จุดเปลี่ยนการเมืองไทย เมื่อพรรคประชาชนผุดขึ้นมาท้าทายเกมเลือกตั้ง

วิเคราะห์การเมืองไทยหลังยุบพรรคก้าวไกล ติดตามความเคลื่อนไหวพรรคประชาชน เลือกตั้งซ่อมพิษณุโลก ตำแหน่งรองประธานสภา และการหารือพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมประเมินการปรับตัวของแต่ละฝ่ายในการสู้ศึกเลือกตั้งที่จะส่งผลต่อทิศทางประเทศ


ความเคลื่อนไหวของพรรคประชาชน

หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล อดีต ส.ส.พรรคก้าวไกลที่ไม่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ได้ย้ายไปสังกัดพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล และจัดประชุมเพื่อเปลี่ยนชื่อพรรคเป็น "พรรคประชาชน" โดยมีนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เป็นหัวหน้าพรรค และนายศรายุทธ ใจหลัก เป็นเลขาธิการพรรค

พรรคประชาชนเปิดตัวโลโก้ใหม่เป็นสัญลักษณ์สามเหลี่ยมพีระมิดหัวกลับ ต่อยอดมาจากแนวคิดของพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล และประกาศเดินหน้าการเมืองด้วยเสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นรัฐบาลพรรคเดียวในการเลือกตั้งครั้งหน้า

นอกจากนี้ พรรคประชาชนยังเปิดเว็บไซต์รับสมัครสมาชิกพรรคโดยตั้งเป้าไว้ที่ 100,000 คนภายใน 1 เดือน พร้อมกับเปิดรับบริจาคโดยมีเป้าหมายเงินบริจาคที่ 10 ล้านบาท เพื่อแสดงพลังและความพร้อมในการไปต่อทางการเมือง

ความคืบหน้าตำแหน่งทางการเมืองที่ว่างลง

หลังจากนายประดิพัทธ์ สันติภาดา ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ทำให้ต้องมีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 1 จังหวัดพิษณุโลก และเลือกตัวรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ใหม่ โดยพรรคภูมิใจไทยคาดว่าจะได้โควต้าตำแหน่งรองประธานสภาฯ และจะส่ง นายภราดร ปริศนานันทกุล เป็นตัวแทน ส่วนการเลือกตั้งซ่อมที่พิษณุโลกนั้น พรรคภูมิใจไทยจะไม่ส่งผู้สมัคร เพื่อหลีกทางให้พรรคเพื่อไทย

ทั้งนี้ มีรายงานว่าพรรคประชาชนสามารถส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อมที่พิษณุโลกได้ เนื่องจากได้ส่งคนไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคถิ่นกาขาวชาววิไลก่อนถูกยุบพรรคครบ 90 วัน จึงมีคุณสมบัติในการลงสมัคร แต่ยังไม่มีการเปิดเผยชื่อผู้สมัคร

การหารือของพรรคร่วมรัฐบาล

พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มีกำหนดหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลในวันที่ 12 ส.ค. เพื่อเคาะชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมที่พิษณุโลก รวมถึงตำแหน่งรองประธานสภาฯ โดยทางเลขาธิการพรรคเพื่อไทยระบุว่าอยู่ระหว่างสอบถามอดีตผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่ว่าพร้อมลงสมัครหรือไม่ และจะหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐที่เคยได้คะแนนในพื้นที่เป็นอันดับสอง โดยจะสรุปให้ได้ภายในต้นสัปดาห์หน้า

นอกจากนี้ในการประชุมพรรคร่วมรัฐบาลยังมีประเด็นสำคัญที่จะหารือ ได้แก่ การผลักดันร่างกฎหมายสำคัญที่ค้างอยู่ในสภา เช่น ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถาบันเทิงครบวงจร ซึ่งคาดว่าจะเสนอ ครม.เห็นชอบก่อนเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯต่อไป

โดยสรุป หลังจากการยุบพรรคก้าวไกล ฝ่ายค้านได้ปรับตัวรวดเร็วโดยจัดตั้งพรรคประชาชนขึ้นมาแทน พร้อมประกาศเป้าหมายทางการเมืองที่ท้าทายมากขึ้น ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลก็เร่งหารือทั้งการจัดส่งผู้สมัครในเลือกตั้งซ่อม การจัดสรรตำแหน่งทางการเมืองที่ว่างลง และการผลักดันกฎหมายสำคัญ เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างต่อเนื่อง 

จากสถานการณ์ล่าสุดจะเห็นว่า ทั้งสองฝ่ายต่างก็มุ่งมั่นที่จะดำเนินกิจกรรมทางการเมืองต่อไป แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน การปรับตัวและเตรียมความพร้อมเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งครั้งต่อไปของทุกพรรคการเมือง จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดทิศทางการเมืองไทยในระยะต่อไป ภายใต้สถานการณ์ที่มีความท้าทายและคาดเดาได้ยากเช่นนี้

อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ https://www.tnnthailand.com/news/tnnexclusive/173069/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่