนใจในการปฏิบัติธรรม เป็นผู้นั่งฟังธรรมองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใกล้ชิดทุกวัน สิ้นเวลา 3 ปี แต่ทว่าพระวักกลินี้ก็ไม่เคยได้อะไร สนใจแต่พระรูปพระโฉมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฉะนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นว่าพระวักกลิไม่เอาไหน สมเด็จพระจอมไตรจึงทรงตัดสินพระทัยขับพระวักกลิออกจากสำนัก
นี่จงจำไว้ด้วยว่า สำนักในพระพุทธศาสนา ไม่ได้ตั้งใจประคับประคองคนเลว เขาประคับประคองกันแต่คนดี แม้แต่องค์สมเด็จพระชินสีห์ก็เช่นเดียวกัน จึงขอบรรดาภิกษุสามเณร อุบาสกอุบาสิกาทุกท่านจงรู้สำนึกตัว ที่ใครเขาไม่ว่าไม่กล่าวไม่ติ ไม่เตียน อย่าพึงคิดว่าเขาต้องการเรา ความจริงนั่นเขานั่งดูจริยาของเราต่างหาก ว่าเราพอจะคลายความเลวลงบ้างหรือไม่ ถ้าไม่คลายความเลวลงเพียงใด ไม่ช้าความเลวที่เราทำไว้มันจะสะสมตัว แล้วก็จะไม่มีทางเลี่ยง มันจะให้ผลต่อท่านเมื่อถึงเวลาอันสมควร ความจริงเราให้โอกาสกันมากเกินไปแล้ว ต่อนี้ไปจงพยายามกลับใจทรงไว้ซึ่งความดี
ในอันดับแรกขอทุกท่านทั้งเก่าและใหม่ เลวหรือดี กลับตัวกลับใจปฏิบัติตามนี้ อันดับแรกที่สุด ให้ทุกท่านสนใจกับอานาปานุสสติกรรมฐาน อย่าลืมนะ ผมแนะนำให้ท่านสนใจกับอานาปานุสสติกรรมฐาน ผมไม่ได้บอกให้ท่านสนใจในเพลงละครใดๆ ไม่ได้สอนให้ท่านสนใจในความเป็นคนเจ้าชู้ ไม่ได้สอนให้ท่านสนใจเป็นคนละโมบโลภมากในลาภสักการะ ซึ่งเป็นจริยาที่มีการไม่สมควร พระประกอบอาชีพไม่มี พระพุทธเจ้าไม่ทรงต้องการ ประกอบอาชีพก็เป็นความโลภ เมื่ออยากจะโลภบวชเข้ามาในพระพุทธศาสนาทำไม อยู่เป็นฆราวาสโลภได้ตามสบาย และก็ผมไม่ได้สอนให้ท่านตั้งใจหรือตั้งไว้ในความโกรธ ความพยาบาท การอิจฉาริษยาบุคคลอื่น แม้แต่ครูบาอาจารย์ก็สามารถจะไปนินทาได้ ทั้งๆ ที่ครูบาอาจารย์ไม่ได้ทำอะไร ก็ร้อนตัวกันไปเอง คิดว่าทำ หาว่าครูบาอาจารย์บีบบังคับส่วนโน้นบ้าง ส่วนนี้บ้าง ดีก็ด่า ชั่วก็ด่า อันนี้ไม่ได้เตือนท่าน ไม่ได้เตือนให้มีจิตคิดอย่างนี้ และก็ไม่ได้สอนให้ท่านมีความหลงตัวเองเป็นสำคัญ ถ้ายังนึกว่าท่านดีอยู่ ก็แสดงว่าท่านเลวถึงที่สุดของความเลว ใครบ้างปฏิบัติตามนี้ก็จำไว้ก็แล้วกัน รู้ตัวเอาไว้ ความจริงเขารู้กันมากแล้ว ทั้งฆราวาสชาวบ้าน ก็รู้กันทั่วเกือบจะหมดประเทศแล้ว ถ้าตัวของตัวเองยังไม่รู้ก็เลวเกินไป
สำหรับอานาปานุสสติกรรมฐาน ผมขอแนะนำให้ทุกท่านใช้ทุกอิริยาบถที่ทรงอยู่ จำไว้ให้ดีด้วยนะ ถ้าว่าท่านใช้ทุกอิริยาบถที่ทรงอยู่ล่ะก็ อารมณ์จิตมันเลี้ยวเข้าไปหาความเลวไม่ได้ จะมีเวลาว่างเพื่อสร้างความเลวตรงไหน จะกินอยู่ก็ดี จะเดินอยู่ก็ดี จะนั่งอยู่ จะนอนอยู่ จะทำการงานอยู่ จะพูดจาปราศรัยก็ดี ให้เอาใจของทุกท่าน กำหนดจับอานาปานุสสติกรรมฐานไว้เป็นปรกติ จำได้ไหม และก็ลองคิดดูทีเถอะว่า ถ้าเราเอาจิตไปจับอานาปานุสสติกรรมฐานไว้เป็นปรกติ จิตมันไม่มีเวลาว่างจากการกำหนดรู้ลมหายใจเข้าหายใจออก แล้วจิตดวงนี้มันจะเอาอารมณ์เลวมาจากไหน อกุศลกรรมใดๆ ที่ให้มาเข้าแทรกจิตได้
โปรดจำไว้ด้วยว่า การกำหนดจิตรู้ลมหายใจเข้าลมหายใจออก จงทำเป็นปกติ นี่ผมไม่ได้บอกว่าให้ท่านเลือกเวลาทำ ขณะใดที่ใจของท่านยังตื่นอยู่ แม้ตาจะหลับแต่ว่าใจยังตื่นอยู่ ให้เอาจิตกำหนดรู้ลมหายใจเข้าหายใจออกไว้เสมอ เวลาหายใจเข้ารู้อยู่ว่าหายใจเข้า เวลาหายใจออกรู้อยู่ว่าหายใจออก ในด้านของมหาสติปัฏฐานสูตร เท่านี้ก็พอ รู้ไว้เสมอแม้แต่เวลาที่เราจะพูดจะคุยกัน จิตใจก็ต้องกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกไว้ด้วย บางท่านคิดว่าจะเครียดเกินไป แต่อย่าลืมว่าผมทำมาแล้ว มันไม่ใช่ของหนักของ คนที่มีความประสงค์ดีกับตัว ระยะเวลาใหม่ๆ ก็อาจจะลืมบ้าง ถ้าเราตั้งใจไว้ ทรงสติสัมปชัญญะไว้ว่าเราจะกำหนดรู้ลมหายใจเข้าหายใจออก คือหายใจเข้ารู้อยู่ว่าหายใจเข้า หายใจออกรู้อยู่ว่าหายใจออก หายใจเข้ายาวหรือสั้น หายใจออกยาวหรือสั้นก็รู้อยู่ ถ้าหากว่าจิตรู้สึกว่าจะว่างไปนิดหนึ่ง ถ้าเราจะกำหนดรู้เฉพาะลมหายใจเข้าหายใจออก รู้สึกว่าจะว่างๆ ไป สำหรับท่านที่ต้องการภาวนา แม้แต่ท่านที่เจริญวิปัสสนาญาณ ก้าวไปสู่ระยะไกล เขาก็ไม่ทิ้งลมหายใจเข้าหายใจออก
การเจริญพระกรรมฐานตั้งแต่เริ่มต้น จนกระทั่งจบความเป็นอรหันต์ และก็ทรงความเป็นพระอรหันต์แล้ว เขาก็ไม่ทิ้งลมหายใจเข้าหายใจออก แม้แต่องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าเอง ก็ทรงตรัสกับพระสารีบุตรว่า “สารีปุตตะ ดูก่อน สารีบุตร เราเองก็เป็นผู้มากไปด้วยอานาปานุสสติกรรมฐาน” คำว่า มาก ก็หมายความว่า พระพุทธเจ้าทรงกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกเป็นปรกติ ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าอานาปานุสสติกรรรมฐาน และการกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกนี่ เป็นกรรมฐานระงับกายสังขาร คือเป็นกรรมฐานคลายอารมณ์เครียดของจิตใจ และก็เป็นกรรมฐานคลายอารมณ์เครียดทางด้านร่างกาย อาการเครียดทางด้านร่างกายมีทุกขเวทนาเป็นต้น เราทรงฌานในอานาปานุสสติกรรมฐานได้ ก็คล้ายๆ กับคนฉีดมอร์ฟีน ซึ่งเป็นยาระงับปวด ยาระงับเวทนา อานาปานุสสติกรรมฐานจงทำให้มาก จงอย่าละ
ต่อแต่นี้ไปเราจะสังเกตกันได้ ว่าพระเณรองค์ใดก็ดี อุบาสกอุบาสิกาคนใดก็ดี ที่พูดเลว ทำเลว คิดเลว แสดงอาการเลว จะได้รู้ได้ว่า คนนั้นทิ้งการกำหนดรู้ลมหายใจเข้าหายใจออก จำไว้ให้ดีนะว่าปีต่อไปหรือระยะต่อไปนี้มีความจำเป็น ที่จะต้องเคร่งเครียดต่อปฏิปทาหนัก เพราะว่าเวลานี้ พระพุทธศาสนากำลังถูกย่ำยี ถ้าพระเณรอุบาสกอุบาสิกาของเราไม่ดี มันก็พาพระพุทธศาสนาเศร้าหมองไปด้วย สำหรับอุบาสกอุบาสิกาที่เข้ามาอยู่นี้จงรู้ตัวไว้ด้วย อย่าสร้างตนทำตนให้ผิดระเบียบวินัย จะมาจากไหนไม่สำคัญ มีฐานะเช่นใดไม่สำคัญ มีความสำคัญอยู่อย่างเดียว ปฏิบัติตนอยู่ในระเบียบวินัย มีความสะอาดมัธยัสถ์หมดจดมั้ย มีจริยาวาจาดีมั้ย ถ้าไม่ดีเชิญไปได้ทันที ถ้าไม่ไปก็จะเชิญไป ระมัดระวัง คนที่ทำตัวทำใจเลวๆน่ะมีอยู่
ต่อนี้ไป ถ้าหากว่าเห็นว่า การกำหนดรู้ลมหายใจเข้าหายใจออกมันว่างเกินไป ก็ใช้คำภาวนาควบ คำภาวนาเป็นของไม่ยาก เวลาหายใจเข้านึกว่า พุท เวลาหายใจออกนึกว่า โธ หากว่าทุกท่านมีความขยันหมั่นเพียรด้วยการตั้งใจจริง พยายามกำหนดรู้ลมหายใจเข้าลมหายใจออกไว้เป็นปกติ และเวลาหายใจเข้านึกว่า พุท เวลาหายใจออกนึกว่า โธ นี่เวลาปีนี้เราสอนกันเฉพาะกิจ ไม่อนุญาตในระบบใดๆ ทั้งหมด อนุญาตกันตามใจนี่รู้สึกว่าจะเลอะเทอะเกินไป ระวังนะ พระก็ดี เณรก็ดี อุบาสกอุบาสิกาก็ดี ใครก็ตามถ้าเลอะ ถ้าเลอะเมื่อไรขับกันเมื่อนั้น ไม่เลือกว่าเวลาเข้าพรรษาออกพรรษา ตอนนี้คบคนชั่วไม่ได้แล้ว เพราะ