แม้ว่าความสนใจในการลงทุนในตลาดหุ้นช่วงนี้จะทำให้ตลาดทองคำลดความน่าสนใจลงไปบ้าง
แต่ราคาทองคำยังคงขึ้นเรื่อยๆ จนถึง 2,680 ดอลลาร์ ซึ่งใกล้เคียงกับระดับสูงสุดตลอดกาล
ผมมีคำแนะนำมาบอกกับเทรดเดอร์ทุกๆ ท่านในการเทรดทองช่วงนี้
1. ควบคุมอารมณ์ที่เกิดจากความกลัวความเสี่ยง
ราคาทองคำปัจจุบันมีแต่ความเสี่ยงล้วนๆ แม้ว่าเราจะใช้เทคนิค หรือเครื่องมือใดๆ ก็ตามผลรับอาจไม่เป็นไปตามคาด โดยผมเคยใช้เครื่องมือทางเทคนิคที่บอกสัญญาณที่เกี่ยวกับแนวโน้มขาลง แต่เมื่อมีปัจจัยเสี่ยงเข้ามา เทรดเดอร์บางกลุ่มกลัวความเสี่ยงมักจะเปิดขายชอร์ต ส่งผลให้ราคาทองคำดีดขึ้นมา การเลือกตั้งสหรัฐที่ใกล้จะมาถึง หรือสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ต่างๆ อาจช่วยผลักดันราคาทองคำได้ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้มักจะส่งผลในระยะสั้น เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ราคาทองคำอาจร่วงลงไปอีก
วารสารทองคำ EBC เคยระบุไว้ บางครั้งราคาทองคำลดลงในช่วงความขัดแย้งใหญ่ๆ แต่ในขณะที่บางเหตุการณ์ยังไม่เกิด ราคาทองคำกลับพุ่งขึ้น เพราะอะไร ?.....เพราะตลาดคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นไม่ควรประเมินผลกระทบของปัจจัยเสี่ยงเกินไป โดยเฉพาะหลังการเลือกตั้งสหรัฐ หากทองคำไม่สามารถรักษาแนวโน้มขาขึ้น ราคาทองคำอาจปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง
2. ติดตามอัตราเงินเฟ้อ และการคาดการณ์ดอกเบี้ย
อัตราดอกเบี้ย และราคาทองคำมีความสัมพันธ์ที่ตรงกันข้าม โดยข้อมูลจากวารสารทองคำ EBC ระบุว่า ความสัมพันธ์นี้มีความแม่นยำถึง 78%
กล่าวคือ หากมีการคาดการณ์ว่าดอกเบี้ยจะลดลง ราคาทองคำก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น
ดังนั้น การคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจผลักดันราคาทองคำในระยะยาว อย่างไรก็ตาม หากตลาดคาดการณ์นโยบายไว้ล่วงหน้าแล้ว การปรับลดดอกเบี้ยจริงอาจไม่ได้ส่งผลให้ราคาทองคำปรับขึ้นต่อ
3. ระวังผลกระทบจากสินทรัพย์ทดแทน
บางครั้ง นักลงทุนเลือกย้ายเงินทุนจากทองคำไปยังสินทรัพย์อื่นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ซึ่งเป็นที่สังเกตได้ในช่วงการระบาดของโควิด-19 แม้ธนาคารกลางสหรัฐจะลดดอกเบี้ย แต่เงินลงทุนจำนวนมากกลับไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นแทนตลาดทองคำ เพราะราคาหุ้นบางตัวถูกประเมินค่าต่ำเกินไป
ขณะนี้ราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอาจทำให้หลายคนมองว่าทองคำมีราคาแพง ในขณะที่ตลาดหุ้นในประเทศเกิดใหม่ยังมีโอกาสลงทุนที่น่าสนใจ ซึ่งอาจทำให้ทองคำถูกกดดันจากการเปลี่ยนแปลงนี้ได้
สรุปคือ หากคุณสนใจลงทุนในทองคำ อย่าลืมติดตามปัจจัยเสี่ยงทั้งเรื่องดอกเบี้ย และการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ทดแทน เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อราคาทองคำ
ทองคำใกล้ทำจุดสูงสุดตลอดกาล
แต่ราคาทองคำยังคงขึ้นเรื่อยๆ จนถึง 2,680 ดอลลาร์ ซึ่งใกล้เคียงกับระดับสูงสุดตลอดกาล
ผมมีคำแนะนำมาบอกกับเทรดเดอร์ทุกๆ ท่านในการเทรดทองช่วงนี้
1. ควบคุมอารมณ์ที่เกิดจากความกลัวความเสี่ยง
ราคาทองคำปัจจุบันมีแต่ความเสี่ยงล้วนๆ แม้ว่าเราจะใช้เทคนิค หรือเครื่องมือใดๆ ก็ตามผลรับอาจไม่เป็นไปตามคาด โดยผมเคยใช้เครื่องมือทางเทคนิคที่บอกสัญญาณที่เกี่ยวกับแนวโน้มขาลง แต่เมื่อมีปัจจัยเสี่ยงเข้ามา เทรดเดอร์บางกลุ่มกลัวความเสี่ยงมักจะเปิดขายชอร์ต ส่งผลให้ราคาทองคำดีดขึ้นมา การเลือกตั้งสหรัฐที่ใกล้จะมาถึง หรือสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ต่างๆ อาจช่วยผลักดันราคาทองคำได้ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้มักจะส่งผลในระยะสั้น เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ราคาทองคำอาจร่วงลงไปอีก
วารสารทองคำ EBC เคยระบุไว้ บางครั้งราคาทองคำลดลงในช่วงความขัดแย้งใหญ่ๆ แต่ในขณะที่บางเหตุการณ์ยังไม่เกิด ราคาทองคำกลับพุ่งขึ้น เพราะอะไร ?.....เพราะตลาดคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นไม่ควรประเมินผลกระทบของปัจจัยเสี่ยงเกินไป โดยเฉพาะหลังการเลือกตั้งสหรัฐ หากทองคำไม่สามารถรักษาแนวโน้มขาขึ้น ราคาทองคำอาจปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง
2. ติดตามอัตราเงินเฟ้อ และการคาดการณ์ดอกเบี้ย
อัตราดอกเบี้ย และราคาทองคำมีความสัมพันธ์ที่ตรงกันข้าม โดยข้อมูลจากวารสารทองคำ EBC ระบุว่า ความสัมพันธ์นี้มีความแม่นยำถึง 78%
กล่าวคือ หากมีการคาดการณ์ว่าดอกเบี้ยจะลดลง ราคาทองคำก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น
ดังนั้น การคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจผลักดันราคาทองคำในระยะยาว อย่างไรก็ตาม หากตลาดคาดการณ์นโยบายไว้ล่วงหน้าแล้ว การปรับลดดอกเบี้ยจริงอาจไม่ได้ส่งผลให้ราคาทองคำปรับขึ้นต่อ
3. ระวังผลกระทบจากสินทรัพย์ทดแทน
บางครั้ง นักลงทุนเลือกย้ายเงินทุนจากทองคำไปยังสินทรัพย์อื่นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ซึ่งเป็นที่สังเกตได้ในช่วงการระบาดของโควิด-19 แม้ธนาคารกลางสหรัฐจะลดดอกเบี้ย แต่เงินลงทุนจำนวนมากกลับไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นแทนตลาดทองคำ เพราะราคาหุ้นบางตัวถูกประเมินค่าต่ำเกินไป
ขณะนี้ราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอาจทำให้หลายคนมองว่าทองคำมีราคาแพง ในขณะที่ตลาดหุ้นในประเทศเกิดใหม่ยังมีโอกาสลงทุนที่น่าสนใจ ซึ่งอาจทำให้ทองคำถูกกดดันจากการเปลี่ยนแปลงนี้ได้
สรุปคือ หากคุณสนใจลงทุนในทองคำ อย่าลืมติดตามปัจจัยเสี่ยงทั้งเรื่องดอกเบี้ย และการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ทดแทน เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อราคาทองคำ